“จันจิ จันจิรา” เผยพ่อป่วยเป็นไบโพลาร์ แถมยังเป็นโรคซึมเศร้า ล่าสุด ตรวจพบถุงลมเล็กๆ ในปอด บอกอาการยังสวิง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องเข้า รพ. ปรับยา โทษตัวเองทำแต่งานไม่มีเวลาดูแล ท้อใจค่ารักษาหลักแสน รับ “มาริโอ้” ช่วยดูแลด้วยแต่ไม่ได้มาทุกวัน
เจอมรสุมชีวิต พ่อป่วยเป็นไบโพลาร์แถมยังเป็นโรคซึมเศร้า ล่าสุด ตรวจพบถุงลมเล็กๆ ในปอด ต้องหาเงินมาจ่ายค่ารักษาเป็นแสนๆ สำหรับ “จันจิ จันจิรา จันทร์พิทักษ์ชัย” ซึ่งเจ้าตัวก็เปิดใจว่าครั้งแรกที่ทราบตกใจมากแต่ตอนนี้เริ่มรับมือได้แล้ว โทษตัวเองที่ไม่มีเวลาให้พ่อ ส่วนหวานใจ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ช่วยเข้าไปดูแลด้วย
“ที่เห็นในรูปอาจจะดูเหมือนว่าคุณพ่อดูเบลอๆ อันนั้นก็เป็นเพราะคุณพ่อกินยานอนหลับเกินขนาดค่ะ คือ ท่านอาจจะนอนไม่หลับเลยเพิ่มขนาดยามากขึ้น ซึ่งมันก็ส่งผลทำให้อาการป่วยของท่านที่เป็นอยู่มันเกิดสวิงขึ้นมา จนท่านไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งสาเหตุก็เพราะท่านป่วยเป็นโรคไบโพลาร์มาสักพักแล้ว”
“ครั้งนี้ก็ไม่ได้ตกใจเหมือนครั้งก่อนๆ นะคะ เพราะครั้งแรกๆ ที่มันเกิดขึ้นหนูตกใจมาก แต่ว่าตอนนี้เราเริ่มรับมือได้แล้ว ยิ่งตัวหนูเองมีพี่สาวด้วยเราก็ค่อยๆ ช่วยกันสลับดูแลกันไป เอาตรงๆ นะหนูเป็นห่วงท่านมาก เพราะล่าสุดพี่สาวบอกว่าคุณหมอเพิ่งจะตรวจถุงลมเล็กๆ ในปอด มันก็เลยยิ่งทำให้เรากังวลเรื่องการสูบบุหรี่ของคุณพ่อ”
“ตอนนั้นท่านเข้าโรงพยาบาลครั้งล่าสุด ก็พักฟื้นอยู่โรงพยาบาล 5 วัน มีกายภาพบำบัดให้คุณพ่อขยับตัวเยอะๆ แต่ว่าตอนนี้ก็กลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมแล้ว โดยที่บ้านก็จะมีพี่เลี้ยงช่วยจัดยาในวันที่หนูไม่ได้เจอหรือไปทำงาน ส่วนตัวก็พยายามใกล้ชิดเท่าที่จะทำได้ เข้าไปพูดคุยกับท่านบ่อยๆ เพราะว่าท่านเป็นคนชอบเก็บตัว คือถ้าไม่ไปโรงพยาบาลท่านก็จะไม่ออกจากบ้านเลย”
หมอบอกยังมีโอกาสหาย ต้องพาไป รพ.เพื่อปรับยา
“ส่วนคุณหมอเองก็ไม่ได้แนะนำอะไรเพิ่มทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวของคุณพ่อเองมากกว่า โรคไบโพลาร์มันจะเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว ดังนั้น มันก็เลยขึ้นอยู่กับใจของท่านว่าท่านจะมีทัศนคติที่บวกขึ้นหรือเปล่า ซึ่งการทานยาและอาหารของท่านเราเองก็ต้องควบคุมดีๆ อีกอย่างคือคุณหมอบอกว่าโรคนี้มีโอกาสหาย ถ้าหากคุณพ่อไม่กินยาเกินขนาดเองอีก”
“จริงๆ คุณพ่อท่านเป็นแบบนี้หลายรอบแล้ว ท่านจะเบลอๆ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือโกรธง่ายมาก ซึ่งอาการนี้มันก็จะเป็นส่วนหนึ่งของโรคไบโพลาร์ ดังนั้น เราจึงต้องพาท่านไปโรงพยาบาลเพื่อทำการปรับยา อีกอย่างคือคุณพ่อหนูท่านก็มีอาการของโรคซึมเศร้าด้วย ซึ่งมันอาจจะเป็นเพราะว่าหนูไปทำงานจนไม่มีเวลาเข้าไปคุยกับท่านบ่อยๆ บวกกับเราเองก็ไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยกันสักเท่าไหร่ เพราะท่านเป็นคนที่ไม่ยอมออกนอกบ้านเลยจริงๆ”
“ท่านทราบค่ะว่าท่านป่วย แต่ว่าช่วงไหนที่เกิดอาการกำเริบท่านก็จะจำอะไรไม่ได้เลย และพอเขาหายเขาก็จะตามมาถามย้อนหลังว่าเขาเป็นแบบนั้นแบบนี้เหรอ ซึ่งเราเองก็ต้องคอยระวังแทนท่าน คอยดูท่านอย่างใกล้ชิดไม่ให้ท่านเครียด”
ไม่เครียดเรื่องอาการ แต่เครียดเรื่องค่าใช้จ่าย เข้าโรงพยาบาลต่อครั้งหลักแสน
“หนูเครียดเรื่องค่าใช้จ่ายมากกว่าค่ะ เพราะเรื่องการดูแลเราเองก็ค่อนข้างชินแล้ว แต่ว่าเรื่องของค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งมันสูงมาก คือถ้าท่านต้องเข้าโรงพยาบาลครั้งหนึ่งก็เป็นหลักแสน เราทุกคนในบ้านก็เลยต้องพยายามช่วยเหลือกัน ถ้าคุณพ่อดูอยู่ตอนนี้ก็รักษาร่างกายดีๆ นะคะ ตอนนี้ออกข่าวแล้วนะคุณพ่อ”
รับ “มาริโอ้” ช่วยดูแล แต่ไม่ได้มาทุกวัน ลั่นพ่อได้กำลังใจสู้โรค
“พี่เขาก็ช่วยซื้ออาหารที่คุณพ่อท่านอยากทานไปส่งให้ และก็เข้าไปช่วยดูแลบ้างในวันที่พี่เขาว่าง แต่ว่าก็ไม่ได้มาทุกวันนะคะ มาแค่ครั้งเดียว ซึ่งคุณพ่อก็จำไม่ได้ (หัวเราะ) จริงๆ เขาก็มีให้กำลังใจเหมือนกัน บอกกับเราว่าอย่าเครียดและก็ให้เราค่อยๆ กับคุณพ่อเพื่อที่คุณพ่อจะได้มีกำลังใจสู้กับโรค”