ป.เปิดโอกาสให้ “พิ้งกี้” เข้าให้ปากคำยืนยันความบริสุทธิ์ จ่อลุยสอบเครือธุรกิจ “กิตติศักดิ์” เข้าข่ายเปิดบริษัทฟอกเงินหรือไม่

ป.จ่อลุยสอบเครือธุรกิจนายกิตติศักดิ์ ผู้ต้องหายักยอกเงิน สจล. เข้าข่ายเปิดบริษัทฟอกเงินหรือไม่ ระบุการมีชื่อดาราเป็นหุ้นส่วนผับของผู้ต้องหาไม่ได้เป็นความผิด ชี้การลงทุนร่วมกันถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล “แม่พิ้งกี้” ยันไม่มีชื่อลูกสาวเป็นหุ้นส่วนใน บ.แอคติ้งวัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด

วันนี้ (1 ม.ค.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีจับกุม นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ และ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผอ.ส่วนการคลังสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร่วมกันยักยอกเงินของ สจล. ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมเอกสารต่างๆ ที่ตรวจค้นยึดมาได้จากสถานที่ต่างๆ ทั้งบ้านและที่ทำงานเครือข่ายของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ก่อนนำไปตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าโยงไปถึงผู้ใดบ้าง

ด้าน พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. กล่าวว่า หลังจากนี้ จะทำการตรวจสอบข้อมูลที่ได้มาเพื่อหาความเชื่อมโยงของเส้นทางการเงิน รวมทั้งจะทำการตรวจสอบผลประกอบการของบริษัทในเครือของนายกิตติศักดิ์ทั้งหมดว่าผลประกอบธุรกิจขาดทุนหรือกำไรมากน้อยเพียงใด และเข้าข่ายการเปิดบริษัทเพื่อฟอกเงินหรือไม่

นอกจากนี้ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รักษาการ ผกก.1.บก.ป. กล่าวว่า ภายหลังจากที่ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านของเครือข่ายของนายกิตติศักดิ์ก็พบว่ามีหลักฐานหลายอย่างที่เชื่อมโยง โดยผู้ต้องหารายนี้ได้โอนถ่ายทรัพย์สินหลายอย่างไปให้ญาติพี่น้อง เบื้องต้นพบโฉนดที่ดินประมาณ 29 แปลง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าส่วนใหญ่เป็นชื่อของนางระดม มัทธุจัด ซึ่งเป็นแม่นายกิตติศักดิ์

สำหรับการติดตามตัวนายกิตติศักดิ์ที่หลบหนีอยู่ที่ฮ่องกงนั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเนื่องจากมีขั้นตอนอยู่ ส่วนผู้ต้องหารายอื่นที่กำลังหลบหนีอยู่ระหว่างการติดตามตัว คาดว่ายังหลบหนีอยู่ในประเทศ

พ.ต.อ.จิรภพ กล่าวต่อว่า ในส่วนที่มีชื่อ น.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือ พิ้งกี้ ดาราสาวเข้าไปมีส่วนพัวพันกับหุ้นบริษัทในเครือนายกิตติศักดิ์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานบันเทิง สตรีทผับ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ถ.เทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ หลังสืบทราบมาว่านายกิตติศักดิ์ได้นำเงินไปลงทุนเปิดสถานบันเทิง

สำหรับการมีชื่อดาราสาวดังกล่าวเข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทหรือสถานบันเทิงดังกล่าว มองว่าไม่ได้เป็นความผิด เนื่องจากการเข้าไปเป็นหุ้นส่วนหรือลงทุนร่วมกันถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล เพียงแต่ตัวดาราสาวนั้นไปลงทุนเป็นหุ้นกับผู้กระทำความผิด โดยที่เจ้าตัวไม่รู้มาก่อน

ทั้งนี้ จากพยานบอกเล่า บอกเพียงว่าสถานบันเทิงดังกล่าวนายกิตติศักดิ์อ้างว่าหุ้นกับดารา ซึ่งมองว่าเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและช่วยทำให้ร้านดัง

“พิ้งกี้ สามารถที่จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำแสดงความบริสุทธิ์ใจ รวมทั้งเคลียร์ตัวเองได้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนที่จะเรียกดาราสาวเข้าให้ปากคำหรือไม่เป็นดุลพินิจของทางพนักงานสอบสวน” พ.ต.อ.จิรภพ กล่าว

ขณะที่แหล่งข่าวคนใกล้ชิดของ น.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือ พิ้งกี้ ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าหลังจากที่มีการนำเสนอข่าวดาราสาวมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท แอคติ้งวัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็น 1 ใน 7 บริษัทของนายกิตติศักดิ์ จำนวน 30 เปอร์เซ็นต์นั้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางสรินยา ไชยเดช มารดาของ “พิงกี้” ระบุว่า หลังทราบข่าวในตอนแรกก็ตกใจมาก รู้สึกไม่สบายใจ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่น้องพิ้งกี้เดินทางไปฮันนีมูนกับสามีที่ประเทศญี่ปุ่น แต่กลับต้องมาเจอแต่ข่าวไม่ดีว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยักยอกเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะออกมาชี้แจงเกี่ยวกับกรณีถือหุ้นลมในบริษัทเคพีพี โปรดักชั่น จำกัด ไปเมื่อสองวันที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนกรณีหลังที่มีชื่อน้องพิ้งกี้ เป็นผู้ถือหุ้นบริษัท แอคติ้งวัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด นั้น ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งหากตรวจสอบไปยังกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับบริษัทดังกล่าวจะพบว่า ไม่มีชื่อของพิ้งกี้ปรากฏอยู่อย่างแน่นอน