เรียกได้ว่ามหกรรมช็อปปิ้งที่ทุกคนรอคอยในวันที่ 11 เดือน 11 หรือ “วันคนโสด” ได้ผ่านพ้นไปแล้ว พร้อมกับเงินสะพัดที่สวนทางเศรษฐกิจจีน หลังมีรายงานว่าแค่เพียง 24 ชั่วโมง ชาวจีนใช้จ่ายเงินซื้อของในเทศกาลช็อปปิ้งของ Alibaba มากกว่าที่ใช้จ่ายกันทั้งปีเสียอีก
ยอดขายที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมาของบริษัท e-commerce ชื่อดังสามารถทำเงินสะพัดไปถึง 38.4 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 1.16 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นยอดเงินนับรวมจากแพล็ตฟอร์มทั้งหมดของทั้ง Lazada และ AliExpress
นับได้ว่ายอดขายปีนี้มากขึ้นกว่า 1 ใน 3 ของปีที่แล้ว และยังทำยอดขายถึง 5,153 เท่าเมื่อเทียบกับวันเปิดตัว 11.11 ครั้งแรกเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้กลยุทธ์เรียกลูกค้าวันคนโสดของ Alibaba จัดใหญ่จัดเต็มอลังการชนิดที่ว่าคุ้มค่าสมกับที่ลงทุน
ย้อนกลับไปเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา Tmall ของ Alibaba ได้จัดแถลงข่าวเกี่ยวกับมหกรรมวันคนโสดที่จะจัดอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 11.11 ที่หางโจว ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วประเทศ จนกระทั่งเดือน ต.ค. Alibaba ได้จัดโชว์ที่เรียกว่า Tmall Collection show ซึ่งเป็นโชว์เรียกน้ำย่อยก่อนถึงวันที่ 11 เดือน 11 พร้อมกับเริ่มต้นเคาท์ดาวน์สู่วันคนโสดตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. เป็นต้นมา
ในตอนนั้น เจียง ฟ่าน ประธานของ Tmall และ Taobao ได้เผยถึงมหกรรมช็อปปิ้ง 11.11 ว่า “จะเป็นการกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค และยังช่วยสนับสนุนการยกระดับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคด้วย” พร้อมกันนั้นยังตั้งเป้าไว้ว่าการลดราคาแบบกระหน่ำในวันที่ 11.11 จะสามารถช่วยผู้บริโภคประหยัดเงินได้รวมแล้วกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2 แสนล้านบาทเลยทีเดียว
ในค่ำคืนก่อนเข้าสู่วันที่ 11 เดือน 11 ก็ได้มีการจัดแสงสีเสียงยิงเลเซอร์ขึ้นฟ้าและปูไฟที่พื้นอย่างยิ่งใหญ่เพื่อนับถอยหลังเข้าสู่มหกรรมช็อปปิ้งวันคนโสดและชมยอดขายชั่วโมงแรกว่าสามารถทำยอดไปได้เท่าไหร่ ซึ่งงานจัดขึ้นที่ Mercedes Benz Arena ในเซี่ยงไฮ้ พร้อมกับยิงสัญญาณถ่ายทอดไปยัง 10 เคเบิ้ลเน็ตเวิร์กทั้งในจีน, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, แอฟริกา และ อเมริกา
โดย 'อินเตอร์เน็ต กาล่า' ครั้งนี้มีทั้งเวทีเคลื่อนที่จัดเต็มแสงสีเสียง, พื้น LED และการสตรีมมิ่งแบบ 4k high –definition
พร้อมกันนั้นยังเชิญเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์ มาร่วมเป็นผู้ชมในค่ำคืนกาล่าดังกล่าว เพื่อช่วยกันไลฟ์ถ่ายทอดสดกระตุ้นผู้ติดตามของตนเองให้สนใจอยากจับจ่ายสินค้าในอีเวนต์สุดอลังการครั้งนี้ด้วย
