“บอย” ยันไม่มีเอี่ยวแก๊งโกงเงิน แจงซื้อรถราคาท้องตลาด ถูกเพราะเป็นรถมือสอง

“บอย ปกรณ์” แจงไม่สนิทผู้ต้องหาคดีโกงเงินเทคโนฯ ลาดกระบัง แต่ตนซื้อรถลัมบอร์กินีในราคา 13.5 ล้านเป็นราคาสมเหตุสมผล เพราะเป็นรถมือสอง อีกฝ่ายซื้อรถมาจากเกรย์ มาร์เก็ต ในราคา 17 ล้าน ไม่ใช่ 22 ล้านบาท ส่วนภาพ - คลิปคู่ “โอ๊ต ภาดา” เหตุเกิดในวันนัดดูรถที่บ้านอีกฝ่าย และเป็นเรื่องปกติของดาราอยู่แล้ว

ซวยตั้งแต่ต้นปี สำหรับพระเอก “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” ที่มีรายชื่อเข้าไปพัวพันกับ “นายกิตติศักด์ มัทธุจัด” หนึ่งในผู้ต้องหาคดีโกงเงินเทคโนฯ ลาดกระบัง ด้วยการซื้อรถสปอร์ตหรูลัมบอร์กินี ของอีกฝ่ายในราคา 13.5 ล้านบาท โดยภายหลังเจ้าตัวได้เดินทางไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ พร้อมเอกสารที่นำไปยืนยันความบริสุทธิ์ใจไม่มี่ส่วนรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้น รถสปอร์ตหรูมีการซื้อขายสุจริต ราคาเหมาะสมตามท้องตลาด โดยหนุ่มบอยได้โพสต์ข้อความชี้แจงในอินสตาแกรม เพื่อยืนยันอีกครั้งว่าตนได้เคลียร์ทุกอย่างชัดเจนแล้ว

“ข่าวอัปเดตล่าสุดนะครับ ณ เวลานี้เลย เคลียร์ชัดเจนแล้วครับ ทุกอย่างปกติดี รถไม่ได้โดนยึดนะครับ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะครับ ฝากช่วยกันแชร์ด้วยนะครับ ผมไม่อยากให้เกิดการเข้าใจผิดกันครับ ขอบคุณมากๆ ครับ”

“นี่ก็อีกหนึ่งข้อมูลล่าสุดนะครับ ข้อมูลอยู่ที่นี่ทั้งหมด ทุกอย่างเคลียร์เรียบร้อยปกติดี # ขออนุญาตชี้แจงเยอะหน่อยนะครับ # มีคนเข้าใจผิดในหลายๆ ประเด็น # ขอบคุณมากๆ ครับ นี่ลิงค์ข่าวครับ http://youtu.be/L8D7PKYJrw8”

และในเวลาต่อมาทีมข่าวบันเทิงผู้จัดการออนไลน์ ก็ได้ต่อสายตรงไปหาบอย เพื่อถามถึงประเด็นที่หลายคนยังค้างคาใจว่าเจ้าตัวมีความสนิทสนมกับแก๊งโกงเงิน จนซื้อรถหรูมาในราคาถูกได้อย่างไร โดยบอยยืนยันว่าตนซื้อรถลัมบอร์กินีในราคาปกติเพราะเป็นรถมือสอง ด้านนายกิตติศักดิ์ไม่ได้ซื้อรถคันดังกล่าวจากศูนย์ แต่ซื้อจากเกรย์ มาร์เก็ต ทำให้มีราคาเพียง 17 ล้านบาท ไม่ได้มีราคาสูงถึง 22 ล้าน ตามข่าวที่เคยเผยแพร่ไปก่อนหน้านั้นแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อนำมาขายตน ทำให้ราคาตกเหลือเพียง 13.5 ล้าน และทางตำรวจได้ตรวจสอบทุกอย่างแล้วว่าตนซื้อรถมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

