“เจมส์ เรืองศักดิ์” จับมือ “ครูก้อย” เปิดธุรกิจใหม่ ลงทุนกว่า 7 หลัก ภูมิใจคนชื่นชม “น้องเมดา” แต่อยากให้ลูกเป็นแค่คนธรรมดา ไม่อยากให้เป็นซุป'ตาร์เด็ก เตรียมทำเด็กหลอดแก้วลูกคนที่สอง คัดโปรโมโซม ไม่อยากแท้งอีก
เปิดตัวธุรกิจใหม่อีกแล้ว สำหรับอดีตนักร้องหนุ่ม “เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์” กับภรรยาสาว “ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์” กับผลิตภัณฑ์น้ำหัวปลีผสมอินทผาลัม เพื่อบำรุงน้ำนมให้กับคุณแม่โดยเฉพาะ เผยงานนี้ลงทุนไปกว่า 7 หลัก พร้อมกับทำเพจแนะนำเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับแม่และเด็กด้วย
เจมส์ : “วันนี้ก็มาร่วมแสดงความยินดีกับวิลล่า มาร์เก็ท สาขาใหม่นะครับ เพราะว่าตัวครูก้อยกับเจมส์ก็ได้ทำโปรดักส์เป็นน้ำหัวปลีผสมอินทผาลัม บำรุงน้ำนมให้กับคุณแม่นะครับ มีขายที่วิลล่าทุกสาขาครับ เป็นธุรกิจใหม่ครับ เพราะตอนนี้เรากำลังอินเรื่องของแม่และลูกครับ”
ครูก้อย : “สูตรตรงนี้ก้อยคิดเอง เป็นสูตรหัวปลีผสมอินทผาลัม ผสมกันครึ่งๆ เลย หัวปลีก็สะกัดจากหัวจริงๆ ไม่ใช่ผงนะคะ และไม่มีน้ำตาล เผื่อคุณแม่ที่ขณะตั้งครรภ์กลัวว่าจะเป็นเบาหวาน ก็จะเน้นเรื่องสุขภาพเลยค่ะ ก็คิดสูตรเองมาประมาณหนึ่งปี และก้อยก็ทานเองตอนที่กำลังตั้งท้องน้ำนมก็มาดี จนถึงปัจจุบัน 7 เดือนแล้วก็ยังมีนมให้น้องทานอยู่ค่ะ”
เจมส์ : “ลงทุนไม่มากไม่น้อยครับ เพราะเราก็ทำแบบค่อยๆ โตครับ แต่ลงทุนทำครั้งนึงก็ต้อง 7 หลักอยู่แล้วครับ จริงๆ เราทำหลายอย่างครับ นี่ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจ เพราะว่าเราก็น่าจะได้มีโอกาสทำหลายๆ อย่างในชีวิตนะ เพราะในวงการบันเทิงเราก็ทำมาหลายอย่างแล้ว ธุรกิจเราก็ทำมาหลายอย่างมาก นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอย่าง ถามว่าจะสิ้นสุดตรงนี้ไหม ก็คงไม่ ยังไปได้เรื่อยๆ อีก”
ก้อย : “ก็สามารถสั่งซื้อกันได้ที่เพจ baby&mom.co.th นะคะ เป็นเพจของก้อยเอง ที่ให้ความรู้แม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องมีลูกยากและการดูแลตัวเองหลังจากที่ตั้งครรภ์แล้ว และเราก็มีน้ำหัวปลีสกัดเข้มข้นผสมอินทผาลัมที่วิลล่า มาร์เก็ททุกสาขาเลยค่ะ”
ดีใจคนชอบ “น้องเมดา” ลูกสาวตนกันเยอะ แต่ก็ไม่อยากให้ลูกเหลิงไปกับคำชม อยากให้เป็นเด็กธรรมดามากกว่า
ครูก้อย : “น้องเมดา 7 เดือนแล้วค่ะ เริ่มทานอาหาร และเป็นคนที่ตัวยาว น้ำหนักตัวดีค่ะ พัฒนาการดี น่าจะสูงแบบคุณพ่อ ก็เห็นคอมเมนต์ที่ทุกคนชมนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูน้องเมดานะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ”
เจมส์ : “ผมก็ปลื้มนะ แต่ก็อยากให้เมดามีชีวิตที่เรียบง่ายนะครับ ไม่อยากให้เป็นซุป'ตาร์ ไม่อยากให้เป็นอะไรทั้งนั้น อยากให้น้องมีชีวิตที่มีความสุขและโตแบบเด็กปกติทั่วไปก็พอแล้วครับ คือก็ยอมรับว่าน่าเป็นห่วงเหมือนกัน เพราะผมมีความรู้สึกว่าถ้าเด็กได้รับการชื่นชอบมากเกิน เป็นซุป'ตาร์ตั้งแต่เด็กเด็กอาจจะหลงไปกับตรงนั้น ถ้าเขาคอนโทรลตัวเองไม่ได้นะ เราก็เป็นห่วง อยากให้เขาโตแบบเด็กปกติธรรมดา คือเราดีใจที่คนไทยเอ็นดูให้ความรัก แต่ถามว่าดีใจไหมที่จะได้เป็นซุป'ตาร์เด็ก อันนี้ผมเฉยๆ ครับ”
“ไม่ได้กลัวกระแสแง่ลบครับ เพราะเราอยู่วงการนี้มานาน เราก็เข้าใจว่าการที่จะสามารถที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้หลงกับไปคน เราก็ต้องใช้สมาธิระดับหนึ่งเลยนะครับ ก็คิดว่าถ้าเมดาโตไปแล้วเขามีเรื่องแบบนี้ก็ไม่อยากให้ไปกวนสมาธิในการเรียนของเขา”
บอกมีชาวโซเชียลช่วยเลี้ยงลูกเยอะ ตนก็เอาวิธีมาปรับใช้ให้เข้ากับตัวเอง
เจมส์ : “ไม่อึดอัดเลยครับ ผมว่าน่ารักนะ เวลาที่เราโพสต์อะไรสักอย่างก็จะมีความรู้เข้ามาเสริมให้”
ครูก้อย : “ก็จะมีแม่ๆ แนะนำเข้ามา บางอย่างเราก็คิดว่าเราเข้าใจถูกแล้ว แต่พอมีแม่ๆ เข้ามาแนะนำเราก็เพิ่งรู้ว่าเรายังเข้าใจผิดอยู่นะ เราก็ไปสืบค้นข้อมูลเพิ่ม ก็ถือว่ามีส่วนดีนะคะ”
เจมส์ : “แต่ว่าบางทีข้อมูลมันก็เยอะนะครับ ก็ขอบคุณทุกๆ อันเลยครับ คือถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าทำไมมายุ่งกับลูกฉัน แต่ผมไม่นะ มีความรู้สึกว่าแสดงว่าเขาสนใจ มีความเอ็นดูลูกเรา ไม่ได้รู้สึกอึดอัดครับ แต่ก็ไม่ได้เชื่อทุกอย่าง (หัวเราะ) ก็ต้องกลั่นกรองและพิจารณาอีกที”
ครูก้อย : “ก็นำข้อคิดต่างๆ มาปรับกับตัวเองค่ะ เพราะการเลี้ยงลูกในเด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ก็อ่านและเอามาปรับกับตัวเองค่ะ”
บอกลูกสาวพัฒนาการไปไวกว่าเด็กวัยเดียวกัน
เจมส์ : “คนชมน้องเมดาสวย จริงๆ ก็พอไปวัดไปวา ไม่ถึงกับสวยอะไรมากหรอก ก็อยากให้ลูกประมาณนึงแหละ ไม่ใช่ว่าโตมาแล้วสวยเป็นที่จับตามองของหนุ่มๆ เราก็เป็นห่วงไง มันจะเป็นความทุกข์ซะเปล่าๆ ก็ธรรมดาๆ สุขภาพแข็งแรงก็พอแล้ว”
ครูก้อย : "ตอนนี้ก็นั่งได้แล้วค่ะ"
เจมส์ : “ผมว่าพัฒนาการดีนะ อาจจะไปไวกว่าวัยเดียวกันนิดนึง สอนให้ทำอะไรก็ทำได้หมดเลย”