ด้านคนดังที่มาช่วยเรียกแขกมีทั้ง ไอดา การิฟูลลินา นักร้องโซปราโนของรัสเซีย, เอยังก้า นักร้องชาวจีน , โชว์เดี่ยวของ แจ็คสัน ยี นักร้องจากบอยแบนด์ TFBoys ของจีน และที่คนรอชมมากที่สุดคือมินิคอนเสิร์ตของ เทย์เลอร์ สวิฟต์
โดยเทย์เลอร์ สวิฟต์ ร่วมแสดงในงานเคาท์ดาวน์ครั้งนี้ถึง 3 เพลงด้วยกันคือ Lover, You Need to Calm Down และ ME! ผลงานจากอัลบั้ม Lover ที่เป็นผลงานล่าสุดของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ทำยอดขายและยอดสตรีมมิ่งขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของจีนภายในสัปดาห์แรกที่ปล่อยผลงานเพลงออกมา
นอกจากนั้นในงานกาล่ายังมีโชว์เล่นเกมของเซเลบเมืองจีน ที่ยกเอาเกมดังอย่าง Tetris และ Candy Crush ขนาดยักษ์มาให้ได้แข่งขันกัน โดยผู้ชมยังสามารถใช้โทรศัพท์ร่วมซัพพอร์ททีมที่ตนเองเชียร์ เพื่อลุ้นบัตรกำนัลต่างๆเป็นรางวัลสำหรับผู้เชียร์ทีมที่ชนะ
และทันทีที่เข้าสู่นาทีแรกของค่ำคืนวันที่ 11 เดือน 11 ก็มีการเปิดเผยยอดเงินให้ได้ดูสดๆทาง Alipay ว่ามีคนช็อปปิ้งไปมากถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 3 หมื่นล้านบาท
ส่วนกลยุทธ์ที่ใช้ในครั้งนี้ยังมีทั้งการนำเอาเหล่า อินฟลูเอ็นเวอร์ มานั่งแนะนำสินค้าต่างๆ ซึ่งรายงานระบุว่าในไลฟ์สตรีมของ Taobao สามารถขายรถไปได้ถึง 55 คันภายใน 1 วินาที แถม 15 บริษัทดังรวมถึง L’Oreal ก็ทำรายได้ไปถึง 4.33 พันล้านบาทด้วย
และไลฟ์สตรีมของอินฟลูเอนเซอร์ที่น่าสนใจต้องยกให้ตัวท็อปอย่าง วีย่า หวง ที่ไลฟ์โปรโมทน้ำหอมใหม่ของ คิม คาร์เดเชียน เวสต์ ที่สาวเรียลลิตี้ชื่อดังก็มานั่งพูดคุยเพื่อโปรโมทสินค้าตนเองด้วย
นอกจากจะพากันกระหน่ำช็อปปิ้งผ่านทางออนไลน์แล้ว ลูกค้าชาวจีนยังพากันไปลุยต่อที่ห้างสรรพสินค้าที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Alibaba เพื่อจับจ่ายซื้อเครื่องสำอาง และสินค้าอุปโภคบริโภคอีกมากมาย ที่หั่นราคาลงกว่าครึ่งจนทำเอาแทบจะเกลี้ยงเคาท์เตอร์ภายในเวลาอันรวดเร็ว
โดยหลังจบวันคนโสด ก็ทำยอดขายถล่มทลายกันไปที่ 268 พันล้านหยวน หรือ 1.16 ล้านล้านบาท ซึ่ง เจียง ฟ่าน ประธานของ Taobao ได้ออกแถลงการณ์ถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า “วันนี้เราได้แสดงศักยภาพให้ชาวโลกได้เห็นแล้วว่า การบริโภคในอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ทั้งกับแบรนด์ต่างๆและตัวผู้บริโภคเอง เราตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคชาวจีนและยังช่วยยกระดับไลฟ์สไตล์ของพวกเขาให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการแนะนำผู้ใช้หน้าใหม่เข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของเราจากทั่วประเทศจีนและจากทั่วโลก”
