“จุ๋ย วรัทยา” รู้ตัวว่าพลาด ก่อน “เมจิกสกิน” จะตกเป็นข่าวอื้อฉาว รับเครียดจนนอนหลับไม่สนิท รีบนำเงินค่าจ้างรีวิวไปบริจาคซื้อเครื่องมือแพทย์ ซึ้งว่าสิ่งที่เห็นตามป้ายโฆษณา บิลบอร์ดใหญ่ๆ เชื่อถือไม่ได้ ขอเบรกรับรีวิวสินค้าพวกอาหารเสริมชั่วคราว ยินดีให้ปากคำตร. ออกตัวเป็นผู้เสียหายทางชื่อเสียง
โดนกันเกือบทั้งวงการ สำหรับการรีวิวผลิตภัณฑ์ลวงโลก “เมจิกสกิน” รวมไปถึง “จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา” และ “พุฒ พุฒชัย เกษตรสิน” ที่ถูกจ้างรีวิวแพ็กคู่ งานนี้สาวจุ๋ยเผยกลางงานเปิดตัวแคมเปญ “อีฟแอนด์บอย ไทยแลนด์” ยันตนก็ตกเป็นผู้เสียหายทางชื่อเสียง ยอมรับรู้เรื่องก่อนที่เมจิกสกินจะตกเป็นข่าวใหญ่
“เรื่องนี้จริงๆ ต้องขอโทษทุกคนอย่างมาก ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาแน่นอน รู้สึกเสียใจและตกใจด้วย แต่เราเป็นคนแรกที่รับรู้เรื่องนี้มาเมื่อประมาณ 2 เดือนกว่าที่แล้ว ตอนนั้นก็รีบหาข้อมูลจากคนที่มีความรู้ รวมถึงข้อมูลจากเพจที่เขาแจ้งมา จากนั้นก็ติดต่อไปจนได้ข้อมูลความจริงกลับมา เราจึงได้โพสต์เตือนไปแล้วตั้งแต่เมื่อสองเดือนกว่าที่แล้ว ทางเพจส่วนตัวของตัวเองว่าจุ๋ยได้รับแจ้งมาว่าสินค้านี้ไม่ปลอดภัย ดังนั้นไม่สนับสนุนหรืออะไรทั้งสิ้น ให้ดูดีๆ ศึกษาก่อน แต่ ณ ตอนนั้นจุ๋ยพูดได้เท่าที่จะพูดได้ ก่อนที่เรื่องจะมาถึงตอนนี้มันมีกระบวนการอะไรมากมาย ซึ่งเรื่องมันใหญ่กว่าที่รับรู้ ณ ตอนนั้นมากๆ
“ส่วนตัวได้พูดคุยกับพุฒ (พุฒิชัย เกษตรสิน) ด้วยเช่นกัน รีบเช็กทุกอย่างและดำเนินการด้วยตัวเอง ไม่ได้ปล่อยให้ผู้จัดการส่วนตัวดำเนินการให้ อยากจัดการด้วยตัวเองเพื่อที่จะสอบถามเพราะฉะนั้นพอมีข่าวเกิดขึ้นมาในตอนนี้จึงตกใจมากๆ ในตอนนั้นจุ๋ยคิดว่าถึงแม้จะมีคนเสียหายแค่ 1 - 2 คน จุ๋ยก็ไม่พึงประสงค์ที่จะสนับสนุนอะไรกับแบรนด์นี้เลย อีกอย่างจุ๋ยเป็นคนท้ายๆ ที่รีวิวด้วยซ้ำ น่าจะก่อนมีข่าวประมาณครึ่งเดือน แล้วมันถึงดีลให้ลบรีวิวพอดี”
ยันตรวจสอบทุกอย่าง แต่ยังไม่เพียงพอ คาดไม่ถึง สินค้ามีป้ายโฆษณาจะไม่ปลอดภัย เชื่อถือไม่ได้ นำเงินค่ารีวิวไปบริจาค
“จริงๆ จุ๋ยมีการตรวจสอบก่อนรับรีวิวสินค้า แต่มันก็เกิดความผิดพลาดจนได้ นั่นเพราะการตรวจสอบของจุ๋ยยังไม่เพียงพอ หลังจากนี้ทำให้คิดว่าจุ๋ยจะเชื่อถือระบบทุกอย่างที่เคยเข้าใจไม่ได้ เนื่องจากสิ่งที่จุ๋ยเห็นไม่ว่าจะเป็นป้ายโฆษณาข้างรถเมล์ ป้ายบิลบอร์ดระหว่างทางกลับบ้าน ซึ่งการจะขึ้นโฆษณาได้ตามความรู้ของจุ๋ยคือจะต้องมีการขอ อย. หมายความว่าทุกขั้นตอนมีระเบียบของเขาอยู่ เท่ากับว่าจะมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง ดังนั้นก็จะเห็นว่าแบรนด์ต่างๆ ที่ขึ้นตามบิลบอร์ดหรือรถเมล์เป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือทั้งนั้น พอเกิดกรณีนี้ขึ้นมามันเกินความคาดหมายของจุ๋ยจริงๆ และรู้สึกไม่สบายใจมากๆ แต่สิ่งที่คิดคือทำยังไงจะแก้ไขในตอนนั้นตอนถึงเลือกจะเข้าไปสอบถามคนที่มีข้อมูล จุ๋ยได้เริ่มทำตั้งแต่ตอนนั้นซึ่งยังไม่มีกระแสอะไรขึ้นมาเลย”
“เท่าที่คุยกับพุฒก็คืออยากนำที่เป็นค่าจ้างรับรีวิวของแบรนด์นั้นเอาไปบริจาคต่อ ซึ่งจุ๋ยได้ทำแล้วก่อนที่จะเป็นกระแส โดยเอาไปบริจาคเพื่อซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์จะได้เป็นประโยชน์ทางสาธารณะและคนอื่นต่อไป”
