แจงละเอียดทุกข้อ “หมู พิมพ์ผกา” เฉ่งผู้บริหาร “ไทย ฟินเทค” เป็นลูกผู้ชาย ทำไมต้องโกหก บอกยกเลิกสัญญา เพราะอาจทำให้ลูกเสียชื่อ หลังเพจเตือนภัยนศ. ม.ธรรมศาสตร์โพสต์แฉถึงความไม่ชอบมาพากล จี๊ดรูปลูกโผล่บนโบรชัวร์-บิลบอร์ด ใช้สัญชาตญาณแม่ปกป้องลูก คืนเงินให้ทุกบาททุกสตางค์ 5.8 ล้าน ส่วนอีก 5 แสนทีมงานคู่กรณีขอเป็นค่านายหน้า จวกไม่เห็นคุณค่าความใจดี อยากให้ปรับปรุงองค์กร แถมขู่จะเอาผิดนศ. ที่ส่งข้อมูลให้ตน เย้ยถ้าฟ้องจะเสียเปรียบ รับรองหลักฐานแน่น แต่ไม่อยากฟ้องให้เสียความสวย ด้านน้องนายนั่งไลฟ์สดให้กำลังใจแม่
กลายเป็นประเด็นร้อนเลยทีเดียว สำหรับกรณีที่ บริษัท ไทย ฟินเทค ตั้งโต๊ะแถลง ชี้แจงความเสียหายมูลค่า 10 ล้าน กรณีถูกนักแสดงรุ่นใหญ่ “หมู พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ” โพสต์ประจาน อ้างเว็บ www.thishop.com แอบอ้าง นำรูป “นาย ณภัทร เสียงสมบุญ” ไปหากิน ทั้งที่ไม่ได้เซ็นสัญญา โดยยืนยันว่ามีการเซ็นสัญญากัน โอนเงิน 5.8 ล้านให้ แต่สุดท้ายตกลงกันไม่ลงตัว อ้างยึกยักไม่ให้คิวจนบริษัทเสียโอกาส แถมยังให้ใช้เอเจนซี่ของตัวเองซึ่งมีราคาแพง
ล่าสุด “หมู พิมพ์ผกา” ก็ตั้งโต๊ะแถลง โดยมีลูกชายนั่งไลฟ์สดท่ามกลางสื่อมวลชน พร้อมทนายความส่วนตัว “เจมส์ นิติธร แก้วโต” งัดหลักฐานแชตไลน์ทุกอย่างมาโต้กลับ ซัดอีกฝ่ายทำงานไม่เป็นมืออาชีพ ไม่ชอบมาพากล และตนขอปกป้องชื่อเสียงลูกตามสัญชาตญาณของคนที่เป็นแม่ พร้อมเปิดใจเคลียร์ทุกเรื่อง
หมู พิมพ์ผกา : “จากเมื่อวาน ใจจริงไม่ได้อยากจะแถลงนะ บริษัท ไทย ฟินเทค มีแถลงพาดพิงถึงเราหลายประเด็นมาก ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าใจในตัวเราผิด สร้างความเสียชื่อเสียง สำหรับเราการทำงานการเป็นนักแสดงเกือบ 30 ปี ปัจจุบันได้เปลี่ยนอาชีพเป็นคนดูแลนักแสดง มาดูแลน้องนายอย่างเต็มตัว เรามั่นใจว่าเราทำงานอย่างมืออาชีพ แล้วทุกแบรนด์ที่เราได้ร่วมงานที่น้องนายเป็นพรีเซ็นเตอร์ทุกแบรนด์ร่วมงานกันด้วยดี มืออาชีพและมีการต่อสัญญา”
“หลายประเด็นที่เขาได้พาดพิงถึงเรา อยากจะมาชี้แจงข้อเท็จจริงในมุมของเราบ้าง เรื่องที่เกิดขึ้นมันเกิดจากอะไร อันดับแรกที่เราจะเล่าให้ฟัง เราได้รับการติดต่อให้น้องเป็นพรีเซ็นเตอร์เหมือนแบรนด์ทั่วๆ ไป เป็นเรื่องของเว็บไซต์ที่ขายสินค้าออนไลน์ ดูแล้วจากขั้นต้นก็ปกติ วิธีการตกลงให้น้องถ่ายภาพนิ่ง 5 ภาพ ภาพเคลื่อนไหวเป็นวิดีโออีก 1 เรื่อง และเราตกลงกันในตอนนั้น”
อ้างเป็นบริษัทใหม่ แต่มีทุนจดทะเบียน 200 ล้าน ทีมงานเป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือให้แนะนำเอเจนซี่
“แล้วที่น้องที่ติดต่อมาเป็นพนักงานของบริษัท ไทย ฟินเทค แนะนำตัวเองเลยว่าน้องเพิ่งจบใหม่และบริษัทเราเป็นบริษัทใหม่ แต่มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านเลยนะ น้องบอกว่าเพิ่งจบใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ เราบอกว่าอ้าว แล้ววิธีการติดต่อฟังเหม่งๆ เราก็ถามไปเลยว่าใช้เอเจนซี่ของอะไร ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วในการรับงานที่เราต้องสอบถามว่าใช้ทีมไหนทำงาน ช่างภาพเป็นใคร สอบถามเป็นปกติ เพื่อควบคุมภาพลักษณ์ของนักแสดง”
“น้องบอกว่าน้องยังใหม่ คุณแม่มีแนะนำเอเจนซี่มั้ยค่ะ ซึ่งเป็นการคุยกับแบบมีลายลักษณ์อักษรด้วยซ้ำ ว่าเขาให้เราแนะนำเอเจนซี่เอง ขอความช่วยเหลือมา (พร้อมโชว์ไลน์แชต) เราแนะนำไปกับเอเจนซี่ที่เราเคยทำงานด้วย เป็นเอเจนซี่ระดับหนึ่งของประเทศ เพราะดูจากทุนจดทะเบียนของเขาให้ไปคุยกันเอง จะเลือกหรือไม่เลือก เราไม่รู้เรื่องแล้ว แล้วที่เขามาบอกว่าเรามีส่วนได้ส่วนเสียกับเอเจนซี่ไม่จริง เขาเป็นคนขอความช่วยเหลือเราให้แนะนำ ด้วยความที่เราร่วมงานกับเอเจนซี่เยอะมาก”
ยกเลิกสัญญาเพราะทำให้ลูกชายเสื่อมเสียชื่อเสียงภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน เหตุมีเพจเตือนภัยนศ.ม.ธรรมศาสตร์ ประกาศแฉบริษัทคู่กรณี
