โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
แกรมมี่ปีนี้(2015)ที่เพิ่งประกาศรางวัลไปเมื่อไม่นาน ผู้ที่โดดเด่นที่สุด(ประจำปีนี้) เห็นจะหนีไม่พ้น “แซม สมิธ”(Sam Smith) นักร้องหนุ่มสุดฮอตแห่งยุค ผู้คว้าไปถึง 4 รางวัลแกรมมี่ จากการเข้าชิงใน 6 สาขาด้วยกัน
สำหรับรางวัลแกรมมี่ 2015 ที่แซม สมิธ กวาดไป ได้แก่รางวัล “บทเพลงแห่งปี”(Song of the Year) และ“บันทึกเสียงแห่งปี”(Record of the Year) จากบทเพลง “Stay With Me” กับอีก 2 รางวัลคือ “ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม”(Best New Artist) และ“อัลบั้มเพลงป็อบยอดเยี่ยม”(Best Pop Vocal Album) จากอัลบั้ม “In the Lonely Hour” ที่ออกมาในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว(พ.ศ.2557-ค.ศ.2014) ซึ่งก่อนที่จะไปทำความรู้จักกับอัลบั้มยอดเยี่ยมของแซม เรามาทำความรู้จักกับประวัติคร่าวๆของแซมกันพอหอมปากหอมคอ เพราะเขาหรือนางมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
รู้จัก แซม สมิธ
แซม สมิธ" หรือชื่อเต็ม “ซามูเอล เฟรเดอริก แซม สมิธ”(Samuel Frederick "Sam" Smith) เกิดเติบโตที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในครอบครัวที่คุณแม่“เคธ แคสซิดี้”เป็นนักการธนาคารและคุณพ่อพ่อ “เฟรเดอริก สมิธ. เป็นพ่อบ้าน ซึ่งคุณเคธของสมิธนั้น มุ่งมั่นที่จะให้ลูกชายได้เติบโตบนถนนสายดนตรีถึงขาด เอาเวลางานส่วนใหญ่ไปช่วยเหลือผลักดันลูกชายจนถูกไล่ออกจากงานเลยทีเดียว
ในวัยเด็กดนตรี ร้องเพลง แต่งเพลง กับ “โจแอนนา อีเดน” นักร้องเพลงแจ๊ซและนักเปียโนฝีมือดีอยู่หลายปี เธอคนนี้ถือเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจคนสำคัญของสมิธ นอกจากนี้ก็ยังมีศิลปินคนอื่นๆที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญๆของสมิธอีก ไม่ว่าจะเป็น “วิทนีย์ ฮูสตัน”,“บียอนเซ่ โนวส์”,“เอ็ตต้า เจมส์” โดยสมิธบอกว่า เขาชอบเสียงของผู้หญิง เพราะมันสามารถเข้าถึงอารมณ์ของเขาได้มากกว่า ขณะที่เสียงของผู้ชายไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ซึ่งนี่ถือเป็นอิทธิพลสำคัญต่อการร้องเพลงเสียงหลบสูงแบบผู้หญิงในวันนี้ของสมิธ
อย่างไรก็ดีสิ่งสำคัญที่สุดต่อการร้องเพลง ต่องานเพลงของสมิธ ก็คือการค้นพบตัวเองของเขา เพราะสมิธได้ค้นพบว่า “ตัวเขา” หรือ “ตัวเธอ”,”ตัวหล่อน”,“ตัวนาง” เป็นเกย์ แถมยังรู้ตัวว่าเป็นชายที่ชอบผู้ชายด้วยกันเองมาตั้งแต่เพิ่งมีอายุได้เพียง 4 ขวบเท่านั้นเอง
เข้าวงการ
ในการเข้าสู่ยุทธจักรวงการเพลงของสมิธจากที่มีข้อมูลบันทึกไว้ ระบุว่า สมิธเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการเพลงเมื่อเกือบ 3 ปีที่ผ่านมาจากซิงเกิล “Latch” ของ “Disclosure” ศิลปินดูโอแนวอิเล็กโทรนิกส์นาม จากอังกฤษ ที่เขามีส่วนทั้งร่วมแต่งเนื้อร้องและร่วมร้องในเพลงนี้ด้วย
จากนั้นในปี 2013 สมิธเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่โด่งดังขึ้นมาจากเพลง “La La La” ของ “นอตี้ บอย”( Naughty Boy) ที่เขาไปช่วยร่วมร้องและร่วมแต่งอีกเช่นเคย ซึ่งเพลงนี้สามารถคว้ารางวัลเพลงยอดเยี่ยมจากงานประกาศรางวัล MOBO Awards 2013 มาครองได้และมียอดวิวบนยูทูป(ณ วันนี้) กว่า 488 ล้านวิวเข้าไปแล้ว
แต่ว่าสมิธไม่หยุดอยู่แค่นั้น เพราะเขายังคงเดินหน้าตามฝันของเขาต่อด้วยการออกอัลบั้มของตัวเอง คือ “In the Lonely Hour” ออกมาในปี 2014(26 พ.ค.) ก่อนที่มันจะแจ้งเกิดประสบความสำเร็จอย่างสูงล้น ส่งผลให้สมิธเป็นศิลปินหน้าใหม่สุดฮอตแห่งยุค ที่มาพร้อมกับเรื่องราวอันชวนเพริศแพร้วต่างๆของเขา อาทิ สมิธเคยเป็นเด็กล้างส้วมในบาร์มาก่อนราว 2 ปีก่อนที่จะออกอัลบั้ม,เขาเคยถูกทำร้ายร่างกายและโดนตะโกนด่าว่า“อีตุ๊ด” ขณะที่เดินถนนกับพ่อ, สมิธเป็นนักสตรีนิยม, เขาเป็นคนกลัวเครื่องบิน เป็นต้น
อัลบั้มเพลงป็อบยอดเยี่ยม
สำหรับอัลบั้ม “In the Lonely Hour” สมิธได้ร่วมงานกับทีมโปรดิวเซอร์มากฝีมือ อย่าง Fraser T Smith, Two Inch Punch, Eg White, Disclosure, Zane Lowe, Tourist รวมถึงนักแต่งเพลงที่เขาเคยร่วมงานกันมานานอย่าง Jimmy Napes
In the Lonely Hour เป็นอัลบั้มที่สมิธพูดเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่เขาเคยปิ๊ง ตกหลุมรัก แต่ชายคนนั้นกลับเมินไม่ได้รักเขาตอบ นอกจากนี้สมิธยังแสดงจุดยืนในตัวตนอันชัดเจนว่า เขาอยากให้คนฟังรู้ว่าเพลงที่เขาร้องนั้นเป็นเพลงเกี่ยวกับผู้ชาย
อัลบั้มชุดนี้มีทั้งหมด 10 เพลง โดยรวมเป็นอัลบั้มที่มีโทนหม่นเศร้าไล่ไปตั้งแต่ปกอัลบั้มกับรูปแซม สมิธ นั่งซึมกระทือเหมือนโดนชายหนุ่มทิ้ง In the Lonely Hour ส่งซิงเกิ้ลแรกออกมาเข่าวงการเพลงด้วย “Lay Me Down”(แทรค 10) กับบทเพลงอารมณ์หน่วง เหงา เศร้า ที่สมิธโชว์พลังเสียงหม่นเศร้าเคล้าคลอไปกับเสียงเครื่องสายบางๆได้อย่างถึงอารมณ์ ก่อนที่ซาวนด์ดนตรีจะไปเพิ่มความเข้มข้นอลังการขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเพลง แล้วปิดท้ายด้วยน้ำเสียงอันโหยหวนเหงาเศร้าของสมิธอีกครั้ง
ส่วนซิงเกิ้ลที่ 2 ที่ปล่อยตามมาคือ “Money on My Mind”(แทรค 1) ซิงเกิลสร้างชื่อที่ดังเปรี้ยง ทะยานขึ้นไปถึงอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงของอังกฤษ ขึ้นอันดับ 7 ในชาร์ตบิลบอร์ดอเมริกา และยังแรงดังขึ้นไปยึดหัวหาดอันดับต้นๆของชาร์ตเพลงในอีกหลายประเทศ
