“เปิ้ล นาคร” หายหูดับ แต่ยังเจ็บถ้าเจอเสียงดัง ทำใจอาจกลับไปเป็นอีก ยันไม่เลิกเล่นเจ็ตสกีตามหมอสั่ง แต่จะใส่เครื่องกรองเสียงเพื่อเซฟหู ลดการทำงานและออกกำลังหนักลง 70 เปอร์เซ็นต์ เตรียมส่ง “ออก้า” ลงแข่งเจ็ตสกีระดับเยาวชน บอกไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย แอบลุ้นคว้าเหรียญทองให้กทม. ชมลูกมีพรสวรรค์ เห็นแววแชมป์โลก
อยู่ๆ ก็เกิดอาการหูดับ จนถึงขั้นอาจจะสูญเสียการได้ยินไปตลอดชีวิต สำหรับคุณพ่อลูกสี่ “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” แต่ในที่สุดก็กลับมาได้ยินปกติแล้ว โดยวันนี้ในงานแถลงข่าวความสำเร็จของการสร้างทัวร์นาเม้นท์เจ็ตสกี อันดับที่ 1ของโลก “การบินไทย เจ็ตสกีเวิลด์คัพ 2019” เจ้าตัวก็ได้ออกมาอัปเดตถึงอาการดังกล่าว หลังเข้ารับการรักษานานถึง 20 วัน ว่าตอนนี้อาการดีขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว
“ก็เพิ่งสรุปผลมาเมื่อไม่กี่วัน คุณหมอบอกว่าตอนนี้หูกลับมาเป็นปกติร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งเราอยู่ 1 ใน 50 เปอร์เซ็นต์ ที่อีกครึ่งหนึ่งเนี่ย ไม่หาย จากที่เราอยู่ในโรงพยาบาล ไปกลับ 20 วัน เราเห็นเลยว่าคนไม่หายครึ่งหนึ่ง เรามีความรู้สึกว่ามันเหมือนคนต้องตาบอดข้างหนึ่ง ถ้าคนไม่เป็นไม่รู้ นึกว่าหูดับก็แค่หูไม่ได้ยินแล้วยังไง มันเหมือนคนตาบอด การเดินมันเซ คนเรียกข้างหนึ่ง หันไปข้างหนึ่ง”
ตอนนี้ไม่ต้องใช้วิธีให้ออกซิเจนแล้ว เหลือแค่แผลที่เพิ่งหาย บอกหมอก็ไม่รู้สาเหตุเกิดจากอะไร หลังจากนี้ต้องใส่เครื่องกรองเสียงเพื่อเซฟหู
“คือตอนนี้ไม่ต้องให้ออกซิเจนแล้ว แล้วไปตรวจมาก็กลับไปเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่มันเหมือนแผลเพิ่งหาย เพราะฉะนั้นเวลาเราไปที่เสียงดัง อย่างเช่นในงานอีเวนต์ ในสนามแข็ง เสียงเรือเบิ้ล หรือว่าไปผับ หรือว่าภรรยา ต้องระวัง คุณหมอบอกว่าสาเหตุมันวิเคราะห์ไม่ได้ ว่าโรคนี้เกิดจากอะไร เหมือนพี่อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) คิดดูเส้นเลือดในสมองแตก แต่อันนี้คือเส้นเลือดที่มันไปเลี้ยงประสาทหูมันตีบ ซึ่งวิเคราะห์หาสาเหตุไม่ได้ แต่เราคิดว่าน่าจะมาจากภรรยา(หัวเราะ) เพราะว่าพอดังปุ๊บ มันปรี๊ดเข้ามาเลย แต่ทีนี้มันหายแล้ว แต่เวลาเราได้ยินเสียงดังมันจะเจ็บ มันเจ็บแล้วมันก็จะแสบนิดๆ ก็เลยจะต้องมีเครื่องช่วย เป็นเครื่องกรองเสียง เวลาพูดได้ยิน แต่เวลามีเสียงอัดมาดังๆ มันจะเซฟกรองให้เลย”
เผยคุณหมอห้ามกลับไปทำงานหนักเหมือนเดิม ต้องลดการใช้ร่างกายลงไปอีกประ 30- 40 เปอร์เซ็นต์
“คุณหมอห้ามคือ หนึ่งห้ามทำงานหนักเหมือนเดิม ให้นอนเยอะกว่าเดิม อย่าใช้ร่างกายหนักเหมือนเดิม เพราะเดิมทีเราไม่รู้ไง เราออกกำลังกายอาทิตย์ละ 5 วัน รวมทั้งซ้อมเรือด้วย ประชุมวันละ 3-8 ชม. แล้วก็ต้องบินไปต่างประเทศ ตื่นตี 5 ไปส่งลูกไปโรงเรียน เพราะเห่อลูกเข้าโรงเรียนใหม่ ทุกอย่างมันเลยเหมือนใช้ร่างกายเยอะเกิน เราก็ไม่รู้ตัว เราก็รู้แค่ว่าแข่งเจ็ตสกีเหนื่อยกว่าไหม แค่นี้มันจะเหนื่อยอะไร แต่เราไม่รู้ว่าร่างกายมันถูกโหลดไปแล้ว อาจจะบวกกับเชื้อไวรัสที่มันเผลอเข้ามาในเส้นเลือดเรา หลังจากนั้นมันก็อาจจะเกิดตรงนี้ได้ เพราะฉะนั้นก็เลยต้องลดทุกอย่างลงมากประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ของการใช้ชีวิตอย่างหนัก”
ส่วนข้อห้ามที่คงจะทำให้หมอไม่ได้ คือการหยุดเล่นเจ็ตสกี เพราะตอนนี้กำลังเตรียมตัวแข่งรายการใหญ่ที่สุดในโลก
“ใช่ครับ หมอห้ามเล่นกีฬาหนักๆ หรืออะไรที่มันเสี่ยง ซึ่งเราก็บอกคุณหมอว่า คนละทางแล้วหมอ เราเชื่อหมอทุกอย่างเลยนะ ยกเว้นเรื่องนี้ ทุกวันนี้ก็เดี๋ยวจะเริ่มซ้อมเจ็ตสกีแล้วครับ เพราะว่าเตรียมตัวแข่งงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทยเรา คืองานเจ็ตสกีเวิร์คคัพที่พัทยา งานนี้ไม่แข่งไม่ได้ ต่อให้หมอมาที่สนาม แล้วก็มาไล่เรากลับ หมอก็คงจะมีเรื่องกับเรา”
ลั่นไม่มีอะไรมาห้ามสิ่งที่รักได้ แต่ก็พยายามลดการออกกำลังกายหนักเพื่อการแข่ง และเจ็ตสกีรุ่นที่ขับก็ไม่ได้มีเสียงดัง
“ก็ห้ามไม่ได้หรอกครับ เราก็ยังต้องแข่งอยู่ เพียงแต่การออกกำลังกายก่อนที่จะไปแข่ง ก่อนหน้านี้เราออกหนักมาก เราคิดว่าตัวเองยังเจ๋งอยู่ กล้ามเนื้อมาเป็นมัด แต่เราก็คงลดลงมา ถนอมร่างกายให้มากกว่านี้ ก็ยังแข่งอยู่ เพราะไม่มีอะไรมาห้ามสิ่งที่เรารัก ต่อจากยี้ไปเราก็ต้องใส่เครื่องที่หู เพราะเจ็ตสกีบางรุ่น บางลำเท่านั้นเองที่มันเสียงดัง แต่รุ่นที่เราขับมันเป็นเครื่องสี่จังหวะเสียงเงียบ เหมือนพวกมอเตอร์ไซค์สี่จังหวะกับสองจังหวะ เสียงดังไม่เหมือนกัน ถ้าแว้นๆ เนี่ยจะดัง (แต่ในสนามจะมีเสียงดัง?) ในสนามบางรุ่นครับ แต่ที่ดังจริง ๆ คือเสียงโฆษกพากย์ แล้วก็เสียงลำโพงมากกว่า”
บอกอาการนี้ถึงจะหายแล้ว แต่ก็มีโอกาสกลับไปเป็นอีกได้ ถ้ายังใช้ชีวิตเหมือนเดิม
“มีคนบอกว่าเคสนี้มีโอกาสกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ตัวเองยังกลับไปใช้ชีวิต ใช้ร่างกายหนักเหมือนปกติ บางคนดื่มเหล้าวันละ 2 ขวดนะ ที่มารักษาใกล้ๆ กัน แล้วก็นอนวันละ 3 ชั่วโมง ทำงานอสังหาริมทรัพย์ร่ำรวย แต่ตัวเองหูดับ แล้วร่างกายไม่กลับด้วย มารักษาเป็นเดือนมากว่าเราอีกก็ไม่หาย หมอก็บอกว่าถ้ายังเป็นอยู่ก็มีโอกาสกลับมาได้เหมือนเดิมอีก เราก็ต้องระวัง”
ไม่ได้คิดว่าการเล่นเจ็ตสกีจะเสี่ยงทำให้กลับไปหูดับอีกรอบ แต่เล่นแต่พอดี
“คิดว่ามันไม่เสี่ยงหรอก เพราะว่าการแข่งกีฬาถ้าเราออกกำลัง ทำงาน นอนหลับพักผ่อน ใช้ชีวิตให้พอดี ยังเล่นกีฬาได้อยู่เหมือนกัน ก็จะพอดี แต่ถ้าเราใช้เกินเพื่อที่จะเอาชนะอย่างเดียวอันนั้นแหละอาจจะเกิดอาการนี้กลับมาอีกครั้งได้ ตอนนี้เราคิดว่าการเล่นกีฬาเป็นกุศโลบายในการบริหารลมหายใจให้มีลมหายใจให้นานที่สุดเพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่เรารักให้นานที่สุด”
บอกภรรยาเข้าใจ ไม่ห้ามเล่นเจ็ตสกีเพราะห้ามไม่ได้อยู่แล้ว จะทำอะไรก็ได้ แต่ห้ามตาย
“จูนเข้าใจมากเลย เขาบอกเสมอว่าทำอะไรก็ได้ แต่พี่เปิ้ลห้ามตายนะ เรื่องเล่นเจ็ตสกีเขาห้ามไม่ได้ ทุกวันนี้เรายังบอกว่าจูนต้องลุกขึ้นมาวิ่งกับพี่เปิ้ล มาออกกำลังกายอะไรต่างๆ เหมือนกัน เพื่อที่เราจะได้มีลมหายใจอยู่กับลูกนานๆ อันนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด เรื่องการแข่งคงจะไม่ฟิตหรือซ้อมหนักเพื่อที่จะเอาชนะ ชนะหรือไม่ชนะไม่เป็นไร ขอแค่ได้แข่งพอ ขอแค่ได้อยู่ตรงนั้น เพราะเราอยากให้ลูกเห็นเราเป็นนักกีฬาแล้วเขาก็จะดำเนินรอยตามเรา โตขึ้นมาเขาก็จะเป็นนักกีฬา ไม่ว่าโตขึ้นมาเขาจะแข่งหรือไม่แข่งไม่รู้ แต่เราอยากให้เขามีจิตใต้สำนึกของการเป็นนักกีฬาในการใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไป”
เผยค่ารักษาพยาบาลไม่ถึงล้านแต่หลายแสน โชคดีที่มีประกัน
“ก็เจ็ตสกีเป็นลำ ไม่ถึงล้านแต่ก็หลานแสน แต่โชคดีเรามีประกัน เป็นโชคร้ายของประกันไป ขอบคุณประกันมากที่น่ารัก ที่ดูแลเราตลอดเวลา”
ตอนนี้อยู่บ้านก็ยังต้องใส่อุปกรณ์กรองเสียงตลอด เพราะลูกๆ ชอบกรี๊ดใส่
“ต้องใส่ครับ เพราะอย่าออเกรซนี่ตัวเจ็บ ตัวแรงเลย เขาชอบมาข้างๆ หู แล้วกรี๊ด ถ้ากรี๊ดหูข้างขวาไม่เป็นไร แต่ถ้ากรี๊ดข้างซ้าย ข้างที่เป็น ผมเด้งเกือบตกเก้าอี้เลย เพราะหูเรายังไม่หายดี เราก็ใช้ตัวบล็อก หลังจากนี้ถ้าลูกจะกรี๊ดก็กรี๊ดไป เซฟได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ถ้าใส่อุปกรณ์กรองเสียงตัวนี้ สามารถกรองเสียงดังๆ ได้หมดเลย ไปผับ หรือเสียงจูนด่าหรือเสียงดังๆ ที่มาปะทะเซฟได้หมดเลย คือเราได้ยินเสียงพูดนะ แต่เสียงดังๆ ไม่ได้ยินเลย แต่ตอนนี้ภรรยาก็ไม่ได้ด่าน้อยลงครับ เหมือนเดิมครับ สั่งสอนเหมือนเดิม (ต้องบอกให้ลดระดับเสียงลงไหม?) ใช่ๆ ต้องบอกจูนเบาๆ จูนเขาก็ขอโทษ รู้สึกดีมากเลย ว่าจะแกล้งหูดับตลอด”
เรื่องอาการที่ได้ยินเสียงวิ้งค์ๆ จะหายก็ต่อเมื่อนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ ออกกำลังกายแต่พอดี
“มันจะหายต่อเมื่อเรานอนหลับให้เต็มที่ พักผ่อนให้เต็มที่ ออกกำลังพอดีและสูดเอาออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงให้มากที่สุด ตรงนั้นมันจะกลับเข้ามาร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเราโชคดี พื้นฐานเป็นนักกีฬา มวลธาตุในร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว มันก็เลยกลับมาเร็วภายใน 20 วันแต่มีหลายคนรักษาเดือนหนึ่งไม่หาย ก็คือต้องดับตลอดชีวิต ดับไปเลยเหมือนคนตาบอดข้างหนึ่งตลอดชีวิต”
“เรานึกถึงภาพพระท่านหนึ่งที่เราเคารพ เวลาเราไปหาทีไร ท่านก็เงี่ยหูฟังแล้วถาม ห๊ะ อะไรนะ ตลอด เหมือนได้ยินไม่ชัด เราก็อ๋อ เราจะกลายเป็นคนอย่างนั้นทันที ลองหลับตาข้างหนึ่งแล้วเดิน ใช้ชีวิตอย่างนั้น 20 วัน เหมือนคนตาบอดข้างหนึ่ง หูก็เหมือนกัน เวลาคนเรียกชื่อเรา พอหันไป อ้าวเขาอยู่อีกทาง เวลาเราขับรถ พอคันอื่นบีบแตร ถ้าเขาบีบจากด้านขวา เราก็ต้องหลบไปซ้าย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขามาด้านซ้ายแล้วเราหลบไปซ้ายเหมือนกัน อันตรายมาก เราอาจจะเป็นคนที่ขับรถไม่ได้ ทำอะไรอีกหลาย ๆ อย่างเหมือนที่คนอื่นทำได้ อาจจะหายไป 30-50 เปอร์เซ็นต์ ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวเหมือนกัน”
เป็นโรคที่ถือว่าหนักสุดในชีวิตที่เคยเป็นมา
“โรคนี้ถือว่าหนักสุดเลย หายกลับมานี่ดีใจมาก เราไปคิดถึงพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ที่เขาเป็น พอนึกถึงเขาทีไร เราจะบอกตัวเองว่าเราเป็นน้อยมาก คนอื่นเขาเป็นเยอะ เป็นมะเร็ง เป็นนั่นนี่ แต่พอกลับมาคิดตอนนี้น่ากลัวเหมือนกันนะ มันเหมือนตาบอดข้างหนึ่งนะ ไม่มีหูข้างหนึ่ง ลองไม่มีหูข้างหนึ่ง ลองเอามือปิดแล้วเดินดู มันไม่ธรรมดานะ”
“ผมเพิ่งจะเข้าประชุมกับทีมผู้บริหารที่บริษัทและก็ภรรยาผมเองครับ ซึ่งผมก็บอกกับทุกคนไปว่า ต่อจากนี้ไปผมขอเป็นคนขี้เกียจนะ ขอทำงานน้อยลง 30 เปอร์เซ็นต์ เวลาประชุมที่เคยใช้กัน 8 ชั่วโมง ผมขอแค่ 3 ชั่วโมงนะ เหมือนผมต้องมาบริหารชีวิตตัวเองใหม่ทั้งหมด การทำงานหลังจากนี้ผมคงต้องทำงานกับคนเก่งเท่านั้น เพราะผมคงทำได้แค่คอยดูอยู่ห่างๆ คงไม่ได้ลงไปช่วยหรือไปหยิบจับอะไรเหมือนเดิมแล้ว ก็คือว่าทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตมันก็คงจะเปลี่ยนไปครับ”
แม้จะต้องลดการทำงานลง แต่คุณภาพของงานจะไม่ลดตามอย่างแน่นอน รวมถึงการออกกำลังกายก็จะลดลงเหลือ 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะยังอยากมีชีวิตอยู่ให้ถึงอายุ 70
“ต้องลดครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะลดคุณภาพนะ แค่ลดการทำงานของผมลงเฉยๆ และหาคนเก่งเข้ามาอยู่ข้างๆ ให้มากขึ้นแทน ส่วนการรับงานของผม ผมก็ยังคงรับงานปกติครับ เพียงแต่ว่าผมอาจจะต้องเลือกให้มากขึ้นนิดหนึ่ง เนื่องจากงานพวกนี้มันไม่ได้หนักเหมือนกับงานประชุม หรืองานที่ต้องใช้ความคิดเยอะๆ และสำหรับเรื่องการออกกำลังกายหรือการใช้ร่างกาย จากที่เคยใช้เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็คงต้องลดลงมาให้เหลือสัก 70 เปอร์เซ็นต์ครับ เพราะผมอยากจะอยู่ไปถึงอายุจะ 70 ปี”
ส่ง “ออก้า” ลงแข่งขันเจ็ตสกี เป็นตัวแทนกรุงเทพฯ ชิงแชมป์เยาวชนแห่งชาติ บอกตอนแรกภรรยาห้าม แต่พอลองให้ลูกได้ลงสนาม จึงได้เห็นพรสวรรค์ ยันไม่เคยบังคับลูกให้ซ้อมหนัก เขาเก่งของเขาเอง
“ใช่ครับ เป็นครั้งแรกของเขาเลย ซึ่งตอนแรกที่เขาบอกว่าเขาจะแข่ง คุณจูนภรรยาผมยืนยันแบบหัวเด็ดตีนขาดเลยครับว่า ไม่ได้ ยังไงก็ห้ามแข่ง ห้ามลูกแข่งเด็ดขาดเพราะลูกยังเด็กอยู่ เขาเพิ่ง 8 ขวบเอง คือเด็กที่สุดในประเทศเลยครับที่ลงแข่ง แต่ปรากฏว่าผมเองก็ช่วยขอร้อง เพราะผมเห็นแล้วว่าเวลาที่เขาซ้อม เด็กอายุ 12 บางคนสู้เขาไม่ได้แน่ๆ ซึ่งพอเขาได้ลงสนามเท่านั้นล่ะครับ เกินคาดมาก ไม่รู้เขามาจากไหนเหมือนกัน มันเป็นเหมือนพรสวรรค์ มันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้สอน แต่เขามาด้วยตัวเขาเอง เหมือนเขาเกิดมาเพื่อการณ์นี้ เขาดูสนุก เขาดูดีใจมากจริงๆ มีนักแข่งหลายคนนะครับมาบอกผมว่าผมซ้อมให้ลูกหนัก แต่ผมก็ยืนยันไปว่าผมไม่ได้ซ้อมอะไรให้เขาเลย เขาขี่ของเขาได้ดีมากๆ”
“ตอนนี้เขาได้เป็นนักแข่งตัวแทนของกรุงเทพมหานคร เพื่อที่จะเตรียมตัวไปแข่งชิงแชมป์เยาวชนแห่งชาติ ในเดือนมีนาคม ตอนนี้ก็ต้องซ้อมครับ ถือว่าเป็นงานระดับชาติเลยก็ว่าได้ ผมต้องฝากคนกรุงเทพมหานครด้วยนะครับ ช่วยเชียร์ลูกชายผมด้วย งานนี้ผมจะเป็นคนฝึกให้เขาเองเลย”
แอบหวังลูกคว้าเหรียญทองมาให้ได้สัก 1 เหรียญ ก็พอใจแล้ว
“ก็อยากให้เขาคว้าเหรียญทองมาให้ชาวกรุงเทพมหานครได้สัก 1 เหรียญก็ยังดีครับ แต่ก็จะไม่บอกเขาไปตรงๆ แบบนี้นะ ก็จะให้เขาทำตามที่เขาชอบ ทำตามความสนุกของเขาไปเลย ให้เขารู้แค่นั้นพอ ไม่อยากให้เขาเครียด”
ไม่เคยตั้งเป้าหมาย ว่าลูกจะต้องไปสูงสุดถึงระดับไหน
“ไม่มีเลยครับ แค่เขาเอาเหรียญทองงานกีฬาเยาวชนแห่งชาติกลับมาให้ชาวกรุงเทพมหานครได้ แค่นั้นผมก็ถือว่าแฮปปี้มากแล้ว เป็นความฝันของพ่อเลย”
ไม่กังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ปลอดภัยแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
“ถ้าเป็นกีฬาเยาวชนแห่งชาติปลอดภัยแน่นอนครับร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเขาแข่งกันทีละคน ปล่อยตัวทีละคน และจับเวลาดูว่าใครขับได้ดีและทำเวลาได้ดีที่สุด ซึ่งเราก็ต้องมาลุ้นกัน”
ปัดดันลูกชายไปถึงระดับโลก แล้วแต่ลูกอยากเป็นอะไร แต่ถ้ายังชอบเจ็ตสกีอยู่ ก็เห็นแววแชมป์โลกหาตัวจับยากมาแล้ว
“มันแล้วแต่เขาครับ โตขึ้นมาเขาอาจจะอยากไปอยู่ทิฟฟานีก็ได้ เราไม่รู้จริงๆ แต่ถ้าเขายังชอบที่จะแข่งเจ็ตสกีอยู่ เชื่อไหมว่าเขาคือแชมป์โลกที่หาตัวจับยากมากๆ เขาเป็นแชมป์โลกแน่ๆ เห็นแววเลยครับ”