“สำหรับสาเหตุที่ยกเลิกสัญญา แจ้งมาว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน เราบอกเลยว่าเราขอยกเลิกสัญญากับเขา ด้วยคำว่าทำให้น้องเสื่อมเสียชื่อเสียงภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน ด้วยสาเหตุมาจากที่ว่า เพจเตือนภัยนักศึกษา ออกมาเตือนภัยเป็นเพจใต้เตียงมธ. (โชว์เอกสาร) ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาเตือนภัยนักศึกษาว่ามีเว็บไซต์เว็บหนึ่งเข้ามาที่มหาวิทยาลัย แล้วเอาบัตรประชาชนนักศึกษาไปถ่ายรูป นักศึกษาโปรดระวังข้อมูล ซึ่งเมื่อเราเห็นตรงนี้แล้วมันมีความไม่ชอบมาพากล การดึงบัตรประชาชนนักศึกษา”
“เพจนี้ถูกทวิตไปในทวิตเตอร์มีข้อความจากนักศึกษาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถูกดึงบัตรประชาชนไปถ่ายรูปจริง อย่างที่เราเห็นต่อมาคือมีโบรชัวร์ด้วย ซึ่งเรายังไม่ได้เริ่มงานอะไรกันเลย มีภาพน้องภาพนี้ ภาพน้องเกาคางภาพฮิตมากในโลกโซเซียล จะเปิดไปเพจไหนๆ เจอภาพน้องเกาคาง”
ตีเนียนขอรูปอ้างไปขึ้นหน้าเว็บเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจพนักงาน แต่กลับนำไปทำโบรชัวร์
“ที่มาของรูปนี้นะคะ คือเป็นรูปที่ แม่บอกเลยว่าเป็นรูปที่มีลิขสิทธิ์นะคะ เป็นรูปที่แม่ถ่ายหนังสือ แล้วถามว่ามาได้ยังไง คือพอเสร็จสัญญากันปุ๊บ งานถ่ายภาพนิ่งยังไม่เคยขึ้น งานถ่ายใดๆ ยังไม่เกิดขึ้น ขอแม่รูปหนึ่งก่อนได้มั้ย เอาไปติดไว้ที่หน้าเว็บ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจพนักงาน ว่าเราได้พรีเซ็นเตอร์มาแล้ว (หัวเราะ) ทีนี้แม่ก็บอกว่างั้นไปเลือกเอาเลยในไอจี เลือกเอารูปไหนก็ได้ เขาบอกไม่ได้ค่ะแม่ ไฟล์มันเล็กไป เราก็บอกอ้าว คุณจะติดแต่ที่เว็บไซต์ทำไมต้องเอาไฟล์ใหญ่ๆ”
“เขาบอกว่าทางฝ่ายกราฟฟิกของเขาบอกว่าไม่ได้ ต้องไฟล์ใหญ่ แม่ก็บอกแม่ไม่มีไฟล์ใหญ่ รูปไฟล์ใหญ่ๆ มันมีลิขสิทธิ์ มีเจ้าของหมด แม่ให้ไม่ได้ เขาก็บอกว่าแม่คะ เราขอรูปนี้ เขาตั้งใจเลยว่าขอรูปนี้ (รูปน้องนายเสื้อสีดำยืนจับคาง) เราก็เลยส่งไปให้เขา ก่อนจะส่งไปแม่ก็โทรไปถามเจ้าของลิขสิทธิ์นะคะ บอกพี่คะ หมูขอยืมใช้หน่อยนะคะ ไม่เกิน 1 เดือน เดี๋ยวถ่ายรูปใหม่เสร็จแล้วจะลบทิ้ง เพราะว่าเอาไปติดแค่ที่เพจเว็บไซต์เท่านั้น ไม่มีงานอื่น เขาก็บอกว่างั้นเอาไป เราก็ขอเขามาแค่เดือนเดียวเพื่อติดที่เว็บไซต์เท่านั้น แม่ก็บอกว่าเอาไปใช้ก่อนนะคะ 1 เดือน แล้วแม่ยังถามเขาเลยว่าเราถ่ายภาพนิ่งกันวันไหน เพราะว่าแม่ไม่ได้อยากให้ใช้ภาพอื่นๆ อยากให้ใช้ภาพของตัวแบรนด์นั้นเอง”
“เราก็จะถามเขาตลอดเวลาว่าถ่ายวันไหน อย่าเอารูปนี้ไปใช้นะ ติดลิขสิทธิ์นะ แต่ปรากฏว่ามีเพจเตือนภัยนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขึ้นรูปโบรชัวร์ เว็บไซต์เขาที่มีรูปน้องนายรูปที่เราส่งไปให้ (โชว์หลักฐานไลน์แชต) แม่ก็แบบทำไมคุณถึงกล้าเอาไปทำโบรชัวร์ ในเมื่อภาพมันเป็นลิขสิทธิ์ แล้วเซ็นสัญญายังไม่ถึงเดือนเลย คุณทำการตลาดแล้วตามมหาวิทยาลัยต่างๆ แล้ววิธีการทำการตลาดของเขา”
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวแม่ขอบอกถึงเหตุของการยกเลิกสัญญาก่อน คือหนึ่งเลย เราเจอเพจเตือนภัย ซึ่งเรามองเห็นท่าไม่ดีแล้ว การที่เอาบัตรประจำตัวประชาชนของคนอื่นไป เท่ากับละเมิดสิทธิ์ แล้วบัตรประจำตัว เวลาเราให้ใครเอาไปถ่ายรูปมันอันตรายมากนะคะ เราไม่รู้ว่าเขาเอาไปทำอะไร เจตนาเขาคืออะไร ทำไมถึงต้องดึงบัตรประชาชนนักศึกษาไปถ่าย ทำไมต้องให้ซีรอกซ์แล้วเซ็นยินยอม แม่เริ่มมองเห็นว่าไม่น่าจะดีแล้ว อันดับที่สองคือใช้รูปที่มีลิขสิทธิ์ไปทำเป็นโบรชัวร์ แม่จึงขอใช้ข้อนี้ ในการยกเลิกสัญญาเลย ขอยกเลิกในวันที่ 23 พฤษภาคม ภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือน แล้วเขาก็ตกลง มีการเซ็นกันทั้งสองฝ่าย ตกลงกันอย่างดี และที่สำคัญที่สุด แม่คืนเงินทุกบาททุกสตางค์นะคะ หลักฐานการคืนเงินเราก็มีหมดนะคะ ในความเป็นจริงนะคะ”
คืนเงินค่าตัว 5.8 ล้าน แถมค่านายหน้าทีมงานอีก 5 แสน ครบทุกบาททุกสตางค์
“การตกลงค่าตัวของโฆษณาตัวนี้จะอยู่ที่ 5 ล้าน 8 แสนบาท แต่น้องคนที่ติดต่อเนี่ย บอกว่าคุณแม่คะหนูขออนุญาตบวกเพิ่มเข้าไป 5 แสนบาทได้มั้ยคะ แม่ก็ถามว่าบวกทำไม เขาก็บอกว่าขอเป็นค่านายหน้า เราก็บอกว่าอย่ามาเกี่ยวกับแม่ เงิน 5 ล้าน แม่เสียภาษี 20 เปอร์เซ็นต์นะ บวกเพิ่มมา 20 เปอร์เซ็นต์นี่มันมหาศาลสำหรับแม่ เขาก็บอกว่านะคะคุณแม่ ขอหน่อย ครั้งนี้ของหน่อย ช่วยๆ กัน แล้วตอนนั้นแม่กำลังจะไปเมืองจีน ก็เลยงั้นก็ได้ แต่แม่ขอหักภาษี ณ ที่จ่ายให้มันถูกต้อง ซึ่งแม่ก็มีสัญญา แล้วน้องเขาพยายามจะโอนเงินเข้าบัญชีแม่มาให้เร็วที่สุด โดยที่เรายังไม่ได้เซ็นสัญญา มันจะมีข้อความอยู่อันหนึ่ง ว่าขอโอนเงินก่อนสงกรานต์ได้มั้ยคะ (โชว์หลักฐานไลน์แชต)”
“เราก็บอกไม่ได้ ทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามขั้นตอนนะคะ คุณจะโอนเงินไม่เอาใบเสนอราคาเหรอ ไม่เอาใบวางบิลเหรอ ระบบบัญชีคุณคืออะไร แม่ก็อีกหนึ่งเอ๊ะ ว่าเราทำงานกับใครวะเนี่ย แล้วก็สุดท้ายเขาก็โอนเงินเข้าบัญชีนะคะ แม้แต่ใบเสร็จรับเงินแม่ก็ต้องโทร.ไปถามว่าถามบัญชีให้หน่อย ไม่เอาหรอ ไม่เอาหลักฐานพวกนี้แล้วคุณจะไม่ยื่นภาษีหรอ เขาก็โทรกลับมาว่าเอาก็ได้ค่ะแม่ เราก็ทำกลับไปในนามของบริษัทเรียบร้อย แล้วพอเราได้รับเงินโอนมาเสร็จเรียบร้อย ทำใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงินกลับไปให้เขาเรียบร้อย แม่ได้มีการโอนเงินกลับไปให้เขา 5 แสนบาทโดยหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ 3 เปอร์เซ็นต์ ก็จะเป็นเงิน 485,000 โอนกลับไปให้พนักงานเขา”
“เพราะฉะนั้นสิ่งที่แม่โอนกลับไปตามที่เขาโชว์หลักฐานให้ดู คือเงิน 5,800,000 บาท และเงินที่โอนให้พนักงานอีก 500,000 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 6,300,000 บาท สรุปคือแม่โอนเงินคืนเขาทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ โดยไม่เก็บไว้เลยแม้แต่บาทเดียว สิ่งสำคัญที่สุดคือเอาน้องนายออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะแม่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ถ้าทำงานกับที่นี่ต่อไป จะมีใครออกมาโวยวาย ผู้ปกครองจะมาโวยวายไหมว่าบัตรประชาชนลูกสาวลูกเขาหายไป”
มึนบิลบอร์ดโผล่อีก ถ้าไม่ใช้คำว่าแอบอ้างก็ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรเพื่อปกป้องลูก
“ทีนี้มาถึงเรื่องที่เขากล่าวหาแม่นะคะ เขาว่าแม่แอบอ้าง ใช้คำว่าแอบอ้างในการที่แม่โพสต์รูปนั้นรูปแรกเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน สาเหตุที่แม่โพสต์รูปนั้นว่าแอบอ้าง คือวันที่ 13 ในเวลากลางคืนแม่เห็นนักศึกษาคนหนึ่งทวิตเตอร์ขึ้นมาเป็นภาพน้องนาย (โชว์หลักฐานภาพที่ถูกกล่าวอ้าง) อยู่บนตึก ซึ่งภาพนี้แม่บอกแล้วว่ามันเป็นภาพลิขสิทธิ์ เป็นของคนอื่นเขาคุณเอาไปทำโบชัวร์ แถมมาทำบิลบอร์ดใหญ่ๆ ติดตึกแบบนี้ด้วยหรอ ขออนุญาตแม่หรือยัง”
“อันที่สองคือน้องจะไปยังมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งนะคะ และมีโบรชัวร์น้องในวันที่ 13 หมด เรายกเลิกสัญญากันไปแล้ว เป็นเวลา 20 วัน คุณยังใช้โบรชัวร์เราอยู่ โดยมีหลักฐานเยอะกว่านี้อีก นักศึกษาทยอยส่งมาให้หมูจากการที่หมูประกาศ เพราะฉะนั้นสิ่งที่แม่คนหนึ่งทำได้ คืองานนี้มันโผล่มาได้ยังไง แล้วรูปก็มีลิขสิทธิ์ เอามาติดบิลบอร์ดได้ยังไง แล้วสัญญาก็หมดไปแล้ว ถูกมั้ยคะ ยกเลิกไปแล้ว คืนเงินทุกบาททุกสตางค์แล้ว ทีนี้พอมันเป็นรูปลิขสิทธิ์ เพราะฉะนั้นคำว่าแอบอ้าง ตามประสาของคนเป็นแม่ แม่ทำเพื่อปกป้องเขานะคะ”
“คือคืนนั้นแม่ไม่รู้ว่าวันรุ่งขึ้นเขาจะไปที่มหาวิทยาลัยไหน แล้วนักศึกษาจะโดนยึดบัตรประชาชนถ่ายรูปอีกหรือไม่ สิ่งที่แม่ทำในคืนนั้นคือทำยังไงให้นักศึกษารู้ให้เร็วที่สุดว่าใครมายึดบัตรประชาชนอย่านะ ถ้าเห็นเขาเอาหน้าน้องนายไปทำโบรชัวร์แบบนี้อย่าหลงเชื่อนะ แล้วคำว่าแอบอ้างในความหมายของแม่คือแอบอ้างคือการใช้รูปที่มีลิขสิทธิ์นะคะ การใช้รูปที่มีลิขสิทธิ์ที่แม่ได้รับอนุญาต ตอนที่เรายกเลิกสัญญากันแม่เห็นแค่เขาใช้ในเว็บ และเห็นใช้ในโบรชัวร์ของเพจเตือนภัยนักศึกษาเท่านั้น แม่ไม่เห็นงานบิลบอร์ดเลย อยู่ๆ งานบิลบอร์ดโผล่ขึ้นมา มันจี๊ดมาก”
“และในขณะนั้นคืนนั้นแม่ก็คิดว่าจะเอาไงดี พรุ่งนี้นักศึกษาจะรู้ให้เร็วที่สุด แม่ก็โพสต์คืนนั้นโดยไม่ได้ปรึกษาใครเลย ใช้สัญชาตญาณของความเป็นแม่ในการปกป้องลูกเรา บอกนักศึกษาว่าเราไม่เกี่ยว เขาแอบอ้าง แม่ไม่รู้ว่าถ้าแม่ไม่ใช้คำว่าแอบอ้างแล้วจะให้ใช้คำว่าอะไร นึกไม่ออกจริงๆ นอกจากใช้คำนี้ แอบอ้าง แล้วเขาจะเอาคำนี้มาฟ้องแม่นะคะ”
ซัดสินค้าราคาแพง เกินความจำเป็นสำหรับนักศึกษา ไม่อยากให้เกิดค่านิยมผิดๆ
“ทีนี้มาถึงคำที่เขาบอกว่าแม่กล่าวหาในรูปนั้น แม่เขียนว่าสินค้าของเขาราคาแพง แม่จะอธิบายคำว่าสินค้าราคาแพงให้ฟังนะคะ คำว่าสินค้าราคาแพงที่เขียนไปในโพสต์ ขออธิบายว่าเป็นสินค้าที่เกินความจำเป็น เกินปัจจัยสี่ที่มนุษย์จะมีถูกมั้ยคะ เด็กนักเรียน นักศึกษายังไม่ได้ทำงาน ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง บางคนยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย แต่ถูกให้มาผ่อนสินค้า เราถามเขาคำหนึ่งว่าแล้วถ้าเด็กๆ ไม่มีเงินผ่อนจะเกิดอะไรขึ้น”
“สินค้าราคาแพงของเขาก็คือไม่ได้อยู่ในความจำเป็นปัจจัยสี่ อย่างเช่น กระเป๋าแบรนด์เนม น้องที่ติดต่อพี่บอกว่าเดี๋ยวจะมีกระเป๋าแบรนด์เนมทุกยี่ห้อมาอยู่ในเว็บของเรา มีนาฬิกา มีกล้องถ่ายรูป มันเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย มีทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า น้ำหอม มีสินค้าเหล่านี้หมด ถามว่านักศึกษายังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง บางคนอายุยังไม่ถึง 20 ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องมาผ่อนสินค้าถ้าไม่มีเงินผ่อนจะเกิดอะไรขึ้น”
“สิ่งที่แม่ทำ แม่ไม่อยากให้มันเกิดการสร้างค่านิยมที่ผิดๆ ว่าคนนั้นมีอันนั้นเราต้องมี พอมีเสร็จก็เกิดปัญหาว่าผ่อนไม่ไหว แล้วมันจะมีปัญหาสังคมเกิดตามมาแน่นอน นั่นคือสิ่งที่เรากลัวว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เข้าใจคำว่าสินค้าราคาแพงในความหมายของเราแล้วนะ เราไม่ได้ไปบอกว่าของเขาแพงนะคะ เราโพสต์ว่าสินค้าราคาแพง”
เปิดหลักฐานแชตยันให้เลือกคิวน้องนาย แต่อีกฝ่ายขอกะทันหัน ลั่นระดับลูกชายขอคิวภายใน 1 อาทิตย์เป็นไปไม่ได้
“ที่เขาบอกเราไม่ให้ความร่วมมือในการทำงาน ขอคิวแล้วไม่ให้ คุณคะ เราทำงานมากี่ปีแล้ว ขอแล้วไม่ให้จริงเหรอ เขาบอกว่าเขาขอคิวเราแล้วเราไม่ให้ เขาจึงไปใช้รูปนี้ เอารูปนี้มาถูกมั้ยคะ ดูหลักฐานการขอคิวมั้ยคะ (โชว์หลักฐานไลน์แชต) คุณขอวันที่ 1 มิ.ย. คือเขาขอล่วงหน้ามาแค่อาทิตย์เดียว ระดับน้องนายแล้วมาขอคิวตอนอาทิตย์เดียวมันเต็ม เราก็บอกว่าต้องนัดคิวล่วงหน้านะ เราติดงานจริงๆ เราก็ให้คิวเขาไปแล้วว่า 28-3 เราอยู่เกาหลีนะคะ จะมีคิวว่างในวันที่ 8, 16, 17 พฤษภาคม เลือกเอาเลยค่ะจะใช้วันไหน เขาก็โทร.กลับมาถามเราว่าจะเอาวันไหนดี ก็มีการติดต่อคิว”
“เขาบอกว่างานอาร์ตเวิร์กยังไม่เสร็จ แล้วเขาก็เริ่มเอางานอาร์ตเวิร์กมาให้ดู งานอาร์ตเวิร์กคืออะไร ก็คือในการทำโฆษณาทุกชิ้น ภาพนิ่งทุกชิ้น เขาทำมาให้เราดู 1 ชิ้น ซึ่งมันเป็นสิทธิ์โดยปกติอยู่แล้วที่ผู้ดูแลศิลปินต้องมีการตรวจสอบว่ามันถูกต้องหรือไม่นะคะ อันนี้ไม่ได้เป็นภาพที่ถ่ายใหม่นะคะ เป็นภาพที่เขาเอามาจากในอินเตอร์เน็ตมาตัดแปะว่างานจะออกมาประมาณนี้นะคะ”
“พอเราดูงานอาร์ตเวิรกคชิ้นนี้แล้วเกิดอะไรขึ้น พี่ๆ นักข่าวอยู่ในวงการมานานก็น่าจะรู้เนอะคุณเอาสินค้ามาอยู่ตรงตัวน้องทำไม่ได้นะคะ อีกอย่างน้องเป็นพรีเซ็นเตอร์นาฬิกา แล้วเอานาฬิกามาอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้ เราบอกอย่าเอาสินค้ามาอยู่ตรงตัวน้อง เขาไปแก้กลับมาค่ะ แก้กลับมาเป็นอันนี้ (หัวเราะ) คือเอามาอยู่รอบตัวแทน เราก็บอกว่าตายแล้ว คุณไปเอาเอเจนซี่ที่ไหนมาทำงาน ทำไมไม่รู้กฎ กติกา มารยาทของการเป็นพรีเซ็นเตอร์”