“จริงๆ ผมซื้อรถคันนี้มาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว ไม่ได้สนิทกันมาก่อน แต่มารู้จักเพราะเรากำลังตามหารถยี่ห้อนี้รุ่นนี้ ซึ่งผมก็หาเรื่อยๆ ดูข้อมูลในเน็ตบ้าง จนมารู้ว่าพี่คนนี้บอกขายอยู่ในท้องตลาด มีพี่ที่รู้จักอีกคนแนะนำ ซึ่งต้องขอชี้แจงก่อน กับประเด็นที่บอกว่าทำไมผมซื้อมาได้ในราคาถูก คือคนส่วนใหญ่เข้าใจผิดคิดว่าซื้อรถราคาถูกกว่าปกติ แต่จริงๆ ผมซื้อตามราคาปกติเลยครับ ตามราคาท้องตลาด ซึ่งสามารถเช็กและพิสูจน์ได้”

“คือต้องชี้แจงว่ารถรุ่นนี้จะมีการนำเข้า 2 ประเภท เป็นประเภทรถนำเข้าจากศูนย์อย่างเป็นทางการ หรือเรียกสั้นๆ ว่า รถศูนย์นั่นแหละครับ มันก็เหมือนศูนย์เบนซ์ ที่เขาจะมีศูนย์อยู่ในประเทศไทย กับรถที่เขาเรียกว่าเกรย์ มาเก็ต ซึ่งเป็นรถนำเข้าที่โดยธรรมชาติจะเป็นรถที่มีราคาถูกกว่ารถศูนย์อยู่แล้ว ซึ่งรถเกรย์ มาร์เก็ต ก็จะมีเงื่อนไขหลังการขายระหว่างผู้ซื้อไม่เกี่ยวข้องกับศูนย์ เอาเป็นว่าง่ายๆ รถเกรย์ มาร์เก็ต ก็จะคล้ายๆ กับเวลาที่เราซื้อไอโฟน ถ้าเราซื้อจากศูนย์ พอมีปัญหาหลังการขาย ก็สามารถเข้าศูนย์ไปซ่อม หรือถ้าพังเขาก็พร้อมเปลี่ยนเครื่องให้อะไรแบบนี้ แต่ถ้าเราซื้อไอโฟนที่ไม่ได้มาจากศูนย์ เราก็ได้ราคาถูกกว่า แต่พอมีปัญหาเราก็เข้าศูนย์ไม่ได้ ถูกไหมครับ รถเกรย์ มาร์เก็ตก็จะเหมือนกันคือเข้าศูนย์ไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ที่ทำให้คนเข้าใจผิด เพราะด้วยปกติรถเกรย์ มาร์เก็ตจะมีราคาที่ถูกกว่ารถศูนย์อยู่แล้ว พอรถมีการเอามาขาย ก็มีสภาพเป็นรถมือสอง ราคาจะลดลง ราคาก็จะตกกว่ารถที่ออกมาจากศูนย์เป็นปกตินะครับ”

ยัน “นายกิตติศักดิ์” ซื้อรถมาในราคา 17 ล้านบาท จากเกรย์ มาร์เก็ต ใช้ไปแล้วเป็นเวลา 6 เดือน ไม่ใช่ 2 เดือนอย่างที่มีข่าวออกไปตามสื่อ
“ตอนแรกที่มีข่าวว่ารถคันนี้ราคา 25 ล้านบ้าง 22 ล้านบ้าง คนก็เลยสงสัยว่าทำไมผมถึงซื้อหามาได้ในราคาแค่ 13.5 ล้าน ซึ่งราคา 22 ล้าน เป็นราคาที่เขาเช็กจากรถศูนย์นะครับ แต่อย่างรถที่ผมซื้อมาจากนายกิตติศักดิ์ เขาซื้อมาจากเกรย์ มาร์เก็ต ในราคา 17 ล้านบาท เพราะฉะนั้นราคา 22 ล้าน จึงไม่ใช่นะครบ เขาซื้อรถมือหนึ่งมาราคา 17 ล้าน ซึ่งนายคนนี้ก็ได้ใช้รถไปแล้วเป็นเวลา 6 เดือน ก่อนมาขายผม ไม่ใช่ 2 เดือนเหมือนที่มีข่าวออกไปนะครับ เขาใช้มาครึ่งปีแล้ว ถึงนำมาขายให้ผม ซึ่งรถเมื่อนำมาขายเมื่อไหร่ ราคาก็จะตกประมาณ 20 - 30 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้วครับ จากราคา 17 ล้าน ก็ตกมาเหลือ 13.5 ล้าน ซึ่งเป็นราคาปกติตามท้องตลาดเลยครับ”

“ส่วนที่บอกว่าเขาขายให้ผมในราคาถูกก็ไม่ใช่นะครับ ซึ่งเรื่องนี้ทีมสอบสวนได้เช็กราคาตามท้องตลาด อย่างเมื่อวานผมก็ไปพบ พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บังคับการตำรวจปราบปราม (รอง ผบก.ป.) เข้าไปพบปกติ เอาหลักฐานไปชี้แจง ตอนนี้เคลียร์แล้วครับ ผมไม่เกี่ยวข้องอะไร ส่วนสาเหตุที่รถไม่โดนยึดเพราะหนึ่งผมไม่ได้รู้จักผู้ต้องหาเป็นการส่วนตัว สองการซื้อรถเกิดก่อนคดีจะเกิดขึ้น และสามผมมีการทำสัญญาซื้อขายทุกอย่างถูกต้อง ซึ่งก็ซื้อขายในราคาปกติตามท้องตลาด ไม่ได้แปลกอะไร”

“สำหรับประเด็นที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่าผมมีความสนิทกับเขาก็สามารถเช็กได้ อย่างรูปที่ผมถ่ายกับ นายโอ๊ต ภาดา กับคลิปอวยพรวันเกิด วันนั้นก็เป็นวันที่ผมกับเขานัดไปดูรถที่บ้าน ภาพนั้นก็คือที่บ้านของเขานั่นแหละ นายโอ๊ต ภาดา เขาก็ขอถ่ายรูปก็ตามประสาเราเป็นดารา ทั้งถ่ายรูป ทั้งอัดคลิปอวยพรก็เป็นเรื่องปกติ ซึ่งเรื่องนี้สามารถเช็กตามระยะเวลาได้ ทั้งข้อมูลการใช้โทรศัพท์ก็สามารถตรวจสอบได้ และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก นอกจากเขาเคยไลน์มาหาบอกว่าอยากได้คลิปผมอวยพรวันเกิดญาติผู้ใหญ่ ซึ่งผมก็อยากเคลียร์ให้ทุกคนเข้าใจเพราะมีคนเข้าใจผิดหลายประเด็น อีกทั้งยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อน”

เผยปกติระวังเรื่องการซื้อรถอยู่แล้ว แต่บางเรื่องก็อยู่เหนือการควบคุมของตน เพราะตนเป็นเพียงผู้บริโภคเท่านั้น
“ตอนแรกที่คนเข้าใจผิดไปต่างๆ นานาเราก็ไม่สบายใจนะ แต่พอได้ไปเจอตำรวจ ได้ไปฟังเขาอธิบาย เราก็สบายใจขึ้น ตอนแรกคนก็คิดว่ารถจะโดนยึดหรือเปล่า เราก็กังวลบ้าง แต่มั่นใจว่าทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเราทำทุกอย่างมีขั้นตอนที่รัดกุมอยู่แล้ว”

“ถามว่าต่อไปต้องระวังไหม ถ้าจะซื้อรถคันใหม่ คือผมก็ระวังเป็นปกติอยู่แล้วครับ แต่บางอย่างก็เหนือการควบคุมนะ เหมือนเราซื้อของ เราเป็นผู้บริโภค อย่างเราไปซื้อโน่นซื้อนี่ตลอดเวลา เราจะรู้ได้ไงว่าของที่เราได้มา มันจะมีที่มาที่ไปยังไง”





ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live

ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม

เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก