"ยิปซี" ผ่านอุปสรรครักครั้งใหญ่ "นิโคลัส" ประสบอุบัติเหตุ สูญเสียความทรงจำ ก่อนฝ่ายชายขอวิวาห์ หลังคบหาดูใจ 1 ปี เผยแพลนแต่งปลายปีหน้า เล็กๆ ในครอบครัว แต่อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ เปิดใจรักไม่มีโปรโมชั่น ให้เกียรติ รัก และรับได้ทุกอย่างที่ตนเป็น เผยอุบัติเหตุเปลี่ยนทุกอย่างในทิศทางที่ดี
เป็นอีกคนที่จะได้กลายเป็นว่าที่เจ้าสาวคนต่อไปแล้ว สำหรับนักแสดงสาว "ยิปซี คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์" โดยเจ้าตัวเผยถึงความคืบหน้าเรื่องงานแต่งในงานแถลงข่าว Blackmores Begin Better Every Day ณ ลานโปรโมชั่น โซนเอ ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ้นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว โดยบอกว่ายังไม่ได้มีการเริ่มเตรียมอะไรเลย แต่ถ้าจะแต่งจริงๆ คงเป็นช่วงปลายปีหน้า
"บอกตามตรงเลยว่าวันที่มีการขอแต่งงานเกิดขึ้นเราก็เซอร์ไพรส์มากๆ จริงๆ เราก็เลยไม่ได้แพลน ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นปีหน้า ยังไม่รีบ อาจจะเป็นปลายปีหน้าค่ะ หลังจากนั้นก็ได้มีการคุยกันค่ะ แต่ก็ด้วยความที่เป็นการเซอร์ไพรส์มาก และเราไม่ได้คาดคิดมาก่อน ก็เลยคิดว่าไม่เป็นไร เราไม่ซีเรียสอยู่แล้ว ก็เหมือนเป็นการจองตัวไว้ก่อน แต่ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีการวางแผนเรื่องการแต่งงานกันไว้เลยค่ะ เป็นการเซอร์ไพรส์เลยจริงๆ ก็เซอร์ไพรส์และตกใจมากค่ะ ด้วยความโรแมนติกของเขา ก็มีเตรียมของมาให้เรา เปิดมาก็มีแหวนอยู่ข้างใน"
"เขาก็กลัวแหละว่าเราจะไม่เซย์เยส แต่ ณ เวลานั้นเราก็ตอบตกลง คือกับคนนี้ตั้งแต่แรกเราก็รู้สึกว่ามันไม่เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา เรารู้สึกว่าเข้ากับเขาได้ รู้สึกว่าเขารักเราและเขาดูแลเราดี และเขาให้เกียรติเราค่ะ และให้เกียรติครอบครัวเราด้วยค่ะ ตอนนี้ก็คบกันมา 1 ปีแล้วค่ะ ถามว่าครอบครัวว่ายังไงบ้าง คือทุกๆ การตัดสินใจคือคุณพ่อคุณแม่ก็ช่วยดูแลและสนับสนุนตลอดอยู่แล้ว ตอนนั้นเขาก็ตกใจพร้อมลูกเหมือนกัน (หัวเราะ) ทุกคนในครอบครัวก็ช่วยอวยพรค่ะ ไม่มีใครคิดว่ายิปจะมีโมเมนต์ของการจะแต่งงาน ตัวยิปเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน เพราะว่าเมื่อก่อนรู้สึกว่าไม่ต้องแต่งงานก็ได้ ไม่ได้อยากแต่งงาน ไม่ได้อยากมีลูก"
เผย 1 ปีไม่น้อยเกินไป แม้ช่วงที่แฟนหนุ่มเกิดอุบัติเหตุจะถือเป็นอุปสรรคใหญ่ก็ตาม
"ถามว่า 1 ปีที่คบกันมามันเพียงพอแล้วหรือยัง คือเวลามันไม่เกี่ยวจริงๆ ค่ะ คือรู้สึกว่าเขารู้จักเราในความเป็นเราเยอะ เขารับได้ในทุกอย่างที่เราเป็นและเขาก็รักในสิ่งที่เราเป็นจริงๆ ด้วย และช่วงเวลาก่อนหน้านั้นก็มีช่วงที่เขาต้องรักษาตัวด้วย ก็อาจจะเป็นช่วงนั้นด้วยค่ะ ที่มีเหตุการณ์ที่เขาประสบอุบัติเหตุ เข้าโรงพยาบาลและสูญเสียความทรงจำไปในช่วงนั้น ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ยิปว่าเป็นอุปสรรคใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้น และทำให้เราเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองเยอะขึ้นด้วย ความรู้สึกเราตอนนั้นเหมือนตัวเองอยู่ในคลับฟรายเดย์เลยค่ะ (หัวเราะ) แต่ก็ดีใจที่เราผ่านตรงนั้นมาได้ รู้สึกว่าเราโตขึ้น เราจริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้มากขึ้นและอยากจะทำให้มันดี"
