“ติ๋ม ทีวีพูล” ประกาศลั่นให้รออีก 2 ปี แบรนด์ทีวีพูลกลับมาแข็งแรง มั่นใจไม่ล่มสลาย เป็นฉากสุดท้ายการต่อสู้ ยอมรับสงสารลูกเครียด พนักงานร้องไห้ ลูกค้าแตกตื่นกระแสล้มละลาย ชี้ต่อไป “วิทยุ - ดาวเทียม” จะลำบาก ถึงเวลาวางมือปลดเกษียณสอนหนังสือสอดแทรกธรรมะ
ถูกกระแสลือหนาหูว่ากำลังจะล้มละลายหมดตัว สูญเสียทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งบ้าน สาเหตุจากบริษัทขาดทุน จากการทำธุรกิจทีวีดิจิตอล ช่องไทยทีวี และช่องโลก้า ถูก กสทช. ยึดแบงก์การันตีจากธนาคารกรุงเทพ ผู้ออกหนังสือค้ำประกัน จนทำให้ต้องออกมาชี้แจงด่วนวานนี้ (18 ก.พ.) สำหรับ “ติ๋ม ทีวีพูล” หรือ “พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย” โดยเจ้าแม่สื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่เผยว่ากระแสดังกล่าวทำให้ลูกค้าแตกตื่น แคนเซิลห้องพักที่เดอะบลูม และทำให้เออีขายของยากขึ้น ย้ำไม่ปิดทีวีพูล!
“ต้องแถลงเพราะประชุมกับเออีฝั่งเดอะบลูมรีสอร์ต แล้วก็สวนดอกไม้ ซึ่งเป็นธุรกิจทำเงินให้กับเรามากตอนนี้ เออีบอกว่ามีลูกค้าที่เคยจองล่วงหน้ามาขอยกเลิกเพราะเขาฟังข่าวแล้วเขาคิดว่าเราจะล้มละลายแล้วตรงนี้จะถูกยึด ก็จะมีลูกค้ายกเลิกหลายราย รวมถึงเออีคนอื่น ๆ ที่เขาออกไปขายงานข้างนอกเขาก็เจอปัญหาแบบนี้เขาก็บ่นไม่ได้”
“ใจจริงเราไม่ได้อยากตั้งโต๊ะแถลงข่าวเลย มันจะกลายเป็นว่าเหมือนเรามาทะเลาะกัน ทางเราไม่อยากจะพาดพิงใครทั้งสิ้น เราอยากอยู่เงียบ ๆ ของเราดีกว่า ถ้าเราอยู่เฉย ๆ เราไม่มีโอกาสพลาด แต่มันจำเป็นจริง ๆ ถ้าไม่งั้นมันจะทำให้ธุรกิจของเราพัง เราเองหวังรายได้จากเดอะบลูมมากด้วย ตอนนี้ธุรกิจหนังสือเราก็โดนถอนออกไปเยอะแยะเพราะเขาคิดว่าเราจะไม่มี เราจะล้มละลายแล้ว ตอนนี้ขายของยากมากเพราะเราไม่มีเสถียรภาพ คนมองว่าเราจะไปตอนไหนก็ไม่รู้”
“ที่ผ่านมา ไม่ออกมาพูดเพราะมันยังไม่มีผลกระทบทางโฆษณา ถ้าไม่ได้ประชุมกับเออีก็คงไม่มีการแถลงข่าวมันมีแต่เรื่องเสมอตัว มันไม่ได้มีอะไรดีสำหรับคดีเลย ก็ต้องออกมายืนยันว่าเราไม่ได้ล้มละลาย”
บอกไม่ตกใจถูกกระแสหมดตัวเพราะมีธรรมะ แต่กระทบจิตใจลูก เพื่อนฝูง โทร.หาถามสุขภาพจิตแม่จนหดหู่
“ถามว่าตกใจไหม โหย…แต่เรามีธรรมะไง แต่ลูก ๆ เราจะโดนเพื่อนโทร.มาถามเยอะ โทร.มาถามว่าเรายังสภาพจิตดีอยู่ไหม เหมือนกับว่าเราแย่แล้วมาก ๆ จากที่เราคิดว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นในครอบครัวเราจนเรารู้สึกว่าเราหดหู่ คนข้างนอกเขามองว่าเรากำลังจะหมดตัวแล้วเหรอ ไม่มีใครคบเราแล้วเหรอ เขาเข้าใจกันมาก”
“การที่เรามีหลักทรัพย์ค้ำประกันกับธนาคาร เขาประเมินมาอย่างดีแล้ว เขาไม่ปล่อยหรอก เพราะเขาเห็นแล้วว่าทรัพย์สินเรามันเกิดกว่านั้นเยอะ ความสามารถของเรา เราสามารถชำระได้ไหม แล้วลูกเรา ลูกเราจะยอมให้เราล้มละลายไหม ตอนนี้ลูกเราดูธุรกิจของทีวีพูล และธุรกิจโซเชียลอยู่ ซึ่งของเขาก็ทำกำไร”
ย้ำไม่จ่าย กสทช. เพราะไม่ถูกต้อง บอกไม่ผิด ต้องออกมาต่อสู้
“เราสามารถจ่ายหนี้ได้เพราะหลักทรัพย์มันเกิน แต่ที่ไม่จ่ายเพราะเรามองว่ามันไม่ถูกต้อง เราไม่ได้ผิด เราจึงออกมาต่อสู้ เราไม่ได้ผิด เขาผิด แล้วเขาส่งแผนเยียวยามาให้เราด้วยนะ แสดงว่าเขายอมรับอยู่แล้วว่าเราเลิก ในสัญญาข้อหนึ่งมันมีระบุไว้ว่าเขายอมให้เราเลิกได้แต่ต้องเข้าสู่แผนเยียวยา แล้วเขาก็ส่งเอกสารมาว่าเราจะต้องทำแผนเยียวยาอะไรบ้าง ให้ขึ้นหน้าจอ ว่าจะไม่กระทบประชาชน ไม่กระทบลูกค้าที่ลงโฆษณา”
“เราก็ทำแผนเยียวยาไปให้เขาเป็นปึกเลยครบถ้วนทุกอย่างไม่มีอะไรขาดเลย เรื่องนี้เราระวังกันมาก งานเราทุ่มเททำให้ครบถ้วนตามที่ กสทช. ต้องการ เพราะกลัวจะมีปัญหา แต่ปรากฏว่ามันก็ยังมี ก็ยังงงว่าทำไม ในเมื่อเขาเป็นคนส่งจดหมายมาให้เราเอง เราก็ทำแล้วแต่ทำไมถึงกลายมาเป็นแบบนี้”
สงสารลูกเครียด พนักงานร้องไห้ แต่ตนยังมีสติ
“เราไม่เครียด แต่คนรอบตัวเรา ลูกเราเครียด เราปล่อยวาง แล้วเราก็มีสติกับมัน แต่เราสงสารคนรอบข้างและลูกเรา กลายเป็นเราต้องไปปลอบเขา พนักงานร้องไห้กันเลย เขาทำงานกับเรามานาน เขาก็จะมีสายเลือดทีวีพูลกันทั้งนั้น เขาก็ร้องไห้กัน”
ยอมรับเป็นเงินก้อนใหญ่สุดในชีวิตที่นำมาลงทุน พ้อถ้ารู้ว่าผลจะเป็นแบบนี้ “คงไม่เอาหรอก”
“เราเสียดายแน่นอน ถ้ารู้อย่างนี้เราก็ไม่เอาหรอก ทุกคนเสียดายกันมาก เงินไม่ใช่ว่าจะหากันมาง่าย ๆ สมัยนี้ มันเป็นการหาเรื่องมากเลย เพราะเราเองก็มีฝัน เราเคยไปเช่าที่คนอื่น เราก็มีความกังวลใจว่าปีนี้เราได้อยู่แล้วปีหน้าเราจะยังได้อยู่อีกรึเปล่า ทุกปีเราจะตื่นเต้นว่าเราจะได้ต่อสัญญากันรึเปล่า เราก็คิดมาตลอดว่าเราต้องมีสถานีของตัวเอง เงินที่ได้มาเราก็ได้มาจากวงการนี้ เราก็ต้องเอามาใส่กับวงการนี้ เราจะเก็บเอามาไว้คนเดียวไปเที่ยวรอบโลก 3 รอบมันก็คงไม่แฟร์ ไม่เป็นธรรมกับประชาชนเราก็เลยขนมาทำ มันเป็นเงินลงทุนก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตของเราเลย”
“วงการมันก็ยังไปได้ของมัน ดาราก็ได้เงินเยอะขึ้นจากงานอีเวนต์ ดาราเบอร์ 1ออกงานโชว์ตัว 1 ชั่วโมงก็ได้ 2 - 3 แสนแล้ว ดูมันเป็นธุรกิจมากขึ้นเพราะทุกคนมีผู้จัดหมด หมดยุคแล้วที่ดาราสมัยนี้มีพ่อแม่เป็นผู้จัดการแบบสมัยก่อน ธุรกิจบันเทิงไม่ได้ซบเซา”
หันรุกหนักธุรกิจโซเชียล เชื่อต่อไปวิทยุ - ดาวเทียมจะลำบาก
“วิทยุนี่ลำบากนะต่อไป ดาวเทียมต่อไปก็ลำบากเพราะคนรุ่นต่อไปเขาจะดูทีวีผ่านอินเทอร์เน็ตกันหมด เราเลยตัดสินใจรุกตลาดโซเชียลเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้เรียกว่ารุกหนักเลย ตอนนี้เราฝึกพนักงานให้พร้อมกับงานโซเชียลหมด ใครติดขัดอะไรต้องเรียนรู้ ต้องทำให้เป็นหมด แล้วลงทุนไม่มาก เราจับเด็กมาทำหมด เพราะเขารู้ว่าเด็กๆ รุ่นเดียวกับเขาต้องการอะไร เขาแอ็กทีฟแล้วก็สร้างประเด็นเก่ง แล้วบางเว็บเขามีคนเดียวเป็นคนทำ คือเจ้าของเขายังสามารถดังได้เลย”
ถึงเวลาวางมือ ให้รออีก 2 ปี “แบรนด์ทีวี” กลับมาแข็งแรงและเติบโต มั่นใจไม่มีวันล่มสลายเพราะเป็นหัวใจหลัก
“เรามั่นใจว่าแบรนด์ทีวีพูลจะแข็งแรงและเติบโตได้ต่อไป ลูกเราเรียนทางด้านสื่อสารมาโดยตรง เราปลูกฝังลูกเรามาตลอดให้เขามีความรักในทีวีพูล เขาอยากทำอย่างอื่นได้ แต่เป็นได้แค่งานอดิเรกเพราะเขาจะต้องมาเป็นหลักหมายมั่นปั้นทีวีพูลต่อจากเรา ลูกๆ ทุกคนก็ลงมาช่วย เขาเพิ่งกลับมา ก็ขอเวลาอีก 2 ปีจะเห็นภาพของทีวีพูลที่เปลี่ยนไปอีกเยอะ ไม่ใช่ทีวีพูลแบบคนแก่ๆ 60 อย่างเรา”
“ก็คงต้องวางมือแล้ว ต่อไปมันถึงรุ่นลูกเราแล้ว ก็ให้เวลาลูกอีกสัก 2 ปี เขาอาจจะรู้จักคนน้อยหน่อยในวงการเพราะช่วงนี้มันเป็นช่วงที่เราไม่ออกงาน ถ้าเราออกงานแค่ปีเดียวเท่านั้นแหละรับรองเขาจะรู้จักกับคนทั้งวงการ พวกเขาเหล่านั้นเราเห็นกันมานาน ตั้งแต่เรายังจน ๆ กันจนตอนนี้รวย แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขารวยหรือจนกันไปแล้ว(หัวเราะ) ก็ขอยืนยันว่ายังไงทีวีพูลก็ยังเป็นหัวใจของเราอยู่ ยังไงเราไม่ยอมให้ล่มสลายไปแน่”
เผยมีคนห่วงโทรศัพท์มาหาหวั่นโดดตึก - กินยาฆ่าตัวตาย ไม่ปิดหนังสือเพราะราคาถูกกว่าน้ำ 1 แก้ว
“ไม่มีคำว่าปิดตัวค่ะ โชคดีที่หนังสือเราถูกราคา 25 บาท สมัยนี้อาจจะถูกกว่าน้ำ1 แก้วแล้ว เรามองว่าอย่างน้อยมันก็ยังได้ เรฟเฟอเรนซ์ ได้รู้สึกถึงการสัมผัส ยังไงก็ต้องเปิดค่ะทีวีพูล”
“มีหลายคน โทร.มา เขาคิดว่าเราจะต้องไปกระโดดตึกตายแล้วหรือว่าจะต้องกินยา เราคิดว่าเรามีสติ เราเกิดมาเราก็ไม่ได้มีอะไรพอวันนี้เรามีตรงนี้มาถ้ามันจะมีอะไรที่พลิกล็อก เราคงไปทำกรรมไว้กับใครเมื่อชาติก่อน ๆ เราเชื่อเวรกรรมแต่ด้วยหลักฐานอะไรเรามั่นใจว่าเราไม่ผิด เราทำกับมันอย่างเต็มที่ไม่ได้หลับได้นอน ทำไมเราต้อมาเสียเงิน เราไม่ได้ผิด กสทช. ผิด จะให้เอกชนมารับผิดชอบมันก็ไม่แฟร์”
เมินกระแสหันมาจับงานที่ไม่ถนัด บอกให้ทำต่อทำได้แต่จะล้มละลายหมดตัว เลยขอเลิกดีกว่า
“ที่คนบอกว่าเราจับในสิ่งที่ไม่ถนัดมันก็เหมือนกันแหละค่ะ เราเองเติบโตมาในวงการทีวี วงการหนังสือมา 30 ปี เรามีฐานของเราหมด คนเรามีเงินเราจ้างคนเก่ง ๆ ที่เขาเชียวชาญในวงการอยู่มานานได้ อย่าง PPTV เป็นต้น เอาจริงๆ ทำต่อก็ทำได้ แต่มันจะหมดตัว จากที่ไม่ล้มละลายมันจะล้มจริง ๆ เลยเลิกดีกว่า”
“ลูกเราเองก็มีโอกาสทางด้านนี้อยู่ คนโตทำรายการกับเพื่อน ๆ ที่สิงคโปร์ เขาก็คล่องด้านดิจิตอล ส่วนอีกคนเขาทำหนัง ตอนนี้กำลังจะได้ทำหนังกับทางประเทศไทย แล้วหวังจะให้เขาทำกับฮอลลีวูด แล้วเขาก็เซ็นสัญญากับฮอลลีวูดไว้แล้ว กำลังหานายทุนอยู่ คนสุดท้องเพิ่งกลับมาได้ 3 เดือนก็หมายมั่นปั้นมือให้เขามาดูแลทุกอย่างแทนเราทั้งหมด”
วางแผนหลังจากปลดเกษียณตัวเองสอนหนังสือ - การตลาด สอดแทรกธรรมะ เชื่อเป็นฉากสุดท้ายของการต่อสู้หลังจากนี้จะดีขึ้น
“ก็จะเดินสายสอนหนังสือ อยากสอนเรื่องการตลาดแล้วจะเอาธรรมะเข้าสอดแทรก หรือตามบริษัททั้งหลาย ถ้าอยากจะเชิญไปก็จะไปให้ฟรีเลย หรือใครจะให้เงิน ก็จะให้เข้ากองทุนมูลนิธิไป”
“คิดว่า 2 ปีที่ผ่านมา คงเจอเจ้ากรรมนายเวรมาอย่างรุนแรง หลังจากนี้ คงไม่มีแล้ว นี่คงเป็นฉากสุดท้ายของการต่อสู้ ต่อไปจะดีขึ้น เราอย่าไปทุกข์กับมัน ถ้าเราทุกข์จะเหมือนว่าเราทำผิด กลายเป็นเราทำร้ายตัวเอง ตอนนี้ก็ช่วยสอนงานลูกไป ยืนยันว่ายังไงทีวีพูลก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของวงการบันเทิงไม่มีวันปิดตัวลงแน่นอนค่ะ”
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม