xs
xsm
sm
md
lg

ผกก. “สยามยุทธ” ตีมึน! ยันไม่เบี้ยวค่าตัวนักแสดงแค่ยังไม่มีจ่าย ระทึกคู่กรณีบุกทวงเงิน 4 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย! ผู้กำกับ “สยามยุทธ” ออกโรงโต้เบี้ยวค่าตัวนักแสดง แจงนายทุนต่างชาติถอนตัวกะทันหัน ส่วนตนเป็นแค่ผู้กำกับไม่ใช่เจ้าของหนัง บอกทุกอย่างต้องเดินหน้าเพราะไม่อยากเสียหน้า ถ้าอยากได้เงินต้องไปเรียกร้องผ่านบริษัทมุกสิกแอนด์เอสโซซิเอด ลั่นทุกวันนี้ยังควักเนื้อจ่ายก่อน เชื่อ “ธัญญ์ - แคนดี้” เป็นเด็กดี ไม่มีปัญหา หวิดเผชิญหน้าหลังนักแสดงรวมตัวบุกทวงเงิน 4 ล้าน

กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต สำหรับหนัง “สยามยุทธ” หลังจาก “ธัญญ์ ธนากร” ออกมาเปิดใจถึงกรณีไม่ได้ค่าตัวจากหนังเรื่องนี้ ถัดมาไม่กี่วันนักร้องสาวลูกทุ่ง “แคนดี้ รากแก่น” ซึ่งเป็นหนึ่งในนักแสดงออกมาตั้งโต๊ะชี้แจงสาเหตุไม่ได้ค่าตัว ล่าสุด “ครูดำ ธนาวุฒิ เกสโร” ผู้กำกับฯ -โปรดิวเซอร์ พ่วงนักแสดง ควง “น้องฮันนี่” นางเอกของเรื่องออกโรงชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรายการ “ข่าวช่อง 2” ที่ สตูดิโอ ช่อง 2 ลาดพร้าว 15 โดย “ครูดำ” เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า

“เราวางโปรไฟล์ทุกอย่างไว้หมดแล้วว่าจะเปิดกันเดือนไหนถ่ายทำกันวันไหน แต่ผลสรุปคือเราเซ็นสัญญากับนายทุนเรียบร้อย เราก็นัดวันบวงสรวงนักข่าวก็ไปกันเต็มเลย แต่พอบวงสรวงเสร็จนายทุนก็กลับไป ปรากฏว่าประมาณ 2 วันพอดีมีเหตุเกิดที่ประเทศบ้านเรา เขาก็เลยบอกว่าเขาไม่สามารถที่จะร่วมทุนกับผมได้ ซึ่งผมทำยังไงครับในเมื่อผมเปิดกล้องไว้แล้ว จ่ายมัดจำทีมงานบางส่วนไปแล้ว ซึ่งเท่ากับถ้าผมหยุดผมก็ไม่ได้อะไรเลยกับการทำงานของผม แล้วผมก็จะชื่อเสียงหนักกว่านี้”

ซึ่งผมไม่เคยไม่มีเรื่องไหนที่ทำไม่จบ ผมทำจบทุกเรื่อง ผมก็เลยบอกดาราก่อนเลยมีหลายคนที่ไม่ได้เลย ผมไม่ขอเอ่ยชื่อดีกว่า 3 - 4 คนผมเลยบอกว่าพี่ครับ น้องครับตอนนี้ผมมีปัญหาเรื่องผู้สนับสนุนแล้วนะ เพราะว่าผมเดินต่อไม่ได้ แต่ผมสามารถที่จะมีคอนเนคชั่นจากต่างประเทศมาช่วยผม แต่มันไม่ใช่เป็นเงินเป็นแรงงานเป็นพวกกล้อง ถ้าใครที่จะเดินไปกับผม ผมไม่มีเงินจ่ายนะ แต่ผมเนี่ยขายหนังได้ผมก็มาแจกจ่ายกันทุกคน”

