ASTVผู้จัดการ – รองผู้บังคับการกองปราบชี้ใครซื้อทรัพย์สินแก๊งโกงเงิน สจล. ไปต้องถูกยึด - อายัด เพราะเข้าข่ายร่วมฟอกเงินที่สถาบันถูกโกง เผย “บอย ปกรณ์” ซื้อรถหรูลัมบอร์กินีต่อจาก “กิตติศักดิ์” แค่ 13.5 ล. ทั้งที่ 2 เดือนกว่าก่อนหน้าเจ้าของซื้อมาเกือบ 20 ล. ยันที่แจงยังไม่เคลียร์ ระบุเงินที่ถูกโกง 1,400 ล้าน ยังหาไม่เจออีก 400 ล้าน เผยแก๊งโกงมีการผลาญเงินเช่าเฮลิคอปเตอร์บินทัวร์รอบเกาะฮ่องกงด้วย
วันนี้ (4 ม.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. หัวหน้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวนชุดคลี่คลายคดีลักทรัพย์เงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เรียกประชุมฝ่ายสืบสวน นำโดย พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รักษาการ ผกก.1 บก.ป.และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.1 บก.ป.
พ.ต.อ.กรไชย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายทำงานกันมาตลอด แม้จะเป็นช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก็ไม่มีใครได้หยุดพัก เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ เงินที่สูญหายมีจำนวนมาก จำเป็นต้องเร่งติดตามกลับคืนมาให้มากที่สุด ซึ่งวันนี้ได้เรียกประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวนมาดูและวางแนวทางการทำงาน ตั้งแต่พรุ่งนี้จะมีการขยายผลออกไปต่อ ส่วนเรื่องของรถยนต์และทรัพย์สินต่างๆ จะได้ประสาน ปปง. เข้ามาทำการตรวจยึด อายัด ของเหล่านี้ที่ผู้ต้องหาได้มาเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยมิชอบมีการเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการโกง ใครซื้อทรัพย์สินของผู้ต้องหากลุ่มนี้ไปขอเตือนเอาไว้เลยว่ายังไงๆ ก็จะต้องถูกยึดกลับคืน
รอง ผบก. กล่าวต่อว่า จากแนวทางการสืบสวนตนเชื่อว่า น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผอ.ส่วนการคลังสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จะต้องมีส่วนรู้เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะทำงานด้านการเงินมานานกว่า 30 ปี ที่เรามีเอกสารยืนยันว่า น.ส.อำพร นายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ และอดีตผู้บริหาร รู้กัน นอกจากนี้ ยังเชื่อว่ามีคนที่อยู่เหนือขึ้นไปจากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ด้วยที่ยังไม่เปิดเผยออกมา ไม่ใช่คนธรรมดา เป็นคนที่มีอำนาจวาสนา แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใคร เพราะยังไม่รู้พยานหลักฐานจะพาดพิงไปถึงหรือไม่
พ.ต.อ.กรไชย กล่าวด้วยว่า สำหรับยอดเงินของ สจล. ตั้งแต่ปี 2555 - 2557 ที่ตรวจสอบพบว่าสูญหายไปทั้งสิ้น 1,400 ล้านบาท ทรัพย์สินที่ตรวจพบเฉพาะในส่วนของนายกิตติศักดิ์ มีประมาณ 700 ล้านบาท บ้าน 2 หลัง ที่บูเลอวาร์ด กับ พฤกษ์ภิรมย์ ก็รวมๆ 100 ล้านบาท
“โชคดีที่แก๊งนี้เอาเงินออกนอกระบบไปไม่มากนัก เฉพาะที่ยังอยู่ในระบบที่ตรวจสอบพบอยู่ประมาณ 994 ล้านบาท ที่ยังตรวจสอบหาไม่เจออีกประมาณ 400 ล้านกว่าบาท” รอง ผบก.ป. กล่าว พ.ต.อ.กรไชย กล่าวอีกว่า สำหรับคดีนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับแล้วทั้งสิ้นจำนวน 8 ราย สามารถติดตามจับกุมตัวมาได้แล้ว 4 ราย มีนายกิตติศักดิ์ ที่เป็นผู้ต้องหาสำคัญเชื่อว่าหลบหนีไปต่างประเทศ 1 ราย นอกนั้นอีก 3 ราย ได้ให้ฝ่ายสืบสวนเฝ้าติดตามจับกุมตามบ้านพักทั้งในและต่างจังหวัดที่เชื่อว่าบุคคลเหล่านั้นจะหลบหนีไป แต่ยังไม่ได้ตัวมา
สำหรับตัวนายกิตติศักดิ์จากการตรวจสอบพบว่ามีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 12 ม.ค. ซึ่งจากการส่งชุดสืบสวนไปตรวจสอบที่บ้านญาตินายกิตติศักดิ์ที่ จ.พิจิตร เท่าที่ทราบพบว่าพ่อหรือแม่ไม่แน่ใจ เป็นผู้ใหญ่บ้านด้วย บ้านช่องที่ปลูกหลังใหญ่โตกำลังให้ฝ่ายสืบสวนยังเฝ้าอยู่
รอง ผบก.ป. กล่าวด้วยว่า สำหรับทรัพย์สินต่างๆ ของนายกิตติศักดิ์ ประกอบด้วย บริษัทต่างๆ จำนวน 7 แห่ง ฝ่ายสืบสวนเรามีการตรวจสอบ พบว่า บริษัท เอ็มทีเจ.พร็อพเพอร์ตี้ มีเงินทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เป็นบริษัทประกอบธุรกิจบ้านจัดสรร มีนายกิตติศักดิ์ เป็นหุ้นส่วนใหญ่ มีนายพูลศักดิ์ บุญทรัพย์ น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ ผู้ต้องหาอีก 2 คนเป็นหุ้นส่วนด้วย ส่วนบริษัทอื่นๆ อีก 6 แห่ง มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท สำหรับบริษัท มัทธุจัด ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ตำรวจเราเชื่อว่าน่าจะเป็นบริษัทที่ใช้สำหรับทำการฟอกเงิน โดย นายพูลศักดิ์ ซื้อบ้านที่หมู่บ้านโครงการลัดดารมย์ ชัยพฤกษ์ - แจ้งวัฒนะ ราคา 24 ล้าน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 โดยซื้อด้วยเงินสดโดยกู้เงินจากบริษัท มัทธุจัดผ่อนคืนให้เดือนละ 1 แสนบาท ทั้งที่ตัวเองบอกยังไม่มีงานทำ ไม่รู้ว่าเอาเงินที่ไหนมาผ่อน กลุ่มแก๊งนี้จะใช้วิธีการเอาเงินฟอกเงิน
พ.ต.อ.กรไชย กล่าวต่อว่า บริษัททั้ง 7 แห่ง เริ่มประกอบธุรกิจตั้งแต่ปี 2555 -2557 ซึ่งเป็นปีที่มีการเอาเงินจาก สจล. ออกมา มีบริษัท เค.ลิฟวิ่ง แอนด์เซอร์วิส จำกัด ที่เพิ่งมาเปิดเมื่อปลายปี 57, บริษัท เอ็ม เฟส โทเทิล เอฟเฟกต์ จำกัด จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับการบำรุงผิว ที่น่าสังเกตคือ บริษัททั้งหมดมีที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกันคือ หมู่บ้านธนาภิรมย์ ถนนศรีนครินทร์ ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ มีบริษัทเดียวที่แยกไปอยู่ที่บูเลอวาร์ดซึ่งฝ่ายสืบสวนเราขอหมายศาลไปตรวจค้นและอายัดเอาฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์และวงจรปิดที่ลงทุนด้วยเงินจำนวนมากถึง 7 แสนบาท มาเพื่อทำการตรวจสอบทั้งหมดอยู่ เพื่อหาหลักฐานการเชื่อมโยงกับการลักทรัพย์เงินของ สจล.
ชี้ “บอย ปกรณ์” เข้าแจงยังไม่เคลียร์
พ.ต.อ.กรไชย กล่าวด้วยว่าส่วนทรัพย์สินที่เป็นรถยนต์ของนายกิตติศักดิ์ เราตรวจสอบพบข้อมูลว่าได้ขายไปแล้วจำนวน 3 คัน เป็นรถยนต์หรูยี่ห้อ ลัมบอร์กินี 2 คันๆ หนึ่งขายให้ดาราหนุ่มที่เป็นข่าว คือ “บอย” ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ และยี่ห้อออดี้ อีก 1 คันสำหรับลัมโบกินี คันที่ นายกิตติศักดิ์ ขายให้กับ บอย ปกรณ์ ไปนั้น ทางฝ่ายสืบสวนเรายังมีข้อกังขาสงสัยอยู่ว่ามีเหตุผลอะไร เมื่อซื้อมาจาก บ.คาร์ แม็กซ์ พระราม 9 ในราคา 19.5 ล้านบาท ซื้อมาระยะเวลาแค่ 2 เดือนกว่า ขายต่อให้ บอย ปกรณ์ไป 13.5 ล้านบาท ทำไมถึงขายขาดทุนไปตั้ง 6 ล้านบาทแบบนั้น ขนาดคนรวยๆ เขายังไม่ทำกันเลย ซื้อรถมาขับเดือนละ 2 ล้านบาท สู้เอาเงินไปเช่ารถมาใช้ไม่ดีกว่าหรือ
“ส่วนตัวของ บอย ปกรณ์ นั้นแม้จะมาพบฝ่ายสอบสวนเมื่อวันก่อนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ นำเอกสารการซื้อขายมาให้ดูแล้วก็ตามแต่ตนยังมีข้อสงสัยอยู่ จะประสานขอให้มาพบเพื่อคุยกันก่อน เราจะต้องดูความเชื่อมโยงระหว่างเขากับกลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้ด้วย ทุกอย่างมีเส้นทางหมด เขาพูดว่าไม่รู้จักกันมาก่อน ผมจะทำให้ดูว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นยังไง บอย ปกรณ์ มาพบพนักงานสอบสวนเท่านั้น ไม่ได้มาพบผม ถ้ามาพบจะมีคำถามมากกว่านั้นอีกเยอะ ยังไงๆ ก็จะประสานให้มาพบอีกครั้ง แต่ขอเวลาไปหาข้อมูลก่อน” พ.ต.อ.กรไชย กล่าว
สำหรับทรัพย์สินทั้งหมดของนายกิตติศักดิ์นั้น รอง ผบก.ป. กล่าวว่า ทาง ปปง. จะเป็นคนอายัดทรัพย์สินที่มีการซื้อมาอยู่ในครอบครอง รวมทั้งทรัพย์สินที่จำหน่ายขายไปแล้ว ว่ามีการขายไปอย่างไร คนที่ได้ทรัพย์สินเหล่านี้ไปไม่ว่าจะเป็นชื่อพ่อแม่พี่น้องของผู้ต้องหาที่มีการซื้อหรือโอนให้เป็นเจ้าของแทน แม้จะไม่โดนดำเนินคดีแต่ก็อาจจะต้องถูกอายัดทรัพย์เหล่านั้นถ้าไม่สามารถชี้แจงกับ ปปง.ได้ ส่วนรถยนต์อีก 2 คัน ยี่ห้อ ลัมบอร์กินี และ ออดี้ ยังไม่ทราบว่าขายต่อไปในราคาเท่าไร แต่เชื่อว่าน่าจะขายไปในราคาไม่แพง เหมือนกับคันที่ขายต่อให้ บอย ปกรณ์
รอง ผบก.ป. กล่าวต่อว่า จากเงินที่นายกิตติศักดิ์ได้มาตั้งแต่ปี 2555 โดยได้มาจากธนาคารต่างๆ เป็นการโอนเข้าบัญชีตนเอง หรือบัญชีของพรรคพวกคนอื่นๆ ก่อน การที่นายกิตติศักดิ์จะเบิกเงินสดไปซื้อรถยนต์หรูราคาแพงแต่ละคันทำได้ไม่ง่าย เชื่อว่าเป็นการซื้อมาด้วยการใช้แคชเชียร์เช็คเงินสด เป็นการฟอกเงินดีๆ นี่เอง การเคลื่อนไหวตัวเลขในบัญชีไม่น่าสงสัย ไม่ต้องมีการแจ้งให้ ปปง. ทราบ เมื่อซื้อรถยนต์แล้ว การที่จะได้เงินกลับมาก็คือการขายรถยนต์ออกไป เขาก็จะได้เงินสดกลับมาอยู่ในบัญชีธนาคารของเขาทันที
พ.ต.อ.กรไชย กล่าวอีกว่า เราพบว่าเขาเดินทางไปเที่ยวที่ฮ่องกง ใช้จ่ายเงินอย่างกับเศรษฐี มีการเช่าเฮลิคอปเตอร์บินดูรอบๆเกาะฮ่องกงกัน คนธรรมดาเขาทำกันไมได้แบบนี้แน่นอนและ ยังมีอีกหลายคนที่เชื่อว่าได้ร่วมกับแก๊งนี้ อาจจะเป็นรับจ้างไปเปิดบัญชี ผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้ตัวอีก 2 คนก็เชื่อว่าแค่รับจ้างเปิดบัญชีเท่านั้น ได้ค่าจ้างหลักแสนบาท แต่ก็ต้องหลบหนีไป ถ้าเข้ามามอบตัวให้ปากคำเราก็จะช่วยให้สำนวนเบาลงอาจแค่กันเป็นพยานไม่งั้นก็ต้องหลบหนีไปตลอด
รอง ผบก.ป. กล่าวอีกว่า ส่วนการทำงานต่อไปเรามีเป้าหมายอีก 1 รายที่เร่งรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับทำหน้าที่รับจ้างเปิดบัญชี แต่ได้รับเงินไปมากถึง 20 ล้านบาท โดยไปเปิดบัญชีธนาคารในเวลา 17.00 น. เมื่อโอนเงินเข้าบัญชีแล้วก็โอนต่อไปทันทีเวลา 18.00 น. วันเดียวกันเลยเป็นการทำธุรกรรมทางการเงินในธนาคารภายในห้างแห่งหนึ่ง