xs
xsm
sm
md
lg

พังหนักมาก “โยโกะ” ยอมรับอดีตเคยพลาดฉีดฟิลเลอร์ เริ่มพูดไม่ได้!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“โยโกะ” ใส่รากฟันเทียมจนหน้าบวมฉึ่ง เอฟเฟกต์ยากดภูมิรักษาสมองอักเสบ เตรียมแก้คางที่เกาหลี เพราะพูดลำบาก เริ่มพูดไม่ได้ เตือนใจคนอยากสวยให้ระวังพิษศัลยกรรม ลั่นเคยเอาออกแล้วแต่ยังไม่หมด รอหมอตรวจละเอียดเพราะมีโรคประจำตัว ดูดวงให้ตัวเองไม่เกิน 3 ปี มีแฟนแน่ ชี้เจอแล้วปิ๊งเลย ไม่เอาคนหล่อ

ทำเอาทุกคนที่เห็นใบหน้าอดีตสาวเซ็กซี่ “โยโกะ ทาคาโน่” ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เพราะมีอาการหน้าบวมหน้าเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด โดยเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นเอฟเฟกต์จากการใส่รากฟันเทียม และต้องกินยากดภูมิรักษาสมองอักเสบ

“ไปทำฟันมาค่ะ ใส่รากฟันเทียม คือด้วยความที่เรากินยากดภูมิอยู่ด้วยค่ะ โยเป็นสมองอักเสบอยู่เนื่องจากภูมิคุ้มกันตัวเองนี่แหละ ทีนี้ก็ต้องทานยากดภูมิ เราก็เคยรักษารากฟันอยู่ แล้วมันติดเชื้อ มันเป็นเอฟเฟกต์ของยาที่กดภูมิที่เรากิน ทำให้เราไม่มีภูมิ ก็รักษารากฟันอยู่ค่ะ”

“อาการป่วยตอนนี้ก็เหมือนเดิมค่ะ ต้องทานยาตลอด แต่พอตอนนี้ต้องทำรากฟันด้วย และกำลังลุ้นจะไปแก้คาง จากอดีตที่เคยผิดพลาดไป เพราะเราเคยฉีดฟิลเลอร์ แล้วมันก็ไปหมดเลย ก็เคยไปเอาออกค่ะ แต่หมอบอกว่ามันไม่หมดนะ ทำทีเดียวไม่ได้หรอก เราก็ไปเอาออกเรื่อยๆ จนเป็นแผลใต้คางอยู่นี่ ต้องผ่าทั้งในปากและผ่าใต้คาง แต่มันก็ไม่หมด และตอนนี้เหมือนมันจะพูดลำบากด้วย ก็เลยตัดสินใจจะไปให้หมอที่เกาหลีแก้ไขให้ค่ะ คือมีข้อเสนอจากทางคลินิกที่เกาหลีมา ก็คิดว่าน่าสนใจดี ก็ลองดู แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดเลยว่าเมื่อไหร่ ยังไม่ได้คุยถึงขั้นนั้น คุยแค่ว่าเราเอาผลตรวจร่างกายไปให้คุณหมอก่อน เราก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน เพราะเรามีโรคประจำตัว”

เริ่มกังวลพูดไม่ได้ เตือนใจคนอยากสวยให้ระวังฉีดฟิลเลอร์
น่าจะแค่คางก่อนค่ะ แต่ถ้าจะสวยขึ้นอีกก็ไม่ว่านะ คือตอนนี้กังวลที่สุดเพราะมันเริ่มพูดไม่ได้ พูดไม่ชัด เพราะเราต้องใช้ปากซะด้วยสิ เราต้องพูดเยอะ เวลาดูดวงให้ใครเราก็ต้องพูดเยอะ ต้องมีไปอ่านดวงให้ทาง INN ด้วย ก็กังวลว่าเราจะพูดขัดๆ พูดไม่ชัด”

“การรักษาเขาบอกว่าเร็วนะคะ คงไม่ได้ใส่อะไรเพิ่มเข้าไป แต่อาจจะแก้ไขตรงจุดปลายประสาท หรือตรงที่ยังค้างคาอยู่ ถามว่าคาดหวังมั้ย ก็คงไม่ได้คาดหวังว่าต้อง 100% แล้ว เพราะมันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ก่อนอื่นเลยเราต้องยอมรับก่อนว่าความผิดพลาดของเราเป็นอะไร แล้วเราไปทำมาผิดพลาดมา อันนี้ฝากเตือนเลยใครที่คิดจะไปฉีดฟิลเลอร์ให้ระวัง ณ ตอนนี้อาจจะสวย แต่ต่อไปล่ะมันสวยหรือจะยังไง เราก็ไม่รู้ว่าเขาใส่อะไรให้เราบ้าง นั่นแหละปัญหา เพราะฉะนั้นไม่แนะนำให้ทำ แต่ ณ ตอนนี้ก็หวังไว้ 70-80% แล้วกัน อยากให้มันแค่ดีขึ้นค่ะ แต่จะให้ 100% คงเป็นไปไม่ได้”

“ไปเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลยค่ะ กำลังปรึกษาคุณหมอที่เกาหลีอยู่ แต่ก็ยังไม่ทราบว่าคุณหมอจะตอบรับอะไรยังไง จะเดินทางเมื่อไหร่ ต้องไปเช็กร่างกายที่นั่นเลยมั้ย คือต้องสแกนด้วยมั้ยว่าหน้าเราเป็นยังไงบ้าง เรื่องค่าใช้จ่ายก็ให้เขาดูแลให้นิดนึงค่ะ เป็นเคสพิเศษ (หัวเราะ) แต่จะทำอะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวคงต้องคุยกัน”

เหมือนตายแล้วฟื้น ป่วยหนักโรคพุ่มพวง จำเรื่องในอดีตไม่ได้
“โรคประจำตัวก็คือภูมิคุ้มกันล้น มันไปทำลายเซลล์ของตัวเอง ทำลายเม็ดเลือดขาวในร่างกาย และมันไปเกาะในสมองและก้านสมอง ทำให้เรื่องอดีตๆ เราจำไม่ได้ จำได้แค่บางช่วง คือบางทีจำเรื่องได้แต่ไม่หมด เหมือนเป็นบางช่วงความจำที่มันขาดหาย ไม่ได้ทั้งหมด เวลาโดนถามอะไรมาเราก็เออๆ ไป แล้วก็มานึกว่าเราเคยไปด้วยเหรอ เคยเกิดขึ้นเหรอ (หัวเราะ)”

“ก็ส่งผลตอนออกมาเจอคนนี่แหละค่ะ (หัวเราะ) ก็คือจำคนไม่ได้ จำหน้าได้นะ แต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน จำชื่อไม่ได้ ถ้าไม่กินยามันก็ทำลายก้านสมองไปเรื่อยค่ะ เพราะว่าภูมิมันล้น เมื่อมันล้นมากๆ กลายเป็นว่าทุกอย่างในร่างกายเป็นพิษกับเราหมด ก็คล้ายๆ โรคพุ่มพวงที่เข้าใจกันง่ายๆ จะทำลายภูมิคุ้มกันให้หายไปเรื่อยๆ แต่ของเราคือภูมิคุ้มกันเยอะไป มันทำลายตัวเราเองไปเรื่อยๆ คือเซลล์ดี เซลล์ไม่ดีมันทำลายหมดเลย ก็ต้องกินยาคุมอาการให้อยู่ เพราะว่าโรคนี้เป็นโรคกรณีศึกษา จริงๆ แล้วโรคนี้คนรู้น้อยนะ และอีกอย่างคงเพิ่งค้นพบได้ไม่นาน เพราะฉะนั้นมันก็ต้องเป็นกรณีศึกษา นอกจากหมอจะต้องศึกษาแล้ว คนไข้ก็ต้องศึกษาด้วยว่าเรามีโรคประมาณไหน เราก็ต้องกลับไปดูอดีต ซึ่งเราก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง”

เรามารู้ตัวตอนถูกหามเข้าโรงพยาบาลเลยค่ะ ครั้งแรกยังไม่ทราบนะ เพราะว่าโรงพยาบาลแรกเขาบอกว่าหาไม่เจอ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ก็ให้ยาไปเรื่อยจนเราไตวายเฉียบพลัน คือไตวายไปแล้ว ก็เหมือนคนตายแล้วฟื้นเลยนะ เพราะตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องแล้ว แม่หามออกมาเข้าอีกโรงพยาบาลนึงก็คือต้องล้างไตเลย จำไม่ได้ว่ารักษาที่โรงพยาบาลแรกนานเท่าไหร่ แต่พอฟื้นมาก็จำอะไรไม่ได้ เห็นหน้าคุณแม่เราก็ถามคำแรกเลยว่าหนูกำลังจะตายใช่มั้ย แล้วก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาเรื่อยๆ”

“ตอนรักษาเราก็ท้อ แม่เราก็อายุมากแล้ว 70 กว่า เราก็อายุ 40 กว่าแล้ว มันก็มีบ้างที่ต้องท้อ แต่ท้อยังไงก็ต้องสู้ มันรอดมาแล้วยังไงเราก็ต้องสู้ต่อไป”

อยากมีความรัก ดูดวงให้ตัวเองไม่เกิน 3 ปี เจอแล้วจะปิ๊งเลย สเปกไม่ชอบคนหล่อ
“อยากมีนะ แต่มันไม่มีนี่สิ (หัวเราะ) เรามัวแต่ไปทุ่มกับการดูแลตัวจนไม่ได้ไปมองใครเลย เพราะเราก็อยากจะหาย หรือไม่หายก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ กว่าจะมาได้ขนาดนี้ก็เป็นปีๆ นะ กว่าจะปรับจูนได้ กว่าจะเริ่มฟื้นว่าเราเคยเป็นโยโกะนะ เคยเป็นอย่างนั้นอย่างนี้มานะ กว่าจะเท้าความอะไรต่ออะไรได้มันก็เป็นปีๆ นะ จะเอาเวลาที่ไหนหาละ เราต้องดูแลตัวเองก่อน เอาให้รอดนิดนึง (หัวเราะ)”

“ก็ดูดวงให้ตัวเองอยู่บ้าง (หัวเราะ) ก็น่าจะอีกไม่กี่ปีนี้แหละ 2-3 ปี ลักษณะไม่รู้ว่าเป็นยังไง อาจารย์ก็ไม่มีใครยอมบอกด้วย บอกแค่ว่าจะมีเข้ามา แต่แล้วแต่เราว่าจะเอามั้ย อายุมากน้อยก็ไม่ได้บอก แต่อาจารย์บอกว่าถ้าเจอแล้วจะปิ๊งเลย (ยิ้ม) เขาบอกว่าอาจจะไม่ได้ถึงกับแต่งงานหรือแต่งก็ไม่ทราบนะ แต่น่าจะอยู่เพื่อดูแลซัพพอร์ตกันได้มากกว่า”

เมื่อก่อนสเปกเป็นยังไงจำไม่ได้นะ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าไม่ได้ชอบคนหล่อ คือจะหล่อไปไหน หน้าสวยกว่าฉันอีก ก็เลยรู้สึกไม่ชอบ (หัวเราะ) เรารู้สึกว่าเราก็ผู้หญิงเนอะ ถ้าจะมาหล่อมากๆ นี่ก็พ่อเทพบุตรเอ้ย อยู่บนหิ้งเถอะ (หัวเราะ)”

(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)



กำลังโหลดความคิดเห็น