ถ้าเป็นมันก็คงจะหยดติ๋งๆ ทีเดียวสำหรับหน้าจอทีวีช่วงละครหลังข่าว ณ เวลานี้ของ 3 ขาใหญ่อย่าง ช่อง 3, ช่อง 7 และค่ายเอ็กแซ็กท์+ซีเนริโอในนามของช่องวัน (one) ที่ต่างก็ส่งละครพีเรียดฟอร์มยักษ์ออกมาประชันในเวลาไล่เลี่ยชนิดที่คอละครตัวจริงมีหวังได้ซู้ดปาก
วันนี้ "Super บันเทิง" พาไปจับตาดูกันว่าแต่ละเรื่องของแต่ละช่องมีแนวโน้มว่าจะมีอนาคตเป็นอย่างไรกันบ้าง?
เริ่มกันที่ "ช่องวัน" ซึ่งแม้การเปิดตัวด้วยตัวเลขเรตติ้ง 2 วันแรกของ "บัลลังก์เมฆ" (วันจันทร์ที่ 18 และวันอังคารที่ 19) ที่ 1.48 และ 1.17 อาจจะดูไม่สูงมากนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเทียบกับตัวเลขตอนจบที่ "สื่อริษยา" ทิ้งไว้ให้ที่ 3.8 ทว่าเมื่อมองถึงการเปิดตัวได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ รวมถึงเนื้องานที่ออกมาแล้ว ฟันธงได้เลยว่าละครเรื่องนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีในแง่ของเสียงวิจารณ์อย่างแน่นอน
เห็นได้ชัดว่านับจากถอนยวงละครออกมาจากช่อง 5 "เอ็กแซ็กท์" ก็ดูจะ "เต็มที่" และใส่ใจกับผลงานของตนเองมากเหตุไม่ต้องห่วงพะวงอะไรอีกแล้ว อยากจะทำอะไรทำ อยากจะทุ่มอะไรก็ทุ่ม เนื่องเพราะทรัพยากรของตนเองนั้นมีให้เลือกใช้สอยอย่างเหลือเฟือ
มองดูองค์ประกอบแวดล้อม เอากันแค่โครงเรื่องที่มีจุดศูนย์กลางเป็นสาวสวยเฉี่ยวเก๋ดีกรีนักเรียนนอก ที่เอาแต่ใจ ดื้อรั้น เย่อหยิ่ง ซึ่งถูกหมายปองจากหนุ่มหลากหลายประเภท ทั้ง สุภาพบุรุษ, คุณชาย, นักเลง, เพลย์บอย อย่างไรก็ต้องบอกว่าขายได้
แถมงานนี้ทางเอ็กแซ็กท์กับซีเนริโอยังขนเอานักแสดงในสังกัดมาชนิดที่เรียกว่าเท่าไหร่เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็น "ตัวแม่" ทางด้านการแสดงอย่าง "อ้อม พิยดา" ซึ่งเท่าที่ออกอากาศมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอสามารถสวมบท "ปานรุ้ง" ที่ว่าทั้งหนัก ทั้งยากได้แบบไม่น่ามีอะไรต้องห่วง ไม่นับรวมนักแสดงสาวอย่าง "น้ำฝน กุลณัฐ" ที่แสดงได้ดีเหลือเกินกับบท "กติยา" สาวหวานซื่อๆ แต่มีความร้ายลึกอยู่ภายใน
นอกจากนี้ก็ยังมี 3 หนุ่มที่ย้อนกลับไปในอดีตต้องบอกว่านี่คือระดับพระเอกที่ยากที่จะเห็นการรวมตัวกันเช่นนี้ ทั้ง เต๋า สมชาย, มอส ปฎิภาณ และ หนุ่ม ศรราม ซึ่งแต่ละคนนั้นถูกวางตัวได้เหมาะมากกับคาแรกเตอร์ของตนเอง รวมถึงรุ่นใหญ่อย่าง ตู่ นันทิดา, เปิ้ล จารุณี, จุ๋ม อุทุมพร, เปิ้ล ชไมพร ซึ่งไม่จำเป็นต้องบรรยายอะไรในสรรพคุณ ตลอดจนคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น อั๋น โอลิเวอร์, อั๋น สิรคุปต์, ลิฟท์ สุพจน์, ฝันดี-ฝันเด่น ฯ สมทบด้วยสายเลือดใหม่ ทั้ง กัน นภัทร, เชอรีน ณัฐจารี, มาร์ช จุฑาวุฒิ, เจษ เจษฎ์พิพัฒ ฯ
ไม่นับรวมเพลงประกอบที่ได้ซูเปอร์สตาร์ตลอดกาลอย่าง "เบิร์ด ธงไชย" มาร้องให้ที่ต้องบอกว่าอลังการและลงตัวสุดๆ
ขณะที่ผู้กำกับอย่าง "สันต์ ศรีแก้วหล่อ" นั้นแม้จะไม่คุ้นหูคนวงนอกมากนัก แต่สำหรับคนวงในต่างก็รู้ดีว่าเขาคือผู้กำกับละครพีเรียดมือต้นๆ ของบ้านเราที่มีผลงานการันตีมาแล้ว ทั้ง อีสา, คู่กรรม, ดอกโศก, ชิงชัง ฯ และสำคัญเหนืออื่นใดนั่นก็คือประสบการณ์ของเอ็กแซ็กท์เองกับการนำเอาบทประพันธ์เรื่องนี้มาทำทั้งละคร, ละครเวที ซึ่งย่อมต้องรู้เป็นอย่างดีถึงจุดเด่น จุดด้อยในฝีไม้ลายมือของของตนเอง
สำหรับบทสรุปของบัลลังก์เมฆของช่องวันนั้นคงบอกได้แค่ว่า...อย่าได้ไปบอกใครเด็ดขาดว่าคุณเป็นคอละครหากไม่ได้ดูละครเรื่องนี้
ไปที่ "ช่อง 7" กับ "เพื่อนแพง" ที่เปิดตัวไปเมื่อวันอังคารที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมาด้วยตัวเลขเรตติ้งที่ 7 ซึ่งถือว่าไม่น้อยแต่ก็ไม่เยอะหากเทียบกับความเป็นละครฟอร์มใหญ่และช่องที่ได้ชื่อว่าเป็นแชมป์ในเรื่องของตัวเลขเรตติ้ง
ก่อนหน้านี้นวนิยายรักที่ว่าด้วยเรื่องของหนึ่งชายกับสองหญิงพี่-น้องโดยที่ฝ่ายหนึ่งมาพร้อมกับ "รักแรก" และ "คำสาบาน" ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งมาพร้อมกับคำว่า "รักแท้" ก่อนจบลงด้วยโศกนาฏรรมบทประพันธ์ของ "ยาขอบ" เรื่องนี้เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วครั้งหนึ่งในปีพ.ศ.2526 โดย "เชิด ทรงศรี" พร้อมคว้าเอารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเวทีสุพรรณหงส์ทองคำมาครอง
สำหรับในเวอร์ชันละครทีวีครั้งนี้เป็นบริษัท "พอดีคำ" ของ "ธงชัย ประสงค์สันติ" ที่มาดูแลการผลิต โดยมี "สยาม น่วมเศรษฐี" ซึ่งฝากผลงานในอารมณ์เดียวกันนี้อย่าง "เรือนกาหลง" มารับหน้าที่กำกับ
มองกันถึงเรื่องของความปราณีต ความเอาใจใส่ ตลอดจนเรื่องของโปรดักชันนั้นถือว่าไม่น่าห่วงสำหรับค่ายละครค่ายที่คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่าขึ้นแท่นเป็นอันดับหนึ่งในเรื่องคุณภาพของช่อง 7 ไปแล้ว แต่กระนั้นหากมองในเรื่องของการวางตัวละครก็ต้องถือว่ายังไม่ลงตัวเท่าที่ควร
พระเอกหนุ่ม "เวียร์ ศุกลรัตน์" แน่นอนว่าหน้าตาไทยๆ ของเขาอาจจะเหมาะสมอยู่กับการรับบทเจ้า " ลอ" รวมถึงการฝีมือการแสดงที่ไม่น่าจะมีอะไรต้องพูดถึง แต่ที่น่าหงุดหงิดก็เห็นจะเป็น "ฉากขาย" ยามที่เจ้าตัวต้องถอดเสื้อโชว์ความบึกบึน ของมัดกล้ามและซิกแพคที่ดูแล้วยังไงก็ให้อารมณ์ความเป็นหนุ่มฟิตเนสมากกว่าที่จะเชื่อว่าเจ้าตัวเป็นหนุ่มลูกทุ่งบ้านนอกที่ร่างกายแข็งแรงกำยำเพราะทำไร่ทำนาเหมือนกับในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ซึ่งพระเอกรุ่นเก๋าอย่าง "สรพงษ์ ชาตรี" เคยแสดงบทเดียวกันนี้ไว้
ด้านของสองนักแสดงหญิง "ยุ้ย จีรนันท์" และ "ปุ๊กลุก ฝนทิพย์" ในบทของสองศรีพี่น้อง "เพื่อน - แพง" รายแรกคงไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ขณะที่ในส่วนของสาวปุ๊กลุกนั้น แม้เจ้าตัวจะมีประสบการณ์ร่วมงานกับผู้กำกับคนนี้มาแล้วใน "เรือนกาหลง" อีกทั้งบทที่ได้รับก็คล้ายๆ กัน แต่กระนั้นหากมองถึงระดับผลงานที่ออกมาก็ต้องบอกว่าคะแนนอยู่ในระดับพอใช้
ไม่เกี่ยวกับเรื่องฝีมือ ไม่เกี่ยวกับความตั้งใจ แต่เป็นเรื่องของประสบการณ์ล้วนๆ
ประสบการณ์ที่จะทำให้เธอเข้าใจว่าการเล่นบทดราม่าแบบร้องไห้น้ำหูน้ำตาสั่งได้ บางทีก็ไม่ได้ออกมาดูแล้วสงสาร น่าเห็นใจ ประสบการณ์ที่จะทำให้เธอเข้าใจว่าการสวมบทเพื่อที่จะเป็นตัวละคนตัวนั้นๆ จริงๆ บางครั้งก็หาได้เกิดจากการใส่เครื่องแบบของตัวละครที่ว่าแล้วเล่นใหญ่ เล่นเวอร์เสมอไป ฯ
คะเนจากภาพรวม "เพื่อนแพง" คงจะจัดเป็นละครน้ำดีอีกเรื่องของช่อง 7 ขณะที่ตัวเลขเรตติ้งก็อาจจะอยู่ในระดับทีถือว่าดี แต่คงไม่ถึงขนาดที่จะเปรี้ยงปร้างแต่อย่างใด
ด้านช่อง 3 ปีนี้เตรียมละครแนวพีเรียดไว้เพียบ แต่ที่จะถูกส่งออกมาให้ชิมลางกันก่อนก็คือ "หนึ่งในทรวง" (พุธ - พฤหัสฯ) และ "ข้าบดินทร์" (ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์) 2 เรื่อง 2 รสที่มีทั้งความเหมือนและแตกต่างกัน
เริ่มจาก "หนึ่งในทรวง" ก่อนหน้าบทประพันธ์ของ "บุษยมาส" ถูกช่อง 3 นำมาสร้างเป็นละครแล้ว 2 ครั้งในปี พ.ศ. 2535 นำแสดงโดย "พีท ทองเจือ - ขวัญฤดี กลมกล่อม" ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2548 นำแสดงโดย "ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ - เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" และภาพยนตร์หนึ่งครั้งในปี พ.ศ. 2506 นำแสดงโดย ไชยา สุริยัน, เพชรา เชาวราษฎร์
ส่วนเวอร์ชันละคร 2558 นี้เป็นการจับคู่กันของ "จิรายุ ตั้งศรีสุข" กับนางเอกสาว "อุรัสยา เสปอร์บันด์" อากาศวันแรก 28 พ.ค.ต่อจาก "กลกิโมโน" ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องดีและไม่ดี เนื่องจากละครที่เพิ่งจบไปอย่างกลกิโมโนนั้นทั้งเสียงวิจารณ์และตัวเลขเรตติ้งไม่สวยเอาเสีย นั่นเองที่ทำให้ความกดดันของละครที่จะมาแทนกันอย่าง "หนึ่งในทรวง" อาจจะมีไม่มากนัก แต่ขณะเดียวกันเชื่อว่าความคาดหวังที่มีต่อละครเรื่องนี้ในแง่ที่จะมากู้หน้าจากความผิดหวังของ "กลกิโมโน" ที่มีบางคนยกให้เป็นละครแป้กแห่งปีก็คงจะมีอยู่พอสมควรทีเดียว
หันไปมองเรื่องโปรดักชันคงไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้จัดอย่าง "แหม่ม ธิติมา สังขพิทักษ์" แถมยังได้ผู้เชี่ยวชาญแนวพีเรียดอันดับต้นๆ อย่าง "ป้าแจ๋ว ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์" มารับหน้าที่กำกับ เช่นเดียวกับนักแสดงฝ่ายหญิง "อุรัสยา เสปอร์บันด์" ผลงานที่ผ่านมาหลายต่อหลายเรื่องล้วนบ่งบอกแล้วว่าเธอคือของจริง
จะมีก็แต่ในส่วนของพระเอกหนุ่มซึ่งแม้ว่าครั้งนี้ "เจมส์ จิรายุ" กับบท "อนวัช" หนุ่มหล่อนักการทูตนักเรียนนอก ชาติตระกูลดี เป็นที่หมายปองของสาวๆ นั้นจะให้อารมณ์เดียวกับ "คุณชายพุฒิภัทร" ที่สร้างชื่อให้กับเขามาแล้ว แต่ที่ผ่านมาต้องบอกว่าภาพการเป็นนักแสดงที่ยืนยันว่าเจ้าตัวมีฝีมือหาได้ประทับลงไปบนตัวเขาแต่อย่างใด ไม่นับรวมกับการที่ระยะหลังๆ ที่เจ้าตัวได้ผันตัวไปเป็นนักร้อง ซึ่งก็คงต้องลุ้นกันว่ากับละครเรื่องนี้เขาจะสามารถแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวสามารถที่จะเอาดีทางด้านใดด้านหนึ่งได้หรือไม่?
เว้นเพียงวันเดียวนับจากออกอากาศ "หนึ่งในทรวง" ช่อง 3 ก็มีละครพีเรียดฟอร์มใหญ่อีกหนึ่งเรื่องจากค่าย "ทีวีซีน" อย่าง "ข้าบดินทร์" ออกมาให้ดูกันติดๆ จากการจับคู่กันของ "เจมส์ มาร์" และนางเอกสาว "ภีรนีย์ คงไทย" โดยเตรียมที่จะออกอากาศตอนแรกในวันเสาร์ที่ 30 พ.ค.นี้
หากใครติดตามถึงความคืบหน้าของละครเรื่องนี้ก็ต้องบอกว่า ข้าบดินทร์ นั้นถูกวิจารณ์มาตั้งแต่การคัดคู่พระ-นางซึ่งหลายคนมองว่าไม่เหมาะสมเอามากๆ โดยเฉพาะในส่วนของหนุ่มเจมส์ มาร์ ที่ดูอ้อนแอ้นเกินกว่าที่จะรับบท "พ่อเหมรูปทอง" เด็กหนุ่มที่งดงามทั้งรูปร่างหน้าตา กิริยา ท่าทาง เก่งเรื่องฟันดาบ แต่ชีวิตต้องผกผันกลายเป็นตะพุ่นช้าง เป็นควาญช้าง อะไรทำนองนี้่เอาเสียเลย
อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นข้อได้เปรียบสำหรับพระเอกหนุ่มรวมถึงนักแสดงคนอื่นๆ ของข้าบดินทร์ก็เห็นจะเป็นเรื่องที่ละครเรื่องนี้ที่สร้างจากนวนิยายของ "วรรณวรรธน์" (วรรธนวรรณ จันทรจนา) ในปีพ.ศ. 2550 เป็นละครพีเรียดใหม่ถอดด้ามซึ่งไม่ต้องกังวลว่าจะต้องถูกนำไปเปรียบเทียบกับใครนั่นเอง
การมัดรวมกันของ 2 ละครพีเรียดออกอากาศรวดเดียว 5 วันโดยมีตัวชูเป็นพระเอก 2 "เจมส์" อดีตสองคุณชายของช่อง 3 ครั้งนี้ดูแล้วคงจะเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากแฟนละครรุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจเรื่องของความ "จิ้น" ได้พอสมควร ขณะที่เรตติ้งก็น่าจะอยู่ในระดับที่ควรจะเป็น และคงยากที่จะสร้างความฮือฮาได้เทียบเท่าที่ "นางแย้ม" ทำไว้ใน "สุดแค้นแสนรัก" อย่างแน่นอน
กระนั้นเชื่อว่าช่อง 3 เองคงไม่ได้กังวลอะไรเพราะทางช่องยังมีโปรเจ็กต์ละครพีเรียดที่น่าสนใจอยู่ในมืออีกเพียบ ทั้ง "สะใภ้จ้าว" (โป๊บ ธนวรรธน์ - น้ำตาล พิจักขณา), "เจ้าบ้านเจ้าเรือน" (ติ๊ก เจษฎาภรณ์ - ศรีริต้า เจนเซ่น), "กำไลมาศ" (เต้ย พงศกร - เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ - จุ๋ย วรัทยา - หญิง รฐา โพธิ์งาม) รวมถึง "นางทาส" (ป๋อ ณัฐวุฒิ - มทิรา ตันติประสุต - หยาดทิพย์ ราชปาล - วุ้นเส้น วิริฒิพา) ฯ นั่นเอง