เพลงนี้เป็นเพลงแรกของอัลบั้มของสมิธที่เขาแต่งเอง โดยได้ร่วมงานกับโปรดิวซ์คือ Two Inch Punch ตัวเพลงมาในซาวนด์อิเล็กโทรนิกส์ป็อบในอารมณ์สนุกๆแบบคลับ ความเด่นของเพลงนั้นอยู่ที่ท่อนฮุคที่ร้อง “…Money On My Mind…” ที่สมิธตะโกนร้องขึ้นหลบเสียงสูง ที่กลายเนื้อร้องท่อนฮิตโดนๆของเพลงนี้
มาถึงซิงเกิ้ลที่สาม “Stay with Me” (แทรค 3) กับบทเพลงเพราะๆเศร้าๆ ซาวนด์ดนตรีเหงาๆโดยมีเสียงเครื่องสายลอยๆมาช่วยตอกย้ำ เนื้อหาเพลงนี้พูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืน สมิธร้องถ่ายทอดด้วยนำเสียงเศร้าหม่นได้อย่างโหยหาถึงอารมณ์ ส่วนที่เด่นและโดนก็คือ ท่อนฮุคที่ร้อง “...Stay with Me…” ที่สมิธร่วมร้องกับคอรัสในอารมณ์กอสเพล ที่วันนี้ดังติดหูคนไปทั่ว
Stay with Me ถือเป็นสุดยอดบทเพลงของ แซม สมิธ ในอัลบั้มนี้ ที่นอกจากตัวบทเพลงจะโด่งดังระเบิดระเบ้อแล้ว ขึ้นไปคว้าอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงอังกฤษและอันดับ 2 ในชาร์ตบิลบอร์ดอเมริกา(Hot 100)แล้ว ยังสามารถคว้า 2 รางวัลแกรมมี่ คือ “บทเพลงแห่งปี” กับ “บันทึกเสียงแห่งปี” มาครองตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
มาถึงซิงเกิ้ลที่ 4 “I'm Not the Only One”(แทรค 5) อีกหนึ่งเพลงเศร้ากับดนตรีจังหวะปานกลางอารมณ์ที่สมิธร้องถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมอีกเพลงหนึ่ง
ส่วนซิงเกิ้ลที่ 5 “Like I Can”(แทรค 7) เปลี่ยนบรรยากาศมาฟังเพลงจังหวะเร็วๆกันบ้าง ดนตรีเป็นอิเล็กโทรนิกส์ป็อบมีชีวิตชีวา แอบแฝงหม่นเศร้าอยู่นิดๆแต่ไม่หม่นทึมเหมือนกับ 4 ซิงเกิ้ลที่ผ่านมา
นอกจาก 5 ซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมา ณ ขณะนี้แล้ว อีก 5 เพลงที่เหลือก็ล้วนต่างมีความไพเราะน่าฟังเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น “Good Thing”(แทรค 2 )กับซาวนด์เครื่องสายไพเราะสวยงาม, “I've Told You Now”(แทรค 6) กับทางดนตรีครึ่งแรกที่เป็นอะคูสติกใสๆ และบทเพลงหม่นเศร้าในอารมณ์จมดิ่งโหยหาที่เป็นทางถนัดของสมิธ ได้แก่ “Leave Your Lover”(แทรค 4),“Life Support”(แทรค 8) และ “Not in That Way”(แทรค 9)
ครับนั่นก็เป็น 10 เพลงจาก In the Lonely Hour อัลบั้มแรกของ แซม สมิธ ที่เต็มไปด้วยอารมณ์เหงาเศร้า โดยเฉพาะกับเสียงร้องของสมิธนั้น มันช่างโหยหาฟังกระชากอารมณ์มาก ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่ร้องเพลงได้หม่นเศร้าจมดิ่งมาก แต่ด้วยดนตรีที่มีสีสัน ทำนองสวยงาม ละเอียด และเสียงร้องอันสุดยอดของสมิธ มันก็ทำให้ In the Lonely Hour เป็นอีกหนึ่งบทเพลงอันไพเราะ ซึ่งส่งผลให้ตัวของแซม สมิธ ได้รับรางวัลแกรมมี่ ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม เคียงคู่มากับอัลบั้มเพลงป็อบยอดเยี่ยมแห่งปี 2015