บอกไม่มีใครนอนหลับอย่างสนิทใจ หาขอแก้ไขร่วมกันกับพุฒ
“ตั้งแต่แรกเราก็คุยกัน หาขอแก้ไขร่วมกัน แต่จุ๋ยเป็นตัวกลางที่จะไปคุยและหาข้อมูล บอกพุฒให้มาร่วมทำบุญ เพราะไม่มีใครสบายใจ ไม่มีใครนอนหลับอย่างสนิทใจ ถามว่าใครทักท้วงเรา เพจทางสังคมเพจหนึ่งที่เขาดูแล รับแจ้งเรื่องนี้จากประชาชน คือเขาไม่ได้มาแจ้งเราแต่เราเห็นเลยติดต่อเขาไปพอได้ข้อมูลเลยแก้ไข (คิดยังไงที่คนคิดว่าดาราหลอกประชาชน?) ส่วนตัวจุ๋ยกินจริงๆ แต่เขาให้มาแค่ชุดเดียว ดังนั้นเราจะไม่ได้กินต่อเนื่อง มันน่าแปลกมาก ๆ ที่เราคีย์ข้อมูลไปแล้วขึ้นว่าได้รับอนุญาต”
“ถามว่ากระทบมั้ย พุฒทำเสื้อผ้าไม่น่ากระทบอะไรส่วนจุ๋ยเป็นสกินแคร์ เราคุยกับพุฒเลยหาข้อแก้ไขร่วมกัน ตอนที่มีเรื่องแรกๆ มีเพจเขาบอกว่าพี่สามารถกระจายให้คนอื่นรู้ได้มั้ย จุ๋ยก็ให้ผู้จัดการส่งไปบอกผู้จัดการหลายๆ ท่านว่ามันมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา”
ลั่นเป็นผู้เสียหายทางชื่อเสียง พร้อมให้ปากคำข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ผิดพลาดแล้วต้องแก้ไข
“ยินดีให้ข้อมูลเต็มที่ จุ๋ยว่ามาถึงจุดนี้แล้ว รายละเอียดอื่นๆ ขอไปให้รายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่สิ่งที่อยากจะพูดออกไปคือ ตอนนี้เราเชื่ออะไรไม่ได้เลย ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ระบบที่เราคิดว่าปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์มันไม่ใช่ ทุกคนต้องร่วมมือกัน แต่สำหรับจุ๋ยกับพุฒ เราสองคนรู้สึกว่าเราผิดพลาดแล้ว เราก็ต้องร่วมแก้ไข และทำให้ถูกต้อง”
“คนเราผิดพลาดกันได้ แต่ผิดพลาดแล้ว พร้อมที่จะแก้ไขหรือเปล่า สิ่งที่อยากจะให้ช่วยกัน คือแก้ที่ต้นเหตุด้วย ไม่ใช่ที่ปลายเหตุอย่างเดียว ต้องแก้ตั้งแต่ต้น กลาง และปลายเหตุทุกส่วนต้องพร้อมใจ จะมาโทษว่าเป็นความผิดของใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ถูกต้อง เพราะหลายส่วนเกี่ยวข้องกันหมด ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ พอเรารับรู้ว่าเกิดเหตุการณ์นี้เราก็ตกใจ เพราะเราก็เป็นห่วงพี่น้องประชาชน รวมถึงตัวเราด้วย ตอนนี้จุ๋ยถือว่าเป็นผู้เสียหาย เสียหายทางชื่อเสียง”
พ้อปลอมในปลอม สวมในสวม ขยาดไม่รับรีวิวสินค้าพวกอาหารเสริม
“เรื่องตรวจสุขภาพทำอะไรไม่ได้ มันเกิดขึ้นแล้ว หวังว่าร่างกายจะแข็งแรงพอจากการเล่นโยคะ หลังจากนี้คงต้องดูเยอะขึ้น พวกเรานักแสดงศิลปินเราทำงานเยอะขึ้น อยากให้เข้าใจว่ามันไม่ได้แล้วจริงๆ ต้องมีเอกสาร มีช่องทางการขายที่ถูกต้อง อย่างอันนี้เขาก็มีเอกสาร เอกสารปลอมในปลอม สวมในสวม มันไม่สามารถรู้ได้จริงๆ คิดว่าตัวเองเป็นคนละเอียดพอ และตรวจสอบเหมือนกัน ตอนนี้ก็ยังมีคนมาติดต่อให้รีวิวสินค้า แต่ถ้าเป็นพวกอาหารเสริมไม่รับเลย แต่ถ้าเป็นของใช้ขอดูก่อน ดูวิธีการใช้เป็นอย่างไร ช่องทางการขายถูกต้องมั้ย มีเอกสารถูกต้องมั้ย อย่างแป้งต่างๆ ก็ดูเยอะค่ะ”
“ตอนนี้ทุกคนคงขยาดหมดแล้ว คงกลัวกันมากๆ เบรกก่อน อยากให้ทุกคนร่วมมือกัน ตอนนี้เรื่องมันไกลมาถึงจุดนี้แล้ว มันเกี่ยวกับความปลอดภัยของทุกคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง นักแสดงก็เป็นเรื่องการปลอดภัยในเรื่องชื่อเสียงของตัวเอง ข่าวนี้ออกมาสร้างความสั่นสะเทือนให้กับหลายๆ คนที่กินอะไรพวกนี้ที่ดูแลตัวเอง”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)