“เอ เชิญยิ้ม” ลั่นเลยเวลาให้อภัย ควงเมียและทนายเข้าแจ้งความ ปอท. หลังถูกกล่าวหาไข่ทิ้ง มีลูกอายุ 15 ปี-ไม่เคยเหลียวแล แจงต้องพึ่งกฎหมายให้ช่วยตามหา อยากให้อีกฝ่ายออกมาล้างมลทิน ถ้าจริงพร้อมตรวจดีเอ็นเอแต่ถ้าไม่จริงอยากให้ขอโทษ สงสารลูกอยากให้มีที่ยืนในสังคมแบบไม่ต้องอายใคร ย้ำชัดไม่เคยไข่ทิ้งล้านเปอร์เซ็นต์
จากกรณีที่ตลกชื่อดัง “เอ เชิญยิ้ม” ออกมาให้สัมภาษณ์ว่ามีหญิงสาวปริศนาเข้ามาคอมเมนต์ว่ามีลูกกับตนจนลูกโตอายุ 15 ปีแล้วแต่ไม่เคยได้รับการเหลียวแล ขอให้แสดงตัวภายใน 7 วันไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ล่าสุดวันนี้(1 มิ.ย.) เอและ “แหม่ม รุ่งนภา” ภรรยา พร้อมทนายความ “นายปรเมษฐ์ แดนดงยิ่ง” ได้เข้าแจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทกับบุคคลดังกล่าว ที่กองบัญชาการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) โดยเอยืนยันว่าตอนแรกไม่คิดจะดำเนินคดี แค่อยากให้อีกฝ่ายออกมาชี้แจงถ้าหากเป็นลูกของตนจริงก็พร้อมยอมรับ แต่ถ้าไม่ใช่ก็อยากให้ขอโทษเพราะทำให้ตนและครอบครัวเกิดความอับอาย ซึ่งผ่านมา 1 สัปดาห์แล้ว อีกฝ่ายก็ยังไม่แสดงตัว จึงต้องใช้กฎหมายช่วยตามหา
“ผมก็พยายามแชร์ให้ชาวโซเชียลช่วยประกาศตามหา ให้เขาออกมาแสดงตัวตอนแรกไม่ได้ถึงขั้นจะดำเนินการตามกฎหมาย แต่อยากให้เขามาลบมลทินให้ผมว่าเขาทำไปเพื่ออะไร ถ้าเขามั่นใจว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริง เราก็พร้อมที่จะพิสูจน์หาความจริง ตรวจดีเอ็นเอกัน แต่ถ้าไม่จริงก็แค่ให้เขาออกมากล่าวขอโทษ ชี้แจงให้คนทั่วไปเข้าใจว่าผมไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวหา เท่านั้นเองนะครับ เพื่อให้ครอบครัว ลูกสาว ลูกชายของผมยืนอยู่ในสังคมแบบไม่ต้องอายเพื่อนฝูงแค่นั้นเอง แล้วเรื่องก็จะจบ เราไม่ถึงขั้นต้องดำเนินการแบบนี้”
“แต่ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้วเขาก็ไม่มาแสดงตัว เราเลยต้องให้กฎหมายช่วยตามหา เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ด้วยว่าต่อไปนี้ไม่ว่าจะคลิปอะไรก็แล้วแต่ ถ้าโพสต์ลงในโซเชียล ในยูทิวบ์ เฟซบุ๊ก อยากให้เตือนสติคนไทย นักเลงคีย์บอร์ดทั้งหลาย เม้นต์กันอย่างสร้างสรรค์อย่านึกจะด่าใครก็ได้ โดยคิดว่าอยู่ในที่มืด ไม่มีใครเห็น มีความสุขกับการด่า คุณตามหาไม่เจอหรอก ผมอายจริงๆ นะ ถ้าชาวต่างชาติอ่านภาษาไทยเราออก มันเป็นอะไรที่ไม่น่ามองเลยในโลกโซเชียล ทุกวันนี้คลิปทำดีก็โดนด่า ด่าตลอดเลย อยากให้ตรงไปตรงมากันมากกว่าในโลกโซเชียล อยากให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างครับ”
“ผมก็ได้คุยกับภรรยา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะจับมือผ่านเรื่องนี้กันไปให้ได้ แล้วยังไง ผมเชื่อว่าที่ผ่านมาภรรยามีความเชื่อมั่นในตัวผม ความมั่นคงของครอบครัวของเราก็ค่อนข้างที่จะสูงพอสมควร เนื่องจากว่าที่ผ่านมาตัวผมเองไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวอ้าง เป็นห่วงว่าถ้าหากในกรณีแบบนี้ ถ้าไม่มีการสั่งสอนให้รู้ว่าทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง ทำให้ครอบครัวเสียหาย ถ้าเขาไปทำกับครอบครัวอื่นที่หัวหน้าครอบครัวอาจมีพฤติกรรม ประวัติครอบครัวไม่ดี อาจทำให้บ้านเขาแตกได้นะครับ มันค่อนข้างเซ้นซิทีปกับสถานบันครอบครัวครับ”
“ถ้าเจอตัวจริงเขาอันดับแรกคงต้องถามว่าสิ่งที่เขาพิมพ์ เขามั่นใจมั้ยว่าเป็นความจริง ถ้าเป็นความจริงเขาต้องการอะไร ต้องการตามสิ่งที่เรียกร้องหรือเปล่า อยากให้เราดูแลหรือชดเชยสิ่งที่เราทำไว้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว และปล่อยให้เขาเลี้ยงลูกลำพังตอนนี้เขาไม่มีเงินที่จะเลี้ยงลูกแล้ว เขายังยืนยันตามที่เขาโพสต์หรือเปล่า ถ้าเขายังยืนยันก็เข้าสู่กระบวนการตรวจดีเอ็นเอ ถ้าเป็นจริงตามนั้นเราพร้อมรับผิดชอบในทุกกรณี แต่ถ้าหากเขาออกมาสารภาพว่าหนูทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พิมพ์ไปเพื่อสนุก บันเทิงอะไรก็แล้วแต่ ก็ให้เขาออกมาคุยกับทนาย เพราะมันเลยช่วงเวลาที่เราจะอภัยให้เขาแล้ว”
รับกระทบจิตใจลูก ลูกเคยมองพ่อเป็นฮีโร่ ยันล้านเปอร์เซ็นต์ไม่เคยไข่ทิ้ง
“ลูกสาวได้มาสอบถามว่าเรื่องจริงหรือไม่จริง เพราะมีเพื่อนส่งไลน์มาถามว่าพ่อไปมีลูก เธอมีน้องหรือเปล่า ก็แค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ทำให้รู้สึกกระทบว่าในสายตาลูกพ่อเป็นฮีโร่ พอเกิดเหตุการณ์นี้ก็แคร์จิตใจลูก ก่อนหน้านี้ไม่เคยชี้ชัดว่าจริงไม่จริง เพราะถ้าผมชี้ชัดไปตั้งแต่วันนั้นเลยการดำเนินการจะไม่ต่อเนื่องมาถึงตอนนี้ ทำให้มีคนเข้าใจผิดว่าผมอาจทำแบบนั้นจริงๆ ก็ได้ แต่วันนี้ผมยืนยันวันนี้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง ผมไม่เคยมีลูกกับใครมาก่อน ไม่เคยมีลูกอายุ 15 ตามที่เขาเคยกล่าวหา ยืนยันตรงนี้ล้านเปอร์เซ็นต์ เราอยู่กับเมียมา 19 ปี”
ส่วนภรรยาก็เผยว่าได้คุยกับสามี หลังจากอยู่ด้วยกันมาเชื่อใจ ต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ยอมรับกับมันและจับมือเดินไปด้วยกัน วันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น ยังยืนยันคำเดิมว่าจะชดใช้ให้เขา ถามว่าสามีเคยเกเรมั้ย ช่วงวัยรุ่น เขาอาจไปเจอก่อนมาเจอตน แต่หลังจากนั้นเขาไม่มีประวัติ อาจจะมีหรือตนไม่รู้ก็ได้ แต่ไม่เคยเจอ หรือจับได้
ด้านทนายเผยว่าจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ทำให้เกิดความเสียหาย และจะได้พิสูจน์ความจริงว่าเอไม่ได้สร้างกระแสเพื่อโปรโมตเพลง แต่เป็นเรื่องของผู้ที่ไม่หวังดีที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นในลักษณะใส่ความ และต้องการพิสูจน์ความจริงว่าเอเป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าจากการสืบสวนของเจ้าพนักงาน ความจริงจะปรากฏ และสังคมจะเข้าใจ ส่วนคู่กรณีถ้าออกมาขอโทษเอก็พร้อมให้อภัย