xs
xsm
sm
md
lg

แนะกิน “สับปะรด” ช่วยชาวสวน ได้ประโยชน์เต็มๆ ทั้งสารต้านมะเร็ง บรรเทาท้องผูก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สธ.ร่วมซื้อ “สับปะรด” ชาวสวนลำปางกว่า 20 ตัน กรมอนามัย แนะกินวันละ 6-8 ชิ้นคำ ช่วยได้เบตาแคโรทีน ใยอาหารวิตามินซี ดูดซึมธาตุเหล็ก เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงมะเร็ง ด้านกรมแพทย์แผนไทยชี้มีสรรพคุณบรรเทาท้องผูก ช่วยระบบย่อยอาหาร

วันนี้ (28 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับ มูลนิธิเบาะแส โรงพยาบาลลำปาง และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด จ.ลำปาง ที่มีราคาตกต่ำ เพื่อนำมาแจกจ่ายให้ประชาชนชาว กทม.ช่วยรับประทาน กว่า 20 ตัน พร้อมจัดทำกล่องรับบริจาคเพื่อนำเงินที่ได้กลับไปหมุนเวียนเพื่อซื้อสับปะรดจากชาวสวนในโอกาสต่อๆ ไป โดยมีเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ มาร่วมกันสมทบเงินจำนวนมาก

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้สับปะรดไทยกำลังประสบปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาลตกต่ำส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูก ทางหนึ่งที่จะช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนและดีต่อสุขภาพตนเอง คือ การส่งเสริมคนไทยหันมากินผลไม้ให้มากขึ้น ผลไม้อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ใน 1 วันควรกินผลไม้ให้หลากหลาย 3-5 ส่วนต่อวัน สับปะรดมีคุณค่าทางโภชนาการ อุดมด้วยเบตาแคโรทีน วิตามินซี และใยอาหาร ช่วยบำรุงสายตา ต้านการอักเสบ เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก เลือกกินสับปะรดแทนการกินขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน และเครื่องดื่มรสหวาน เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า โดยเฉพาะผู้สูงอายุมีการเสื่อมของเซลล์มากกว่าวัยอื่นๆ และเป็นวัยที่ต้องการวิตามินและแร่ธาตุเพื่อยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระที่เป็นสารทำลายเซลล์และเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง อีกทั้งยังต้องการใยอาหารเพื่อช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและกระตุ้นการการขับถ่ายช่วยให้ท้องไม่ผูก การกินสับปะรดจึงดีต่อร่างกาย แต่ที่พิเศษในระยะนี้ ยังดีต่อใจ เพราะได้ร่วมช่วยเหลือเป็นกำลังใจแก่พี่น้องเกษตรกรอีกด้วย

พญ.นภาพรรณ วิริยะอุตสาหกุล ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กล่าวว่า สับปะรด 1 ส่วน มี 6-8 ชิ้นคำ ใน 1 วันสามารถกินได้ ปริมาณพอดี 6-8 ชิ้นคำและกินผลไม้อื่นๆ เพิ่มให้ได้ครบ 3-5 ส่วนต่อวัน ผลไม้ 1 ส่วนประมาณ 60 กิโลแคลอรี ขึ้นกับความหวานของแต่ละชนิด เช่น ใน 1 วัน กินกล้วยน้ำว้า 1 ผล ฝรั่ง ½ ผล มะม่วง ½ ผล มะละกอ 6-8 ชิ้นคำ รวมกับสับปะรด ก็จะครบ 5 ส่วนพอดี หรืออาจกินเป็น กล้วย 2 ผล ฝรั่ง 1 ผล รวมกับสับปะรดก็จะครบ 5 ส่วนพอดี ทั้งนี้ การกินผลไม้ให้หลากหลายชนิดขึ้นกับความสะดวกในการจัดหาของผู้บริโภค ในกรณีผู้สูงอายุ กินผลไม้ได้ วันละ 1-3 ส่วนก็เพียงพอแล้ว ดังนั้น ในแต่ละมื้อควรกินอาหารจานหลักอุดมด้วยผักและตามด้วยผลไม้ 1-2 ส่วนให้หลากหลาย หากเลือกกินสับปะรดให้ได้คุณค่าทางโภชนาการ ควรกินครั้งละ 6-8 ชิ้นคำ หลังมื้ออาหาร แทนขนมหวานที่ทำจากแป้งและน้ำตาล ซึ่งจะทำให้รับวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระตามที่ต้องการ หากต้องการดื่มน้ำสับปะรด ควรเลือกแบบที่ปั่นรวมกากไปด้วย ไม่ปรุงแต่งกลิ่น รสชาติ

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ในบันทึกตำรายาไทย และจากการศึกษาวิจัยพบว่า สับปะรดมีสรรพคุณทางยา คือ มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ลดสาเหตุการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ลดบวม ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ส่วนแกนสับปะรดที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่กิน มีเอนไซม์บรอมีเลน (BROMELIAN) ช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการจุกเสียดแน่นเฟ้อได้ดี จึงอยากเชิญพี่น้องชาวไทย หันมาบริโภคสับปะรด ซึ่งเป็นผลไม้ตามฤดูกาล มีประโยชน์ต่อร่างกาย สับปะรด 100 กรัม ให้พลังงาน 50 กิโลแคลลอรี การรับประทานสับปะรด ควรหั่นเนื้อและแกนกลางด้วย จะได้รับประโยชน์สูงสุด ข้อควรระวังในการรับประทานสับปะรด คือ 1. ไม่ควรรับประทานขณะท้องว่าง เพราะอาจระคายเคืองกระเพาะอาหาร 2. ไม่ควรรับประทานสับปะรดดิบ เพราะมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างแรง ส่วนการป้องกันอาการแสบลิ้นจากการกินสับปะรด คือ หลังปอกเสร็จให้นำสับปะรดไปแช่ในน้ำเกลืออ่อน 2-3 นาที เพื่อลดการเกิดปฏิกิริยากับอวัยวะในปาก




กำลังโหลดความคิดเห็น