“พิมพ์ พิมพ์มาดา” กลัวตาย หลังรู้เป็นมะเร็งรังไข่ ยอมรับสติแตกร่ำไห้ - กรีดร้องลั่นหลังผมร่วงจากคีโม จนแม่ต้องเข้ามากอด ปลอบต้องผ่านไปให้ได้ ใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง หวั่นคนใกล้ตัวรู้ว่าใส่วิก ขอบคุณคอร์สเผชิญหน้าความตาย ทำให้เห็นคุณค่าการมีลมหายใจ ลุ้นคีโมครั้งสุดท้าย
ได้รับกำลังใจล้นหลามหลังดาราสาว “พิมพ์ พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร” ออกมาเปิดใจว่า กำลังเผชิญหน้ากับมะเร็งรังไข่ระยะแรก ทำคีโมไปแล้ว 5 ครั้ง เหลืออีก 1 ครั้ง ด้านหมอยืนยันว่า มีโอกาสหายถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผลจากการทำคีโมทำให้ผมร่วงต้องใส่วิก โดยสาวพิมได้เผยถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้งในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ในช่วงเจาะข่าวเด่น ดำเนินรายการโดย “สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา” ยอมรับวันที่ผมร่วงตนร้องไห้และกรี๊ดลั่นจนบ้านแตก ได้แม่คอยปลอบ
“เริ่มต้นจากเจอท้องบวมขึ้นมา แล้วแข็งมาก ปวดท้องหน่วง ๆ ทั้งที่ประจำเดือนหมดไปแล้ว ก็รู้สึกผิดปกติเลยไปหาคุณหมอและตรวจ คุณหมอให้นอนราบบนเตียง ท้องก็ยังป่อง แข็งด้วย คุณหมอบอกว่าทำไมไม่สังเกตตัวเอง แสดงว่า มันต้องอยู่กับคุณมานานมากแล้ว มันคือเนื้องอกที่อยู่ในรังไข่ แต่ด้วยความที่ใหญ่มาก ประมาณ 18 ซม. มันอยู่ในรังไข่ ด้วยความใหญ่มากคุณหมอเลยไม่ไว้ใจ”
“เราคิดว่าตัดแล้วคิดว่าจะจบ เพราะผู้หญิงหลายคนก็เจอกันเยอะแยะ คิดว่าตัดออกแล้วก็จบ แต่สรุปคุณหมอไปตรวจอย่างละเอียด แล้วมาบอกว่าเจอเซลล์มะเร็งขั้นที่ 1 บนความโชคร้ายได้ยินคำว่ามะเร็งอย่าเพิ่งตกใจ เพราะเดี๋ยวนี้รักษาหาย พิมพ์ก็ช็อกมาก หมอบอกว่ามันเหมือนอยู่ในแคปซูลไม่ได้กระจายออกมา แต่พอเราผ่าตัดแล้วมันมีสิทธิ์กระจายได้ ต้องทำคีโมเพื่อฆ่ามัน มันมีกลุ่มเหมือนลูกชิดสีขาว ๆ เกาะกัน พอผ่ามันมีสิทธิ์กระจาย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมต้องทำคีโม”
ครั้งแรกที่รู้ถึงขั้นช็อก กลัวเป็นมะเร็งแล้วตาย กลัวผมร่วง กลัวคีโม หมอบอกถ้าอยากรอดยังไงก็ต้องทำคีโมเท่านั้น
“พิมพ์ก็ช็อกค่ะ เหมือนหูดับ มือไม้อ่อน อยู่กับคุณแม่ จำได้ว่าไม่เชื่อตัวเองว่าจะเกิดขึ้น และคิดในใจว่าถ้าเป็นแบบนี้เราก็กลัวการทำคีโม กลัวเป็นมะเร็งเป็นแล้วตาย คิดไปทางลบใหญ่เลย ก็ไปขอผลตรวจเอาที่แรกไปให้ที่อื่นตรวจดูว่ามีวิธีอื่นไหมที่จะรักษาให้หายไป โดยเราไม่ต้องเจอขั้นตอนคีโม คุณหมอทุกที่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องทำคีโม ข้อหนึ่งกลัวตายค่ะ สองการรักษาคือคีโม”
“ตั้งแต่เราเรียนหนังสือ อ่านบทความต่าง ๆ เราเห็นคนไข้ที่ให้คีโมแล้วไม่ดีเลย ทรมาน ผมร่วง ทำลายสิ่งที่ดีในร่างกายด้วย คุณหมออกว่ามันเข้าไปทำลายเซลล์แบ่งตัวเรา เส้นผม มะเร็ง ถือว่าเป็นเซลล์ที่แบ่งตัวเร็วจะทำลายหมด จะฆ่ามะเร็งแต่ฆ่าตัวอื่นด้วย ตอนนั้นคิดหนักมาก กลัวผมร่วง ความสวยความงาม กลัวแพ้ ให้คีโมตายก็มี เยอะไปหมดที่ได้รับข้อมูลมา กลัวไปหมดทุกอยาง สุดท้ายก็ต้องเชื่อคุณหมอที่อยู่ตรงหน้า ที่เขามีความรู้ ความชำนาญ เขาพร้อมช่วยเราตรงนี้”
“หมอบอกว่าถ้าอายุเยอะกว่านี้ไม่ทำก็ได้ พิมพ์เป็นสเต็ปเบบี๋ขั้นหนึ่ง คนแก่แล้วไม่ต้องทำแล้วเพราะสู้คีโมไม่ไหว แต่พิมพ์สู้ไหว รักษาชีวิตให้อยู่ยาว ๆ แต่ถ้าไม่ทำ หลัง 5 ปีคุณหมอจะไม่การันตี ซึ่งเกิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่า 5 ปี จะกระจายหรือไปเพิ่มตรงไหน มันไม่มีอาการ มะเร็งขั้นแรกไม่ได้บอกเราว่าเป็นไข้ตัวร้อน เราไม่มีทางรู้ ถ้าก้อนนี้ไม่โตขึ้นมาพิมพ์ก็ไม่มีวันรู้”
“สุดท้ายพิมพ์ก็ต้องทำ ปรึกษาคุณแม่ พี่เจี๊ยบ (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) น้องน้ำหวาน เพื่อน ๆ พี่ ๆ ในวงการ ทุกคนเป็นห่วงและตกใจไม่แพ้กัน อยากให้พิมพ์เจอสิ่งที่ดีที่สุดในการรักษา สุดท้ายก็ทำคีโม ทำไปประมาณต้น พ.ย. ทำ 6 ครั้ง ครั้งแรกคุณหมออธิบายแล้วว่าต้องเจออะไรบ้าง”
เผยสติแตกกรี๊ดลั่นบ้าน ผมปลิวจากหัวแค่ถูกพัดลมเป่า ร่ำไห้จนหลับ แม่ปลอบต้องผ่านมันไปให้ได้
“ในสัปดาห์ที่สามหลังได้คีโมผมจะร่วง ซึ่งเรากลัวที่สุด เราพารานอยด์ รอว่าเมื่อไหร่จะร่วง จากผมยาวก็ไปตัดผมสั้น เริ่มมีอาการ พัดลมเป่า ผมปลิวจากศีรษะไปเลย เหมือนหยุดการทำงานไปเลย วันที่หลุดจริง ๆ จับเท่าไหร่หลุดเท่านั้น”
“ตอนนั้นพิมพ์กรี๊ดลั่นบ้านเลยค่ะ เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่คิดว่าจะไม่ไหวแล้วที่เจอ อาการอื่นก็พะอืดพะอม ตัวร้อนมากเหมือนเป็นไข้ตลอดเวลา นอนซมทั้งวัน พยายามสดใสค่ะ วันนั้นหนักเลย คือ พิมพ์กรี๊ด อยู่ชั้น 3 ร้องไห้เสียงดัง แม่ก็ตกใจ รีบขึ้นมากอด แม่ก็บอกว่าเรารู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นนะลูก แม่ปลอบเพราะเราสติแตก ผมร่วงหมดเลย จะหยิบโทรศัพท์บันทึกภาพเอาไว้ เพื่อมาเล่าให้ทุกคนฟังยังมือสั่น ถ่ายไม่ลง สภาพแย่มากค่ะ”
“แม่บอกว่าเราต้องผ่านไปให้ได้ เราทำใจไว้แล้ว คุณแม่เข้มแข็งมาก ไม่เคยอ่อนแอให้พิมพ์เห็นเลย ตอนนั้นพิมพ์ดาวน์มาก พิมพ์รับไม่ได้กับสภาพตัวเอง จะออกไปใช้ชีวิตยังไง ต้องขังตัวเองในบ้านเหรอ คิดเยอะแยะไปหมด ตอนนั้นไม่รู้จะบอกทุกคนยังไง งานที่ทำ เพื่อน แฟนคลับ หรือคนในสังคม ไปไหนทุกคนก็จำเราได้ ถ้าวันหนึ่งเราไม่มีผมมันนึกไม่ออกว่าต้องทำยังไง นอนไปทั้งน้ำตาเลยค่ะ แม่ก็ขึ้นมากอดนอนหลับไปทั้งน้ำตา เหนื่อยจนหลับไปเลย”
“ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ กว่าจะตั้งสติได้ วันรุ่งขึ้นเรียกพี่ช่างทำผมให้มาโกนผมให้เลย เราก็ค่อย ๆ เข้าใจทีสเต็ปพิมพฺ์เป็นคนไม่ดราม่าอะไรมาก ๆ นาน ๆ เป็นแล้วจะรีบหาย อันนี้ตั้งสติ พอเริ่มโกนหัว เพื่อนมาหาที่บ้าน พี่ ๆ เริ่มมาคุยว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวขึ้นใหม่ กำลังใจค่อย ๆ เติมเรื่อย ๆ”
“เรื่องกลัวตายเอาไม่ลงเลยค่ะ มันฝังในใจตลอดว่าหายจริงหรือเปล่า เป็นแล้วจะกลับมาอีกไหม อ่านจากกูเกิลทุกวัน ก็อยากอยู่กับมันจนเข้าใจ อยากรู้ทุกซอกทุกมุมว่ามีอะไรที่เราต้องศึกษา ต้องอยู่กับเขายังไง”
เข้าคอร์สเผชิญความตาย ทำให้เห็นคุณค่าการมีชีวิต
“เป็นการไปปฏิบัติธรรมกับพี่กิ๊ก มยุริญ ไม่รู้ว่าเป็นคอร์สเผชิญความตาย ตอนนั้นหยุดงานทุกอย่าง ไหน ๆ ไม่มีผมไปบวช ดีกว่าหายใจทิ้งไปวัน ๆ อยากไปมาก รับปากแต่ไม่เคยไป อันนี้พอไปเป็นคอร์สเผชิญความตายด้วยใจสงบ เราก็คิดว่ามันเป็นอะไร มาเตรียมตัวตายเหรอ สิ่งที่พิมพ์ได้กลับมาคือพิมพ์เห็นคุณค่าการมีชีวิตอยู่มากขึ้น”
“ยิ่งเราป่วย เราได้ฟังคำสอนพระอาจารย์ มันดีมาก ๆ ลมหายใจเรามีคุณค่าเพื่ออะไร บางทีเราโฟกัสผิดจุด เราขอบคุณนะ ที่ทุกวันเราตื่นมามีลมหายใจได้ทำดี ได้อยู่กับคนที่เขารักเรา เรารักเขา ให้เห็นชีวิตมีคุณค่า วันหนึ่งถ้าพิมพ์เป็นมะเร็งกลับขึ้นมาอีก และต้องนอนป่วย ระยะใกล้ตาย พิมพ์อาจป่วยอย่างมีความสุขมากกว่าทรมานก็ได้ ถ้าพิมพ์เข้าใจว่าความตายมันเกิดกับเราได้ทุกเมื่อจริง ๆ”
“บนความโชคร้ายยังมีความโชคดี ก็ต้องขอบคุณคุณหมอและทาง รพ. อะไรที่เจ็บจะไม่ทำ อะไรทำแล้วไม่หายจะไม่ทำ เพราะหวังผลระยะยาวว่าพิมพ์จะหาย ขอให้สู้ไปด้วยกัน โอกาสหาย 90 เปอร์เซ็นต์”
ทำคีโมครั้งสุดท้ายวันที่ 1 มี.ค. ลั่นสู้มาถึงขนาดนี้ ต้องผ่านไปให้ได้
“พิมพ์ทำหลายอย่างตั้งแต่เด็กค่ะ จากที่โตมาแล้วได้รับการสปอยมา ง่าย ๆ พอมาทำอาชีพนี้จะมีโมเมนต์คนเอาใจชอบเราชื่นชมเรา เราก็คุ้นชินกับการที่เราได้รับจนเคยตัว หรือกับคุณแม่เอง ช่วงที่ไม่สบายก็งอแงกับคุณแม่ อารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดที่ต้องมาอยู่แบบนี้ แต่พอเริ่มคิดได้มีคนมาเตือนสติ ก็เห็นคุณค่ากับทุกอย่างรอบตัว”
“วันนี้ก็รู้สึกว่าเหมาะสมไหมที่มานั่งเล่าเรื่องแบบนี้ คนป่วยมันเหมาะสมหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นประโยชน์และเป็นกำลังใจได้เราก็อยากทำ เพราะบางคนอาจอยากเก็บเป็นความลับไปเลย ไม่ต้องบอกใคร รอฟื้นตัวหายแล้วค่อยมาบอก แต่กว่าจะผ่านมาได้ก็ยาก เหลือคีโมอีกครั้งเดียว วันที่ 1 มี.ค. สู้ค่ะ ผ่านมาได้ขนาดนี้ ไม่มีอะไรจะยากไปกว่านี้อีกแล้ว”
“ตอนนี้สบายใจมากที่ได้พูดออกไป 4 - 5 เดือน เหมือนเก็บไว้คนเดียว ไปใส่วิกใส่หมวกแล้วบางทีหมวกหล่น มันกดดันตัวเองไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตข้างนอกมาก ไปกับกลุ่มเดิม ๆ ขาดความมั่นใจไปเลย คิดว่าเขารู้แน่เลยว่าใส่วิก ไม่มีผม ตอนนี้ทุกคนให้กำลังใจหมดเลย รู้สึกดีกับพลังบวก ๆ ตรงนี้ มีคุณค่ากับคนป่วยไม่ใช่แค่กับเรา กับทุกคนที่ป่วย เผชิญเรื่องหนัก ๆ ตรงนี้ คนเป็นมะเร็งกำลังใจสำคัญที่สุด”
“เราไม่เคยตรวจร่างกายเลย เป็นสิ่งที่พิมพ์ระลึกได้ บอกคนรอบข้างว่าอย่ากลัวสุขภาพ คนจะชอบพูดว่าไม่อยากตรวจ ถ้าตรวจเจอก็ให้ตายไปเลย แต่ไปตรวจสุขภาพจะรู้และแก้ไขได้ทัน พิมพ์ขอบคุณสำหรับกำลังใจ มันมีคุณค่ามากกับคนที่กำลังเผชิญอยู่ตรงนี้ เรามีคุณค่าในการมีชีวิตต่อไป ต้องรักตัวเองให้มาก ๆ คนที่เผชิญกับตรงนี้ก็สู้ไปด้วยกันค่ะ พิมพ์ไม่เคยคิดว่าจะเข้มแข็งได้แต่วันนี้เข้มแข็ง ก็สู้ไปด้วยกันนะคะ”
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม