“จิม โสภณ” ผู้กำกับหนัง “เพื่อน...ที่ระลึก” เผยเรื่องหลอนกลางกองถ่ายครั้งแรก บอกทีมงานเห็นผู้ชายใส่เสื้อโปโลสีฟ้ามาหลอกกันจะจะ รับในหนังก็มีผีโผล่ ยันไม่อยากนำมาใช้โปรโมต เทคนิคสร้างหนังสยองขวัญต้องไม่ทำลายชื่อเสียง
ได้รับกระแสชื่นชมไม่น้อยสำหรับภาพยนตร์เรื่อง “เพื่อน...ที่ระลึก” หนังสยองขวัญเรื่องล่าสุดฝีมือกำกับ “จิม โสภณ ศักดาพิศิษฏ์” ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ยอมเผยเรื่องสุดหลอนกลางกองถ่าย บอกทีมงานเห็นผู้ชายใส่เสื้อโปโลสีฟ้าที่โผล่มาหลอกทีมงาน โดยยันว่าไม่อยากให้นำเรื่องนี้มาโปรโมตหนัง ก่อนย้ำไม่ได้เน้นความน่ากลัวของหนัง ไม่ลบหลู่จนทำลายชื่อเสียง
“คือ ตัวผมเองไม่ได้เจอ แต่ทีมงานที่ทำงานด้วยกันเจอกันเยอะมาก เพราะว่าผมออกตัวตั้งแต่วันแรกเลยว่าถ้าใครเจอผี อย่ามาบอกผม เพราะเขารู้ว่าผมกลัวผี อย่างบางทีผมเดินเข้าไปห้องแต่งตัว ซึ่งเขากำลังคุยเรื่องผีอยู่ พอเขาเห็นผมเดินเข้าไป เขาก็เงียบกัน ซึ่งเราก็รู้แล้วว่าเขาต้องเจออะไรมาแน่ๆ แต่เราก็ไม่ถามนะ เพราะมาถามตอนปิดกล้องไปแล้ว ซึ่งมั่นใจว่าเราไม่ขึ้นไปที่ตึกนั้นแน่นอน”
“และที่เขาเจอกันก็มีหลายเคส แต่ที่หลายๆ คนเจอเหมือนกัน เป็นผู้ชายใส่เสื้อโปโลสีฟ้า ซึ่งพอไปหาตามอินเทอร์เน็ตก็จะมีคนที่เจอเหมือนกัน เพราะว่าคนนี้เขามาผูกคอตายที่ชั้น 43 แต่ทีมงานส่วนมากที่เจอ คือ ชั้น 40 คือ ชั้นที่ถ่ายทำ ซึ่งเป็นชั้นหลักที่เราถ่าย และคนที่เจอส่วนมากไม่ใช่คนที่อยู่หน้าเซต อยู่ไกลๆ จากกองถ่าย ซึ่งบางคนที่เล่าบอกกำลังเข้าห้องน้ำก็เจอ คือ ห้องน้ำของเราทำมาแบบชั่วคราวจากเต็นท์เปลี่ยนเสื้อผ้า เขากำลังทำธุระอยู่ และมีเหมือนมือมาลูบที่ผ้าใบของเต็นท์ แต่พอเปิดไปก็เจอคนนี้ที่ใส่เสื้อโปโลสีฟ้า แต่ไม่มีขานะ”
“ส่วนมากคนที่เจอเขาจะมีเซ้นส์ในเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เขาเคยเจอมาก่อนบ้างแล้ว เขาเลยรู้สึกว่าเขาก็อาจจะเฉยๆ ก็ยังทำงานต่อไป แต่เราไม่ได้อยากขายประเด็นนี้สักเท่าไหร่ และตั้งแต่ถ่ายทำหนังผีมา มีเรื่องนี้แหละที่ไฟดับบ่อยที่สุดจากประโยคที่ลิลลี่พูดว่า แม่ทำไม แม่อยากฆ่าตัวตายล่ะ แล้วไฟก็ดับลงทั้งตึก จนเราต้องไหว้ทำพิธีกันอย่างจริงจัง เทคนิคเวลาเจออะไรแปลกๆ เช่นถ้าได้ยินเสียงก๊อกแก๊กในห้องนั้น ถ้าเป็นตัวละครของผมก็จะเดินเข้าไปเปิดดูเลย ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น พิสูจน์กันไปเลย แต่ในความเป็นจริงเราไม่ทำอย่างในหนัง เพราะถ้าได้ยินเสียงในห้องนี้ เราก็จะเลือกไปเปิดที่ห้องอื่นแทน แต่เหมือนว่าผมจะเจอ เหมือนหางตาหันไปเห็น แต่แทนที่เราจะหันไปดู เราก็เดินไปอีกฝั่งหนึ่งแทน”
เคล็ดถ่ายทำหนังผี ไหว้ทุกเช้าก่อนถ่ายทำ ยันไม่เน้นน่ากลัวจนทำลายชื่อเสียง
“ผมเป็นคนกำกับหนังผี ผมจริงจังกับเรื่องการไหว้มาก ไหว้ทุกเช้าก่อนถ่ายทำ ขออนุญาตถ่ายทำ ขอขมาล่วงหน้าถ้าเกิดใครทำอะไรผิดพลาด ขอให้งานมันราบรื่น ซึ่งกับในเรื่องนี้มันมีผลมาก เพราะบางทีมีฝนตกหนัก จนผมเองต้องยกกอง และผมก็ตระเวนไหว้วัดรอบๆ ตึกนั้น และปรากฎว่าหลังจากไหว้วันนั้น มันราบรื่นมากเลย อย่างฉากฝนตกก็ตกไม่มาก เปลี่ยนเป็นบรรยากาศครึ้มๆ เรียกว่าบรรยากาศเป็นใจ ซึ่งมันดีกับหนังผี ส่วนเคล็ดลับส่วนตัวก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่หลักการทำหนังผีของผมคือการทำหนังผี ไม่ได้เน้นความน่ากลัว ไม่ได้ทำผีให้ดูน่ากลัวหรือว่าไปทำลายชื่อเสียงของเขา แต่เราจะมีประเด็นบางอย่างที่เราอยากจะเล่า ที่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สามารถบอกต่อไปได้ มันเลยรู้สึกว่าสิ่งนี้มันจะปกป้องตัวเรา ในการทำงาน เพราะเราไม่ได้ไปลบหลู่ เพราะว่าเราตั้งใจดี”
บอกถ้าสังเกตในหนังดีๆ จะเห็นช็อตเงาคนยืนมอง แต่ตนคงไม่นำมาเป็นจุดขายหวังโปรโมต
“เรื่องคนจะเลียนแบบก็คิดว่าไม่นะครับ เพราะอย่างเรื่องที่ทีมงานเจอเรื่องแปลกๆ เราก็ไม่ได้เอามาโปรโมตเลย อย่างมีภาพหนึ่งเป็นภาพตึก และคนที่เล่นเฟซบุ๊กเขาแคปมา เห็นเชือกและเป็นหน้าคน ตอนแรกก็คิดว่าทีมงานทำ ทำเพื่อโปรโมตหรือเปล่า แต่พอไปถามก็ไม่ใช่ ผมก็ไปดูในฟุตเทจก็มีแบบนี้จริงๆ เป็นเงาคนที่ยืนมองลง และในหนังก็มีนะถ้าดูดีๆ มันติดเข้ามา ซึ่งอันนี้เป็นคนอื่นแคปมาให้ดู เพราะปกติเราจะโฟกัสที่ตัวละคร และอีกอย่างที่ผมจะเน้นคือการห้ามเข้าไปที่ตึกนั้น เพราะมันผิดกฎหมายแน่ๆ แต่ต่อให้มันถูกกฎหมายก็ตาม แต่การเข้าไปตึกนั้นมันอันตรายมากๆ คือกว่าผมจะเข้าไปทำงานตรงนั้นได้ มันต้องมีทีมงานเซฟตี้เข้าไปก่อนเพื่อความปลอดภัยของพวกเรา ผมว่าการที่ใครอยากเข้าไป มันเสี่ยงเกินกับการที่อยากเห็นวิวแค่นี้ มันอันตราย”