“และเขาก็ถามเรากลับมาว่า อ้าว เป็นเว็บขายสินค้า แต่ไม่มีสินค้าแล้วจะให้ทำอะไรคะ (โชว์หลักฐานไลน์แชต) นี่คือสิ่งที่เราได้รับมานะคะ เราก็สอนเขาด้วยซ้ำและยังเอาตัวอย่างให้เขาดู มีโปรดักชั่นมาขอดูสัญญาเราด้วย เราก็ไม่มีใครให้ดูสัญญากัน คุณจะมาดูทำไม เดี๋ยวเราจะหาตัวอย่างให้ดูนะคะ เว็บขายสินค้าทำยังไง ก็มีพรีเซ็นเตอร์ และหน้าที่ของเราคือโปรโมตแบรนด์ โปรโมทเว็บไซต์เพื่อให้คนรู้จัก เราไม่ได้มาโปรโมตสินค้าแต่ละชิ้น แต่ละตัวนะคะ เพราะน้องมีสินค้าจับจองอยู่เกือบหมดทุกสิ้นทุกแบรนด์แล้วนะคะ”
“อันนี้เป็นอันหนึ่งที่บอกถึงความไม่มืออาชีพเลย อันนี้คือที่เขาโพสต์ทวิตเตอร์ภาพน้องกับนาฬิกา เราก็บอกซิน ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ น้องติดสัญญาพรีเซ็นเตอร์นาฬิกา Longines อยู่ค่ะ คุณจะให้น้องมาขายนาฬิกายี่ห้ออื่น เราจะโดนฟ้องนะคะ เราโปรโมตเว็บไซต์ พูดแล้วพูดอีกว่าเราโปรโมตเว็บไซต์ ไม่ได้โปรโมตขายสินค้าให้เขา”
ย้ำบิลบอร์ดยังไม่เอาลงหลังยกเลิกสัญญา ถ้าคู่กรณีมีหลักฐานยืนยันว่าเก็บหมดแล้วก็ให้เอาออกมาสู้
“สิ่งเหล่านี้ก็น่าจะเป็นที่มาของคำว่าความคิดเห็นไม่ตรงกันในสายตาเขาที่เขากล่าวอ้างเรานะคะ แต่ว่ามันก็คือการปกป้องสิทธิ์ของเรา เป็นสิ่งที่ผู้ดูแลนักแสดงทุกคนต้องทำ ต้องจัดการดูแลสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว ที่นี้แม่บอกเลยว่าเราเลิกสัญญากันไม่ใช่เพราะว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่ว่ามันเป็นเพราะหนึ่งมีเพจเตือนภัย ซึ่งอาจจะทำให้นาย ณภัทรเสื่อมเสียชื่อเสียง สองคุณนำภาพที่มีลิขสิทธิ์ของเราไปทำเป็นโบรชัวร์ ทำเป็นบิลบอร์ด บิลบอร์ดที่น้องๆ ถ่ายภาพมา ระยะเวลามันขึ้นว่ามันที่ 28 พฤษภาคม เรายกเลิกสัญญากันในวันที่ 23 พฤษภาคม เขายังไม่เอาลง ไม่เป็นไรแม่ไม่ว่า เอาแบบแมนๆ ให้เวลา 7 วันในการเอาลง (เหมือนเขายืนยันว่าเขาเอาลง เก็บหมดแล้ว?) เอาหลักฐานมาค่ะ”
“จริงๆ เราไม่เอาความ ถ้าเขาบอกว่าต้องใช้เวลา 7 วัน เรื่องนั้นแม่ไม่เอาความ แต่สิ่งที่แม่เอาความคืออยู่ดีๆ มีบิลบอร์ดที่เป็นภาพลิขสิทธิ์ขึ้นมา โผล่ขึ้นมาได้อย่างไร ถูกมั้ย ในเมื่อสิ่งที่เขาบอกเราในวันยกเลิกสัญญาเรามีแค่ภาพน้องในเว็บไซต์และโบรชัวร์เราเห็นแค่สองอย่างนี้เท่านั้น บิลบอร์ดแม่ยังไม่เคยเห็น แล้วเป็นคุณคุณตกใจมั้ยคะ อยู่ๆ วันที่ 13 มิถุนายน 20 วันผ่านไปแล้วเห็นบิลบอร์ดขึ้นมา แล้วยังเป็นภาพที่มีลิขสิทธิ์ ก็อย่างที่บอกไม่ใช้คำว่าแอบอ้างแล้วให้ใช้คำว่าอะไร”
ทนายเจมส์ : “ยังมีเรื่องของการเจรจา หลังจากวันที่ 14 มิถุนายนครับ”
ซัดเป็นระดับผู้บริหารแต่กลับไม่พูดความจริง คุยกัน 1 ชม. แอบปรารถนาดีอยากให้ธุรกิจอีกฝ่ายประสบความสำเร็จ คาดอาจล้มเหลวในองค์กร แต่กลับเอาสิ่งเหล่านั้นมาทำร้ายตน ไม่เห็นคุณค่าความใจดี
หมู พิมพ์ผกา : “โชคดีที่เรามีหลักฐานทุกอย่าง แม่ก็ไม่เข้าใจนะว่า ทำไมถึงเป็นผู้บริหารนะทำไมไม่พูดเรื่องจริงออกมา แล้วอย่างนี้เราจะทำให้ทุกคนเชื่อถือ หรือจะทำงานต่อแล้วเชื่อถือเขาได้อย่างไร เขาคุยกับเราเกือบ 1 ชั่วโมง ครั้งแรกคือเขาคุยกับคนชื่อ อ้น ผู้ช่วยแม่ก่อน คุยจนเขาบอกว่าเขาอยากคุยกับเรา เราก็บอกว่าคุยได้นะถ้าเป็นตัวผู้บริหารจริง เราไม่คุยกับฝ่ายการตลาดที่เอาแต่แก้ตัว สิ่งที่แม่จะคุย แม่ขอคุยกับผู้บริหารเพื่อที่เราจะเล่าทุกอย่าง ที่มันเกิดขึ้นให้เขาฟัง หวังว่าเขาจะไปแก้ไข ในองค์กรของเขาให้เรียบร้อย”
“เราจึงไปถามหาตัวตนของเขา (มิสเตอร์ จอห์นสัน วู รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทย ฟินเทค) พอได้เบอร์โทรศัพท์ก็ติดต่อกัน คุยกัน 1 ชั่วโมง เราคิดว่าเราใจดีกับเขา ปรารถนาดีกับเขา มองเขาว่าเขาเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่อยากทำธุรกิจประสบความสำเร็จแต่ว่ามีเหตุล้มเหลวเกิดขึ้นในองค์กร เพราะฉะนั้นสิ่งที่แม่จะบอกเขาก็คือ บอกให้เขาหาทางแก้ไข เพราะรูปน้องยังถูกใช้อยู่ในมหาวิทยาลัยเขารู้หรือเปล่า เราคุยและเล่าทุกอย่างให้เขาฟังหมด”
“หารู้ไม่ว่าสิ่งที่แม่คุยไปทั้งหมด แม่เพลี่ยงพล้ำ กลายเป็นสิ่งที่แม่เล่า มาทำร้ายแม่หาว่าแม่ ต่างๆ นานา ตายแล้วความปรารถนาดีของเรา เราใจดีกับคุณมากี่ครั้ง คุณไม่เห็นคุณค่าของมันเลย คุณกลับมาแถลงข่าวแทนที่จะขอโทษเรา กลับมาโยนของเสียให้เรา ให้ประชาชนเข้าใจผิดอีก ถามว่าของคนขงเราคุยกับคุณ จอห์นสัน วู วันที่คุยกันเราบอกว่า จอห์นสัน เราถามจริงๆนอกจากโบรชัวร์น้องนายแล้วบริษัทคุณได้ผลิตโบรชัวร์ใหม่มาหรือยัง เขาเงียบไป”
เรียกร้อง 3 ข้อระหว่างเจรจา จ่ายค่าปรับเหตุนำรูปไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต แพลนตารางงาน แสดงความบริสุทธิ์ใจที่จะไม่ใช่รูปน้องนาย และหนังสือแถลงการณ์ขอโทษ แต่อีกฝ่ายกลับเอาทนายมาเคลียร์ด้วย
“แล้วหลังจากนั้นเขามาบอกกับคนของเราว่าโบรชัวร์ใหม่ผลิตแล้วในวันรุ่งขึ้น และส่งมาเป็นงานอาร์ตเวิร์กเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นคุณจอห์นสันได้คุยกับเรา ทำไมถึงพูดมาได้ว่าไม่มีการคุยกัน และสิ่งที่เราขอกับทางคุณจอห์นสันคือขอการแก้ไขมาให้เราดู สิ่งที่เราขอเขาไป 3 ขอในสิ่งที่จะแก้ไขปัญหาครั้งนี้ แม่ขอไว้ชัดเจนมาคือ หนึ่งเราขอค่าเสียหายคือค่าปรับในการนำรูปไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต สองขอแพลนตารางงาน ว่าแต่ละสัปดาห์คุณไปที่มหาวิทยาลัยไหนบ้าง เพื่อที่เราจะเช็กได้และแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าคุณจะไม่ใช้รูปน้อง ให้เรามั่นใจตอนแรกเขาบอกว่าให้ไม่ได้เราก็ปล่อย”
“แต่ตอนนี้เราต้องเอามาแล้ว แม่ขอเป็นเวลาแค่ 2 เดือน รายงานเราแค่ 2 เดือน ข้อสามก็คือออกหนังสือแถลงการณ์ขอโทษและรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น คุณจอห์นสันตอบกลับมา หลังจากที่เราคุยกับคุณจอห์นสันเสร็จแล้ว คุณจอห์นสันบอกว่าจะขอคุยกับเรา เราบอกว่าคุยได้ แต่เขาจะเอาทนายความมาด้วย ในตอนนั้นเรายังไม่มีทนายเจมส์เข้ามา เรามีแต่ผู้ช่วย เราบอกว่าถ้าเอาทนายมาคุยจะไม่จบนะ เจตนาของเราคืออยากให้คุณปรับปรุงองค์กร คุณอาจจะโดนลูกน้องใส่อะไรเราไม่รู้หรอก เขาดึงดันจะเอาทนายความมาคุยและจะมีประธาน รองประธาน ผู้ช่วยประมาณ 7-8 คนมาคุย แต่ฝ่ายเรามีอยู่แค่สองคน แล้วจะคุยยังไง ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องหาทนาย เขามีทนายมาแล้วเราไปคุยถ้าเราเพลี่ยงพล้ำบอกอะไรเขาไปอีก คุยกับทนายมันก็น่ากลัว เราก็เลยแต่งตั้งทนายเจมส์ให้ไปดำเนินการคุยต่อทั้งหมด”
ทนายเจมส์ : “หลังจากที่ผมได้รับมอบหมายจากพี่หมูให้ดำเนินการเจรจาข้อตกลงและข้อเรียกร้องของฝั่งพี่หมูและรับทราบปัญหาและข้อเรียกร้องของฝั่งบริษัทไทย ฟินเทค ผมก็ได้เสนอข้อเสนอของพี่หมูไป 3 ข้อ ข้อที่หนึ่งคือเรื่องของค่าเสียหาย ข้อที่สองเรื่องของการขอตารางเวลา และข้อที่สามเรื่องของคำขอโทษ ซึ่งข้อที่หนึ่งกับข้อที่สามทางฝั่งของไทย ฟินเทค ยินดีที่จะให้ความร่วมมือครับ ยอมขอโทษและยอมจ่ายค่าเสียหายแต่ในเรื่องของข้อที่สองเป็นการให้ตารางเวลา ผมขอบอกก่อนนะครับว่ามันคือตารางเวลาเฉพาะที่ไปตามมหาวิทยาลัยเท่านั้น คุณจะไปทำการตลาดในที่อื่น เราไม่เอา เราไม่เอาแผนการตลาดใดใดทั้งสิ้นเอาแค่ตารางเวลาไปมหาวิทยาลัยเท่านั้น เพราะเราเล็งเห็นปัญหาที่ไม่อยากให้มหาวิทยาลัยหรือนักศึกษาไปติดภาระผ่อนสินค้าต่างๆ”
“ตอนแรกผมขอไม่ได้กำหนดระยะเวลา ตอนหลังมาถ้าเกิดว่าพี่จะขอแบบตลอดไปมันก็จะลำบากสำหรับเขา ก็ขย้นลงมาเหลือแค่ 2 เดือน รายงานทุกสัปดาห์ก่อนที่จะไปเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจะไม่ใช้โบรชัวร์ที่มีรูปของน้องนายอยู่แค่นั้นเอง หลังจากนั้นมาตอบผมมาว่าเป็นไปไม่ได้ วันที่ 25 ผมถามไปก็ไม่ตอบผม โทร.ไปไม่รับสาย มาตอบตอนเช้าวันที่ 26 ก่อนวันที่จะมีการแถลงข่าว ซึ่งผมบอกว่าถ้ามันเป็นไปไม่ได้ในเรื่องของการส่งมอบตารางเวลา พี่มีข้อเสนออะไรที่เป็นมาตรการป้องกันให้น้องไม่เสียหาย เสนอมา ผมจะไปคุยต่อ แต่เขาเลือกที่จะไม่คุย แล้วก็หายไป โผล่มาอีกทีก็มีการแถลงข่าว”
หมู พิมพ์ผกา : “เราก็คาดหวังว่าจะมีการแถลงข่าวขอโทษ แต่ว่ามันไม่มีการขอโทษ แถมยังพูดพลิกไปหมด ผิดไปหมด จะบอกว่าข้อเสนอที่เราเสนอไป 3 ข้อ เขาตกลงมาสองข้อ คือยอมจ่ายค่าเสียหาย สองคือยอมที่จะรับผิดขอโทษ แต่เราถามว่าแล้วทำไมข้อที่สองที่เราขอให้แสดงเจตนาบริสุทธิ์ที่จะไม่ใช้รูปน้องอีก ทำไมถึงทำไม่ได้ แล้วก็ไม่มีมาตรการอะไรที่จะทำ นั่นแสดงว่าคุณจะเอาไปใช้อีกใช่มั้ย เรากลัวว่าจะเอาใช้อีกใช่มั้ย เราไม่เข้าใจแล้วเขาก็ไม่ให้เหตุผลมาด้วย นั่นก็คือแสดงเจตนาไม่บริสุทธิ์แล้ว ต่อให้จ่ายเงินให้เรามากี่สิบล้านเพื่อเรื่องค่าเสียหายแล้วยังเอารูปน้องไปใช้อีก เราไม่ยอม”
หมู พิมพ์ผกา : “เรื่องเงินในความเป็นจริงตกลงกันที่ 5,800,000 บาท เท่านั้น แต่น้องคนที่ติดต่อ ขอบวกเพิ่มอีก 500,000 บาท เป็นค่านายหน้า รวมเป็น 6,300,00 บาท ซึ่งเราคืนเงินเขาทุกบาททุกสตางค์ ซึ่งเราได้โอนเงิน 500,000 บาทคืนเขาตามหลักฐานการโอนเงิน และ จำนวน 5,800,00 บาท ก็คืนบริษัทเขา แยกโอน และเงิน 500,000 บาท ที่โอนให้พนักงานเขา เป็นค่านายหน้า ซึ่งเขาเข้าใจว่าหักไว้เป็นค่ารูป แต่ในความเป็นจริง เราไม่ได้รับซักบาท”
บอกพนักงานขอโอนเงิน 5 แสนคืน แต่สายไปแล้ว
หมู พิมพ์ผกา : “กับพนักงานคนนั้นเราก็พูดค่ะ เขาเป็นพนักงานก็ไม่รู้ว่าเขาบอกเจ้านายเขายัง พอเกิดกรณีนี้ ก็มีถามเราเหมือนกันว่าโอนคืนได้มั้ย มันสายไปแล้ว ถ้าทางฝั่งเขาต้องการหลักฐาน เราส่งให้ได้นะ สรุปคือเราไม่ได้รับเงินเขาแต่บาทเดียว”
โวยถูกมาก เรียกร้องค่าเสียหายแค่ 3 ล้านบาท
หมู พิมพ์ผกา : “3 ล้าน ถูกมาก เรายังคิดว่าที่เขาไม่ยอมให้แผนการตลาดเพราะคิดว่าจ่าย 3 ล้านเสร็จแล้ว นำรูปไปใช้ต่อรึเปล่า ไม่ว่าจะเท่าไหร่เราไม่อนุญาตให้ใช้รูปเรา”
สุดทนข่มขู่เด็กโพสต์ทวิต
หมู พิมพ์ผกา : “มีเยอะเลยค่ะ มีเยอะมาก เขาไปตั้งบูทที่มหาวิทยาลัย 3-4 วัน จนวันสุดท้ายวันที่ 14 มิถุนายน พอเราลงว่าแอบอ้าง ก็โทร.ยกเลิกว่าพนักงานท้องเสียกันหมดเลย (เราได้ส่งภาพให้เขาดูมั้ย?) ส่งค่ะ มีหลักฐานการส่งด้วย แล้วเขาบอกว่าเขาไม่ได้รับหลักฐาน พอเราคุยกับคุณจอห์นสัน หลังจากที่เราโพสต์ เขาไม่ยอมรับ ส่งจดหมายแถลงการณ์ของเขาว่าเขาไม่ได้แอบอ้าง มีการเซ็นสัญญาจริง แต่ยกเลิกไปแล้ว และที่สำคัญ ยังไปโทษเด็กที่โพสต์ทวิตเตอร์ว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดต่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ บัญชีชื่อนี้ ที่เป็นผู้เผยแพร่ข้อความให้เกิดความเข้าใจผิด เราต้องขอบคุณน้องที่โพสต์ ทำให้เราเห็นว่ามันมีงานนี้เกิดขึ้นแต่เขาจะเอาผิดเด็กที่รักน้องที่ตื่นเต้นว่าจะได้เจอณภัทรแล้ว”
ทนายเจมส์ : “ข้อความของน้องไม่ได้มีอะไรที่เสียหาย”
หมู พิมพ์ผกา : “พอเห็นว่าเขาไม่ยอมรับ เราเลยรีบส่งว่า ฉันมีหลักฐานเยอะมากนะ ก็ส่งหลักฐานการตั้งบูท มีเวลาในการถ่ายภาพ ในวันที่ 13 มิถุนายน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าใช้มาในทุกมหาวิทยาลัยนะ แล้วซินก็บอกว่าส่งให้คุณสกายทั้ง 3 ภาพ คุณสกายเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาด แม่บอกส่งเลยเขาจะได้รู้ว่าคุณใช้ แล้วพรุ่งนี้เอายังไงบอกแม่มานะคะ แม่ยังมีหลักฐานที่มหาวิทยาลัยนี้อีกเยอะมาก มีการตั้งบูธ มีโบร์ชัวร์รูปน้องนายอยู่ มีไทม์ไลน์วันเวลาครบ ซึ่งเราส่งหลักฐานให้เขาแล้ว ฟ้องเจ้านายเขาก็แล้วว่ามันมีแบบนี้ มีการใช้อยู่จริง แต่เขากลับเมินเฉย”
ทนไม่ไหว ตัดสินใจจ้างวินมอเตอร์ไซค์ไปเช็กที่มหาวิทยาลัย งงทุนจดทะเบียน 200 ล้านทำไมไม่ทำให้ถูกต้อง
หมู พิมพ์ผกา : “หลังจากที่เห็นน้องคนนี้โพสต์ วันรุ่งขึ้นแม่ก็ให้มอเตอร์ไซค์ขับรถไปดูเลย ขับไปดูที่มหาวิทยาลัยนี้ปรากฎว่าไม่เจอ สืบไปสืบมาเจอว่าอยู่ที่มหาวิทยาลัยหอการค้า ภาพที่ถูกถ่ายคือถ่ายเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เอาลงเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่เรื่องเอาลงเอาขึ้นแม่ไม่ติดใจ แต่สิ่งที่แม่ติดใจคือคุณเอาภาพที่มีลิขสิทธิ์ไปใช้ บริษัทคุณจดทะเบียนเยอะขนาดนี้ทำไมไม่ถ่ายรูปเป็นของคุณเอง รีบถ่าย รีบเอาภาพไปใช้ตามขั้นตอนให้ถูกต้อง”
ไม่อยากฟ้องให้เสียความสวย แอบเย้ยมีหลักฐานเยอะกว่า ถ้าฟ้องอีกฝ่ายจะเสียเปรียบ
หมู พิมพ์ผกา : “หลักฐานที่เอามาให้ดู เรายังมีอีกหลายเท่าตัวอยู่ที่บ้าน นั่งเลือกหลักฐานแทบไม่ถูกว่าจะเอาอันไหน ก็เอาหลักฐานตามที่เขากล่าวหามาอ้างอิงทั้งหมดว่ามันไม่จริงเลยในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้าจะเป็นคดีฟ้องแพ่งและอาญา บอกเลยว่าแม่มีหลักฐานเยอะกว่านี้ ลองคิดดูแม่โพสต์ว่าใครมีหลักฐานให้ส่งเข้ามา ประเด็นที่เขาบอกว่าจะไปเอาผิดนักศึกษาคนนี้คืออะไร ลองคิดดูให้ลึกๆ ว่าเป็นการขู่เด็กๆ ที่จะโพสต์ภาพและส่งหลักฐานมาให้แม่ ขู่ว่าจะไม่ให้ใครส่งหลักฐานมาให้แม่อีก แต่มันสายไปซะแล้วเพราะเขาส่งมาหมดแล้ว”
ทนายเจมส์ : “ถามว่าจะฟ้องกลับมั้ย จริงๆ เราเก็บหลักฐานอยู่ เดี๋ยวผมจะไปรวบรวมตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ตั้งแต่เลิกสัญญาวันที่ 23 พฤษภาคม ผมก็จะเข้าไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ให้ข้อมูลมาว่าเขาเข้าไปเช่าสถานที่เพื่อตั้งบูธ แจกโบร์ชัวร์”
หมู พิมพ์ผกา : “ตอนนี้ก็เก็บมาได้หลายมหาวิทยาลัยแล้ว เรื่องการฟ้องกลับ เอาจริงๆ เราคนไทยเนอะ นิสัยคนไทยทำผิดแล้วยอมรับผิดเรื่องมันก็จบ ขอโทษแล้วหาทางแก้ไข ทำให้เราสบายใจ เรื่องมันก็ไม่มีอะไรแล้ว ธุรกิจเขาก็ดำเนินต่อไปได้ แต่พอมาเป็นแบบนี้แม่ไม่ฟ้องไม่อยากมีเรื่อง อยู่วงการมาทั้งชีวิตต้องมานั่งแถลงข่าว เราไม่อยากมีเรื่องให้มันเสียสมาธิ เสียความสวยของเราไป มันเครียด เราก็ไม่ได้อยากมีคดีติดตัว ถ้าจะมีคดีเกิดขึ้นจริงเราคิดว่าเราถูกต้อง หลักฐานเราครบหมด แม่ว่าเขาน่าจะเสียเปรียบนะคะ”
จี๊ด! ไม่แสดงความบริสุทธิ์ใจที่จะไม่ใช้รูปน้องนาย
หมู พิมพ์ผกา : “เขายอมแล้ว 2 ข้อ แต่อีกข้อหนึ่งที่เขาไม่ยอมคือ เขาไม่แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจะไม่ใช้รูปน้องอีก คือเขาจะใช้วิธีไหนก็ได้ คือแสดงมาหน่อย เรายังไม่เจอตัวเขา แต่เมื่อวานเห็นในไลฟ์สด ฟังเสียงแล้วคือคนเดียวกันคือคุณจอห์นสัน”
ซัดเป็นลูกผู้ชาย ทำไมต้องโกหก
หมู พิมพ์ผกา : “คุณจอห์นสัน คุณเป็นลูกผู้ชายอ่ะ คุณคุยกับแม่เป็นชั่วโมง แม่เล่าทุกอย่างให้คุณฟัง ทำไมคุณถึงกล้าพูดว่าไม่เคยคุยกับแม่เลย แล้วอย่างนี้เราจะเชื่ออะไรกันได้อีก”
ทนายเจมส์ : “เรื่องระยะเวลาในการติดต่อ หลังจากที่เราทราบว่านำภาพเราไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ คราวนี้ต้องไปดูก่อนว่าเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพเขาจะดำเนินการมั้ย เพราะว่าในส่วนของเราจะมีเรื่องของทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียงเฉยๆ ในส่วนนี้ก็อาจจะต้องดำเนินคดีแพ่งไป ในส่วนของอาญาต้องไปถามเจ้าของภาพเขาครับ”
หมู พิมพ์ผกา : “เจ้าของภาพ แม่รู้จักค่ะ ติดต่อเขาไปเองว่าเราขอใช้ภาพเพื่อลงเว็บอันนี้ชั่วคราว”
ลูกชิลแต่ข่าวกวนใจแม่
หมู พิมพ์ผกา : “น้องนายชิล (หัวเราะ) แต่สำหรับคุณแม่มันกวนใจอ่ะค่ะ อยู่ๆ ก็มาให้ข่าว อย่างเมื่อวานที่เขาแถลงแม่ก็ดูด้วยความมึนงงว่ามันมีแบบนี้เกิดขึ้นได้ด้วยเหรอ หลักฐานทุกอย่างแม่ก็มี มีการบอกเลิกสัญญาเพราะอะไร ไม่ได้พูดความจริงหมดเลย ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
“เรื่องงานไม่กังวล ไม่กระทบ เพราะคนไทยเราเข้าใจกันดี เขาอาจจะเป็นชาวต่างชาติที่ไม่รู้วิธีการ ในเรื่องของการทำงานแม่มั่นใจว่าเราทำงานมืออาชีพ หลายๆ แบรนด์ที่ร่วมงานก็รู้ว่าเรามืออาชีพจริงๆ”
ฝากบอกคู่กรณีอย่าโกหก ผิดก็แค่ขอโทษ
หมู พิมพ์ผกา : “ทำยังไงก็ได้ให้เราสบายใจว่าคุณจะไม่ใช้รูปน้องแล้วจริงๆ อย่าโกหกเรา อย่าพลิกไปพลิกมาแค่นั้นเอง เราคนไทยผิดก็ขอโทษ ผิดก็ยอมรับผิด ไม่ใช่โทษนู่นนี่ โยนไปโยนมา”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)