สำหรับแซม สมิธ กับอัลบั้ม In the Lonely Hour ในชุดนี้ที่แม้ตัวเขาและตัวเพลงดูจะเต็มไปด้วยความหม่นเศร้า แต่ทว่าด้วยเสียงร้องอันยอดเยี่ยมเป็นเอกลักษณ์ของเขานั้นถือได้ว่า แซม สมิธ เป็นอีกหนึ่งดวงดาวเจิดจรัสแสงดวงใหม่ที่คาดว่าน่าจะมาสร้างสีสันให้กับยุทธจักรวงการเพลงไปอีกนานทีเดียว
***********************************************************
Lay Me Down
Money on My Mind
Stay with Me
แกะกล่อง
ศิลปิน : ละอองฟอง
อัลบั้ม : นางาซากิโรแมนซ์(Feel Romance NAGASAKI : EP)
ด้วยความที่ทางดนตรีของวงละอองฟองนั้นถูกจริตคนญี่ปุ่นไม่น้อย จึงถูกเลือกให้เป็นทูตประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับออกอีพีชุดพิเศษ กับ 5 บทเพลง โดยมี 2 บทเพลงใหม่ คือ “คิด” กับบทเพลงน่ารักสดใส งุ้งงิ้ง ตามสไตล์เสียงของสาวนักร้องนำ และ “ลืมได้แล้ว”เพลงช้าๆจากน้ำเสียงนักร้องหนุ่ม ส่วนอีก 3 เพลงที่เหลือเป็นเพลงเก่า เพลงดังของวง คือ “อะไร”, “แอบชอบ”, และ “รักเปิดเผย”ที่ถูกนำมาทำใหม่ในภาษาญี่ปุ่น ยังคงฟังสดใสน่ารักและมากไปด้วยอารมณ์ฟุ้งๆ(ฟรุ้งฟริ้ง)ชวนฝันตามสไตล์ของวง นอกจากนี้ในอัลบั้มยังมีแผ่น DVD สารคดีบันทึกการเดินทางของวงละอองฟองในอารมณ์น่ารักสนุกสนาน รวมถึงมีข้อมูลด้านการท่องเที่ยวเบื้องต้นเกี่ยวกับเมืองนางาซากิ อย่าง แหล่งท่องเที่ยว แผนที่ ร้านอาหารดังๆ อีกด้วย
แกรมมี่ปีนี้(2015)ที่เพิ่งประกาศรางวัลไปเมื่อไม่นาน ผู้ที่โดดเด่นที่สุด(ประจำปีนี้) เห็นจะหนีไม่พ้น “แซม สมิธ”(Sam Smith) นักร้องหนุ่มสุดฮอตแห่งยุค ผู้คว้าไปถึง 4 รางวัลแกรมมี่ จากการเข้าชิงใน 6 สาขาด้วยกัน
สำหรับรางวัลแกรมมี่ 2015 ที่แซม สมิธ กวาดไป ได้แก่รางวัล “บทเพลงแห่งปี”(Song of the Year) และ“บันทึกเสียงแห่งปี”(Record of the Year) จากบทเพลง “Stay With Me” กับอีก 2 รางวัลคือ “ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม”(Best New Artist) และ“อัลบั้มเพลงป็อบยอดเยี่ยม”(Best Pop Vocal Album) จากอัลบั้ม “In the Lonely Hour” ที่ออกมาในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว(พ.ศ.2557-ค.ศ.2014) ซึ่งก่อนที่จะไปทำความรู้จักกับอัลบั้มยอดเยี่ยมของแซม เรามาทำความรู้จักกับประวัติคร่าวๆของแซมกันพอหอมปากหอมคอ เพราะเขาหรือนางมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
รู้จัก แซม สมิธ
แซม สมิธ" หรือชื่อเต็ม “ซามูเอล เฟรเดอริก แซม สมิธ”(Samuel Frederick "Sam" Smith) เกิดเติบโตที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในครอบครัวที่คุณแม่“เคธ แคสซิดี้”เป็นนักการธนาคารและคุณพ่อพ่อ “เฟรเดอริก สมิธ. เป็นพ่อบ้าน ซึ่งคุณเคธของสมิธนั้น มุ่งมั่นที่จะให้ลูกชายได้เติบโตบนถนนสายดนตรีถึงขาด เอาเวลางานส่วนใหญ่ไปช่วยเหลือผลักดันลูกชายจนถูกไล่ออกจากงานเลยทีเดียว
ในวัยเด็กดนตรี ร้องเพลง แต่งเพลง กับ “โจแอนนา อีเดน” นักร้องเพลงแจ๊ซและนักเปียโนฝีมือดีอยู่หลายปี เธอคนนี้ถือเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจคนสำคัญของสมิธ นอกจากนี้ก็ยังมีศิลปินคนอื่นๆที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญๆของสมิธอีก ไม่ว่าจะเป็น “วิทนีย์ ฮูสตัน”,“บียอนเซ่ โนวส์”,“เอ็ตต้า เจมส์” โดยสมิธบอกว่า เขาชอบเสียงของผู้หญิง เพราะมันสามารถเข้าถึงอารมณ์ของเขาได้มากกว่า ขณะที่เสียงของผู้ชายไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ซึ่งนี่ถือเป็นอิทธิพลสำคัญต่อการร้องเพลงเสียงหลบสูงแบบผู้หญิงในวันนี้ของสมิธ
อย่างไรก็ดีสิ่งสำคัญที่สุดต่อการร้องเพลง ต่องานเพลงของสมิธ ก็คือการค้นพบตัวเองของเขา เพราะสมิธได้ค้นพบว่า “ตัวเขา” หรือ “ตัวเธอ”,”ตัวหล่อน”,“ตัวนาง” เป็นเกย์ แถมยังรู้ตัวว่าเป็นชายที่ชอบผู้ชายด้วยกันเองมาตั้งแต่เพิ่งมีอายุได้เพียง 4 ขวบเท่านั้นเอง
เข้าวงการ
ในการเข้าสู่ยุทธจักรวงการเพลงของสมิธจากที่มีข้อมูลบันทึกไว้ ระบุว่า สมิธเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการเพลงเมื่อเกือบ 3 ปีที่ผ่านมาจากซิงเกิล “Latch” ของ “Disclosure” ศิลปินดูโอแนวอิเล็กโทรนิกส์นาม จากอังกฤษ ที่เขามีส่วนทั้งร่วมแต่งเนื้อร้องและร่วมร้องในเพลงนี้ด้วย
จากนั้นในปี 2013 สมิธเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่โด่งดังขึ้นมาจากเพลง “La La La” ของ “นอตี้ บอย”( Naughty Boy) ที่เขาไปช่วยร่วมร้องและร่วมแต่งอีกเช่นเคย ซึ่งเพลงนี้สามารถคว้ารางวัลเพลงยอดเยี่ยมจากงานประกาศรางวัล MOBO Awards 2013 มาครองได้และมียอดวิวบนยูทูป(ณ วันนี้) กว่า 488 ล้านวิวเข้าไปแล้ว
แต่ว่าสมิธไม่หยุดอยู่แค่นั้น เพราะเขายังคงเดินหน้าตามฝันของเขาต่อด้วยการออกอัลบั้มของตัวเอง คือ “In the Lonely Hour” ออกมาในปี 2014(26 พ.ค.) ก่อนที่มันจะแจ้งเกิดประสบความสำเร็จอย่างสูงล้น ส่งผลให้สมิธเป็นศิลปินหน้าใหม่สุดฮอตแห่งยุค ที่มาพร้อมกับเรื่องราวอันชวนเพริศแพร้วต่างๆของเขา อาทิ สมิธเคยเป็นเด็กล้างส้วมในบาร์มาก่อนราว 2 ปีก่อนที่จะออกอัลบั้ม,เขาเคยถูกทำร้ายร่างกายและโดนตะโกนด่าว่า“อีตุ๊ด” ขณะที่เดินถนนกับพ่อ, สมิธเป็นนักสตรีนิยม, เขาเป็นคนกลัวเครื่องบิน เป็นต้น
อัลบั้มเพลงป็อบยอดเยี่ยม
สำหรับอัลบั้ม “In the Lonely Hour” สมิธได้ร่วมงานกับทีมโปรดิวเซอร์มากฝีมือ อย่าง Fraser T Smith, Two Inch Punch, Eg White, Disclosure, Zane Lowe, Tourist รวมถึงนักแต่งเพลงที่เขาเคยร่วมงานกันมานานอย่าง Jimmy Napes
In the Lonely Hour เป็นอัลบั้มที่สมิธพูดเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่เขาเคยปิ๊ง ตกหลุมรัก แต่ชายคนนั้นกลับเมินไม่ได้รักเขาตอบ นอกจากนี้สมิธยังแสดงจุดยืนในตัวตนอันชัดเจนว่า เขาอยากให้คนฟังรู้ว่าเพลงที่เขาร้องนั้นเป็นเพลงเกี่ยวกับผู้ชาย
อัลบั้มชุดนี้มีทั้งหมด 10 เพลง โดยรวมเป็นอัลบั้มที่มีโทนหม่นเศร้าไล่ไปตั้งแต่ปกอัลบั้มกับรูปแซม สมิธ นั่งซึมกระทือเหมือนโดนชายหนุ่มทิ้ง In the Lonely Hour ส่งซิงเกิ้ลแรกออกมาเข่าวงการเพลงด้วย “Lay Me Down”(แทรค 10) กับบทเพลงอารมณ์หน่วง เหงา เศร้า ที่สมิธโชว์พลังเสียงหม่นเศร้าเคล้าคลอไปกับเสียงเครื่องสายบางๆได้อย่างถึงอารมณ์ ก่อนที่ซาวนด์ดนตรีจะไปเพิ่มความเข้มข้นอลังการขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเพลง แล้วปิดท้ายด้วยน้ำเสียงอันโหยหวนเหงาเศร้าของสมิธอีกครั้ง
ส่วนซิงเกิ้ลที่ 2 ที่ปล่อยตามมาคือ “Money on My Mind”(แทรค 1) ซิงเกิลสร้างชื่อที่ดังเปรี้ยง ทะยานขึ้นไปถึงอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงของอังกฤษ ขึ้นอันดับ 7 ในชาร์ตบิลบอร์ดอเมริกา และยังแรงดังขึ้นไปยึดหัวหาดอันดับต้นๆของชาร์ตเพลงในอีกหลายประเทศ
เพลงนี้เป็นเพลงแรกของอัลบั้มของสมิธที่เขาแต่งเอง โดยได้ร่วมงานกับโปรดิวซ์คือ Two Inch Punch ตัวเพลงมาในซาวนด์อิเล็กโทรนิกส์ป็อบในอารมณ์สนุกๆแบบคลับ ความเด่นของเพลงนั้นอยู่ที่ท่อนฮุคที่ร้อง “…Money On My Mind…” ที่สมิธตะโกนร้องขึ้นหลบเสียงสูง ที่กลายเนื้อร้องท่อนฮิตโดนๆของเพลงนี้
มาถึงซิงเกิ้ลที่สาม “Stay with Me” (แทรค 3) กับบทเพลงเพราะๆเศร้าๆ ซาวนด์ดนตรีเหงาๆโดยมีเสียงเครื่องสายลอยๆมาช่วยตอกย้ำ เนื้อหาเพลงนี้พูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืน สมิธร้องถ่ายทอดด้วยนำเสียงเศร้าหม่นได้อย่างโหยหาถึงอารมณ์ ส่วนที่เด่นและโดนก็คือ ท่อนฮุคที่ร้อง “...Stay with Me…” ที่สมิธร่วมร้องกับคอรัสในอารมณ์กอสเพล ที่วันนี้ดังติดหูคนไปทั่ว
Stay with Me ถือเป็นสุดยอดบทเพลงของ แซม สมิธ ในอัลบั้มนี้ ที่นอกจากตัวบทเพลงจะโด่งดังระเบิดระเบ้อแล้ว ขึ้นไปคว้าอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงอังกฤษและอันดับ 2 ในชาร์ตบิลบอร์ดอเมริกา(Hot 100)แล้ว ยังสามารถคว้า 2 รางวัลแกรมมี่ คือ “บทเพลงแห่งปี” กับ “บันทึกเสียงแห่งปี” มาครองตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
มาถึงซิงเกิ้ลที่ 4 “I'm Not the Only One”(แทรค 5) อีกหนึ่งเพลงเศร้ากับดนตรีจังหวะปานกลางอารมณ์ที่สมิธร้องถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมอีกเพลงหนึ่ง
ส่วนซิงเกิ้ลที่ 5 “Like I Can”(แทรค 7) เปลี่ยนบรรยากาศมาฟังเพลงจังหวะเร็วๆกันบ้าง ดนตรีเป็นอิเล็กโทรนิกส์ป็อบมีชีวิตชีวา แอบแฝงหม่นเศร้าอยู่นิดๆแต่ไม่หม่นทึมเหมือนกับ 4 ซิงเกิ้ลที่ผ่านมา
นอกจาก 5 ซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมา ณ ขณะนี้แล้ว อีก 5 เพลงที่เหลือก็ล้วนต่างมีความไพเราะน่าฟังเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น “Good Thing”(แทรค 2 )กับซาวนด์เครื่องสายไพเราะสวยงาม, “I've Told You Now”(แทรค 6) กับทางดนตรีครึ่งแรกที่เป็นอะคูสติกใสๆ และบทเพลงหม่นเศร้าในอารมณ์จมดิ่งโหยหาที่เป็นทางถนัดของสมิธ ได้แก่ “Leave Your Lover”(แทรค 4),“Life Support”(แทรค 8) และ “Not in That Way”(แทรค 9)
ครับนั่นก็เป็น 10 เพลงจาก In the Lonely Hour อัลบั้มแรกของ แซม สมิธ ที่เต็มไปด้วยอารมณ์เหงาเศร้า โดยเฉพาะกับเสียงร้องของสมิธนั้น มันช่างโหยหาฟังกระชากอารมณ์มาก ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่ร้องเพลงได้หม่นเศร้าจมดิ่งมาก แต่ด้วยดนตรีที่มีสีสัน ทำนองสวยงาม ละเอียด และเสียงร้องอันสุดยอดของสมิธ มันก็ทำให้ In the Lonely Hour เป็นอีกหนึ่งบทเพลงอันไพเราะ ซึ่งส่งผลให้ตัวของแซม สมิธ ได้รับรางวัลแกรมมี่ ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม เคียงคู่มากับอัลบั้มเพลงป็อบยอดเยี่ยมแห่งปี 2015
สำหรับแซม สมิธ กับอัลบั้ม In the Lonely Hour ในชุดนี้ที่แม้ตัวเขาและตัวเพลงดูจะเต็มไปด้วยความหม่นเศร้า แต่ทว่าด้วยเสียงร้องอันยอดเยี่ยมเป็นเอกลักษณ์ของเขานั้นถือได้ว่า แซม สมิธ เป็นอีกหนึ่งดวงดาวเจิดจรัสแสงดวงใหม่ที่คาดว่าน่าจะมาสร้างสีสันให้กับยุทธจักรวงการเพลงไปอีกนานทีเดียว
***********************************************************
Lay Me Down
Money on My Mind
Stay with Me
แกะกล่อง
ศิลปิน : ละอองฟอง
อัลบั้ม : นางาซากิโรแมนซ์(Feel Romance NAGASAKI : EP)
ด้วยความที่ทางดนตรีของวงละอองฟองนั้นถูกจริตคนญี่ปุ่นไม่น้อย จึงถูกเลือกให้เป็นทูตประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับออกอีพีชุดพิเศษ กับ 5 บทเพลง โดยมี 2 บทเพลงใหม่ คือ “คิด” กับบทเพลงน่ารักสดใส งุ้งงิ้ง ตามสไตล์เสียงของสาวนักร้องนำ และ “ลืมได้แล้ว”เพลงช้าๆจากน้ำเสียงนักร้องหนุ่ม ส่วนอีก 3 เพลงที่เหลือเป็นเพลงเก่า เพลงดังของวง คือ “อะไร”, “แอบชอบ”, และ “รักเปิดเผย”ที่ถูกนำมาทำใหม่ในภาษาญี่ปุ่น ยังคงฟังสดใสน่ารักและมากไปด้วยอารมณ์ฟุ้งๆ(ฟรุ้งฟริ้ง)ชวนฝันตามสไตล์ของวง นอกจากนี้ในอัลบั้มยังมีแผ่น DVD สารคดีบันทึกการเดินทางของวงละอองฟองในอารมณ์น่ารักสนุกสนาน รวมถึงมีข้อมูลด้านการท่องเที่ยวเบื้องต้นเกี่ยวกับเมืองนางาซากิ อย่าง แหล่งท่องเที่ยว แผนที่ ร้านอาหารดังๆ อีกด้วย