ดูเหมือนจะไม่จบลงง่ายๆ เสียแล้ว สำหรับการปิดฉากชีวิตรักของคู่พิธีกร VRZO
ปลื้ม-สุรบถ หลีกภัย
ทับทิม-มัลลิกา จงวัฒนา
ที่ดูยังไงๆ ก็คงไม่ได้เลิกกันเพราะ.....
.....เพิ่งมารู้ว่า "เรามีความรักและความห่วงใยกันแบบเพื่อน" .....
ดังที่ฝ่ายชายเป็นผู้ออกมาชี้แจง เพราะหลายคนมองว่าเป็นเหตุผลที่ “ฟังไม่ขึ้น” ที่คู่ชีวิตที่แต่งงานกันมากว่า 3 ปี แต่จู่ๆ กลับบอกว่า “รักกันแบบเพื่อน” !!
โดยเฉพาะการใช้ที่ปลื้มเลือกใช้คำว่า “เรา” ที่แปลความได้ว่า เห็นชอบด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย แต่จากข้อความของทับทิมที่โพสต์ออกมาตามหลังว่า
.....ชีวิตนี้ไม่มีอะไรดีเท่ามีครอบครัวที่ดี มีเพื่อนที่ดี มีคนที่รักเรา แค่นี้ก็มากพอแล้ว.....
แสดงว่าเจ้าตัวไมได้อยากให้ชีวีตคู่ปิดฉากลงแบบนี้
และเมื่อมองย้อนกลับไปที่ “แม่ (ไม่) ปลื้ม” เคยโพสต์ข้อความเหน็บแนม แกมประชดไว้ โดยยกเรื่องของน้องหมาขึ้นมาเปรียบเปรยทำนองว่า
....ไม่เคยออกจากบ้านไปติดสัดเป็นอาทิตย์ อยู่บ้านเป็นกุลสตรีหมา.....
เบื้องต้นหลายคนจึงอาจจะเข้าใจไปว่า สาเหตุของการบ้านแตกครั้งนี้ น่าจะมาจากที่ฝ่ายหญิงมีคนอื่น แต่ไปๆ มาๆ ดูเหมือนคดีจะพลิก เมื่อสายสืบออนไลน์ไปค้นเจอหลักฐานมาได้ว่า ฝ่ายชายต่างหากที่แอบซุกกิ๊กไว้ โดยมีการเปิดเผยภาพที่ปลื้มถ่ายคู่กับสาวปริศนา ชื่อย่อว่า “ฟ.” โดยนำรูปมาเปรียบเทียบกันหลายๆ รูปไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน ในรถ ห้องน้ำ ร้านอาหาร จึงเป็นที่คาดเดาว่าผู้หญิงคนดังกล่าว อาจจะเป็น “มือที่ 3” ที่เป็นชนวนรักร้าวในครั้งนี้
ก่อนที่จะมีข้อความจากพี่สาวของทับทิมโพสต์ซ้ำในเฟซบุ๊กส่วนตัว Chanidapa Chongwattana ตามมาย้ำอีกดอก
“ความจริงถูกเปิดเผย เมื่อเมียน้อยปรากฏตัว คือมันมีมานานแล้วหล่ะ น้องกูทนมานานละ สงสารน้องชิบ!!!!! ไอ้เลว!!!!! (ช่วยกันแชร์เยอะๆๆ นะ)”
ข้อความดังกล่าว อาจจะยังไม่น่าเชื่อถือมากนัก เพราะเป็นไปได้ว่าพี่สาว ก็ย่อมต้องเข้าข้างน้องสาวตัวเอง (เหมือนที่แม่ปลื้มเอง ก็เข้าข้างลูกชาย) แต่ภาพที่ทับทิมมาพบปะสังสรรค์กับสมาชิกยุคบุกเบิกของ VRZO ที่มีทั้งหลุยส์ VRZO และ อ้วน VRZO ซึ่งทั้งคู่ก็พร้อมใจกันติดแท็ก #teamtubtim เพื่อให้กำลังใจอีกด้วย พร้อมข้อความ
“ความจริงก็คือความจริง #teamtubtim”
ทำให้ตีความได้ว่าต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องที่สมาชิก VRZO ทยอยลาออกไปทีละคนๆ จนไม่เหลือคนเก่าๆ ที่ก่อร่างสร้างรายการกันมาตั้งแต่แรก ลามมาถึงเรื่องเตียงหักของปลื้ม-ทับทิม น่าจะมีต้นสายปลายเหตุมาจากฝ่ายแรกมากกว่าฝ่ายหลัง
แต่ท่ามกลางความสงสัยของคนที่ติดตามคดีนี้มาตั้งแต่ต้น ฝ่ายปลื้มก็ออกมาปฏิเสธเสียงแข็ง ด้วยการแจกแจงเป็นข้อๆ ก่อนจะทำการล็อกไอจีเป็นบัญชีส่วนตัวไปเรียบร้อยแล้ว
1. ตามที่ผมได้ชี้แจงไปแล้วว่าผมเลิกกับทับทิมมาสักพักแล้ว และผมได้เจอกับน้องเค้าหลังจากเลิกกับทับทิมมาสักพักแล้วครับ
2. ตอนนั้นเราคุยกันครับ แต่เราคุยกันปกติครับ ไม่มีอะไรเกินเลยครับ
3. รูปที่เห็นว่าไปกินข้าวกัน ผมก็ไปกับเพื่อนๆ อีกหลายคนครับ เราถ่ายรูปกันตามปกติครับ
4. รูปที่เห็นว่าไปที่บ้าน วันนั้นมีการจัดปาร์ตี้กันที่บ้านผม เพื่อนๆ ผมมากันร่วม10 กว่าคน ไม่ได้อยู่กัน 2 คนครับ
5.รูปที่น้องเค้ากอดกับผู้ชายในห้องน้ำไม่ใช่ผมครับ ผมเป็นคนผอมมาก ไม่ได้โครงใหญ่ขนาดนั้นครับ
6. ปัจจุบันไม่ได้คุยกับน้องเค้าแล้วครับ ด้วยเหตุผลบางประการครับ สุดท้ายผมไม่ทราบว่าคนที่นำเรื่องมาปะติดปะต่อต้องการอะไรนะครับ แต่ตอนนี้ได้ตั้งทนายความดำเนินการแจ้งความและฟ้องร้องหมิ่นประมาทที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงให้ถึงที่สุดแล้ว หากมีใครได้เห็นข่าวสารอะไรที่เกี่ยวกับผมอีก ขอให้ทุกท่านเสพข่าวอย่างเข้าใจและเป็นกลางด้วยครับ ขอบคุณครับ
แต่งานนี้ก็ดูเหมือนว่าน้อยคนนักที่จะปักใจเชื่อคำชี้แจงของปลื้ม
ขณะเดียวกัน ในไอจีของทับทิม ก็มีการโพสต์ข้อความระบายความอึดอัดใจ พร้อมทั้งของคุณกำลังใจจากทุกคน
“ขอบคุณที่เป็นดวงดาวบนท้องฟ้า..ในวันที่ชีวิตมืดมิดมากๆ...ยังมีกำลังใจจากทุกๆ คนอยู่..ขอบคุณที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้เข้มแข็งและเดินต่อไปได้ ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะมีเรื่องหนักๆ อะไรเกิดขึ้น ไม่ใช่ไม่อึดอัดใจ มันแค่พูดไม่ออก บอกไม่ถูก จึงได้แต่เก็บไว้ อยากให้รู้ว่าพลังที่ทุกคนส่งมาให้ ทับทิมได้รับนะคะ เก็บพลังของทุกคนเอาไว้ในใจแล้วเดินต่อ ทำงานที่เรารักต่อไป ไม่ได้หนีหายไปไหน ขอเวลาพักใจอีกสักพัก จะกลับมายิ้มใหม่ ขอบคุณมากๆนะคะทุกคน ขอบคุณจากใจจริง”
และครานี้เองที่ฝ่าย “แม่ (ไม่) ปลื้ม” กลับมามีบทบาทอีกครั้ง และดูเหมือนจะเป็นบทบาทที่ทำให้เรื่องนี้ดูท่าว่าจะยิ่งจบไม่ง่ายหนักเข้าไปอีก เมื่อมีเรื่องการฟ้องร้องเกิดขึ้น
โดยได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ระบุว่า (อดีต) ลูกสะใภ้ส่งไลน์เข้ามือถือลูกชายในลักษณะข่มขู่ เกรงว่าจะเป็นอันตรายกับชีวิตของลูกชายและตนเอง จึงเข้ามาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและเพื่อความปลอดภัยพร้อมกับโพสต์รูปตัวเองขณะเข้าแจ้งความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @vrzomom ระบุว่า เข้าแจ้งความหลายคดี โดยสามารถสรุปได้ ดังนี้
1. คดีหมิ่นประมาททำให้เกิดความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง2. คดียักยอกทรัพย์3. คดีข่มขู่ ขู่กรรโชก4. คดีบุกรุกบ้านและบริษัท เพื่อลักทรัพย์และลักลอบบันทึกภาพ-เสียง5. คดีรบกวน ก่อความรำคาญ6. คดีอื่น ๆ อีก 2 รายการ
แต่หลังจากถูกแจ้งข้อหา ก็ยังไม่มีคำชี้แจงใดๆ จากฝั่งของทับทิม มีเพียงการโพสต์รูปนิ้วมือไร้แหวนแต่งงานลงในไอจีส่วนตัว @tubtimofficial พร้อมข้อความในเชิงว่าโล่งๆ แปลกๆ หวิวๆ คงต้องใช้เวลาแล้วคงรู้สึกดีเอง พร้อมกันเตรียมที่จะนำสุนัขที่เคยเลี้ยงไว้สมัยที่ยังใช้ชีวิตคู่กับปลื้ม กลับมาเลี้ยงเอง หลังจากที่บ้านใหม่ของตนสร้างเสร็จ งานนี้ก็เลยมีบรรดาแฟนๆ ตามมาส่งข้อความให้กำลังใจจากแฟนๆ กันเพียบตามระเบียบ
ไปๆ มาๆ จากเรื่องเก่ายังไม่ทันกระจ่าง ก็ดันมีเรื่องใหม่เข้ามาเสริมอีก เมื่อจู่ๆ เพจ Black Hat ก็โพสต์คลิปเสียงหลุดของหญิงสาวปริศนา ที่ออกมาเปิดเผยความสัมพันธ์กับหนึ่งหนุ่มใน VRZO ยอมรับว่าเป็นผิดเองที่ไปสมยอม เพราะหลงเชื่อทุกคำพูด ยืนยันว่าไม่อยากทำร้ายใคร พร้อมทั้งขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความว่า
"เค้าไม่เคยกลับมาหากูเลยนะ คือเอาจริงๆ กูสมยอมร่วมด้วยแหละ เหมือนตอนนั้นกูหน้ามืดตามัว เหมือนเชื่อทุกอย่างที่เค้าพูด เค้าพูดให้กู-เสียหายด้วยนะ แต่กูไม่อยากพูดว่าเค้าพูดอะไรบ้าง กูไม่อยากทำร้ายใครแล้ว กูขอโทษ พูดจริง กูเสียใจมาตลอดเว้ย กูยอมรับผิดจริงๆ มันมี 2 ทางเลือกที่กูอยากจะปรึกษามึง คือหนึ่งสมมติมันเป็นข่าวขึ้นมา กูพร้อมที่จะยอมรับผิดจริงๆ เวลาที่กูคบกับเค้ามันกินเวลานานอยู่จริง แต่จริงๆ แล้วเหมือนกูเป็นที่ระบาย คือถ้าเค้าไม่ได้ใครวันนั้นที่ออกไป ก็กลับมาหากู คอนโดที่กูอยู่ ยอมรับจริงว่ากูอยู่ ขอโทษที่ไม่บอกความจริง แต่ที่อยู่เพราะพี่-ให้กูอยู่ เพราะวันนั้นกูจะออก คือกูไม่อยากยุ่งกับทางฝั่งนั้นแล้ว ทางฝั่งพี่-กูก็ไม่ได้ชอบ เพราะแม่งทำกับกูพังมากชีวิต พูดจริงๆ หลายๆ อย่าง กูเสียใจมานานแล้วเว้ย กูยอมรับว่ากูทำไม่ดีกับพี่- กูเลยพิมพ์ไปเคลียร์ทุกอย่าง กูไม่อะไรกับเค้าเลยนะ กูกลายเป็นเกลียดเลย เอาอย่างนี้นะ กูเข้าใจว่ามีอคติกับกูทุกคน ถ้ามันจะเกิดเรื่องเดี๋ยวกูจะยอมรับให้ ถ้าไม่พอใจอะไรกัน"
โดยที่มาของคลิปดังกล่าว มีการเช็คอินสถานที่ "พัฒนาการ 46 สัมภาษณ์งานรายการ VRZO VRZO VRZO!!!!!" ซึ่งทุกคนที่ได้ฟังคลิป ต่างก็ฟันธงว่าเสียงของหญิงสาวในคลิปนั้น ช่างละม้ายคล้ายกับเสียงของ “เบ็ตตี้” (รูป 17.1-17.2) ตากล้องสาว หมวยคนเก่ง หนึ่งในทีมงาน VRZO งานนี้ก็ช่วยไม่ได้ที่จะถูกหลายคนลากเข้ามาเชื่อมโยงกับเรื่องที่ปลื้มประกาศแยกทางกับทับทิม และแทบจะทันทีที่มีคลิปเสียงหลุดออกมา เจ้าของเสียงดังกล่าว ก็ทำการปิดเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมส่วนตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะออกมาโต้ว่า คลิปนั้นเป็นการตัดต่อ ทำให้เกิดความเสียหาย และตอนนี้ก็ได้รวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดเรียบร้อย แต่ที่จำเป็นต้องปิดเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมชั่วคราว เพราะมีกระแสต่อต้านอย่างหนักในโลกออนไลน์
เรื่องราวเริ่มชุลมุนหนักขึ้น เมื่อมีการแชร์กระทู้จากเว็บไซต์ www.pantip.com ของผู้ชายที่อ้างตัวว่าเป็นน้องคนสนิท ออกมาถามหาความเป็นธรรมให้กับปลื้ม ที่ถูกสังคมโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว พร้อมกับแฉเรื่องราวของทับทิมในมุมที่ยังไม่มีใครพูดถึง
“ขณะที่พี่ปลื้มคบกับพี่ทับทิม จะมีผู้ชายแอบคุยใน LINE ตลอด พอพี่ปลื้มจับได้ก็จะทำเป็นโชว์ว่าจะเลิกคุยๆ แต่สุดท้ายก็ยังแอบคุยกันอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นแฟนเก่าที่เป็นดารา หรือคนเก่าๆ ที่เคยเป็นข่าว
เวลาทะเลาะกันพี่ทับทิมก็จะชอบโทรหาให้ผู้ชายมารับและหายไปสองวัน พี่ปลื้มจับได้ตั้งแต่เริ่มคบกับพี่ทับทิมใหม่ๆ แล้ว แต่ยังไม่ยอมเลิกจนทุกวันนี้ ซึ่งเป็นกิ๊กเก่าและชอบขับรถมารับละหายไปเป็นวันๆ เป็นดาราอักษรนำ “ช”
ส่วนเหตุการณ์สุดท้ายที่ทำให้ความอดทนทั้งหมดของพี่ปลื้มหมดไปนี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น วันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 (ซึ่งพี่ทับทิมกับพี่ปลื้มยังไม่เลิกกัน) เหตุการณ์เกิดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านตลาดนัดรถไฟ ซึ่งพี่ทับทิมกับผู้ชายชื่อ ….ได้ไปทำเรื่องน่าเกลียดกันในร้านแห่งนั้นในมุมมืดๆ แต่ก็เพิ่งมารู้ตัวว่าร้านนั้นมีกล้องวงจรปิด ตอนนั้นผมได้ไปช่วยงานที่ร้าน…ที่อยู่ตรงแถวนั้น พี่ทับทิมจึง Line มาหาผมและส่งข้อความเสียงมาตามข้างล่างนี้”
โดยในคลิปเสียงดังกล่าว เป็นเสียงของผู้หญิงที่ส่งข้อความมาขอคำปรึกษากับเจ้าของโพสต์ทำนองว่าไม่สบายใจ และรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งร้องขอให้ตนลบภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านอาหาร ขณะที่ทำเรื่องไม่ดีไว้กับผู้ชายที่ชื่อ "คังเหว่ย" ซึ่งก็มีมือดีบันทึกเรื่องราวเอาไว้ได้ทั้งหมด ก่อนที่กระทู้นั้น จะถูกลบออกไปจากเว็บไซต์
งานนี้ดูเหมือนจะมีตัวละครใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายที่ชื่อ “คังเหว่ย” และ “ดาราอักษรนำ “ช” ที่ถูกระบุว่า “เป็นกิ๊กเก่าและชอบขับรถมารับทับทิมหายไปเป็นวันๆ”
ฝ่ายทับทิมที่ถูกพลิกกลับมาเป็นจำเลย ก็โพสต์ข้อความสวนหมัดกลับทันควัน วอนให้เสพสื่ออย่างมีวิจารญาณ พร้อมลั่นวาจาว่า ถ้าถึงขีดสุด อาจจำเป็นต้องออกมาพูดความจริงเพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัว
เรียกว่าตอนนี้ #ทีมปลื้ม กับ #ทีมทับทิม กำลังเล่นสงครามผ่านสื่อกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ขณะที่กลุ่มสมาชิก VRZO ยุคแรก พร้อมใจกับโพสต์ภาพเบ้ปาก มองบน พร้อมติด #เพลีย ก็ไม่รู้ว่าตั้งใจจะสื่อความหมายว่าเริ่มเอือมกับสงครามน้ำลายครั้งนี้หรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดยังมีคนช่างสังเกตแอบจับพิรุธว่าข้อความแฉทับทิมในเว็บไซต์ดังนั้น มีสำนวนละม้ายคล้ายกับสำนวนที่ปลื้มมักจะเขียนโพสต์ในสื่อโซเชียลส่วนตัว !!??? ที่มักใช้คำว่า “ละ” แทนคำว่า “และ”
ที่สุดแล้วก็ยังไม่สามารถ “สรุป” ได้ว่า ระหว่างปลื้มกับทับทิม ใครกันแน่ ? ที่ปันใจ แต่เท่าที่จับต้นชนปลายมาตั้งแต่แรก ก็พอจะพิเคราะห์ได้ว่า งานนี้ “ขนมพอสมน้ำยา” แปลง่ายๆ ก็คือพอกันทั้งคู่ ต่างคนต่างมีแผล ต่างคนต่างมีเรื่องปกปิด
จริงๆ เรื่องนี้จะไม่บานปลายขนาดนี้เลย ถ้าปล่อยให้เป็นเรื่องของคนสองคน ที่เมื่ออยู่กันไม่ได้ ก็แค่เลิกกัน (จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที) แต่ที่มันลุกลาม และฉาวโฉ่ไม่หยุด ก็เพราะดันมี “คนอื่น” เข้ามาเกี่ยวข้อง ประมาณว่าต่างคนต่างมีพรรคพวกเยอะ และพรรคพวกของแต่ละคน ก็ยอมไม่ได้ที่จะเห็นเพื่อนของตนตกเป็นเป้านิ่งให้อีกฝ่ายถล่ม ก็เลยต้องเล่นงานกลับ สุดท้ายก็เลยกลายเป็นมหากาพย์ “สาวไส้ให้กากิน” แทนที่จะจบแบบสวยๆ กลายเป็นถูกขุดเรื่องนั้นเรื่องนี้มาประจานกันไปประจานกันมาไม่จบไม่สิ้น
เอาว่าถ้ายังคง “ซัดกันนัว” หนักขนาดนี้ต่อไปเรื่อยๆ พูดเลยว่าอีกหน่อยแม้แต่ความเป็น "เพื่อน" ก็ไม่มีเหลือ !!
ที่มานิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 326 6-12 กุมภาพันธ์ 2559