xs
xsm
sm
md
lg

"โต๋" ใจกว้าง ไม่เอาเรื่อง "แกร็บไบค์" แสบ ขโมยแมคบุ๊กแอร์ เห็นแก่คุณแม่คู่กรณี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"โต๋ ศักดิ์สิทธิ์" ใจกว้างไม่เอาเรื่อง "แกร็บไบค์" ขโมยแมคบุ๊กแอร์ เห็นแก่คุณแม่คู่กรณีที่ลากตัวลูกมาเคลียร์ให้ เผยอีกฝ่ายติดพนันบอล ลั่นติดใจการตอบคำถามของคอลเซ็นเตอร์ไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ วอนช่วยเหลือลูกค้าให้มากกว่านี้ ชี้ไม่ได้โดนแค่คนเดียว

ก่อนหน้านี้มีเรื่องที่ทำให้คนอารมณ์ดีอย่างนักร้องหนุ่ม "โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร" ถึงกับต้องโพสต์ระบายความรู้สึกผ่านทวิตเตอร์ ว่าตนได้ใช้บริการส่งของกับแกร็บไบค์ แล้วหนุ่มพนักงานคนนี้กลับชิ่งเอาแมคบุ๊กแอร์หายไป ไม่สามารถติดตามตัวหนุ่มคนนี้ได้อีก พอติดต่อไปทางคอลเซ็นเตอร์ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ แต่กลับบอกให้ไปแจ้งความเอาเอง ล่าสุดเจอหนุ่มโต๋ในงานเปิดตัว SUP&BEC TERO MUSIC INNOVATION PROJECT ณ ห้องศิลปะการแสดง อาคาร9 ชั้น1 ม.ศรีปทุม นักร้องหนุ่มก็เผยว่าได้ของคืนแล้วเรียบร้อย แต่ตนต้องเป็นฝ่ายรวบรวมหลักฐาน และส่งให้ตำรวจตามจับตัวมาให้แทน

"อัปเดตล่าสุดคือได้ของคืนแล้วครับ ได้แมคบุ๊กของผมคืนครับ ก็ขอบคุณตำรวจสน.โชคชัยด้วยที่ติดตามคืนครับ และทีมงานผมก็เป็นคนรวบรวมข้อมูล และไปตามจนเจอ และส่งให้ตำรวจเป็นคนจัดการให้ครับ ขอบคุณจริงๆ ครับ คือนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราใช้บริการครับ เราเคยส่งคอมพิวเตอร์ตัวนี้ไประหว่างห้องอัดกับห้องซ้อมประจำ เพราะเราต้องมีการทำเพลงกัน และเราต้องแก้ดาต้าร์ในคอมบ์ เราก็ต้องส่งไปที่ห้องซ้อมเพื่อซ้อม และบางทีระหว่างทัวร์นักดนตรีทุกคนก็ยุ่งหมด ผมเองก็ยุ่ง ทีมงานเลยเป็นคนส่งครับ"

"แต่เคยส่งมาแล้วหลายครั้งไม่มีปัญหาครับ ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 62 พอดีวันคริสต์มาสเลยครับ ก็ส่งไป แล้วเพิ่งมารู้วันรุ่งขึ้นว่าที่ห้องซ้อมไม่ได้รับครับ ก็ตามนั้นครับ ทีมงานก็เลยโทร.ไปทางคอลเซ็นเตอร์ และก็ได้คำตอบอย่างที่บอกครับว่าเขาให้เราไปแจ้งความเอง เขาไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลอะไรได้ทั้งนั้นครับ"

บอกติดใจกับการตอบคำถามของคอลเซ็นเตอร์ที่ไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ ลูกค้าเลย
"เอาจริงๆ แล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้นะครับ ตอนแรกที่เกิดคำถามขึ้นมาที่เราโทร.ไปที่คอลเซ็นเตอร์ เราก็เกิดคำถามว่าเราใช้บริการเขาแล้วเราต้องรับผิดชอบเอง แล้วเราต้องทำยังไงดี เราก็เลยให้ผู้จัดการโทร.ไปอีกทีเลยครับ ฝากบอกด้วยว่าเป็นผู้จัดการของผมนะ เพราะว่าผมต้องใช้ ผมแสดงคอนเสิร์ตแล้วต้องใช้คอมบ์ตัวนี้ตลอด ช่วยตามหาได้ไหม ทางคอลเซ็นเตอร์เขาก็ตอบมาเป็นครั้งที่สองว่าเปิดเผยข้อมูลให้ไม่ได้จริงๆ เป็นนโยบายของเขา ให้ไปแจ้งความเอาเอง จริงๆ แล้วมีแผนกติดตามเรื่องนี้อยู่ แต่ปิดปีใหม่ไปแล้วครับ ต้องรอหลังปีใหม่อีก"

"พอได้ยินครั้งที่สองผมก็รู้สึกว่าน่าจะมีคำตอบที่ดูใส่ใจเรามากกว่านี้แค่นั้นเอง ไม่ใช่ว่าผมเป็นศิลปินหรืออะไรนะครับ ผมแค่รู้สึกว่าเราเป็นลูกค้า เราเป็นผู้ใช้บริการน่าจะมีคำตอบที่น่าจะช่วยเหลือเราได้มากกว่านี้ แต่นี่เราต้องทำเองหมด ก็แค่รู้สึกตรงนั้น ก็บอกทีมงานว่าไม่เป็นไร เรารวบรวมเอง คือเราก็เริ่มต้นจากทีมงานเลย แล้วก็ฝากถามกลุ่มเพื่อนๆ ว่าใครที่่รู้จักกลุ่มแกร็บไบค์หรืออะไรบ้าง เพราะเขาบอกว่าเขาจะมีกลุ่มไลน์ที่รู้จักกันหมด เอาจริงๆ แล้วโลกเรามันก็ไม่ได้กว้างใหญ่ขนาดนั้น มันก็ถึงกันหมดครับ"

"เขาก็เลยสอบถามในกลุ่ม ดูไอดี จนเราได้ชื่อจริงนามสกุลมา เราได้หน้าเฟซบุ๊กมา เราก็เลยยืนยันกับทีมงานว่าคนนี้จริงๆ ใช่ไหม เราก็เลยรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไปส่งให้ตำรวจ จากนั้นผมก็เลยเขียนสั้นๆ ลงไปในทวิต ผมแค่อยากรู้ว่ามีคนโดนอย่างนี้ไหม แล้วเขาจะรู้สึกยังไง ก็เลยเขียนทวิต ไปในวันเสาร์ที่ 28 ธ.ค.ครับ แล้วก็มีการตอบทวิต เข้ามาหลายหมื่นเลยในคืนนั้นจนกลายเป็นข่าวขึ้นมา ผมก็เพิ่งทราบว่ามีคนเคยโดนแบบนี้เหมือนกัน กรณีเดียวกันเลย และได้คำตอบเหมือนกัน มันก็เลยกลายเป็นว่าเราไม่ใช่คนเดียวแล้ว"

บอกที่ไม่เอาเรื่องหนุ่มขับแกร็บไบค์ที่เอาของตนไป เพราะสงสารแม่ของอีกฝ่าย
"ผมเองก็โดนตินิดนึงว่าทำไมไม่เอาเรื่อง แต่ที่ผมไม่เอาเรื่องเพราะว่าผมเห็นแก่คุณแม่เขาครับ คุณแม่เป็นคนพาลูกเขามาเอง ติดต่อเข้ามาว่าเป็นคนไปตามตัวลูกเขามาให้เอาของมาคืน คือเขาเอาเครื่องไปจำนำไว้ ตามที่ตำรวจแจ้งเขาบอกว่าติดพนันบอล ก็เลยเอาเครื่องไปจำนำไว้ และทางคุณแม่เขาเป็นคนบอกว่าเดี๋ยวจะเป็นคนไปจัดการให้ แล้วก็จะพามาคืนเอง ผมก็เลยเห็นใจคุณแม่ครับ"

"แต่ผมก็ไม่ได้เจอเขาครับ เพราะว่าผมก็ไม่ว่างเหมือนกัน ก็ให้ทีมงานไปเอา นัดเจอที่โรงพักครับ ผมก็ฝากบอกทีมงานให้บอกเขาเฉยๆ ครับ คือผมบอกคุณแม่เขาไว้แล้วว่าเอาของมาคืนผมเถอะ เพราะผมต้องใช้ข้อมูลหลายอย่างที่สำคัญที่ผมต้องใช้ในการทำงาน ก็ไม่เป็นไรเลยครับ ไม่ได้เอาเรื่อง ผมก็ฝากคุณแม่ให้บอกน้องเขาว่าอย่าทำอย่างนี้อีก เพราะว่าสมัยนี้มันไม่มีความลับแล้ว โลกมันไม่ได้กว้างขนาดนั้นที่ว่าทำแล้วคนจะตามคุณไม่เจอ มันไม่ได้ยากขนาดนั้นครับ"

"ถามว่าความใจดีของเรากลัวว่าเขาจะไม่เข็ดหรืออาจจะทำอีกไหม มันก็มีหลายๆ มุมนะครับในการมองเรื่องนี้ สาเหตุที่ผมไม่เอาเรื่องก็คือผมเห็นแก่คุณแม่เขา และผมคิดว่าครั้งนี้น่าจะเป็นบทเรียนที่ใหญ่มากสำหรับตัวเขาแล้ว เพราะชื่อเขา หน้าของเขาก็ขึ้นสื่อใหญ่ทั่วประเทศ ผมยังเชื่อในส่วนดีของคนอยู่เสมอ และผมเชื่อว่าเขาน่าจะเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้ และเหตุการณ์นี้คงได้สอนอะไรหลายๆ คนไม่ใช่แค่ตัวเขาด้วย ผมคิดว่าเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ"

เผยทางแกร็บจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ติดต่อมาทางตน
"ถึงทุกวันนี้แกร็บก็ยังไม่ได้ติดต่อมาทางผู้จัดการผมเลยครับ ก็มีแค่จดหมายที่ออกมาตามสื่อ แต่ยังไม่ได้มีติดต่อมาทางผู้จัดการผมเลยครับ ถามว่าก่อนหน้านี้ทางแกร็บมีการแถลงว่าจะมีการลงโทษคนๆ นี้โดยการแบน คือไม่ใช่ครับ มาตรการของเขาในการรับมือเรื่องนี้ คือถ้าเกิดมีของหายเกิดขึ้น พอเราโทร.ไปหาเขา เขาก็จะปิดสัญญาณโทรศัพท์ของคนนั้น นี่คือสิ่งที่เขาบอกกับทีมงานผมนะครับ เขาปิดสัญญาณเพื่อที่คนขับคนนี้จะได้รับงานไม่ได้อีก และจะได้ติดต่อเข้ามา ผมก็เลยถามทีมงานว่าถ้าผมขโมยของมา ผมจะติดต่อเข้าไปเพื่ออะไร ผมก็ต้องไปแล้วสิครับ แต่เขาตอบอย่างนั้นมันงงๆ หรือเปล่า ผมก็เลยทวิตถามว่ามีคนโดนอย่างนี้ไหม ก็มีเยอะแยะจริงๆ"

"ผมไม่พูดถึงแกร็บโดยตรงนะ คือผมรู้สึกว่าเรื่องการบริการในสายทางนี้ ไม่ว่าจะเป็นการส่งอาหารหรือส่งของต่างๆ เรามีหลายๆ เจ้านะ และผมคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเมืองสมัยนี้แล้ว ผมไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีเลย มันก็เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตเราเลยครับ และผมในฐานะลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ เราก็ใช้บริการหลายครั้งในการส่งของ ผมแค่รู้สึกว่าเราเชื่อมั่นในระบบนะครับ เห็นโฆษณาต่างๆ ว่ามีความปลอดภัยในระบบ ผมก็เชื่อว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะระบบ แต่เกิดเพราะคน"

"ผมก็เลยรู้สึกว่าน่าจะมีการกระตุ้นและพัฒนาในเรื่องการบริการด้านนี้ให้กับผู้บริโภคมากขึ้น พัฒนาโดยการสกรีนคนขับขี่ อีกอย่างก็คือสำหรับตัวคนทำผิดเองเขาจะได้รู้ว่าไม่ใช่ทำแล้วลอยนวลได้นะ ทำผิดอย่าคิดว่าจับไม่ได้นะครับ จับได้ครับ ที่สำคัญเลยผมรู้สึกว่าพอเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น อย่างน้อยก็น่าจะมีคำตอบในการใส่ใจในการช่วยมากกว่านี้เท่านั้นเอง ผมพูดแทนหลายๆ คนที่โดนแล้วกันครับ เพราะเคสนี้ไม่ใช่แค่เคสผมคนเดียว ยังมีอีกหลายๆ เคสที่ได้รับการตอบอย่างนี้เช่นเดียวกันครับ"

เชื่อไม่ใช่แค่ตนคนเดียวที่เจอ และยังคงจะใช้บริการต่อไป แต่อยากให้จัดการระบบให้ดีกว่านี้
"ผมคิดว่าผมไม่ได้โดนแค่คนเดียว แต่มีอีกหลายๆ คนที่โดนเหมือนกัน อย่างน้อยเห็นใจลูกค้า และช่วยแสดงความใส่ใจในการช่วยกันหน่อยเท่านั้นเอง แต่พอตอบแบบนั้นมาผมก็เลยรู้สึกว่าแล้วยังไงต่อ แค่นั้นเองครับ ถามว่าหลังจากนี้ผมจะใช้แมสเซนเจอร์ส่วนตัวแล้วไหม ก็ไม่หรอกครับ เอาจริงๆ ผมว่าสำหรับผมแล้วเรื่องการสั่งอาหารก็คงยังต้องใช้บริการอยู่ เพราะว่าเวลาของเราด้วย และเรื่องการทำงานมันก็ต้องมีบ้าง ในมุมผมก็คือนอกจากจะเตือนผู้ให้บริการแล้ว มันก็ยังเตือนใจผู้บริโภคด้วยว่า มันมีสิทธิที่จะเกิดขึ้นได้ และเราควรจะรับมือกับมันยังไงแค่นั้นเอง ผมก็หวังว่าเรื่องทั้งหมดจะส่งผลดีให้กับการทำธุรกิจรายนี้ ไม่ว่าผู้ให้บริการหรือผู้ใช้เองจะได้พัฒนาและเข้าใจมากขึ้นครับ"












กำลังโหลดความคิดเห็น