จะเป็นอย่างไรเมื่อดนตรีไม่ได้มีไว้เพื่อจรรโลงโลกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่กลับถูกนำมาทรมานและทำให้สภาพจิตใจของคนฟังเสื่อมลงสุดๆ ได้ หลังมีการพบข้อเท็จจริงว่าบางบทเพลงสามารถสร้างความรำคาญใจให้มากอย่างไม่น่าเชื่อ
...
มีรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ CIA เคยบิดเบือนข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ ทำเนียบขาว และสภาคองเกรส เกี่ยวกับการทรมานนักโทษ ในสงครามอิรัก ที่ในความเป็นจริงแล้ว CIA ใช้วิธีการโหดและไปไกลเกินกว่าที่ทุกคนคาดคิด
โดย CIA ใช้การทรมานทั้งนำน้ำใส่เข้าไปในปากและจมูกเพื่อให้ผู้ถูกทรมานอยู่ในถาวะเหมือนกับการจมน้ำ, การทำให้อดนอน, การทารุณกรรมทางเพศ รวมไปถึงการใช้ เกมรัสเชียน รูเล็ต เพื่อทรมานนักโทษ และจากเทคนิคต่างๆ เหล่านี้ เอง เคยมีหนึ่งในนักโทษต้องเสียชีวิต และผู้บริสุทธิ์อีก 26 คนต้องโดนทรมานจากการสอบสวน
ส่วนอีกเทคนิคหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ทรมานนักโทษ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นวิธีที่ได้ผลดี ก็คือเรื่องของการทรมานด้วยเสียงที่ทำให้นักโทษประสาทหลอนกันไปเลยทีเดียว
โดยเจ้าหน้าที่ CIA จะใช้เพลงมาเป็นตัวทรมานนักโทษและเพลงเหล่านั้นก็ยังมาจากศิลปินที่เราๆ รู้จักกันเป็นอย่างดีด้วย การทรมานนักโทษด้วยวิธีนี้ ก็คือ การนำนักโทษมาพันธนาการด้วยการรัดมือ รัดเท้า และบังคับให้นั่งอยู่ในความมืดภายในคุกขังเดี่ยว แถมใส่หูฟังที่เปิดเสียงดังสุดเพื่อฟังเพลงเดิมซ้ำๆ เป็นเวลามากกว่า 24 ชั่วโมง
และเพลงที่ใช้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ White America ของ Eminem แต่ยังมีเพลงดังของศิลปินมากมายทั้ง Metallica, Rage Against the Machine, AC/DC, คริสตินา อากีเลียรา, เดวิด เกรย์, ทูแพค และ บรูซ สปริงส์ทีน แม้แต่เพลงของ Sesame Street ก็ยังถูกนำมาทรมานนักโทษด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่บางคนจะพยายามโน้มน้าวโดยโต้แย้งว่าการให้ฟังเพลงในลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่การทรมาน พร้อมระบุว่าเป็นการออกแบบมาเพื่อสร้างความหวาดกลัว ความสับสน เพื่อยืดเวลาการจับกุมออกไปเท่านั้น
"มาร์ก แฮนด์เซล" เจ้าหน้าที่ตำรวจทีมปฏิบัติการด้านจิตวิทยาของสหรัฐฯ ได้กล่าวถึงกลยุทธ์นี้ว่า “ถ้าเปิดเพลงให้ฟังเป็นเวลา 24 ชั่วโมง สมองและร่างกายของคุณจะเริ่มทำงานช้าลง ความคิดของคุณก็จะช้าลง ความตั้งใจเดิมของคุณจะพังทลาย และนั่นคือเวลาที่เหมาะสมที่เราจะเข้าไปพูดคุยกับพวกเขา”
อย่างไรก็ตาม มันมีหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าวิธีดังกล่าว เป็นการส่งผลกระทบทางด้านสุขภาพจิตต่อตัวนักโทษ ที่ทำให้พวกเขามีสภาพจิตใจบอบช้ำเป็นอย่างมาก
"บินยัม โมฮัมเหม็ด" หนึ่งในนักโทษที่เคยถูกทรมานด้วยวิธีดังกล่าวด้วยการฟังเพลง The Real Slim Shady ของ Eminem ถึงขั้นระบุว่ามันเป็นการทรมานที่แย่กว่าการทารุณกรรมทางร่างกายเสียอีก..."ผมฟังแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่านานกว่า 20 วัน CIA ทำกับคนอื่นรวมถึงผมแบบทั้งวันทั้งคืน มันส่งผลมากพอที่จะทำให้เราเสียสติได้เลย"
"ผมได้ยินคนเอาหัวโขกกำแพง โขกประตู กรีดร้องเสียงดัง ตอนที่ผมโดน เขาเปิดเพลงแทบทุกชนิดกรอกหูผม แล้วก็รวมถึงเสียงที่น่ารำคาญ ซึ่งมันรบกวนสมาธิและสุขภาพจิต ผมเรียกมันว่าเป็นการล้างสมองอย่างหนึ่ง”
ด้าน "รูฮาล อัมเหม็ด" (Rhuhel Ahmed) พลเมืองอังกฤษ ได้พูดถึงกระบวนการสอบสวนดังกล่าวที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2008 จากการฟังเพลง Take Your Best Shot ของ Dope และอีกหลายต่อหลายเพลงของศิลปินรายอื่น เอาไว้ว่า “ผมทนกับการทุบตีได้ ไม่มีปัญหาเลย เมื่อคุณยอมรับก็จะถูกลากตัวไปห้องสอบสวนและอาจถูกทุบตีอีกนิดหน่อยซึ่งสำหรับผมมันไม่ระคายเลย เพราะคุณสามารถเตรียมตัวเรื่องสภาพจิตใจได้"
"แต่เมื่อถูกทรมานด้วยขั้นตอนทางจิตวิทยาเมื่อไหร่ คุณแทบจะทนไม่ได้เลย มันทำให้คุณรู้สึกโมโห ลืมเนื้อหาที่เตรียมไว้จนหมด แล้วก็กลัวสุดๆ ว่าตัวเองจะเป็นบ้าเพราะเพลงพวกนี้ เพราะว่ามันเสียงดังมาก แถมหลังจากนั้นสักพักคุณแทบไม่ได้ยินเนื้อเพลงอะไรเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่ได้ยินมีแต่เสียงเคาะหนักๆ แค่นั้นเอง”
ทางด้านนักโทษที่มาจากชนบทของอัฟกานิสถานและเยเมน ที่ไม่เคยสัมผัสกับดนตรีตะวันตกมาก่อน ก็ถูกเปิดประสบการณ์ด้วยบทเพลงที่ทำเอาพวกเขาถึงกับสยอง กับบทเพลงเฮฟวีเมทัลของ มาริลีน แมนสัน
โดย "เบกก์" นักโทษรายหนึ่งได้เผยถึงเรื่องนี้ว่า “บางครั้งมันถูกปิดตอนตี 3 ประมาณนั้น แต่อาการง่วงของเรามันถูกรบกวนด้วยเพลงไปแล้ว คุณไม่สามารถหลับในเวลาปกติที่เคยเข้านอนได้อีกเลย และที่แย่สุดๆ คือ พวกเขาเปิดเพลงไม่ตรงเวลา นึกอยากเปิดก็เปิด ไม่เฉพาะเจาะจงว่าจะเปิดหรือปิดเวลาไหน มันทำให้ร่างกายคุณเหนื่อย, ปั่นป่วน, หดหู่"
"เหนือกว่าสถานการณ์ใดๆ ทั้งหมดคือ คุณไม่รู้เลยว่าจะถูกปล่อยตัวออกจากจุดนั้นได้เมื่อไหร่ , ถูกสอบสวน หรือ ย้ายไปเข้าห้องขังตอนไหน หลายคนต้องทุกข์ทรมานจากความเหนื่อยล้า บางคนเริ่มหายใจหอบ สติไม่อยู่กับตัว เอาขวดน้ำตีลูกกรง ทำร้ายร่างกายคนอื่น เอามือเปล่าๆ ไปขูดกับรั้วลวดหนาม บางทีก็ร้องไห้ปล่อยโฮออกมาเลย”
ต้องบอกว่านอกจาก ดนตรี เหล่านี้จะทรมานบรรดานักโทษแล้ว ทางด้านเจ้าหน้าที่เอง ก็ได้รับผลกระทบจากดนตรีเหล่านี้ไม่ต่างกัน "โทนี ลาโกรานิส" อดีตเจ้าหน้าที่ล่ามของกองทัพสหรัฐฯ ก็เกือบสติหลุดขณะสอบสวนผู้ต้องหาที่ต้องฟังเพลงเฮฟวีเมทัลมาแล้ว
