“เจี๊ยบ โสภิตนภา” เผยความประทับใจโชคดีที่ได้ถวายงานในหลวงรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ อยู่บ่อยครั้ง เห็นกับตาถึงภาพความรักของทั้งสองพระองค์ที่ทรงจับมือกันตลอดเวลา เป็นความทรงจำที่จำจนวันตาย เตรียมทำรายการถ่ายทอดเรื่องราวความรักของทั้งสองพระองค์เฉลิมพระเกียรติ
นักแสดง - ผู้จัดชื่อดัง “เจี๊ยบ โสภิตนภา ชุ่มภาณี” เผยความทรงจำในวัยเยาว์ เป็นศิษย์เก่าจิตรลดา เคยถวายงานแสดงหน้าพระที่นั่ง “ในหลวง - พระราชินี” ในวันครบรอบวันบรมราชาภิเษกสมรส เผยตื้นตันจนน้ำตาไหล ความรักที่แท้จริงยังมีบนโลกใบนี้
“ตอนแรกที่ได้ทราบข่าวสวรรคต รายการต่างๆ ก็โดนระงับหมดเลย ซึ่งเจี๊ยบกับอ้อม (พิยดา จุฑารัตนกุล) ที่ออกอากาศทุกวันเสาร์ เลยมานั่งคิดกับอ้อมว่าอยากทำรายการเพื่อในหลวง รายการที่เราทำเนื้อเอาไว้แล้ว มีลูกค้าแล้ว แต่เราบอกลูกค้าได้มั้ยว่าเราขอเขาว่าเราขอเอารายการมาทำเพื่อในหลวงได้มั้ย แต่พอดีตอนนั้นเทปก็โดนเลื่อนมาเรื่อยๆ ก็คิดแล้วว่าก็คงไม่ได้ทำเรื่องราวเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งในใจเรามีคอนเทนต์ที่อยากจะทำ เลยได้ไปเล่าให้ทางช่องวันฟังว่าเจี๊ยบมีคอนเทนต์ที่คิดว่าดีมาก เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระจริยวัตรที่งดงามของพระองค์ท่าน”
“ต้องเล่าก่อนว่าสมัยที่เจี๊ยบเด็กๆ ประมาณอายุ 14 - 15 ปี โชคดีมากที่มีโอกาส ที่คุณแม่ของคุณหญิงต้น (หม่อมหลวง ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี) อย่างท่านผู้หญิงวิยะฎา กฤดากร ณ อยุธยา เคยคัดเลือกเจี๊ยบไปแสดงละครหน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จริงๆ ไม่ใช่แค่เจี๊ยบคนเดียวที่ได้ไปแสดง ยังมีคุณแม่ของน้องมัดหมี่ (พิมดาว พานิชสมัย) พี่แบม (จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์) พี่โบ (ชญาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์) และก็มีคุณอ้อม คุณกัปตัน (ภูธเนศ หงษ์มานพ)”
“เลยได้มีโอกาสได้เห็นพระจริยวัตรที่งดงามของทั้งสองพระองค์ เห็นถึงความรักของทั้งสองพระองค์ ถึงภาพที่เล่าเห็นนั้นจะผ่านมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่เจี๊ยบก็ไม่อยากให้มันหาย หรือเก็บไว้แค่ที่เรา เพราะพวกเราได้ถวายงานพระองค์ท่านหลายครั้งมาก เราเลยคิดว่าอยากทำตรงนี้ อยากเอาคนเหล่านั้นกลับมา แล้วมาสัมภาษณ์เรื่องราวว่าสมัยก่อน พวกเราเคยเป็นจุดเล็กๆ ที่ติดสอยห้อยตามไปหลายๆ จังหวัด ทั้งสกลนคร นราธิวาส ไปวังไกลกังวล หัวหิน และเราเคยได้ถวายงานพระองค์ท่าน เคยได้เห็นกับสายตาตัวเองว่าทั้งสองพระองค์มีความรักให้แก่กันมากแค่ไหน เลยอยากทำตรงนี้แต่ไม่มีโอกาส”
เผยเป็นศิษย์เก่าจิตรลดา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณได้เรียนโรงเรียนพระองค์ เป็นตัวแทนถวายงานแสดงเป็นนางแก้ว นางในวรรณคดีด้วย
“ต้องบอกก่อนว่าตอนนั้นเจี๊ยบเด็กมาก ตอนนั้นเจี๊ยบเรียนอยู่จิตรลดา ต้องถือว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ได้เรียนอยู่โรงเรียนของพระองค์ท่านด้วย การที่เราได้เรียนที่โรงเรียนจิตรลดา เราได้เห็นโครงการต่างๆ ที่พระองค์ท่านทำ ทั้งการทำนา ปลูกข้าว กาทำฟาร์มโคนมต่างๆ ในตอนนั้นเจี๊ยบได้แสดงเป็นตัวละครชื่อนางแก้ว นางแก้วเป็นนางในวรรณคดี ซึ่งสมเด็จพระราชินีนาถ ทรงโปรดนางในวรรณคดีนี้มาก ซึ่งจำได้ว่าใส่ชุดสีขาวเดินออกมา ครั้งแรกที่ได้เห็นพระพักตร์ของทั้งสองพระองค์ตื้นตันมาก จำได้ว่าพอลงจากเวทีก็สั่นไปหมดเลย แล้วก็ร้องไห้ด้วยปลื้มใจ”
“หลังจากนั้น ก็ได้ไปหลายๆ จังหวัด และได้เห็นว่าการที่เราได้ไปเดินแฟชั่นโชว์ หรือว่าการแสดง ทำให้ได้เห็นว่าเราไปสร้างขวัญและกำลังใจ ให้กับประชาชน และมีอยู่ครั้งหนึ่งเจี๊ยบได้เดินแบบผ้าไทยที่ศูนย์ศิลปาชีพ วันนั้นทั้งสองพระองค์เสด็จออกมาคู่กัน แล้วท่านก็ให้ประชาชนออกมาด้วย โดยวันนั้นท่านจะมีนิทรรศการเป็นผ้าไทยของประชาชน บางครั้งที่มีทูต หรือแขกจากต่างบ้านต่างเมืองมา พระองค์ก็จะตรัสบอกเลยว่า ผ้าเหล่านี้ สิ่งของเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ประชาชนของพระองค์ท่านเป็นคนทำทั้งนั้น ท่านเล่าด้วยความภาคภูมิใจ ก็จะมีการเฉลิมฉลองและก็มีแฟชั่นโชว์ ท่านก็จะให้ชาวบ้านเข้ามาในวัง เข้ามาดู ชาวบ้านได้เห็นว่าสิ่งที่เขาถักทออยู่บนตัวพวกเรา (นางแบบ - นายแบบ) เขาก็จะดีใจมาก ทำให้ชาวบ้านพี่ๆ ที่เขาอยู่ต่างจังหวัดภาคภูมิใจในตัวเองมาก และก็มีกำลังที่จะทำสิ่งเหล่านั้นสืบต่อไป ทำให้เห็นว่าพระองค์ท่านเข้าใกล้ชิดประชาชนมาก และให้กำลังใจประชาชนมากๆ”
“ดีใจมาก ตอนนั้นถึงเราจะเด็กมาก แต่ถ้าหลับตาแล้วนึกย้อนหลับไป เราจะเห็นภาพของทั้งสองพระองค์คอยประคองกัน จับมือ เคยได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ ที่พูดกัน เจี๊ยบไม่มั่นใจคำราชาศัพท์ ขอใช้คำสามัญ ทรงพูดคุยกันน่ารักมาก เป็นความประทับใจและดีใจที่ได้เห็น ได้ยินสิ่งเหล่านี้”
ตายไปก็ไม่ลืม ถวายแสดงละครสั้นต่อหน้าพระที่นั่ง “ในหลวง - พระราชินี” ในวันครบรอบวันบรมราชาภิเษก ตื้นตันจนน้ำตาไหล เชื่อรักแท้มีอยู่จริงบนโลกใบนี้
“มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พระราชวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตอนนั้นเจี๊ยบไม่แน่ใจ แต่คิดว่าน่าจะเป็นวันครบรอบวันบรมราชาภิเษกสมรส ในหลวง - พระราชินี วันนั้น เจี๊ยบ - อ้อม - กัปตัน ได้มีโอกาสแสดงละครสั้นๆ ถวายต่อหน้าพระที่นั่ง วันนั้นก็จะมีท่านผู้หญิง และนางสนองพระโอษฐ์ หลายๆ ท่านมาร่วมแสดงด้วย ตอนนั้นจำได้ว่าแต่งเป็นชุดในสมัยรัชกาลที่ 7 ตอนนั้นจำได้เลยว่ามองไปไม่ไกลเลย พระองค์ท่านประทับอยู่ทั้งสองพระองค์ ตอนนั้นเราเล่นละครไปตลกมาก แล้วหันไปเห็นพระองค์ทรงพระสรวล”
“จำได้เลยว่าเคยคุยกับคุณอ้อมว่าจะไม่หันไปมองพระองค์ท่าน เพราะเราจะตื้นเต้น แล้วพอหันไปมอง จำได้เลยว่าคุณอ้อมปากสั่นขึ้นมา เจี๊ยบเองก็มือไม้สั่น หลังจากจบการแสดงทุกอย่างแล้ว ก็มีเพลงๆ หนึ่งขึ้นมา ถ้าจำไม่ผิดคือเป็นสิ่งที่คุณหญิงต้น (หม่อมหลวง ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี) ทำขึ้นมา เป็นมิวสิกวิดีโอที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านทั้งสองพระองค์ตั้งแต่เริ่มรักกัน เป็นเพลงของคุณต้อย (เศรษฐา ศิระฉายา) ชื่อเพลงเหมือนเคย วันนั้นเราก็อยู่ตรงนั้นด้วย ตอนนั้นเรายืนอยู่หลังเวทีกัน จำได้เลยว่าเป็นเหมือนผ้าใบ”
“เราอยู่ข้างหลังไม่ได้ยืนอยู่ข้างหน้า ซึ่งพระองค์ท่านประทับอยู่ด้านหน้า ตอนนั้นดูมิวสิกวิดีโอนี้ เราร้องตามไปด้วย แล้วก็ร้องไห้กันด้วยความปลื้มปีติมาก จำได้ว่าหลังจากนั้นพระองค์ท่านเสด็จกลับด้วยกัน แล้วจับมือกัน แต่ไม่ได้เห็น แต่ว่าเจี๊ยบได้ฟังการสัมภาษณ์ของคุณหญิงต้น ว่าพระองค์ท่านทั้งสองพระองค์ทรงคุยกัน เจี๊ยบขอใช้คำสามัญนะ เพราะใช้คำราชาศัพท์ไม่เป็น พระองค์ท่านคุยกันว่ารูปนั้นรูปนี้ที่อยู่ในมิวสิกวิดีโอ ท่านไปถ่ายที่ไหนกันมา เราอยู่ข้างหลังไม่ได้เห็นภาพเหล่านี้ แต่ก็ดีใจมากที่ครั้งหนึ่งในชีวิตของเด็กตัวน้อยๆ ได้ไปอยู่ตรงนั้น หลังจากนั้น เราเดินออกไป ก้มลงกราบลาพระองค์ท่าน แล้วเห็นภาพทั้งสองพระองค์จับมือกันออกไป เป็นภาพที่น่ารักมาก แต่วันนี้เราคิดถึงภาพนี้ มันจุกอยู่ข้างใน จะเป็นภาพที่จะจำไว้ จะไม่มีวันลืมไปจนตาย สมเด็จพระราชินีเดินมาหาเราแล้วตรัสชมว่าสวยนะจ๊ะ ซึ่งเราดีใจมาก”
“เป็นภาพที่พระองค์ทรงจับมือพระราชินี ประคองกันไปด้วยความรัก ยิ่งตอนนี้เมื่อพระองค์ท่านสวรรคตไปแล้ว และเราได้เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของทั้งสองพระองค์ ทำให้เรารู้ว่าความรักแท้นั่นมีอยู่จริง แต่ความรักของพระองค์ท่านไม่ได้แบ่งให้แค่สมเด็จพระราชินีเท่านั้น แต่ยังทรงทำมาถึงพวกเรา ที่เป็นประชาชนทั่วไปด้วย ท่านทรงเหน็ดเหนื่อย ทรงทำงานหนักเพื่อพวกเรา ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ความกตัญญูที่พระองค์ทรงมีต่อพระมารดา ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง หลับตาคิดถึงภาพในหลวง ภาพเข้ามาเต็มไปหมด”
