“ปุ๊กกี้ ปริศนา” เผยชีวิตคู่สุดรันทด สามีป่วยเป็นโรคหลงตัวเอง เอาเพื่อนสนิทเป็นเมียน้อยจนมีลูกด้วย รับเป็นโรคซึมเศร้า เก็บกดจนระเบิด ใช้มีดคัตเตอร์กรีดแขน เข้า รพ.ศรีธัญญา จำทนกับชีวิตคู่คาราคาซัง ทั้งรั้งทั้งแหกแต่ฝ่ายชายไม่ยอมเลิก พ้อเหนื่อยชีวิตที่มีสามีสามคน ย้อนเวลาได้ไม่อยากเจอกัน สะท้อนใจสิ่งที่แม่พร่ำสอนเมื่อ 20 ปีในวันนั้น ย้อนกลับมาเป็นวิบากกรรมในวันนี้
หลังจากที่เคยออกมาเผยถึงโรคหลงตัวเองของสามีคนปัจจุบันซึ่งทำให้เกือบต้องเลิกกัน ล่าสุด “ปุ๊กกี้ ปริศนา พรายแสง” ก็ได้ออกมาเผยถึงความสัมพันธ์คาราคาซังผ่านรายการคุยเช้า Show ช่องวัน โดยยอมรับว่ายังไม่เลิกเพราะใจยังผูกพัน แต่วิบากกรรมชีวิตไม่ได้จบแค่นั้น เพราะสามียังเอาเพื่อนสนิทเป็นเมียน้อยจนมีลูกด้วยกันอีก
“ตอนนี้ก็ยังอยู่ด้วยกันค่ะ สถานะโอเคมั้ง (ยิ้ม) มีลูกคนที่ 3 อายุ 3 ขวบครึ่งเป็นผู้ชาย เราเคยเกือบจะเลิก เพราะตอนนั้นเขาเป็นโรค Narcisisitic โรคหลงตัวเอง มันไม่ได้หลงว่าหล่อรวย แต่เหมือนเป็นโลกหมุนรอบตัวเขา เขาถูกเสมอ เพื่อนเขาถูก มีหลายเหตุการณ์ พอไปอ่านเจอตรงทุกข้อ แถมเพิ่มเติมมาอีก ตอนแรกไม่เข้าใจว่าทำไมเราเข้ากันไม่ได้ ทำไมปรับไม่ถูกใจเขาซะที คิดว่าเป็นเพราะเรา แต่พอไปศึกษา เขาก็ป่วย ไม่ได้ป่วยเป็นโรคประสาท ไม่เคยไปหาหมอเพราะเขาไม่ยอมรับการรักษา เพราะเขาคิดว่าเขาไม่ได้ป่วย มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งเราก็ทำใจตรงนั้นไว้ว่าเขาไม่สบาย ถ้าเขาปกติแล้วเป็นแบบนั้นคงไปนานแล้ว ถามว่ารักมากมั้ย ก็เคยรักมาก ทุกวันนี้เราเข้าใจเขามากกว่า”
จุกอก สามีเอาเพื่อนสนิทเป็นเมียน้อย แถมยังมีลูกด้วยกัน
“ก็เป็นคนรู้จักคนหนึ่ง เคยรู้จักกันในกลุ่ม ตอนรู้โลกไม่แตก เหมือนเจอเรื่องราวที่บั่นทอนมาจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว มันชาไปหมดแล้ว เราสงสัยว่าต้องมีอะไรกับใครสักคนหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าเป็นคนนี้ พอทราบว่าเป็นคนนี้ขอบคุณมากที่ได้คำตอบเพราะเราหาคำตอบมานานว่าใคร ผู้ชายโทร.ไปไม่รับสาย จะมีอะไรนิดหน่อยที่เซ้นส์ผู้หญิงเราจับได้ หรืออะไรจุกจิกที่เขาเผลอลืมบ้าง คือผ่านไป 3 ปีแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นแหกแน่นอน แต่เรามองว่าไม่มีประโยชน์อะไรไปถามเขา เพราะคำตอบที่ได้มาคือเราผิด เราต้องเป็นคนผิดอยู่ดี ไม่มีประโยชน์ที่ต้องไปถามเขาว่าทำอะไรกัน หลังจากนั้นเราก็อยู่ของเรา เขาก็อยู่ของเขา เราก็สังเกตอยู่ห่างๆ เราก็ไม่ได้เลิกกัน อีกฝ่ายก็ไปมาหาสู่กัน มีลูกด้วยกัน สถานภาพก็ไม่งง ทางออกเดียวคือต้อง หนีจากเขาไปถ้าจะเลิก แล้วเราจะหนีไปไหน บ้านก็บ้านเรา เราต้องใช้เงิน ลูกอีก จะหอบไปไหน หนีก็หนีไม่พ้นถ้าใจเรายังผูกพันกันอยู่”
เก็บกดจนระเบิด ใช้คัตเตอร์กรีดแขน เข้ารักษาตัวที่รพ. ศรีธัญญา ล่าสุดหายจากอาการซึมเศร้า
