กองปราบฯ เร่งสอบคดีโกงเงิน สจล.พบรถลัมบอร์กินี “บอย ปกรณ์” ซื้อจากผู้ต้องหาราคาถูกกว่าท้องตลาด 6-7 ล้าน คาดต้องสนิทสนมกันจึงซื้อได้ราคาถูก พร้อมสอบต่อหุ้นลมของ “พิ้งกี้” ได้เงินปันผล-รู้เห็นหรือไม่ จู่ๆ มีชื่อได้อย่างไร
วันนี้ (3 ม.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีจับกุมนายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ และ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผอ.ส่วนการคลังสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร่วมกันยักยอกเงิน สจล.จำนวนกว่า 1,600 ล้านบาท ว่าหลังจากที่เมื่อวานนี้พนักงสอบสวนได้ประชุมความคืบหน้าแล้วไปแล้ว ทางฝ่ายสืบสวนเองก็ออกติดตามเส้นทางการเงินตามที่ชุดสอบสวนได้สอบพยานและรวบรวมหลักฐานเอกสารบัญชีธนาคารที่มีการโอนเข้า-ออก
พ.ต.อ.กรไชยกล่าวว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ยึดบ้านโฉนดที่ดิน ทรัพย์สินหลายรายการมูลค่าหลายร้อยล้านบาทแล้ว ต่อไปก็ต้องพิสูจน์ว่าได้มาอย่างไร เอาเงินจากไหนมาซื้อ ตรวจสอบไม่ยาก ขอเวลาเจ้าหน้าที่อีกสักระยะ ส่วนที่นายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หรือบอย ดาราหนุ่มเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเรื่องการซื้อรถลัมบอร์กินีสีเขียวต่อจากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด หนึ่งในผู้ต้องหาคดีนี้ ในราคา 13.5 ล้านบาทนั้น ทางชุดสืบสวนพยายามตรวจสอบว่ารถคันนี้ราคาเท่าไหร่กันแน่ เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าราคาอยู่ที่ประมาณ 19-20 ล้านบาท นายกิตติศักดิ์ใช้ไม่เท่าไหร่แล้วมาขายให้นายบอยในราคา 13.5 ล้านบาท
“รถคันดังกล่าวถ้าไม่รู้จักหรือสนิทกันจริงคงไม่ยอมขาดทุนขนาดนี้ หรือขายให้คนอื่นก็จะได้ราคามากกว่านี้ ในส่วนตรงนี้เจ้าหน้าที่พอจะมีข้อมูลแล้ว ทั้งนี้ทางชุดสืบสวนต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินต่างๆ ทั้งของนายกิตติศักดิ์ คนกลางที่ติดต่อซื้อขาย รวมทั้งตัวบอย ปกรณ์ ด้วยเพื่อจะได้ตัดประเด็นต่างๆ ออกไป” พ.ต.อ.กรไชยกล่าว
พ.ต.อ.กรไชยกล่าวด้วยว่า ในส่วนกรณีของ น.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือพิ้งกี้ ดารานักแสดงที่ร่วมหุ้นอยู่ในบริษัทของนายกิตติศักดิ์ ทางเราก็ต้องตรวจสอบ แต่ช่วงนี้เนื่องจากเป็นวันหยุดเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด รู้ว่านายกิตติศักดิ์มีหลายบริษัท แต่ยังไม่ได้ตรวจดูว่ามีใครร่วมหุ้นด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ กรณีที่พิงค์กี้มีหุ้นลมนั้นต้องตรวจสอบว่ามีส่วนแบ่งจากกำไรหรือไม่ ถ้ามีส่วนแบ่งก็ต้องดูว่าเท่าไหร่ รู้เห็นกันหรือไม่
“จู่ๆ พิ้งกี้จะมีชื่ออยู่ในบริษัทได้อย่างไร ตรงนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ พรุ่งนี้จะเรียกประชุดคณะทำงานสืบสวนในคดีนี้ เวลา 11.00 น.ต่อไป” รอง ผบก.ป.กล่าว
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวทางพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาในข้อหา ร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร ร่วมกันลักทรัพย์ และฟอกเงิน จำนวน 8 ราย ประกอบด้วย 1. น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 2. นายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบิ๊กซี ศรีนครินทร์ 3. นายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ นักศึกษาปริญญาโท 4. นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ 5. สมพงษ์ สหพรอุดมการณ์ 6. นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด 7. นางสมบัติ โสประดิษฐ์ 8. น.ส.จันทร์จิรา โสประดิษฐ์
โดยเจ้าหน้าที่จับกุมได้แล้ว 4 ราย คือ น.ส.อำพร นายทรงกลด นายพูลศักดิ์ และ นายจริวัฒน์ ส่วนที่เหลืออีก 4 รายอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี