“เมจิ อโณมา” เปลี่ยนใจไม่อยากมีลูก จับสามี “เควิน” ขึ้นเขียงทำหมัน รับอายุมากไม่ค่อยมีเวลาจู๋จี๋ อนาคตไม่คิดรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก แต่เลือกอุปถัมภ์เด็กเรียนดีด้อยโอกาสทางการศึกษา เผยตอนนี้อุปถัมภ์นักศึกษาจุฬาฯ 3 ราย ไม่หวั่นตอนแก่ไร้ทายาทสืบสกุล
หลังจากที่แต่งงานรอบสอบ “เมจิ อโณมา ศรัณย์ศิขริน” ประกาศตั้งใจอยากจะมีลูกลูกเลยเพราะสามีฝรั่ง “เควิน บรูซ คุค” อายุมากแล้ว แต่หลายปีผ่านไปทำไปทำมาสาวเมจิกลับมาบอกว่าตอนนี้เปลี่ยนใจ ปิดอู่ถาวรไม่คิดมีลูกแล้ว แถมให้สามีไปทำหมันเรียบร้อยแล้ว โดยยืนยันไม่รับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก แต่พร้อมอุปถัมภ์เด็กเรียนดีด้อยโอกาสทางการศึกษา
“ให้คุณสามีทำหมันมาปีหนึ่งแล้วค่ะ ด้วยเมจิจะ 40 แล้ว เมจิขอบอกเลยว่าไม่มีแน่นอนแล้ว เราทำงานทั้งคู่ รู้สึกว่าตอนนี้เรามีความสุขดีกับชีวิตคู่ เราคุยกับสามีเขาก็ให้เราเป็นคนตัดสินใจวันหนึ่งก็ไปปรึกษาคุณหมอ เขาก็โอเคให้ทำหมันเลยง่าย ๆ ด้วยเราเองก็ไม่ค่อยมีเวลาจู๋จี๋กันมากด้วย(หัวเราะ)”
“อย่างทุกวันนี้เราก็ทำงานกันทุกวัน ว่างเมจิก็ออกกำลังกาย เจอกันก็ 2 ทุ่มกว่าจะได้คุยกัน ก็คุยกันว่างั้นเสาร์อาทิตย์เราต้องมีเวลาได้อยู่ด้วยกันนะ ฉะนั้นเสาร์ - อาทิตย์จึงเป็นวันที่เราว่าง ไม่รับงาน งดออกกำลังกายเพื่อจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน ถามคุณหมอว่าใครจะทำดี คุณหมอบอกถ้าผู้หญิงทำจะต้องผ่าตัดใหญ่ แต่ถ้าผู้ชายก็แค่ 2 ชั่วโมงจบ กลับมาทำงานด้วยต่อ”
ลั่นอนาคตไม่คิดเอารับอุปการะเอาเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก แต่เลือกเป็นการอุปถัมภ์เด็กที่ขาดและด้อยโอกาสทางเรื่องการศึกษามากกว่า
“ถ้าจะให้เอาเด็กคนอื่นมาเลี้ยงเหมือนเป็นลูกตัวเองคงไม่มี แต่เมจิกับสามีก็ทำบุญส่งเสริมการศึกษาเด็กอยู่ตอนนี้ 4 คน อุปการะเด็กในมหาวิทยาลัยไว้อีก 3 คน ตอนนี้เขาอยู่จุฬาฯ ปีหน้าจะหาเด็กอีก 1 คน เราพยายามจะช่วยเหลือเด็กต่างจังหวัดที่เรียนดีแต่ขาดทุนการศึกษา เมจิว่าบางทีเราต้องไปลงพื้นที่ถามเขาว่าเขาอยากเรียนอะไร บางทีสมองเขาดี มีความพร้อมแต่ขาดแรงผลักดัน”
“เมจิว่าปีหน้าจะไปลองหาทางภาคอีสาน คุยกับสามีว่าอยากสนับสนุนเรื่องของการศึกษา ถ้าเราบริจาคเงิน ถ้าเขาใช้เงินหมดมันก็หมด ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าเราให้การศึกษาเขา วันหนึ่งเขาสามารถช่วยเหลือตัวเอง ช่วยเหลือครอบครัว เป็นกำลังสำคัญให้สังคมได้ เมจิจะพูดกับเด็ก ๆ เสมอว่าถ้าคุณได้ใบปริญญามาสิ่งที่คุณต้องทำต่อคือคุณต้องทำงานช่วยเหลือประเทศชาติตอบแทน ในวันที่วันหนึ่งคุณมีโอกาส คุณจะได้ช่วยเหลือคนอื่นต่อไปได้ อันนี้คือสิ่งที่คุณจะต้องสัญญากับเราในฐานะที่เราเป็นคนอุปการะ”
“เอาจริง ๆ ที่เราทำแบบนี้มันก็ราคาถูกกว่าการมีลูกนะ มีลูกเนี่ยใช้เงินมหาศาล เราเคยคุยกับเพื่อนที่เขามีลูก เรารู้ว่าค่าใช้จ่ายมันสูง กว่าจะมี กว่าจะส่งเสียเลี้ยงดู แต่ถ้าเราให้การศึกษากับเด็กด้อยโอกาส เขารู้ว่าเขาจะต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด เขาจะมีความสำนึกถึงบุญคุณ และมีความตั้งใจ ถ้าเรามีลูกไม่ตั้งใจเรียน โดดเรียน เราก็ว่าเขาไม่ได้ตามประสาพ่อแม่”
รับยังไม่มีแพลนว่าชีวิตในบั้นปลายว่าจะอยู่กันอย่างไรหากไม่มีทายาทไว้สืบสกุล บอกที่ผ่านมาก็ไม่ได้ตั้งใจอยากจะมีลูกไว้ให้มาดูแลตนตอนแก่อยู่แล้ว
“ก็มีคนถามกันเยอะด้วยความเป็นห่วงบั้นปลายอนาคตของเราสองคน เลี้ยงเด็กแบบนี้แล้วแก่ไปใครจะมาช่วยดูแล เราก็คงหาพยาบาลมาช่วยดูแลกันไปค่ะ เราไม่ได้มองว่าตอนแก่เราจะเป็นยังไง เราไม่ได้คาดหวังว่าเราจะมีลูกเพื่อให้เขามาเลี้ยงเรา เขาจะเลี้ยงไม่เลี้ยงมันก็สิทธิของเขาอีก เราจะไปยังคับไม่ได้ แต่ถ้าเขาเลี้ยงเราไม่ดี เราไม่ได้อยากมีลูกเพื่อไปหวังอะไรจากเขา ก็มองว่าถ้าแก่ตัวกันไปก็หาใครมาดูแล ไม่เป็นไร ไว้เป็นเรื่องอนาคต ตอนนี้ดูแลตัวเองกันไปก่อน”
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม