ในต้นยุค 60s หนังกำลังภายในของฮ่องกง ดูแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับหนังแนวนี้ในยุคปัจจุบัน ตอนนั้นหนังกำลังภายในยังดูมีความเป็นแฟนตาซีมาก ส่วนใหญ่ต่อสู้กับด้วยวิชาพิศดาร เน้นขายความน่าตื่นเต้นของเทคนิคพิเศษ ลีลาก็แทบจะไม่แตกต่างอะไรจากการแสดงงิ้ว ไม่มีความสมจริงสมจังอะไรเลย
และผู้กำกับที่ชื่อว่า คิง ฮู ก็คือคนที่มีส่วนสำคัญที่สุดในการพัฒนาให้หนังกำลังภายในเดินทางไปสู้ยุคใหม่ ด้วยการสร้างหนังคลาสสิกที่ชื่อว่า “หงทองคะนองศึก” ออกมา และได้ชื่อว่าเป็นหนังกำลังภายในร่วมสมัยเรื่องแรกอย่างเป็นทางการ
กระทั่งในปี 1969 คิง ฮู จึงสร้างผลงานที่ว่ากันว่าเป็นมาสเตอร์พีซในอาชีพของเขาออกมา A Touch of Zen หรือ “ตะลุยแดนศักดิ์สิทธิ์” มีตัวเอกเป็นนักศึกษาหนุ่ม ที่เน้นจับภู่กันมากกว่าจะถือกระบี่ แต่กลับเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยสติปัญญา หนังยังแทรกแนวคิดเกี่ยวกับความเชื่อทางเซนเอาไว้อย่างแนบเนี่ยน เป็นหนังกำลังภายในความยาวเกิน 2 ชั่วโมง ที่ไปไกลถึงการคว้ารางวัลเทศกาลหนังเมืองคานส์กันเลยทีเดียว
A Touch of Zen ยังมีฉากสำคัญที่ว่ากันว่าคลาสสิกที่สุดแล้ว สำหรับหนังแนวกังฟู กับการต่อสู้ในป่าไฝ่ ที่ คิง ฮู โชว์การตัดต่อ และเคลื่อนกล้องได้อย่างน่าทึ่ง ไม่มีฉากต่อสู้ฉากไหนในหนังกำลังภายในจะถูกจดจำมากเท่านี้อีกแล้ว
ฉากป่าไฝ่ในหนังมากมาย ก็คือการแสดงความคารวะของคนทำหนังรุ่นหลังต่อ คิง ฮู นั่นเอง หลัง A Touch of Zen คิง ฮู มีผลงานออกมาไม่มากนัก และยังคงเน้นทำหนังด้วยสไตล์ของตัวเอง เน้นการตัดต่อ ไม่ได้ขายคิวบู๊ที่ดุเดือดแบบสมัยนิยม หนังของเขาจึงเริ่มดูเชย และตกยุคไปเรื่อยๆ
แต่สุดท้าย คิง ฮู ก็ได้กลับมาทำหนังฟอร์มใหญ่อีกครั้ง ใน Swordsman หรือ เดชคัมภีร์เทวดา หนังปี 1990 ที่ ฉีเคอะ เป็นผู้สร้าง และหนังก็ประสบความสำเร็จจนกลายเป็นการเปิดยุคใหม่ของหนังกำลังภายใน แต่ที่น่าเศร้าก็คือ คิง ฮู ต้องถอนตัวจากการกำกับ เดชคัมภีร์เทวดา ไปตั้งแต่หนังยังถ่ายทำไม่เสร็จ เพราะปัญหาสุขภาพ แม้เขาจะยังมีชื่อเป็นผู้กำกับอยู่ก็ตาม
คิง ฮู เสียชีวิตในอีก 7 ปีต่อมา โดยมีหนังออกมาอีกแค่เรื่องเดียว ตลอดชีวิตการเป็นผู้กำกับนานถึงเกือบ 40 ปี เขามีผลงานเพียงไม่กี่เรื่อง โดยเฉพาะหนังกำลังภายในที่สุดท้าย คิง ฮู มีโอกาสร้างสรรค์ออกมาแค่ 9 เรื่องเท่านั้น แต่ผลงานจำนวนไม่มากเหล่านั้น กลับส่งอิทธิพลมหาศาลต่อหนังกำลังภายใน จนพูดได้ว่าหนังกำลังภายในจะไม่มีวันนี้อย่างเด็ดขาด หากไม่มี คิง ฮู