"เราเข้าไปตะโกนถามเขาที่ข้างหู หัวเขาหมุนไปมา พยายามหาว่าเราอยู่ตรงไหน หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เขาก็เริ่มร้องโหยหวน เราเดินหน้าต่อ ใช้คำพูดหยาบคาย ผมตะโกนจนเจ็บคอไปหมด หูสั่น ไฟก็สลับไปมาทำให้สับสน ผมรู้เลยว่าผมยืนอยู่แบบนั้นไม่ได้นานแน่ๆ"
"ทั้งดนตรีทั้งแสงไฟมันทำให้ผมก้าวร้าวขึ้นไปอีก นักโทษเองก็ยังคงไม่ให้ความร่วมมือ มันก็ยิ่งทำให้ผมโมโหหนักกว่าเดิม ถึงขนาดคิดอยากตัดนิ้วนักโทษทิ้งให้หมดเลย"
ทั้งนี้สหประชาชาติและศาลด้านสิทธิมนุษยชนของยุโรป ก็ต่อต้านการใช้เสียงเพลงดังๆ เพื่อสอบสวนนักโทษ โดยกลุ่ม แอมนาสตีสากล ก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “มันเหมือนกับการทำร้ายหูของพวกเขา ที่ต้องการข่มขู่ ทำให้สับสน และทำให้นักโทษพ่ายแพ้ไปในที่สุด"
"ไม่ว่าจะเป็นการใช้ดนตรีเสียงดังๆ ความร้อนจัดๆหรือแสงแรงๆ ที่ทำให้พวกเขาไปสู่จุดเครียด หรือการทรมานให้เหมือนจมน้ำ เทคนิคต่างๆเหล่านี้มันโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และผิดกฎหมายระหว่างประเทศด้วย"
ทางด้านศิลปินอย่าง "เจมส์ เฮตฟีลด์" นักร้อง - นักดนตรีผู้ร่วมก่อตั้งวง Metallica ไม่เชื่อว่าดนตรีของเขาจะทรมานนักโทษได้...“หากชาวอิรักไม่คุ้นชินกับอิสรภาพ ผมก็ดีใจนะที่มีส่วนช่วยปลดปล่อย ถ้าบอกว่าเพลงของเราใช้ทรมานนักโทษได้ แสดงว่าเราคงลงโทษพ่อแม่ ภรรยา และคนที่เรารักกันมานานและคงทรมานกันตลอดไปแล้วล่ะ ผมไม่คิดว่าคนอิรักจะแตกต่างจากพวกเราตรงไหนนะ?"
ส่วน "สตีฟ อาซีม" มือกลองจากวงเดธเมทัล Decide ที่เพลงของพวกเขาถูกใช้ในค่ายกักกันกวนตานาโม ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า “ถ้ามองดีๆ พวกเขาไม่ใช่เด็กม.ปลายนะ พวกเขาเป็นนักรบ เป็นนักสู้ และถูกเทรนมาอย่างดีเพื่อทนต่อความทรมาน พวกเขาคาดหวังว่าจะโดนลนไฟหรือถูกทุบตีหรือถูกทำร้ายร่างกายจนกระดูกหัก ถ้าผมเป็นนักโทษที่อ่าวกวนตานาโม แล้วพวกเขาเปิดเพลงกรอกหูผม ผมคงคิดว่า ‘มีปัญญาแค่นี้เองเหรอ?’ ผมไม่เชื่อเรื่องการทรมานคน และผมก็ไม่เชื่อเรื่องที่เพลงเสียงดังๆทรมานคนได้เหมือนกันนี่ด้วย”
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ดูเหมือนศิลปินเจ้าของเพลงจะยังไม่รู้ขั้นตอนการทรมาน ว่าการใช้เพลงของพวกเขาด้วยเสียงที่ดังและกรอกหูติดต่อกันนานๆ มันสามารถบั่นทอนสภาพจิตได้ไม่น้อยทีเดียว
...
บทเพลงที่นิยมใช้ทรมานนักโทษ
Dope: "Die MF Die", "Take Your Best Shot"
Eminem: "White America", "Kim", “The Real Slim Shady”
Barney & Friends: theme song
Drowning Pool: "Bodies"
Metallica: "Enter Sandman"
Meow Mix: commercial jingle
Christina Aguilera : Dirrty
Mohamed el-Qasabgi : "Zikrayati (My Memories)"
David Gray : Babylon
Bee Gees : "Saturday Night Fever"
Marilyn Manson : “The Beautiful People”
Deicide : "Fuck Your God"
Queen : “We Are the Champions”