"ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ " เผยถูกกล่าวหามอมยานศ. จบแล้ว พ้นมลทิน ไม่ฟ้องกลับฝ่ายหญิง อยากให้สำนึกเอง ลั่นระวังตัวมากขึ้น เลือกคบคน ลดเฟรนด์ลี่ ทำบุญล้างสิ่งไม่ดีออกจากร่างกาย ห้ามคนคิดไม่ดีไม่ได้
หลังจากที่เคยตกเป็นข่าวอื้อฉาว กรณีถูกนศ.สาวรายหนึ่งโพสต์แฉว่ามีรุ่นพี่ในที่ฝึกงานชวนไปทานอาหารที่ร้านอาหาร และได้เจอนักแสดงหนุ่ม "ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์" หลังจากที่สาวคนดังกล่าวกินเยลลี่ที่ถูกยื่นให้ทำให้รู้สึกมึนหัว โลกหมุนจนเบลอ หัวใจเต้นแรงคล้ายโดมมอมยา ต่อมาหนุ่มฟรอยด์ย่องเงียบให้ปากคำตร. ในฐานะพยาน และออกอีเวนต์ยืนยันว่าถึงแม้ตนจะอยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
คืบหน้าล่าสุดในงาน “Magical Jungle Adventure เพื่อนรักในป่าลึกสุดมหัศจรรย์” ณ ซีไลฟ์ แบงคอก ศูนย์การค้าสยามพารากอน หนุ่มฟรอยด์ก็ออกมาเผยว่าเรื่องจบแล้ว พ้นมลทิน ส่วนเรื่องฟ้องกลับนั้นขอปล่อยผ่าน อยากให้อีกฝ่ายสำนึกเอง
"มันไม่มีอะไร มันจบอยู่แล้วครับ อย่างที่ผมบอกตั้งแต่แรกว่าผมเป็นแค่พยานในเหตุการณ์ ที่เหลือก็ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินเรื่องไป ผมไม่เกี่ยวเลยครับ จริงๆ มันจบตั้งแต่ผมไปให้ปากคำเพิ่มเติมแล้ว แล้วหลังจากวันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ขอความร่วมมืออะไรมาอีกครับ เพราะผมเป็นแค่พยานในเหตุการณ์ ไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ผมไม่ได้โดนหมายศาล"
ลั่นไม่ได้พ้นผิด เพราะไม่ได้ผิดตั้งแต่แรก
"ผมไม่ได้พ้นผิดเพราะผมไม่ได้ผิดตั้งแต่แรกครับ (ยิ้ม) ในส่วนของคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ให้ผมไปทำอะไรอีกครับ แต่ถ้าอยากรู้ลึกกว่านี้ต้องไปถามทางเจ้าหน้าที่สืบสวนเอง อย่างที่ผมบอกไปตั้งแต่ตอนแรกว่าเราบริสุทธิ์ใจที่จะไปให้ปากคำในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะครับ"
ไม่เอาเรื่องนศ. มาคิดตอนนี้ รกหัว รกสมอง
"ผมไม่อยากเอาเรื่องแบบนี้มาคิดในตอนนี้แล้ว เพราะมันผ่านปีเก่ามาแล้ว มันปีใหม่แล้ว คือผมรู้ตัวว่าผมทำอะไรอยู่แล้ว ถ้าผมทำดีหรือทำไม่ดีผมย่อมรู้อยู่แก่ใจ ปีใหม่แล้วผมไม่อยากเอาเรื่องที่มันผ่านมาแล้ว และเป็นเรื่องที่ไม่ดีในชีวิตผมเข้ามาทำให้มันรกหัว รกสมอง แล้วผมก็ไม่ได้ติดต่ออะไรไปทางน้องเขาครับ เพราะผมไม่ได้รู้จักเขาอยู่แล้ว"
"ส่วนเขามีความผิดอะไรไหมที่มากล่าวหาผม ผมไม่ได้สนใจนะครับ เพราะว่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนดำเนินการต่อไปเอง ผมไม่ทราบครับ ส่วนตัวผมยังไม่ได้ฟ้องกลับเพราะว่ายังไม่มีผลอะไรกับงานผม ผมก็เลยยังไม่ทำอะไรเขาครับ"
"ถามว่าน้องเขารู้หรือยังคนทำผิดจริงๆ คือใคร อันนี้ผมไม่ทราบครับ ผมไม่ได้ติดตามเลย อย่างที่บอกว่าผมแค่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ดันอยู่ผิดที่ผิดทางแล้วกลายเป็นเอาชื่อเรามาใช้ในเรื่องนี้เท่านั้นเอง"
เฟรนด์ลี่น้อยลง เลือกคบคนและระวังมากขึ้น
"ตอนนี้ผมระวังตัวมาก เก็บตัวมาก แล้วก็เลือกคบคน คนไหนที่ไม่ได้มีผลกับชีวิตเรามาก ไม่จำเป็นต้องรู้จักคนใหม่ๆ เราก็ระวังตัวมากขึ้น ไม่ถึงกับไม่กล้าร่วมโต๊ะกับคนแปลกหน้า เพียงแต่เรามีสเปซมากขึ้น คงไม่เฟรนด์ลี่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะเวลาเจอคนผมค่อนข้างเป็นคนเฟรนด์ลี่กับทุกคน แต่ครั้งนี้คงมีระยะห่างมากขึ้นในการที่จะรู้จักคนใหม่ๆ"
"มันไม่ใช่กลัวการปาร์ตี้ แต่บางทีเราไม่รู้เขาเข้ามาหาเราในรูปแบบอะไร หรือเขาหวังที่จะต้องการอะไรจากเรา ผมแค่ระวังตรงนี้ ไม่ถึงกับว่าผมจะไม่ออกสังคมเลย ไม่ไปไหนกับเพื่อนเลย ไม่สังสรรค์เลยมันก็ไม่ใช่ อันนั้นคงเกินไป ผมคงใช้ชีวิตปกติแต่ว่าระวังมากขึ้นในการที่ถ้ามีคนใหม่เข้ามาทำความรู้จักกับผม ซึ่งผมมองว่าปีนี้เป็นปีที่ดีเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา มันสอนให้เราโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และระวังมากขึ้นด้วย"
ไม่บังคับฝ่ายหญิงให้โพสต์ขอโทษหรือชี้แจง บอกอยากให้สำนึกเอง
"อันนี้ก็ต้องปล่อยให้เขาสำนึกด้วยตัวเองครับ ผมคงไปบังคับคนอื่นไม่ได้ครับ (ยิ้ม) ถามว่ามีความเคลื่อนไหวจากทางฝั่งโน้นไหม ผมไม่ทราบเลยครับ ก่อนหน้านี้ผมแค่ไปแสดงความบริสุทธิ์ใจในการไปให้ปากคำ"
ห้ามคนเข้าใจผิดไม่ได้
"ผมว่าเราไปห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้ แต่ผมรู้ตัวอยู่แล้วว่าผมทำอะไรไป และเชื่อว่าตั้งแต่ผมอยู่วงการมา ผมเชื่อว่าคนที่รู้จักผมดีเขารู้ว่าผมเป็นคนอย่างไร"
ปล่อยผ่านเรื่องนศ. ทำบุญล้างสิ่งไม่ดีออกจากร่างกายดีกว่า
"ผมว่าผมปล่อยดีกว่า ผมก็ไปทำบุญ และมีไปถวายผ้าบังสุกุล ผมก็ไปล้างสิ่งที่ไม่ดีออกจากร่างกาย บางทีในช่วงชีวิตเราที่มีสิ่งดีๆ เข้ามา แต่บางทีก็อาจจะมีสิ่งที่ดึงเราลงไปเหมือนกัน (คิดว่าเป็นการใส่ร้ายไหม?) ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะผมก็ไม่รู้ว่าจุดประสงค์เขาคืออะไร"
ไม่ได้คุยกับรุ่นน้องอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างคนต่างแยกทำงาน
"ไม่ได้คุยเลยครับ ต่างคนต่างแยกย้ายกันทำงาน (เพราะน้องผู้ชายคนนั้นก็กลายเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยเหมือนกัน?) อันนี้ต้องถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะผมไม่ได้ตามเรื่องเลยครับ"
เผยลูกค้ากลับมาจ้างงานเหมือนเดิม เคลียร์ทุกอย่างไปแล้ว เชื่อในตัวเองมากพอ ไม่เคยทำเรื่องเสียหาย
"ตอนแรกเขาก็เข้ามาถามว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร เขาอยากให้ออกมาชี้แจง แต่ช่วงนั้นผมงานยุ่งจริงๆ เพราะละครเร่งถ่ายปิดกล้องทำให้ผมไม่ได้ออกมาเจอพี่ๆ สื่อ จนเมื่อก่อนสิ้นปีผมได้ออกอีเวนต์และชี้แจงไป พอหลังจากชี้แจงไปทุกอย่างก็เคลียร์ ทุกอย่างก็ใสปกติเหมือนเดิม"
"ผมว่าผมเชื่อมั่นในตัวเองพอ และผมเชื่อว่าลูกค้าที่เขาเลือกผมก็น่าจะเชื่อมั่นในตัวผมพอ เพราะว่าผมไม่เคยมีอะไรที่เสียหายในวงการบันเทิงอยู่แล้ว กับสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ได้มีหลักฐาน มันเป็นเพียงการกล่าวหาเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นผมคิดว่าสื่อสังคม หรือประชาชนส่วนใหญ่ ก็น่าจะมีน้ำหนักพอในการที่จะเชื่อในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วภาพที่เป็นถุงขนม(ถุงขนมที่ปรากฏในข่าว ที่อ้างว่าเป็นขนมผสมกัญชา) ผมก็ไม่รู้ว่าสื่อเอามาจากไหน ผมต้องแจงว่าถุงขนมนั้นไม่ใช่ของผม เพราะไม่อย่างนั้นถุงขนมนั้นก็คือหลักฐานครับ แต่ความจริงคือถุงขนมไม่ใช่ของผมและไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น"