“ก็ผ่านจุดนั้นมาแล้ว แต่ก็เหมือนเรียกร้องความสนใจมากกว่า ก็ทำร้ายตัวเองเอาคัตเตอร์ฟันแขน ไม่รู้สึกเจ็บเลย เจ็บใจมากกว่า คือเราเป็นคนที่เก็บกด ไม่พูดไม่ถามไม่ปะทะ มันก็เลยเก็บๆ ไว้ วันที่เราไม่ไหว เหมือนเพื่อนๆ นั่งกันอยู่ อยู่ดีๆ ก็เอามากรีด เรามีภาวะโรคซึมเศร้าสมัยก่อนอยู่แล้ว มันรีบอร์นกลับมา อันนั้นรักษาใน รพ. 2 อาทิตย์ มาครั้งนี้ก็รักษา 10 วัน ไปศรีธัญญามาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ไม่มีโรคซึมเศร้าแล้ว ดีขึ้นมาก แต่กลายเป็นว่าเราแข็งแกร่งเกินไป ไม่มีความอ่อนหวาน ไม่มีความเป็นผู้หญิง คนนี้คบเป็นสิบปีแล้ว คืออยู่กับคุณต๋อง วงทูมา 7 ปี อยู่กับคนที่ 2 ด้วยกัน 4 ปี คนที่ 3 เข้าสิบปี ตอนนี้มีลูก 3 คน”
“กับลูกก็มีการติดต่อ มีการคุยกัน ลูกคนโตไม่ได้เจอเพราะเขาเรียนอยู่ตจว. คนโตอายุ 19 อีกคนอายุ 16 ได้เจอตามโซเชียล ตอนแรกที่ติดต่อไม่ได้เลย เพราะเขาเด็กมาก ก็ทำใจแล้วว่าสักวันหนึ่งเขาคงเข้าใจและติดต่อมา ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ”
สิ่งที่แม่พูดเมื่อ 20 ปีในวันนั้น ย้อนกลับมาเป็นวิบากกรรมในวันนี้
“วิบากกรรม ใช่เลย ยืนยันจากประสบการณ์ตัวเองว่าสิ่งที่แม่พูดในวันนั้น มันย้อนมาวันนี้ การที่เราทำให้บุพการีเสียใจก็ส่งผลแน่นอน เราไม่ได้ฟังคุณแม่ในวันนั้น เราก็พูดกับลูกเสมอให้ดูชีวิตแม่เป็นตัวอย่างแต่ไม่ได้ให้เอาเป็นตัวอย่างเพราะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เอาความผิดพลาดของแม่มาดูแล้วอย่าทำอย่าเดินตาม”
ไม่คาดหวังอนาคตกับสามี อยากกลับมาทำงานในวงการอีก
“ถ้ามีโอกาสก็จะรับไว้นะคะ เพราะเป็นอะไรที่เคยคลุกคลีมา แต่ก็แก่แล้ว เข้าหลัก 4 แล้ว เด็กใหม่มาเราก็ถอย มีอะไรเราก็ทำไป วิบากกรรมที่เจอไม่ท้อ เราก็ไปต่อ หลังจากนี้ก็มองไปเรื่องอนาคต อยู่เป็นหลักเป็นฐานให้ลูกเท่าที่จะทำได้ ลูกคนเล็กเพิ่ง 3 ขวบ เราก็จะ 40 แล้ว กับลูกอีก 2 คนก็อยากเจอ แต่ตอนนี้ก็คุยกันผ่านแชต ก็สนิทกัน กับพี่ต๋องในอดีตมีปัญหาแต่ตอนนี้ไม่มีอะไร แต่ไม่ได้คุยกัน”
“เรื่องอนาคตกับสามีคนปัจจุบันเราจะไปคาดหวังอะไรกับเขาไม่ได้ เราเอาตัวเราเองเป็นหลัก ฉันอยู่ของฉันอย่างนี้ การเปลี่ยนแปลงจะเกิดจากเขา เราเคยขอร้องก็แล้ว ไล่ก็แล้ว รั้งก็แล้ว ไล่ไปจากชีวิต แหกก็แล้ว พูดดีๆ ก็แล้ว แต่ก็ยังเป็นแบบนี้ คาราคาซัง”
ต่างคนต่างหาเงินเอง ไม่ใช้กระเป๋าเดียวกัน
“ต่างคนต่างหา เคยใช้กระเป๋าเดียวกันในอดีต ตอนนั้นธุรกิจเขาค่อนข้างดี แต่มีช่วงหนึ่งที่อยู่ดีๆ เกิดอะไรขึ้นไม่ทราบ โดนของหรือเปล่าไม่รู้ (หัวเราะ) อยู่ดีๆ งานก็ทิ้งหมดเลย ก็เกิดปัญหาตรงนั้น เราก็ดูแลตัวเองมาตลอด เขาก็ดูแลตัวเขาเอง
สุดเหนื่อยชีวิตที่ผ่านการมีสามีถึง 3 คน ถ้าเลือกได้อยากกลับไปจุดที่อย่าเจอกันเลย
“อยากบอกเลยว่าเหนื่อยมาก อยากกลับไปจุดที่เราอย่าเจอกันเลย เราไม่น่าเจอกันเลย บางทีนั่งอยู่เฉยๆ ทำไมเหนื่อยเหลือเกิน ไม่มีแรงทำอะไร ทั้งที่เราไม่ได้ไปทำงาน ขึ้นรถเมล์ไปทำงาน เรานั่งอยู่เฉยๆ แต่เหนื่อยเหลือเกิน”