“ซึ่งพูดกันง่ายครับ หนึ่งกลุ่มลูกศิษย์ สองกลุ่มพี่ ๆ ดารา ใครที่ไม่ไปกับผม ผมก็ขอโทษด้วย ถ้าใครที่เดินไปกับผม ผมก็จะขายหนังได้แล้วเอาเงินมาจ่าย ๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุดผมมีสัญญานะครับ พี่น้องกันโอเคก็จริงแต่วันหนึ่งข้างหน้าถ้าทุกอย่างเป็นเงินทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผมก็เลยให้อาผมที่เป็นทนายความให้ลูกศิษย์มาเซ็นสัญญา ทุกคนก็เซ็นแต่พี่ ๆ ดาราบางคนไม่เซ็นบอกไม่เป็นไร พรรคพวกกันอยู่กันมานาน ผมบอกพี่เซ็นเถอะมันเป็นระบบบริษัท ซึ่งมันไม่ใช่ผมคนเดียว ทุกคนก็เซ็นหมด เซ็นเป็นเรื่องส่วนลูกศิษย์ก็เซ็นเป็นสังกัด 3 ปี 5 ปี ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ก็เดินกันต่อไป”

“ผมบอกตรง ๆ นะผมใช้เงินส่วนหนึ่งจากค่าตัวที่ผมทำละครทำภาพยนตร์ ก้อนใหญ่ที่สุดผมได้มาจากที่ผมเป็นนักแสดงที่อเมริกาผมก็ลงกับงานหมดเลย คือลำบากมากครับ 2 ปีทุกคนก็ลำบากกับผมมาก เราสู้มากันจนจบปิดกล้องในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งมันเหนื่อยมาก แต่เราไม่ได้วางว่าระบบโฮสต์เวลาภาพยนตร์จบแล้วเราไม่ได้วางเพราะเราไม่มีเงินวาง เราหมายความว่าเราทำโปรดักชั่นให้จบก่อน พอมันจบเสร็จมันก็มีลูกศิษย์เราที่มีปัญหา ปรากฏว่าเขาพูดถึงเรื่องเงินผมก็ไม่รู้ ผมก็ทำงานผมให้อาผมที่เป็นทนายความคุย มีปัญหามาตลอด”

บอกบริษัทเป็นบริษัทเล็ก ๆ ไม่ได้มีเงิน 10 ล้าน 100 ล้าน ระบบเบิกเงินบริษัทไม่ง่าย
“แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นหนักที่สุดก็คืออย่างน้องแคนดี้เนี่ยผมใช้คำว่าเขาเป็นลูกศิษย์ผมดีกว่า คือผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับแคนดี้เพราะแคนดี้โทร.มาก็ครูคะครูอยู่ไหนคะคือเวลาเราไม่ตรงกัน คุยกันคำ 2 คำเพราะต้องทำงานทุกวัน แคนดี้ก็ทำงาน ปรากฏว่าข่าวที่มันเกิดขึ้นคือวันนั้นหลังจากนั้นเราก็ติดต่อแคนดี้ จนวันนี้เราคุยกันเราเข้าใจกันครับ เรียบร้อยหมดเลย ส่วนเรื่องเงินเรื่องค่าตัว ก็ทางบริษัทเนี่ยผมต้องเรียนก่อนว่าบริษัทเป็นบริษัทที่ไม่ได้มีเงินมากมายถึง 10 ล้าน 100 ล้าน เขาแค่เป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่ผมมีคอนเนคชั่นกัน แล้วเขาก็มาร่วมหลาย ๆ คน ซึ่งระบบการทำงานของบริษัททุกคนก็รู้อยู่ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งบริษัทเล็ก ๆ ด้วยเรื่องเงินมันมีระบบของเขาอยู่”

“ซึ่งทางบริษัทเขาก็คุยกับนักแสดงอยู่ปกตินะครับผมก็ไม่รู้เหมือนกับ ตัวผมเองก็ยังไม่ได้ค่าตัวเลยทุกวันนี้ ผมยังไม่ได้มาสักบาทเลย ฮันนี่(นางเอก) ก็ยังไม่ได้เลย แต่ว่าการที่ออกมาพูดว่าผมยังไม่ได้ค่าตัวเนี่ยจริง ๆ แล้วมันมีส่วนหนึ่งที่จะบอกได้ว่าระบบบริษัทมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปเบิกเงินสิบบาทยี่สิบบาทแล้วเขาจะเซ็นเช็คมาให้เลย มันต้องรอเป็นก้อนจากหนัง หนังขายฉายแล้วเอาเงินส่วนนี้มาแบ่งกัน ซึ่งทุกวันนี้หนังยังไม่ได้ออกจากโรงเลยซึ่งหนังก็ยังฉายอยู่ นักแสดงก็ไปต่างจังหวัด ล่าสุดจะไปพัทยา จันทบุรี ซึ่งเรานึกว่าจะจบแค่นี้เราขายได้กันตนาที่มีโรงหนัง 22 ตุลาคมนี้ก็จะฉายทั่วประเทศของกันตนา ซึ่งหนังยังไม่ออกโรงแล้วก็การที่ตกลงกันไว้มันก็ยังไม่ถึงเวลา”

“ที่บอกว่าขายหนังได้แล้วจะเอาเงินมาจ่ายค่าตัวนักแสดง ซึ่งเราพูดแต่ต้นแล้วไงครับ การที่หนังมันจบเนี่ยผมก็ต้องขอขอบคุณดารานักแสดงทุกคนที่ร่วมกันใช้แรงกาย คือทุกคนเต็มที่หมด ซึ่งผมไม่ใช่นายทุนเรื่องสยามยุทธ ผมเป็นแค่ผู้กำกับการแสดง นักแสดง และเป็นคนแคสติ้งดารานักแสดง และเป็นโปรดิวเซอร์ โปรดิวเซอร์มี 2 - 3 คน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นผมคุมงบประมาณการถ่ายทำส่วนหนึ่ง”

“นายทุนของสยามยุทธตอนนี้คือบริษัทมุกสิกแอนด์เอสโซซิเอด ซึ่งเขาใช้เงินทุนส่วนหนึ่งที่มาลงกับการทำโพสต์เอาหนังเข้าฉายพีอาร์ประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ตรงนี้ที่ผมอยากออกมาพูดผมเป็นคนติดต่อทุกคนเองมาเล่น แล้วก็ลูกศิษย์ของผมแต่ละคนก็เป็นลูกศิษย์ครับ ผมจะไม่พูดให้เขาเสียหายเพราะผมจะบอกว่าคำว่าลูกศิษย์มันคือระบบนิเวศน์ที่ดีของประเทศนี้ มวยไชยาเป็นมวยสายสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ มวยสายอื่นเนี่ยไม่มีแล้ว”

“ซึ่งผมและครูผมคือครูแหลม ครูพงษ์เนี่ย เป็นผู้สืบทอดสายตรงซึ่งในประเทศนี้มันไม่มีแล้ว ซึ่งลูกศิษย์เหล่านี้มันคือผมผลิตของผม ซึ่งผมไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าเขาดีหรือไม่ดี แต่ลูกศิษย์ก็คือลูกศิษย์ ถึงเขาจะพูดอะไรก็แล้วแต่ผมไม่รู้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดผมเป็นครู เขาจะยังไงไม่รู้แต่คนใหม่ ๆ ที่จะเข้ามา มันคือทรัพยากรของประเทศนี้ ที่ผมต้องสืบทอดมวยไชยาไม่ให้สูญหายจากประเทศนี้”

ชี้ “แคนดี้ รากแก่น” ออกมาตั้งโต๊ะแถลงเพราะห่วงใย
“แคนดี้เป็นเด็กที่น่ารักมาก ผมไปดูข่าวที่แคนดี้สัมภาษณ์เขาไม่ได้สัมภาษณ์พาดพิงว่าใครเสียหายเลย ตอนแรกพาดหัวข่าวผมก็ตกใจคิดว่างานเข้าแล้วผมถ่ายละครอยู่ ผมก็โทร.ไปหาอาผมก็ได้คุยกับแคนดี้แล้ว ผมบอกตรง ๆ นะผมไม่อวยใคร ผมจะบอกว่าแคนดี้เป็นเด็กที่น่ารักมาก หนึ่งตรงต่อเวลา สองการทำงานไม่เคยพูดเรื่องเงินเลย หมายถึงผมคุยกับเขาตลอด ที่เขาไม่เซ็นเพราะว่าเขาไม่มีเวลา เขาทำงานทุกวัน แต่ทีนี้เรื่องเงินผมคุยกับเขาตลอดว่าผมยังไม่มีเงิน หนังเข้าโรงแล้วมานะแคนดี้ให้ความร่วมมือตลอด ไปพีอาร์ภาพยนตร์เขาไปตลอดซึ่งไม่เคยขาด รายการใหญ่ ๆ เขายังทิ้งเงินค่าตัวแล้วมารายการเรา อีกอย่างแคนดี้เป็นเด็กที่ไม่เคยให้ร้ายใครนะผมบอกตรง ๆ เขาเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง เมื่อกี้ก่อนมาก็มีไลน์มาหนูเชื่อมั่นในครูมาตลอดนะ รักครูสู้ ๆ อย่าร้องไห้ เพราะเป็นคนขี้ร้องไห้”

“เรื่องค่าตัวกับแคนดี้เราตกลงก่อนครับตอนนั้น ที่เราคุย 30 - 30 - 40 คือผมคุยทุกคนยกเว้นลูกศิษย์รวมทั้งฮันนี่ด้วย ยกเว้นลูกศิษย์เพราะเป็นเด็กในสังกัดผม ผมคุยทุกคนว่า 30 คือเปิดกล้อง 30 เปอร์เซ็นต์ปกติของสแตนดาร์ตทั่วไปของภาพยนตร์ประมาณครึ่งเรื่องก็ 30 ปิดกล้องก็ 15 วันก็ 40 ก็ครบ แต่ปรากฏว่ามัน 30 - 30 - 40 ไม่ได้ครับ เพราะบอกทุกคนว่าผมไม่มีเงิน ถ้าคุณจะเดินไปกับผมช่วยผมหน่อย โดนพี่ ๆ ตบกระบาลเล่น ดาราเขารู้จักผมว่าผมเป็นคนแบบไหน”

“คือผมคิดว่าผู้สนับสนุนผมจะจ่ายหลังจากที่บวงสรวงเสร็จ แต่ปรากฏว่าผมใช้เงินส่วนตัวผมไปก่อนเงินจากค่าตัวผม ก็จ่ายทีมงานไป 30 เปอร์เซ็นต์ทุกแผนก อย่างปัจจุบันหนังจบเนี่ยทีมงานผมผู้ช่วยผม ผมก็ยังจ่ายเขาไม่ครบนะ ยังมีอยู่บ้างคนสองคน อย่างแผนกอื่นก็จ่ายไปแล้ว ก็จ่ายไปบ้างแล้วบางส่วน นักแสดงก็จ่ายไปบ้าง นักแสดงบางท่านก็ยังไม่ได้จ่ายเลย

“ขึ้นอยู่กับตอน 30 เปอร์เซ็นต์แรกเนี่ยนายทุนเขาโอเค ผมก็เลยคิดว่าอีก 2 วันเดี๋ยวเขาคงโอนมาให้ ปรากฏว่าผมใช้เงินส่วนตัวไปบางส่วนไปก่อน แต่ปรากฏว่าพอนายทุนเขาถอนไปผมก็บอกทุกคนว่าผมไม่มีเงินจ่ายแล้วนะ เพราะว่าถ้าจะจ่ายอีกทีก็ต่อเมื่อหนังเข้าโรงแล้วได้เงินมาก็จะแจกจ่ายอีกที”

ยันมีสัญญาแต่นายทุนเป็นคนต่างชาติ ฟ้องร้องระหว่างประเทศยุ่งยาก ต้องใช้เวลา
“ถามว่ามีสัญญาไหม นายทุนมีสัญญาครับ แต่ว่านายทุนเป็นคนต่างชาติ ซึ่งจริง ๆ แล้วการฟ้องร้องระหว่างประเทศเนี่ยต้องไปถามอาผมครับที่เป็นทนายความ ผมก็ไม่ทราบ แต่ว่าเรามีตัวแทนประเทศไทยที่อยู่กับนายทุนคนนี้ แต่ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าอาผมดำเนินการไปถึงไหนแล้ว”

“ต้องมีค่าเสียหายอยู่แล้วถ้าเราฟ้องชนะ แต่ปรากฏว่ามันระหว่างประเทศมันยากนิดหนึ่งดำเนินการอยู่ปีกว่าแล้วครับ เห็นอาบอกว่าเยอะเหมือนกัน แล้วแต่ความเสียหายของภาพยนตร์ ภาพยนตร์ทำรายได้เท่าไหร่ก็ฟ้องเท่านั้น”

“เราดำเนินการมาเป็นปีแล้วครับ ฟีดแบ็กก็ยังไม่ทราบผมเป็นคนทำงานครับ นอกจากกำกับภาพยนตร์แล้ว ผมก็ใช้ส่วนหนึ่งที่ต้องใช้คอนเนคชั่นเยอะมากเพราะไม่ใช่บริษัทใหญ่”

ยืนกรานได้เงินจากการฉายในเมืองไทยก่อนก็พร้อมจ่ายก่อน ไม่ต้องรอหนังขายนอก
“จริง ๆ แล้วมันมีออกจากโรงแล้วเคลียร์รายได้ทั่วประเทศไทย ได้เท่าไหร่โรงหนังหักครึ่ง ๆ ที่เหลือเป็นเงินของเรา เราจะเอาส่วนตรงนี้แจกจ่าย ซึ่งตอนนี้มันยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น มันมีดีวีดี เคเบิ้ล มีช่องอะไรแบบนี้ครับ ส่วนต่างประเทศตอบรับมา ประมาณ 4 - 5 ประเทศแล้ว ซึ่งเราตกลงราคากันแล้วแต่ยังไม่ได้ส่งแมททีเรียลไปให้เขา คือตัวก๊อบปี้อยู่ระหว่างสัญญาที่ร่างกันอยู่เสนอราคามาแล้วเราโอเคตกลงกันแล้ว”

“ไม่ต้องรอเงินจากการฉายต่างประเทศ ถ้าในเมืองไทยได้ก่อนเราก็จ่ายก่อน คือตอนนี้ในกรุงเทพฯ ออกโรงแล้ว แต่มันต้องเช็คยอดต่างจังหวัดทั้งหมดที่จะมาหักล้างค่าฉายค่าพีอาร์ จะได้ก็ต่อเมื่อต้องรอทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดออกให้ครบหมด เพราะเขารอให้ทุกอย่างจบหมดแล้วจ่ายทีเดียว”

“ระหว่างที่มีปัญหาเรื่องเงิน ผมก็ได้ตกลงกับนักแสดงเป็นลายลักษณ์อักษรก็มี ปากต่อปากก็มี เพราะคนที่มาเล่นกันก็สนิทกันหมด อย่างกรณีแคนดี้ทีแรกเรามีสัญญาให้ เขาจะมาเซ็นแต่เวลาไม่ได้ก็เลยไม่ได้มา ส่วนที่เขาออกมาแถลง ผมว่าเขาเป็นคนที่ทนไม่ไหวว่าทำไมครูถูกโจมตี เพราะว่าตัวผมเอง ผมบอกตรง ๆ ว่ามันจะมีผลกับผมทันทีที่ผมมีปัญหาเรื่องค่าตัวนักแสดงหรืออะไรก็แล้วแต่ หนังสือเล่มนี้คือคัมภีร์มวยไชยา ผมจะโดนสมาคมเล่นงาน หมายความว่าผมจะหมดสภาวะทางสังคมทันทีความเป็นครูทันที หนังสือคัมภีร์มวยไชยาเนี่ยเป็นหนังสือวิชาการเพื่อให้คนทั่วไปที่ใช้ศิลปะป้องกันตัวใช้ชีวิตประจำวันอ่านและดู แคนดี้เขาสงสารครูมากกกว่า ก็คุยกับผมนั่นแหละว่าทำไมครูไม่ออกมาพูด ครูบอกว่าช่างมันเถอะ เด็กก็คือเด็กไม่อยากไปทะเลาะ ด่าเดี๋ยวก็เลิกด่าไปเองแหละ ปรากฏว่ามันทนไม่ไหวก็ไปออกสื่อ”

เชื่อ “ธัญญ์ ธนากร” ไม่เกลียด เพราะตนไม่ใช่คนเลว มั่นใจอีกฝ่ายยังนับถือ
“ของธัญญ์ก็มีสัญญากันปกติ ก็คุยปกติ 10 ปีคบกับธัญญ์มาเป็นเด็กดีมาก ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับผม แล้ววันนี้ผมกล้าพูดได้เลยว่าธัญไม่ได้เกลียดผมหรอก แค่เราไม่คุยกัน ผมถือว่าสำหรับธัญญ์เขาไม่ได้มองผมเป็นคนเลวนะ น้องเขาอาจจะเข้าใจผิด หรืออาจจะน้อยใจผม เพราะผมเป็นคนพูดตรง ๆ ถ้าคนไม่เข้าใจก็คือครูดำกวนสุด ๆ ผมว่าธัญญ์เป็นคนเข้าใจผมคนหนึ่งมากที่สุด กับทั้งคู่เราก็บอกเรื่องเงินทุกครั้ง เขาก็ยินดีที่จะเป็นนักแสดงต่อ น้องเขาไม่ได้ทะเลาะกับผม ส่วนเด็กในสังกัดที่เซ็นสัญญาก็มีปัญหาหมดเพราะไม่ได้ตังค์ ผมก็มีปัญหาถ้าไม่ได้ตังค์”

“ผมบอกตรง ๆ นะธัญญ์มีวิวัฒนาการสติสัมปชัญญะสูงมาก เขาทำงานวงการบันเทิงมานาน เรื่องแค่นี้ผมพูดไม่ได้อวยนะรู้จักมา 10 กว่าปี เขาเป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ผมไม่มีเงินยังขอยืมเขาได้เลยเขายังให้เงินผมมายืม ผมบอกตรง ๆ ว่าผมไม่ขอมีปัญหากับธัญญ์ เพราะผมไม่มีส่วนที่จะคิดตรงนี้ได้ เขาดีกับผมมาตลอด 10 กว่าปีมานี้”

“ผมเป็นส่วนหนึ่งที่ดึงพี่และน้องเข้ามา ตรงนี้ผมจะใช้ความสามารถสุด ๆ ของผมคุยกับบริษัทซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคุยกันอยู่ ซึ่งบริษัทเขาก็ดำเนินการส่วนของแต่ละบุคคลไว้แล้ว ว่าเงินก้อนนี้มาจะแบ่งให้ใครก่อน เงินก้อนสองมาจะแบ่งให้ใครก่อน ซึ่งตอนนี้อยู่กระบวนการที่เราต้องขายหนังทะลุประเทศไทยต่างประเทศเลยครับ ตอนนี้เพื่อที่จะเอาเงินมาให้หลาย ๆ คน เพราะว่าทุกคนเหนื่อยกันมาเกือบปี ซึ่งฮันนี่ก็ยังไม่ได้ตังค์ แถมฮันนี่ยืมตังค์หน่อยโดนไปอีก 4 แสน”

โบ้ยลิขสิทธิ์หนังสยามยุทธเป็นของบริษัทมุกสิกแอนด์เอสโซซิเอด ถ้าอยากเรียกร้องค่าตัวให้ไปเรียกร้องบริษัท มาเรียกร้องที่ตนไม่ได้
“คือตอนแรกเนี่ยผมเปิดบริษัทแล้วเสนอโพโพโว่ไปแล้วผ่าน ผมก็แค่เป็นโปรดิวเซอร์ที่ควบคุมดูและงบประมาณ แต่ปรากฏว่าพอบริษัทต่างประเทศถอนไป บริษัทผมรับเต็ม ๆ ซึ่งผมไม่สามารถแบกรับภาระหนี้สินได้ ก็เลยต้องไปพึ่งบริษัทมุกสิกแอนด์เอสโซซิเอดให้มาช่วย ซึ่งปรากฏว่าตอนนี้ผมไม่ได้เป็นนายทุน เพราะสยามยุทธไม่ได้เป็นลิขสิทธิ์ของผม เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทมุกสิกแอนด์เอสโซซิเอดโดยถูกต้องตามกฏหมายภายใต้ราชอาณาจักรไทยผมเป็นแค่ผู้กำกับ ซึ่งนักแสดงก็ไม่สามารถเรียกร้องค่าตัวจากผมได้ ต้องไปเรียกร้องจากบริษัท ซึ่งถามว่าจะเป็นตัวแทนฟ้องร้องบริษัทไหม จะฟ้องร้องทำไมครับ ในเมื่อเขาไม่ได้เบี้ยว ตอนนี้ทางบริษัทก็ติดต่อหลาย ๆ คนอยู่ครับ”

ทั้งนี้ในขณะที่ครูดำแถลงข่าวอยู่ ๆ ก็มีกลุ่มนักแสดงจากหนังสยามยุทธเดินทางมาที่สตูดิโอ ช่อง 2 เพื่อสังเกตการณ์และฟังคำแถลง นำโดย “ตั้ม ชาญเศรษฐ์ วิเศษไยหิรัญ” และ “กีเนีย ภูรดา คงเพ็ชร” ที่เป็นตัวแทนแฉครูดำยืมเงินครอบครัวจำนวน 4,375,000 บาท อ้างจะนำเงินไปจ่ายค่าตัวนักแสดง แต่ยังไม่มีใครได้เงินสักบาท ซึ่งหนุ่มตั้มบอกว่า ณ เวลานี้ไม่ได้ต้องการค่าตัว แต่ต้องการเงิน 4 ล้านกว่าบาทคืน พร้อมเผยว่าตนและเพื่อนนักแสดงได้ยื่นฟ้องศาลเดือนที่แล้ว นอกจากนี้ยังแอบแขวะว่าครูดำไม่เคยมีการพูดคุยโดยตรง จะส่งทนายมาคุยกับทีมนักแสดง และใช้คำว่า “อาทนาย” ซึ่งตอนนี้คงเลื่อนชั้นเป็นผู้อำนวยการสร้างไปแล้วทิ้งท้าย




ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live

ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
กำลังโหลดความคิดเห็น