ครูก้อย : “ดำน้ำได้แล้ว และเป็นเด็กที่ไม่งอแง ไม่ร้อง จะเป็นเด็กอารมณ์ดี และตอนนี้ก็เริ่มพูดตามได้บ้างแล้วค่ะ”
เจมส์ : “เขาก็ค่อนข้างเป็นเด็กอารมณ์ดี เพราะเราสองคนให้เวลากับเขาเยอะมาก เราเป็นพ่อแม่ที่ให้ความสำคัญกับการให้เวลา”
ครูก้อย : “เราจะเลี้ยงลูกเองค่ะ และมีคุณยายมาช่วยเลี้ยง แต่ไม่มีพี่เลี้ยงมาตั้งแต่ต้น เพราะเป็นความตั้งใจของก้อยกับพี่เจมส์ว่าเราจะเลี้ยงเองนะ”
เผยวางแผนจะมีคนต่อไปแล้ว และคงใช้วิธีทำเด็กหลอดแก้วเหมือนเดิม
เจมส์ : “เรื่องมีน้องอีกคนตอนนี้วางแผนแล้วครับ ก็ใช้วิธีการวิทยาศาสตร์แหละครับ”
ก้อย : “ใช้วิธีเด็กหลอดแก้วค่ะ”
เจมส์ : “ตอนนี้ครูก้อยเขาทำเพจให้ความรู้เรื่องนี้ด้วย และเราก็อยากทำให้เป็นเคสตัวอย่างให้แม่ๆ ในเพจให้เห็นด้วยว่าบำรุงดูแลตัวเองอย่างไร ก็จะใช้วิธีเดิมครับ”
ครูก้อย : “ก็ยังต้องรอนะคะ เพราะตอนนี้ยังไม่มีประจำเดือนเลยนะคะ เพราะว่าให้นมลูก 100% ก็ต้องรอน้องเมดาหย่านมก่อน ถึงจะเริ่มกระบวนการกระตุ้นไข่ได้ ก็น่าจะเป็นปีหน้าค่ะ”
เจมส์ : “ระหว่างนี้ก็วิธีธรรมชาติควบคู่ไปด้วย พร้อมเมื่อไหร่ก็เดินเครื่องเลยครับ (หัวเราะ)”
ครูก้อย : “ไม่มีเก็บไข่ไว้เลยค่ะ เพราะเคสของน้องเมดาคือคัดโครโมโซม ผ่านตัวเดียว คือใส่ตัวเดียวก็ติดเลยค่ะ ก็เลยไม่มีสำรองค่ะตอนนี้ ก็ต้องเริ่มกระตุ้นไข่ใหม่เลยค่ะ คือคุณหมอก็บอกว่าสามารถมีแบบธรรมชาติได้นะคะ แต่อายุก้อยก็ 36 แล้วค่ะ พี่เจมส์ก็ 42 ถ้าจะมีก็เสี่ยงกับโครโมโซมที่ไม่ปกติได้ เพราะผู้หญิง 35 ปีขึ้นไปจะมีโครโมโซมที่ผิดปกติได้ แต่ถ้าทำวิธีนี้เราก็จะใช้เทคโนโลยีคือคัดโครโมโซม ก็ทำให้เราสบายใจ เพราะก้อยเคยแท้งจากโครโมโซมผิดปกติ เราก็ไม่อยากแท้งแล้ว ก็อยากคัดก่อนแล้วค่อยใส่ทีเดียว ถามว่าสามารถเลือกเพศได้เลยไหม คือการคัดโครโมโซมเป็นการทราบเพศโดยทางอ้อม แต่กฎหมายไม่ให้เลือกเพศค่ะ”
เจมส์ : “ถามใจผม ใจผมอยากได้ลูกผู้หญิง แต่ครูก้อยบอกว่าไหนๆ เรามีลูกผู้หญิงแล้ว ก็มีผู้ชายจะได้ครบ แต่จริงๆ ลึกๆ อยากได้แฝด”
ครูก้อย : “แต่ครูก้อยคงไม่ไหวค่ะ (หัวเราะ) คุณหมอก็ยังไม่ค่อยแนะนำนะคะ เพราะใครที่ติดตามก็จะรู้ว่าก้อยคอมดลูกสั้น จะมีการเย็บปากมดลูกเอาไว้ เพราะฉะนั้นการมีลูกแฝดอาจจะหนักไป และมีภาวะคลอดก่อนกำหนดด้วย คุณหมอก็เลยไม่แนะนำเป็นแฝดค่ะ แต่เอาจริงๆ ครูก้อยก็ไม่ไหวอยู่แล้วด้วย (หัวเราะ) แค่ครรภ์เดียวกว่าเราจะคลอดออกมาก็ค่อนข้างจะเหนื่อยพอสมควร เพราะน้ำหนักตัวเยอะมาก ถ้าเป็นครรภ์แฝดคิดว่าไม่น่าไหว ก็ทีละคนแล้วกัน”