"ยิปว่าอะไรที่มันเกิดขึ้นมันคงมีเหตุผลของมันแหละค่ะ เราแค่ทำสิ่งที่มันมีอยู่ตอนนี้ให้มันดีที่สุด ดูแลมันและประคับประคองมันไปเรื่อยๆ แต่กับคนนี้คือเราก็ตั้งใจจะทำให้มันดีและสวยงามอยู่แล้ว ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมาเขาก็ดีมาตั้งแต่ต้นนะคะ เราประทับใจในสิ่งที่เขาเป็น มันไม่ใช่แค่โปรโมชั่น ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ ยังรักเรา ดูแลเรา ให้เกียรติเรา ให้เกียรติคนที่เรารัก ให้เกียรติครอบครัวของเรา"
บอกตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มคิดเรื่องงานแต่ง แต่คงไม่ต้องดูฤกษ์อะไร เพราะแฟนหนุ่มเป็นฝรั่ง
"ยังค่ะ เอาจริงๆ ยิปไม่ได้ซีเรียสด้วยซ้ำว่าจะต้องมีการแต่งงานไหม สำหรับยิปคนที่เป็นคู่ชีวิตกันการแต่งงานมันแค่พิธีสำหรับยิปนะ คืออยากจะมีก็ได้ ไม่มีก็ได้ แต่พอมันมีการขอเกิดขึ้น ด้วยความรู้สึกเราไม่ได้รู้สึกอยากจะปฏิเสธเขา เราก็เลยโอเค แต่ก็คงจัดแบบเล็กๆ ในครอบครัวแน่นอน ยิปไม่ใช่สายปาร์ตี้ชวนคนเยอะๆ คงเป็นกันเองมาก และงานเล็กๆ มากๆ คงสไตล์ฝรั่งค่ะ เป็นแบบครอบครัว งานหมั้นก็ยังไม่มีค่ะ คือขอกันก็ขอกันสองคน ยังไม่ได้ไปถึงผู้ใหญ่ค่ะ"
"คิดภาพตัวเองวันแต่งงานไว้หรือยัง ยังไม่รู้เลยค่ะ (หัวเราะ) ไม่คิดเหมือนกันว่าอยู่ดีๆ จะมีวันนี้ ส่วนเรื่องฤกษ์ยามก็คงไม่ค่ะ เพราะเขาเป็นต่างชาติด้วย และตัวยิปเองก็ค่อนข้างชิลอยู่แล้วด้วย คือเอาตามความสบายใจหรือเอาตามความสะดวกเราเลยค่ะ ถามว่าทางครอบครัวเราต้อนรับเขาตั้งแต่แรกเลยใช่ไหม ก็ค่อนข้างเป็นแบบนั้นนะคะ เพราะว่าเขาน่ารักกับคุณพ่อคุณแม่ยิปมาตั้งแต่ตอนแรก ตั้งแต่ยังไม่คบกันเลยด้วยซ้ำ เขาเป็นอย่างนั้นตั้งแต่ยังไม่คบเรา และเขายังน่ารักกับพ่อแม่เราอยู่"
เผยอาการแฟนหนุ่มตอนนี้เกือบหายดีเป็นปกติแล้ว
"กังวลไปหมดเลยค่ะ เพราะคุณหมอก็บอกเลยว่าให้ทำใจไว้เลยว่าเขาอาจจะจำไม่ได้ หรืออาจจะกลับมาแล้วเป็นคนละคนไปเลย ตอนนั้นเราก็พยายามปิดเงียบที่สุด ก็ยังทำงานปกติ แต่สภาพจิตใจก็แย่ แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่เราเต็มที่และทำดีที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้เขาดีขึ้นมากๆ ค่ะ ความจำก็ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว จริงๆ การเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นมันก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีสำหรับเราทั้งคู่ เขาก็โตขึ้น ระวังมากขึ้นด้วย คิดเยอะขึ้น ในเรื่องร้ายๆ ก็มีเรื่องที่ดีเกิดขึ้นค่ะ"