“เต๋า สมชาย” แฮปปี้ “น้องสุขใจ” ซึมซับงานในวงการ เอ่ยปากขอเล่นหนัง ส่วน “น้องสมใจ” เริ่มถามอยากเล่นบ้าง รับอยากให้ลองเป็นงานอดิเรก ฟุ้งหนีบลูกไปเลี้ยงในกองถ่ายตั้งแต่ยังเด็ก ดีใจวันนี้อยากเดินตามรอยพ่อ ลั่นไม่ปิดกั้น แต่ต้องไม่ทิ้งการเรียน อยากให้ลูกมีโอกาสใหม่ ๆ พูดชัดไม่ยอมให้ใครมาด่าลูก
แฮปปี้สุด ๆ เพราะได้เล่นหนังกับลูกชายเป็นครั้งแรก สำหรับ “เต๋า สมชาย เข็มกลัด” กับ “น้องสุขใจ” ล่าสุด มาถ่ายโปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่อง DEADSTOCK รักปีลึก กำกับการแสดงโดย 3 ผู้กำกับ ศารศาตร์ รมยานนท์, ชีวา ลาภินตั้งสุทธิ, สมคิด พุกพงษ์ ณ สตูดิโอ อิมเมจ เมคเกอร์ เต๋า เผยว่า ดีใจที่ลูกซึมซับงานในวงการ แต่จะเล่นเต็มตัวหรือไม่ขอดูลิมิตเวลาที่เหมาะสม
“จริง ๆ วันนั้นเจอวา (ชีวา ลาภิณตั้งสุทธิ) ที่งานหนึ่งแล้วคุยว่าเขาจะทำหนังเขาก็เล่าคอนเซ็ปต์ของหนังมาบอกเฮ้ย ดีนะ เพราะว่าจริง ๆ แล้วเด็กรุ่นนี้ไม่เคยได้เห็นอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง ทำไมคุณต้องเก็บกางเกงยีนส์ตัวละ 3 - 4 หมื่น ทั้ง ๆ ที่เก่า ๆ ขาด ๆ หรือบางอย่างทำไมคุณเก็บเพื่ออะไร จริง ๆ มันไม่ใช่คุณค่าทางด้านของเงินตรา มันคือคุณค่าของทางด้านจิตใจ บางอย่างคุณจะเก็บไว้ตั้งแต่รุ่นพ่อไล่มาผมเลยบอกเฮ้ย ดี”
“แล้วหนังสมัยนี้ผมว่าอย่างคุณจะเอารถคันหนึ่งมาเข้าฉาก คุณก็ต้องใช้เงินมาก หรือบางทีอาจจะหาไม่ได้ แต่วันนั้นที่วาเอามาเป็นพันคันแล้วมาจากทุกสายจริง ๆ เพื่อนก็เอามาช่วยนะครับ วันนั้นได้คุยกับเขาเสร็จก็เริ่มติดต่อ เขาก็เริ่มส่งบทมาอ่านมาดูเสร็จแล้วลูกชายเห็นบอกว่าป๊าป๋า โทร.ไปบอกเพื่อนได้มั้ยว่าเรื่องนี้หนูขอเล่นกับป๊ะป๋าด้วย”
พูดขำ ๆ ให้มีบทพูดจะได้ค่าตัว 1 พันดีกว่าได้ 500 บาท
“บทก็เห็น ให้เข้าประมาณซัก 3 - 4 ฉากนี้ไม่เกิน ซึ่งผมว่ามันก็เป็นงานที่เสร็จภายในวันหนึ่งวันนะครับ ไม่ได้มีอะไรเยอะแล้วก็พอเขาอยากเล่นก็เลย เฮ้ย วา หลานอยากเล่น เฮ้ย เอามาเลย เราเล่นเป็นช่างอยู่ที่อู่นะครับ ช่างเต๋า หน้าเขาก็อย่างนี้ ลูกคนจีนครับก็เลยเรียกไอ้ตี๋ แล้วก็มีบทพูดเรื่องมัสแตงปี 67 นะครับ เรามีมัสแตงปี 61 แต่อันนี้ลึกกว่าปี 67 เราก็จะให้เขาท่องว่ามัสแตงปี 67 เราก็ไอ้ตี๋ รถเรามันรถอะไรนะ เขาก็จะบอกมัสแตงปี 67 ก็มีไดอะล็อกพูด เวลาได้ค่าตัวมันจะได้มีแบบพูดไง ไม่ได้ไปเดินผ่าน ถ้าเดินผ่าน 500 พูดก็พันหนึ่ง (หัวเราะ)”
ไม่ปิดกั้นโอกาสลูก ดีใจลูกชายสนุก แฮปปี้
“เขาชอบ แล้วก็ไม่ได้ไปปิดกั้นเขาอยู่แล้วเรื่องนี้ สำคัญคือมันจบภายในวันเดียว เราไปถึงตอนเย็นค่ำๆ ซักห้าทุ่มก็ใกล้จะเสร็จแล้ว แต่ว่าเขาเริ่มจะง่วงเริ่มจะอะไรแล้วมันจะต้องต่อไปอีกนิดหนึ่ง วันนั้นน่าจะเที่ยงคืนกว่า เราก็เลยตัดตอนท้ายเขาออกเลยเพราะเขาเริ่มจะไม่ไหว พอเริ่มไม่ไหวเดี๋ยวมันจะทำให้งานมันเสีย คือระยะเวลาหนังมันยืดหยุ่นได้ แล้วก็มันเหมือนเป็นไอ้ตี๋ เป็นแขกรับเชิญของผมแล้วเขาแฮปปี้ สนุก”
“เรื่องสำคัญเขาคงดูเราเยอะเวลาที่เขาไปถ่ายจริงเขาเล่นได้ แล้วเขาจำคอนทินิว เดี๋ยวพอคำว่าแอ็กชั่นนะ เขาจะต้องหยิบประแจมาด้วยตัวเขาเองตั้งแต่เทกแรกแล้วก็เอารูประแจมาส่องหน้าพระเอก 3 เทก เขาก็ต้องหยิบมาโดยที่ผมไม่ต้องบอกหรือเดินไปที่รถผมก็ต้องเดินบอก เดินตามป๊ะป๋ามาแค่นั้นพอลูก แล้วหนูก็มายืนข้างป๊ะป๋า แล้วผมก็เดินนำไปก่อน เขาก็จะเดินไปผ่านรถ รถมันก็จับเป็นประตูที่มันไม่มีหน้าต่างไม่มีกระจก ก็ต้องชะโงกหัวไปดูเทกแรก แล้วก็เดินตามไปยืนข้างผมจุ๊ย ๆ บอกว่า เฮ้ย เราจุ๊ย ๆ เราเป็นเจ้าของลูก”
“เราเป็นเจ้าของอู่ เราไม่ได้เป็นลูกน้องเขาจุ๊ยเลย เทกแรกเขาก็ชะโงกที่หน้าต่างรถอีก 2 - 3 นี้ เราก็โอเค แสดงว่าเขามีความสามารถในการจำคอนตินิว เล่นแต่ละเทปมันเหมือนกันแล้วเขาก็อะแด๊บตัวเองโดยที่มีเราเป็นหลัก คือ ผมพยายามจะไม่บอกอะไรมากก็อยากให้เขาลองทำ คือผมว่าอันนี้มันเป็นงานอดิเรกที่เขาชอบ สำคัญเลยบอกเลยว่าอย่างบางคนลูกก็ไม่เอาในเรื่องแบบนี้ แต่นี่เขาสนใจ”
ฟุ้งหนีบลูกไปเลี้ยงในกองถ่ายจนลูกซึมซับ
“ไปตลอดครับ เขาเริ่มมาตั้งแต่ผมเอาเขาไปเลี้ยงในกองถ่ายยังพูดไม่ได้นะครับเล่นไปดูคอนเสิร์ต ซ้อมคอนเสิร์ต คอนเสิร์ตก็จะขึ้นร้องเพลงก็จะขึ้น ผมก็บอกว่าผมก็แอบดีใจที่วันหนึ่งเขาก็อยากจะทำในสิ่งที่เราทำ”
“เล็ก ๆ น้อย ๆ ดีกว่าครับ เพราะว่ายาว ๆ เขาทำไม่ได้หรอก หนึ่งคือโรงเรียนเขาเรียนหนัก สองคือผมว่าจริงๆ แล้วตอนนี้สิ่งสำคัญคือเขาก็จะต้องเรียน แต่ตอนนี้พี่สาวเริ่มถามแล้วว่าแล้วเขาจะเล่นอะไรเริ่มมีมาถามแล้ว ก็บอกว่าอันนี้มันเป็นเรื่องของผู้ชายเขายังไม่ต้องการผู้หญิง ถ้าต้องการผู้หญิงแล้วป๊ะป๋าจะบอก สนุก ๆ ครับ”
“มันงานของเพื่อนผม แล้วเขาแฮปปี้ที่หลานมาเล่นเพื่อนเราก็เหมือนคนในครอบครัว ซึ่งผมว่ามันเป็นงานสนุกงานเท่ๆ งานหนึ่งแล้วมันก็เท่จริงครับ อยากให้ทุกคนได้ดูในเรื่องราวในทุกยุคตั้งแต่ 50 60 70 80 จนตัวผมเองตอนนี้อยู่ในยุค 90 จนถึงปัจจุบันผมว่าเด็ก ๆ ควรดูครับ แล้วคนที่อยากจะรู้ว่าคนเมื่อก่อนทำไมเขาถึงอินกับบางสิ่งบางอย่างได้ลึกขนาดนี้”
ต้องมีลิมิตที่เหมาะสม ไม่ยอมให้ใครมาด่าลูก
“เขาชอบ โอเค เขารู้แล้ว ผมว่ามันก็เป็นครอบครัวที่น่ารักดี เราก็อยากจะบอกเขาว่าเราต้องทำอย่างนี้นะ มันเป็นอาชีพที่เราถนัดที่สุด 28 ปี ผมว่ามันสามารถบอกได้ทุกอณูของวงการของการแสดง”
“ตอนนี้เขาเริ่มถามทั้ง 2 คน ว่าเขาจะได้เล่นอะไรต่อมั้ย จะได้เล่นมั้ย ผมก็บอกว่าได้เล่น แต่ต้องดูว่าเหมาะสมมั้ย ไปทำงานให้แล้วมันเสียเวลาเขาหรือเปล่า หรือทำแล้วมันเสียการเรียนมั้ย คือมันต้องมีลิมิตในเวลาที่เหมาะสมผมว่าเด็กไปถึงกองถ่ายไม่ควรจะอยู่เกิน 6 - 8 ชั่วโมง มันไม่ได้ทำงานไม่ได้อึดเหมือนเรา แล้วพอเขางอแงขึ้นมา เขาทำงานให้คนจ้างไม่ได้ คุณจะมาด่าลูกผม ผมก็ไม่ยอมถูกมั้ย ไปถึงแล้วคุณไม่ถ่ายเด็ก ๆ เขามีเวลามีลิมิตครับ เขาก็เกรงใจผม งานเขาไม่ได้เขาก็ไม่กล้าว่า ถึงว่าผมก็ไม่ยอม”
“งั้นเรายื่นความเหมาะสมดีกว่านะครับ เพราะเด็กเขาจะมีระยะเวลาเพราะว่าผมเคยไปอยู่กับน้องที่กองถ่ายละคร ถ่ายหนังด้วยกันตั้งแต่เช้าถึงตี 4 ปลุกกันมา 3 รอบเพื่อจะมาเล่นละครเล่นหนัง ผมรู้สึกผมสงสารแต่มันก็เป็นการตัดสินใจของตัวบุคคล ซึ่งมันไม่มีคำว่าผิด ผมว่ามันคือความแตกต่างในด้านความคิดแค่นั้นเอง ก็คงมีแต่เป็นอีเวนต์ แล้วก็เดี๋ยวจะมีงานที่ออนทีวีอีกหลายเดือนเหมือนกันแต่ถึงเวลาเดี๋ยวค่อยบอก ก็มีเป็นผมกับลูก”