ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ครอบครัวสองแม่ลูกที่เสียชีวิตหลังเข้าผ่าคลอดที่ รพ.วชิระภูเก็ต ยังคงเศร้าสลด ญาติๆ และผู้ที่ทราบข่าวต่างทยอยเข้าเคารพศพน้องอัศวิน ด้านบิดาเผยเลื่อนการฌาปนกิจเป็น 14 พ.ค.เตรียมร้องมูลนิธิปวีณาขอความเป็นธรรมให้ภรรยา และลูกชาย
จากกรณีที่นางพรทิพย์ บุดดีคำ และ ด.ช.อัศวิน อินทวงศ์ สองแม่ลูกซึ่งเสียชีวิตจากการเข้าคลอดบุตรในโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา จนสามี และญาติๆ กว่า 50 คนได้รวมตัวกันเดินขนวนเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้สูตินรีแพทย์ที่ทำคลอด รวมถึงผู้บริหารโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ออกมาแสดงความรับผิดชอบ หลังจากที่ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้วยังไม่ได้รับการติดต่อกลับจากโรงพยาบาลเลย ซึ่งภายหลังภรรยา นางพรทิพย์ บุดดีคำ เสียชีวิต ครอบครัวได้ร้องขอให้ส่งศพตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนรับศพไปฌาปนกิจที่ จ.หนองคาย ส่วนศพ ด.ช.อัศวิน ได้รับศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่สำนักสงฆ์แหลมเพชร อ.กะทู้ จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยในวันนี้ (12 พ.ย.) บรรยากาศที่สำนักสงฆ์แหลมเพชร อ.กะทู้ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ด.ช.อัศวิน อินทวงศ์ ค่อนข้างเงียบเหงา มีญาติๆ และคนบุคคลภายนอกที่ทราบข่าวที่รู้สึกเห็นใจทยอยเดินทางมาเคารพศพ และให้กำลังใจครอบครัว ขณะที่นายนำพร อินทวงศ์ บิดา และนางสมจิต นิยะรัตน์ ยายของ ด.ช.อัศวิน รวมถึงญาติๆ ใกล้ชิดส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในอาการเศร้าสลด โดยเฉพาะนายนำพร พูดคุยกับญาติๆ และผู้มาร่วมเคารพศพบุตรชายไปพร้อมกับน้ำตา และระบายถึงความคับแค้นใจที่แพทย์ไม่มีการแสดงความจริงใจ ถึงแม้จะมีคณะผู้บริหารบางคนเข้ามาพูดคุย และรับปากจะช่วยเหลือ และให้ความเป็นธรรมแล้วก็ตาม
นายนำพร กล่าวว่า ขณะนี้ตนเอง และครอบครัวยังคงรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เสียใจที่เกิดการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ต่อครอบครัว ทั้งยังมีข้อสงสัยหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องที่ภรรยาได้แจ้งความประสงค์ว่าจะผ่าคลอดเนื่องจากต้องการจะทำหมัน แต่อย่างไรก็ไม่ทราบในวันที่ 1 พ.ค.ก่อนภรรยาเสียชีวิต กลับได้รับการยืนยันจากแพทย์คนดังกล่าวว่า ให้คลอดเอง จนมีการสอดยาเร่งคลอด และปวดท้องจนหมดสติ ก่อนจะเสียชีวิต ทั้งยังต้องรอคิวผ่าช่วยชีวิตเด็กเป็นเวลานานกว่า 30 นาที จนทำให้บุตรชายของตนเสียชีวิต ทั้งที่เป็นกรณีเร่งด่วนที่แพทย์ต้องทำการช่วยเหลือ
นอกจากนี้ ยังเสียใจที่แพทย์ผู้ทำคลอด รวมถึงโรงพยาบาลไม่มีความจริงใจในการแสดงความรับผิดชอบ โดยเฉพาะตัวแพทย์เองไม่มีการติดต่อมาพูดคุย หรือแม้แต่ส่งพวงหรีดมาแสดงความเสียใจก็ตาม ซึ่งตลอด 10 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่ภรรยาเสียชีวิต จนกระทั่งทำพิธีฌาปนกิจเสร็จ และจนถึงขณะนี้ตนมารับศพลูกชายบำเพ็ญกุศลก็ยังไม่มีการติดต่อมา มีเพียงแต่ผู้บริหารบางคนที่มาร่วมงานศพแต่ก็ไม่ได้มีความชัดเจนว่าจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ตนเองจึงตัดสินใจที่จะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งเตรียมนำเรื่องดังกล่าวเข้าร้องกับมูลนิธิฯ ปวีณาเพื่อขอความเป็นธรรม
นายนำพร กล่าวต่อว่า นางพรทิพย์ ภรรยา เป็นคนดี มีความกตัญญู ดูแลพ่อแม่ และครอบครัวไม่เคยขาดตกบกพร่อง ที่ผ่านมา ตนและภรรยาช่วยกันทำมาหากิน และสร้างครอบครัวร่วมกันมา กระทั่งทราบว่าจะมีลูก ตนพยายามเอาใจใส่ดูแลภรรยา และลูกในครรภ์เป็นอย่างดี และไปฝากครรภ์พิเศษกับแพทย์คนดังกล่าวที่คลินิก หวังว่าแพทย์จะดูแลจนปลอดภัย แต่ผลที่ได้กลับมาเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของศพบุตรชายจะตั้งบำเพ็ญกุศลไปอีก 2 วัน และจะทำพิธีฌาปนกิจในวันพุธที่ 14 พ.ค.นี้ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือมีหน่วยงานใดต้องการนำศพบุตรชายส่งตรวจพิสูจน์อีกครั้ง
