“แนท เกศรินเผยเบื้องลึกให้ฟังกันจะๆ อีกดอก เปิดใจถึงชีวิตเซ็กซ์ในจอและนอกจอ เผยแซ่บแค่ในหนังแต่ชีวิตจริงติดใจมีแฟนเป็นทอม จนเป็นเหตุให้ชอบช่วยตัวเองมากกว่ามีเซ็กซ์กับผู้ชาย ยอมรับแต่งงานเพราะต้องการจะพัฒนาตัวเองไม่อยากจะขายของดีอีกต่อไป
กลายเป็นซินเดอเรล่าของวงการหนังเอวีเมืองไทยไปทันที เมื่อดาวโป๊ตัวแม่อย่าง “แนท เกศริน ชัยเฉลิมพล” ออกมาประกาศกร้าวว่าตอนนี้ได้จดทะเบียนสมรสกับสามีชาวต่างชาติอายุคราวพ่ออย่าง “นายฮาโรลด์ เจนนิ้งส์ เนสแลนด์ จูเนียร์” พร้อมวางแพลนไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกปลายปีนี้ พร้อมกับเปิดเผยเรื่องบนเตียงเบาๆ ว่าสามีไม่ค่อยทำการบ้าน แต่แนทก็ไม่ได้แคร์เพราะมีความสุขกับการสำเร็จความใคร่ตัวเอง
งานนี้เล่นเอางงกันทั้งประเทศ ใครที่เป็นแฟนหนังเอวีของแนทคงจะจำภาพได้ติดตาว่าลีลาการแสดงของแนทนั้นฟินขนาดไหน และผ่านศึกเล่นหนังสยิวมานักต่อนัก จนใครๆ มองว่าเสฟติดเซ็กซ์ แต่จริงๆ แล้วแนทบอกว่า ในจอกับนอกจอมันต่างกัน ครั้งหนึ่งที่แนทเคยอยู่คนเดียวมานานจนต้องบำบัดความต้องการด้วยตัวเองโดยไม่ได้ใช้อุปกรณ์ ประกอบกับเคยคบกับทอมเลยทำให้ติดใจ จึงไม่ได้ต้องการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายเหมือนในหนังเอวีที่แนทเคยเล่น เด็ดเผ็ดขนาดนี้ MGR Online เลยต้องขอสัมภาษณ์พิเศษเจ้าแม่เอวีเมืองไทย ก่อนจะปิดตำนานโชว์ของดีไปอย่างถาวรเรียบร้อยโรงเรียนฝรั่ง
“ตอนนี้แนทวางแผนว่าจะบินไปอยู่ที่สหรัฐ ก็จะวางแผนมีลูก และก็ทำธุรกิจที่นั่น เพราะแนทว่าแนทอิ่มตัวกับงานที่เราทำที่เมืองไทยแล้ว แต่แนทอยากไปหาอะไรสนุกที่เมืองนอกทำ เพราะก่อนหน้านี้เราก็ไม่เคยไปลองทำเลยนะ อย่างอยู่เมืองไทยเราก็เคยทำทุกอย่างแล้ว พิธีกรก็เคยทำแล้ว นางแบบก็เคยทำแล้ว นักแสดงก็เคยเป็นแล้ว นักร้องก็เป็นแล้ว มันไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้ทำแล้วนะ (หัวเราะ) และมาตอนนี้มีหน้าใหม่ๆ เข้ามาเยอะสำหรับวงการนี้อย่างมากมาย เราก็รู้ว่าเดี๋ยวนี้ต้องแรงมาก ถ้าเราไม่แรงอย่างกับคนหน้าใหม่ๆ เพราะถ้าแรงไปกับพวกเขา ท้ายที่สุดคนที่เจ็บตัวก็คือตัวเราเอง เราเลยไม่เอาดีกว่า และอย่างตอนนี้มีแต่ข่าวดีๆ เราเลยอยากรักษาข่าวแบบนี้เอาไว้ดีกว่าคะ เพราะถ้าข่าวมันไม่ดีมานะ เราก็ต้องมาสู้รบตบมือกันอีก เราต้องมานั่งแก้ข่าวอีก”
“อย่างข่าวที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นเมื่อก่อน หรืออย่างไปแก้ผ้ากลางสี่แยกจนโดนตำรวจจับ แนทก็เบื่อแล้ว หรือว่าการทำงานกลางคืน เราก็เบื่อแล้วเพราะมันเยอะมาก แนทอยากจะใช้ชีวิตกลางวัน อยากจะใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ อยากมีครอบครัว อยากมีลูกและทำงานกลางวันเหมือนคนทั่วไป”
“แนทไม่ได้หมายถึงว่าจะให้คนลืมภาพที่ผ่านนะเพราะเดี๋ยวนี้โซเซียลมันเยอะ และข่าวเราก็ถูกบันทึกในกูเกิ้ลด้วย คนเราจะเซิร์ฟหาว่าใครเป็นใครก็ไปค้นหาดูแค่นี้ก็รู้แล้ว แนทว่าเราเอาความดีที่เราทำให้คนเขาจำเราได้ดีกว่า เพราะไอ้สิ่งที่ไม่ดี เราทำเพียงครั้งเดียว แต่เทียบกับความดีที่เราทำมันมีเยอะ เราทำความดีให้คนอื่นได้จดจำเอาไว้ดีกว่า แค่อยากให้คนจำว่าเราเองเคยมีผลงาน และสิ่งที่ไม่ดีที่เขาเคยทำมาก็จริง แต่เขาก็ปรับตัวมาโดยตลอด เพราะภาพและชีวิตที่เป็นมา มันลบล้างกันได้อยู่แล้ว”
“แนทไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เราทำมันเป็นตราบาปอะไรนะ เพราะมันคือการทำมาหากิน แนทไม่ได้ไปฆ่าคน หรือว่าแนทไปขายยา เพราะฉะนั้นมันเป็นสิ่งหนึ่งที่เราทำมาหากิน มันอาจจะผิดเพราะสังคมเรา วัฒนธรรมเราไม่ได้เปิดกว้างเหมือนบางประเทศก็แค่นั้นเอง”
ไม่อยากเป็นเมียน้อย กลัวเมียหลวงตามมาตบ แค่สนุกกันและจบก็พอ
“แนทว่ามันไม่ใช่ความสุข เพราะสุดท้ายคนที่ทุกข์ก็คือตัวเราเองนะ การที่เราไปเป็นเมียน้อยใคร หรือจะเป็นเมียเก็บของใครนั้นมันทุกข์นะ เพราะมันมีคนเข้ามาเสนอให้เยอะมากนะ การที่เราเป็นแบบนั้น เราไม่สามารถจะเปิดเผยให้กับใครได้รู้ว่าแฟนเราคือใครได้ เราก็อยากแนะนำให้คนอื่นทราบ อยากให้คนอื่นชื่นชมว่านี่แฟนเรานะ หรือเวลาไปไหนมาไหน เราควงไปได้แบบสง่าผ่าเผย ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ต้องมานั่งกลัวว่าเมียหลวงเขาจะตามมาตบเราไหม แนทบอกได้เลยว่าการที่เราเป็นที่หนึ่งนั้นดีที่สุด และการเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้นดีที่สุด ดีกว่าการที่เรามานั่งเป็นเมียน้อยแล้วท้ายที่สุดเราก็มาถูกประณามอีก เราไม่อยากให้ใครมามองว่าเราเป็นเมียน้อย เราไม่ได้เห็นแก่เงินตรงนั้น โอเคคุณสนุกมา เราสนุกไป โอเคจบ ไม่ต้องมานั่งผูกพันกัน ไม่ต้องมานั่งสร้างภาระให้กันและกันดีกว่า”
เผยเหตุช่วยตัวเอง เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่อยู่คนเดียวมานาน และไม่ได้ใช้อุปกรณ์ช่วยเพราะติดใจที่เคยมีแฟนเป็นทอมเลยไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย
“และการที่แนทช่วยตัวเอง แนทรู้สึกว่ามีความสุขมากกว่า มันมีอยู่พักหนึ่งมันเป็นช่วงที่แนทอยู่คนเดียวมานาน และก็รู้สึกว่าการที่เราช่วยตัวเองกับการที่เราออกไปหาเศษหาเลยข้างนอกนั้น คนที่เราไปหานั้นเป็นอะไรบ้างและที่สำคัญคนที่เราไปหานั้นมันมีลูกมีเมียไหม มันเป็นการผิดศีลหรือเปล่า และการช่วยตัวเองก็ไม่ได้ผิดศีล ไม่ได้ไปทำร้ายหรือว่าให้ใครเดือดร้อนและที่สำคัญมันเป็นการผ่อนคลายให้กับชีวิตตัวเองด้วย”
“ซึ่งแนทก็ช่วยตัวเองเหมือนผู้หญิงทั่วไป ซึ่งมันไม่ได้อุปกรณ์เซ็กซ์ทอยส์เหมือนที่ทอมดี้เขาใช้กัน และหนึ่งมันเกิดจากการที่แนทมีแฟนเป็นทอมมันก็คงติดตรงนั้นมา มันทำให้เราคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย แต่อยู่กับผู้หญิงด้วยกันและมีความสุขมันสบายกว่า มันปลอดภัยกว่าและที่สำคัญมันจะทำเมื่อไรก็ได้ เราไม่ต้องไปโหยหายเพราะการที่เรานอนกับแฟน เราต้องมานั่งเกรงใจว่าเขาจะไหวไหม เขาจะเหนื่อยไหม”
เผยชอบผู้หญิง แต่ไม่รุกจะรับ
“ซึ่งตอนนี้แนทรู้สึกว่าการที่เราไม่มีแฟนฉันก็อยู่ได้ ฉันก็มีความสุขของฉันได้ แนทบอกได้เลยว่าแนทก็ชอบผู้หญิง แต่แนทจะไม่เป็นฝ่ายรุกเด็ดขาด แนทจะเป็นฝ่ายรับ แนทชอบให้คนดูแล เทคแคร์มากกว่า”
“คนอาจจะมองว่าการทำงานของแนทมันอาจจะตอบโจทย์เราแล้ว ทำไมยังต้องช่วยตัวเองอีก แนทอยากจะบอกว่าการทำงานเบื้องหน้ากับเบื้องหลังมันแตกต่างกันมาก เบื้องหน้าอาจจะดูเรียบร้อยแต่เบื้องหลังอาจจะเน่าก็ได้ แต่อย่างเราเบื้องหน้าของเราอาจจะเน่าแบบเต็มที่ทุกคนอาจจะเห็นอย่างนั้น ชีวิตเราอาจจะถูกเปิดเผยหมดแล้ว ชีวิตเราก็อาจจะอยากมีอะไรปิดบ้าง เพราะบางทีเห็นในโซเซียลว่าทำไมแนทไม่แต่งตัว คือแนทเบื่อทุกคนต้องมานั่งแต่งหน้าตลอดเวลา ต้องทำให้ดูดีมีคลาส และถ้าเราคิดจะอยู่วงการตลอดเวลา มันก็ต้องมีเอกลักษณ์ มีการสร้างภาพ แนทเบื่อที่ทุกคนต้องมาคาดหวัง แนทเข้าใจว่าเราเป็นคนของประชาชน แต่แนทคิดว่าเราไม่ควรสวมหัวโขนตลอดเวลา เราควรเป็นตัวของเราเอง”
“และการที่คนมาคาดหวังว่าแนทต้องคือแนท แต่แนทอยากให้ทุกคนมองว่ามันเป็นแค่งาน แต่ชีวิตจริงคุณต้องรู้ว่านี่คือฉัน ฉันไม่เอางานกับชีวิตจริงมาปนกัน คือเมื่อก่อนที่แนทยังไม่เข้าวัด คือแนทแต่งตัวโชว์มาก ตอนนั้นแนทก็คือเด็กคนนึง ที่อยากจะโชว์โน่นโชว์นี่เพราะมันเป็นวัยใส แต่พอมาถึงปัจจุบัน เรามาปฏิบัติธรรมมันจะเกิดความอาย รู้สึกว่ามันโป๊ไป ซึ่งความรู้สึกนี้มันเกิดเมื่ออายุ 21-22 พอปฏิบัติไปมันเกิดความละอายขึ้นมา ฉันเกิดความคิดว่าฉันไม่แต่ง อย่างเวลาออกไปตอนกลางวันแต่งแบบนี้ไป มันจะโป๊ไปไหม แต่งานที่เราทำมันต้องแต่งโป๊ไง ซึ่งพอทำงานเสร็จมันก็จบ เราก็มาคิดว่าเราแต่งตัวโป๊ไปไหม แต่พอเวลาที่เราทำงานมันเหมือนอะไรมาเข้าสิงเรา เหมือนว่าเราต้องทำให้เต็มที่ อย่าให้คนดูที่เขามาดูเราแล้วเสียดายหรือว่าเสียความรู้สึกกับตัวเรา”
“แนทเริ่มศึกษาธรรมะ เริ่มจากการเข้าไปวัด ไปทำบุญ ทำวัดเย็น ทำสมาธิ แล้วมันก็เกิดความรู้สึกว่าเราอยากจะเข้าวัด ทำบุญ อยากจะเริ่มศึกษาธรรมะ มันเหมือนเป็นสิ่งเสพติดที่มันกระตุ้นให้เราอยากเข้าไปเรื่อยๆ พอได้ไปแล้วเหมือนใจเราอยากไปอีก มันโหยหาเอง เหมือนจิตมันสั่ง มันก็เลยไปเองโดยอัตโนมัติ โดยเหตุการณ์แรกๆ ที่ทำให้เราคิดจะเข้าวัดมันมีหลายเหตุการณ์ทั้งเลิกกันแฟน คือการที่เรามีแฟนที่อายุไม่ได้เยอะ อย่างอายุ 30 หรือ 40 ซึ่งที่เพิ่งเลิกไปล่าสุดเป็นแฟนที่เป็นนักธุรกิจ เขาแก่กว่าเรารอบนึง เรารู้ว่าเขาเจ้าชู้ และพอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเรื่อยๆ เราก็อยากหาที่พึ่งทางใจ เราก็เลยเข้าวัด หลังจากนั้นมันก็เลยกลายเป็นที่เสพติดทางใจ ไปเองและไปตลอดเลย และล่าสุดก็เพิ่งไปแสวงบุญที่อินเดียมา มันดีมากเลยคะ แต่ยังไม่ได้ไปถึงสังเวชนียสถาน ซึ่งสามีก็เป็นคนออกค่าตั๋วให้ไป เราก็เลยไปและเขาก็อยากให้เราไป เพราะตัวเขาไปไม่ได้ก็เลยให้เราไปแทน”
“ถ้าคนจะมองว่ามันขัดแย้งกัน แนทยกตัวอย่างพี่กิ๊ก มยุริญ กับบทบาทที่เขาได้รับมันต่างกับชีวิตของเขามาก นั่นมันคือการแสดง มันเป็นการแสดงที่ให้ผู้ชม ชมแล้วมีความสุข พอมันจบจากงานแสดงมันก็คือตัวเรา แนทไม่รู้ว่าได้บุญหรือไม่ได้ แนทคิดว่ามันคืออาชีพ ทำให้เขามีความสุข เหมือนคนเล่นตลก เขาก็แสดงตลกไป สร้างเสียงหัวเราะไป เขาทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ เขาสร้างความสุขความบันเทิงให้คุณผู้ชมกลับไป และการที่แนททำ แนททำเพื่อได้รับสินจ้าง และก็ต้องทำออกมาให้เต็มที่ เพื่อให้ผู้ชมได้รู้สึกอินไปกับมัน และก็มีงานอื่นติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง”
เลิกโชว์ของดีถึงจะมีแต่คนติดใจก็ตาม เผยที่คนชอบเพราะเล่นเป็นธรรมชาติ
“ก็มีหลายคนพูดให้ฟังนะ เขาก็บอกว่ายังหาใครมาแทนเราไม่ได้ ทั้งๆ ที่ เราก็แสดงมาทุกบทบาทแล้ว แต่คนก็ยังอยากดูเราอีก ซึ่งถามว่าเรางงไหม ก็งงนะ แต่แนทเชื่อว่าที่คนชื่นชอบเราก็เพราะว่าเราเล่นเป็นธรรมชาติ คนที่ชอบเรา เขาชอบในความเป็นธรรมชาติของเรา เพราะเดี๋ยวนี้มันมีการศัลยกรรม และที่เขาเห็นมันคือความไม่ธรรมชาติ มันเป็นรูปร่างที่ถูกปรุงแต่ง แต่เราเป็นรูปร่างธรรมชาติ และที่คนติดใจ สนใจภาพลักษณ์และเรือนร่างของเราก็เพราะด้วยความธรรมชาติมาก ความเป็นผู้หญิงจริงๆ มันต้องเป็นแบบนี้”
“และวิธีดูแลของแนทคือได้เคล็ดลับมาจากคุณแม่ เขาก็จะสอนวิธีการใส่เสื้อใน ดูแลรูปร่าง อายุเท่านี้ควรจะใส่สเตย์ได้แล้วนะ อายุเท่านี้ควรจะใส่ชั้นในให้หน้าอกกระชับ อย่าไปใส่เสื้อในที่แบบไม่กระชับหรือเห็นโน้นเห็นนี่ ซึ่งเราค่อนข้างที่จะดูแลตัวเองมาก แนทจะดูว่าส่วนไหนมันย้วยหรือเปล่าและก็หาวิธีดูแลมัน และแนทเป็นคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย แต่แนทเป็นคนที่ทำงานบ้านเยอะ มันก็เหมือนเป็นการเผาผลาญ”
“การที่แนทไปเมืองนอกครั้งนี้ พูดตรงๆ คือแนทอยากจะไปพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ไม่มีใครอยากจะดึงตัวเองให้ต่ำลง ต่ำลงหรอกหรือว่าอยู่กับที่ เราก็อยากจะทำงานให้โตขึ้นตามวุฒิภาวะของเรา บอกเลยว่างานในวงการบันเทิง โชว์เรือนร่างมันอยู่กับเราได้ไม่ได้ และมันก็ต้องเสียเงินเพื่อการทำศัลยกรรมเพื่อจะให้มันอยู่กับเราไปนานๆ เพราะถามว่าแนทเคยทำไม แค่ไปเก็บถุงใต้ตาเพราะอายุ 30 กว่า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ทำ อย่างอื่นธรรมชาติหมด”
“แนทเรียนด้านบริหารมา แนทอยากจะเอาความรู้ที่เรียนมาเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่อยากจะจมปรักกับงานที่เป็นแบบนี้ เพราะมันเป็นงานที่ไม่ได้สมอง มันใช้แค่ความรู้สึก แค่ศิลปะ มันใช้แค่ความรัก ใจมันต้องรักในการทำงาน แต่แนทอยากทำงานที่ใช้สมอง อย่างงานวงการบันเทิงก็ใช้ความสามารถ ใช้สมองเหมือนกันแต่ไม่ตรงกับวิชาที่เราเรียนมา ซึ่งอย่างงานต่างประเทศ แนทวางธุรกิจของเราก่อน ส่วนงานถ่ายแบบหรืออะไรที่จะก้าวไปตรงนั้น แนทไม่มีความหวังเลย เพราะความสูงแนทไม่ได้ แต่ถ้าได้ก็ถือว่าดี เราก็ต้องให้คุณสามีเป็นสื่อในการนำทางไป แต่คงไม่ได้ไปเล่นหนัง เพราะแนทอยากจะถ่ายแบบนิตยสารต่างประเทศ”