xs
xsm
sm
md
lg

ตกลงใครขี้จุ๊! “บี น้ำทิพย์” ซัด “โย” ดิสเครดิต ปัดหุ้นลม ลงทุนเท่ากัน เสียใจเคยรักชิ-หาย! (ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“บี น้ำทิพย์” เปิดใจแย้ง “โย ยศวดี” ยันบิดเบือน ดิสเครดิต ลั่นไม่ใช่หุ้นลม ลงทุนเท่ากัน พลาดเองให้สิทธิ์โยทำธุรกรรมการเงินแต่เพียงผู้เดียว รับความสัมพันธ์เหมือนแก้วแตกละเอียดไม่มีทางเหมือนเดิม เผยก่อนทำธุรกิจรักชิ-หาย ใครตราหน้าพี่สาวเป็นเมียน้อยอยากตบกะโหลกแล้วให้กราบขอโทษ ยันไม่ตบกันหลังแอลแฟชั่นวีก แย้งโยบอกรักตนเหมือนเดิม แต่กลับให้ทนายส่งจดหมายขู่ อวยพรโยขอให้ธุรกิจใหม่เจริญ อย่าทำธุรกิจแอบแฝง ด้านโยตอกแรง การศึกษามีผลต่อสมองและการกระทำ!



กลายเป็นสงครามนางแบบที่มีเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง จนสุดท้ายสัมพันธ์จากเพื่อนที่สนิทกันมากต้องแตกหัก ล่าสุดวันนี้ “บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” ได้ออกมาเปิดใจตอบโต้ “โย ยศวดี หัสดีวิจิตร” ซึ่งดูเหมือนเป็นหนังคนละม้วนกับสิ่งที่โยได้ให้สัมภาษณ์ไปเมื่อวันก่อน โดยยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นหุ้นลม แจงที่ต้องออกมาชี้แจงเพราะรู้สึกว่าตนเองถูกอีกฝ่ายดิสเครดิต ให้ข้อมูลบิดเบือน และพูดความจริงไม่หมด
 
“วันนี้ที่มาแถลงไม่ได้ต้องการมาแฉใคร แต่ถ้าไปกระทบใคร ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย ขออธิบายก่อนเลยว่าจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจโยบีไดเอตฟู้ดส์ หากทุกคนจำได้ ในตอนเปิดตัวครั้งแรก ที่บีได้ทำกับพี่โย บีได้อธิบายว่าการทำธุรกิจอันนี้คุณโยและบีเจอธุรกิจนี้ที่ลอนดอน ซึ่งเราสองคนมีความสนใจว่าถ้าเราเอาธุรกิจนี้มาทำที่ประเทศไทยน่าจะเวิร์ก เลยคิดเปิดธุรกิจชนิดนี้ที่เมืองไทย จนกระทั่งเราตั้งบริษัทชื่อว่าโยบีไดเอตฟู้ดส์ เดลิเวอรี่ อันที่สองขอเล่าถึงโมเดลธุรกิจตัวนี้ ในช่วงแรกๆ ที่เรายังไม่มีการจดทะเบียนในรูปแบบบริษัท ต้องบอกว่าเรามีการโปรโมต ทางด้านโซเชียลเน็ตเวิร์กของเราเองทั้งคู่ ว่าเราจะทำธุรกิจอะไร ซึ่งก็คือเฮวส์ตี้ฟู้ดส์ มาเป็นไดเอตฟู้ดส์ ในช่วงแรกที่เรามีการขาย สมมุติว่าถ้าเรามีลูกค้าคนหนึ่ง ซื้อของๆ เราหนึ่งร้อยบาท เรารับเงินจากลูกค้ามา และเอาเงินไปให้ไปเชฟของเราทำอาหารให้ลูกค้ากิน ในส่วนของค่าอาหารต่างๆ ที่เอามาเสิร์ฟให้ลูกค้า มีจำนวนเงินประมาณ 80 บาท ส่วนยี่สิบบาท เขาเก็บเข้าโยบี นั่นคือผลกำไรที่เราได้ ต่อลูกค้าหนึ่งคน ในช่วงแรกที่เราได้ลงทุน เรามีการลงทุนเงินกันคนละครึ่ง แต่พี่โยบอกว่าเราไม่ได้ลงทุน”

“ขอยืนยันตรงนี้ว่าเรามีหลักฐานอะไรทุกๆ อย่างซึ่งยืนยันได้ว่าบีและพี่โยลงทุนกันคนละครึ่ง ในการทำธุรกิจอันนี้ ตอนแรกๆ เรามีการวางแพลนงานกันว่า ตัวพี่โยเองจะทำด้านโอเปอเรชั่น ส่วนบีทำด้านพีอาร์ เราสองคนก็ทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ ละเงินที่เราลงทุนไป ส่วนหนึ่งเราเอาเงินไปลงทุนเพื่อทำอาร์ตเวิร์ก แพ็กเกจจิ้งโยบี ซึ่งต้องมีการลงทุนอยู่แล้ว แต่อย่างที่บอกว่าโมเดลในการทำธุรกิจของเรา คือการรับเงินลูกค้ามาแล้วจ่ายไป ของลูกค้า 80 บาท ที่เหลือมาต้องมีกำไร ฉะนั้นเมื่อมีกำไรสะสม เข้าบริษัทเป็นจำนวนเงินที่เหมาะสมแล้ว เรามีการคืนกำไร ก็เอาเงินกำไรมาคืนทุนของแต่ละฝั่ง ที่พี่โยและบีได้ลงทุนไป ก็เท่ากับว่าบริษัทตัวนี้ การดำเนินการธุรกิจทุกอย่าง คือการเอาเงินกำไรมาบริหารธุรกิจ ซึ่งเราสองคนไม่ได้ลงทุนแล้ว ถูกไหมคะ เราได้เอากำไรมาบริหารธุรกิจ ต่อมาหลังจากนั้นธุรกิจตัวนี้ก็รันมาเรื่อยๆ เราได้กำไรกันมากขึ้นเรื่อยๆ มากพอที่เราจะจดทะเบียนในรูปแบบของบริษัท ณ ตอนนั้นตัวพี่โยเอง ได้เสนอพี่เอ(อัญชลี) เข้ามาถือหุ้น โดยอ้างเหตุผลว่าจะยกหุ้นให้พี่เอ แล้วก็ให้พี่เอทำหน้าที่เป็นเอ็มดี พอจะแบ่งหุ้นส่วนของพี่โยให้พี่เอแล้วพี่โยจะให้เขาเป็นเงินเดือน แล้วให้ทำหน้าที่เป็นเอ็มดี นี่คือสิ่งที่พี่โยพูดกับบีนะคะ ตอนนั้นในใจบี ไม่ได้คิดอะไรเลย ณ ตอนนั้นเพราะหนึ่งเขาเป็นพี่สาวแท้ๆ ของพี่โย สองทั้งสองคน ทั้งพี่เอและพี่โยเป็นคนที่บีรักมาก และไว้ใจมากในการให้หุ้นต่างๆ ทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่าง พี่โยเป็นคนจัดแจงทั้งหมด ในการแบ่งหุ้นให้กับทุกคน ณ จุดนี้บีขอบอกเลยว่าบีไม่ได้รับรู้อะไรเลยทั้งสิ้น พี่โยว่ายังไง บีก็ว่ายังงั้น”

“ข้อสามคือเมื่อจดทะเบียนในรูปแบบบริษัทเสร็จแล้ว ก็จะต้องมีการเปิดบัญชีร่วมกัน โยบี ก็คือการใช้ชื่อพี่โยกับบีในการเปิดบัญชีร่วมกันแล้วต้องมีการลงนามในการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งจริงๆ แล้วควรเซ็นลงชื่อพร้อมกันสองคน ณ ตอนนั้นพี่โยเขาก็ได้อ้างว่าไม่เป็นไรบี พี่รู้ว่าบีไม่มีเวลา เพราะบีต้องถ่ายละคร ตอนนั้นบีต้องถ่ายละครเรื่องเรือนเสน่หาจริงๆ และอยู่ต่างจังหวัดตลอด เขาก็บอกว่าถ้าบีอยู่ต่างจังหวัดไม่มีเวลามาเซ็น เผื่อบริษัทมีเรื่องฉุกเฉินอะไรก็แล้วแต่ ต้องใช้เงินมันจะไม่ทัน ในตอนนั้นเราฟังก็รู้สึกเกรงใจว่าโอเค เผื่อช่วงไหนบริษัทเกิดมีปัญหา เขาต้องมาเดือดร้อนเพราะเราเพราะเราไม่มีเวลาไปเซ็นหรือบริษัทต้องใช้เงิน บีก็โอเค ก็ว่าตามพี่โยค่ะ บียอมให้พี่โยทำธุรกรรมด้านการเงินเพียงคนเดียวเท่านั้นโดยไม่ต้องมีบี เมื่อธุรกิจรันไปเรื่อยๆ จนสี่เดือนที่ผ่านมา ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้น”

เรื่องมันเกิดภายในสี่เดือนนี้ ตัวเชฟประจำของโยบี ที่ทำร่วมกันตั้งแต่เปิดบริษัทมา จนปัจจุบันยันปิด เขาได้โทร.มาหาบีโดยตรง บีมีหลักฐานทุกอย่าง และได้บอกกับบีว่าบริษัทโยบีไดเอตฟู้ดส์ เป็นหนี้เขาอยู่ 9 แสนกว่าบาท ซึ่งก็มีหลักฐานทุกอย่างจากเชฟ ตอนนั้นบีฟังบีตกใจมาก เฮ้ย… มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมบริษัทเราถึงเป็นหนี้กับเชฟ ที่ทำกับเรามาตั้งแต่ตอนต้นนั่นเป็นจุดแรกที่ทำให้บีสงสัยมาก บีก็เลยทำการติดต่อไปทางพี่โยว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ถ้าอย่างนั้นบีขอดูบัญชีได้ไหม นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสี่เดือนที่แล้ว หลังจากบีได้ขอดูบัญชี บีก็ได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างในบัญชีอย่างที่บีเคยให้สัมภาษณ์ไปครั้งแรกเลยว่าบัญชีมีหลายอย่างที่มันไม่เคลียร์ แล้วเราก็ดูถี่ถ้วนแล้วว่ามันไม่เคลียร์จริงๆ การคุยเรื่องบัญชีไม่ใช่การคุยแค่ครั้งเดียวแล้วจบแล้วจบเลย แต่เป็นการคุยกันทั้งหมดเราคุยกันมาแล้วสามครั้ง ซึ่งทุกๆ ครั้งมันไม่เคยมีครั้งไหนเคลียร์ได้เลยสักทีหนึ่ง ก็โอเค บีไม่เป็นไร เดี๋ยวจะมีการคุยเร็วๆ นี้”

“ในครั้งที่สี่ ในการเรียกดูบัญชีทุกๆ ครั้งต้องขอบอกก่อนว่าทางฝั่งบีมักจะเป็นคนถามจากเขาก่อนว่าบัญชีพร้อมหรือยัง พร้อมที่จะให้เราดูหรือยัง ทางเขาจะตอบกลับมาทุกครั้งว่ารอก่อน โอเค บีก็ไม่ได้ว่าอะไร บีก็รอจนเขาจะพร้อม เมื่อเขาพร้อมเมื่อไหร่ก็คือดู ส่วนเรื่องเงิน 2 แสนบาท ที่พี่โยบอกว่าเป็นเงินลงทุน เหมือนบีให้มาแล้วก็เอาคืน อะไรสักอย่างที่เขาให้สัมภาษณ์ บีขอกล่าวตรงนี้เลยว่าเงินสองแสนคืออะไร เงินสองแสนคือเมื่อเวลาที่บริษัททุกบริษัทเขามีปัญหาเรื่องการเงิน ช็อตเรื่องเงินขาด หรือดำเนินธุรกิจได้ไม่ปกติ เท่าที่ควรจะเป็น ฉะนั้นบัญชีของทางบริษัทจะต้องมีการทำเรื่องยืมเงินจากทางกรรมการ ซึ่งเงินก้อนนั้นต้องบอกว่าเป็นการที่บริษัทยืมเงินกรรมการก็คือบีนะคะ ให้บีเอาเงินไปช่วยก่อน พอทุกอย่างในบริษัทเคลียร์เสร็จ ยืมเงินเสร็จก็ต้องคืนเงินกรรมการ ถูกไหมคะ บริษัททุกบริษัทต้องเป็นแบบนั้นทั้งหมด”

“ฉะนั้น ขอพูดกลับไปว่า เงินก้อนนั้นเป็นเงินก้อนที่ใช้คืนกรรมการ ไม่ใช่เงินลงทุนใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนเรื่องทัศนคติที่บอกว่าไม่ตรงกัน พี่โยได้มาเสนอให้บีทำโปรดักส์ตัวนี้ที่เขาทำอยู่ด้วยกัน คุยกันสามเดือนหลังจากที่เราคุยบัญชีกันรอบแรก ทางบีก็รับฟังว่ามันคืออะไร พี่โยได้บอกว่าแต่ครั้งนี้ต้องลงทุนนะ บีก็ไม่มายด์หรอกค่ะ บีลงทุนได้แต่บีขอกลับไปกลั่นกรองก่อนว่าธุรกิจตัวพี่โยจะทำ ที่เอามาเสนอให้บีจะกระทบโยบีหรือไม่ ซึ่งบีก็กลับไปคิดแล้วว่าบีจะไม่ทำกับเขาเพราะว่าหนึ่ง รู้สึกว่าโปรดักส์ตัวนี้มันขัดแย้งกับโยบีไดเอตฟู้ดส์โดยสิ้นเชิงก็ให้เหตุผลเขาไปว่าทำไม สมมุติบีบอกว่า บีมีผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งแล้วให้พวกพี่ๆ ทานแล้วถ้าบอกว่าทานแล้วรับรองว่าไม่อ้วนแน่นอน ถามว่าถ้าพี่ทานผลิตภัณฑ์นั้น พี่ยังจะอยากกลับมากินไดเอตฟู้ดส์เดลิเวอรี่อยู่ไหม มันแน่นอนอยู่แล้ว พี่ก็คงไม่ทานผลิตภัณฑ์โยบี พี่คงไปทานข้าวขาหมูดีกว่า ถ้าบอกว่าทานตัวนี้แล้วไม่อ้วน นี่คือทัศนคติที่ไม่ตรงกัน บีก็พูดตรงๆ ไปเลยว่าถ้าตัวพี่อยากจะทำยา บีก็ให้ทำ แต่บีขอร้องว่าให้พี่เคลียร์บัญชีตรงนี้ให้เรียบร้อยก่อน แล้วเราก็ปิดทุกอย่างโยบีไดเอตฟู้ดส์ เพราะบีคิดว่าถ้าพี่อยากทำ บีก็ไม่อยากรั้งความเจริญของพี่เขา บีพูดจริงๆ บีไม่อยากไปหยุดความเจริญก้าวหน้าของเขา ถ้าการขายยาทำให้เขารวยกว่าการเปิดธุรกิจโยบีไดเอตฟู้ดส์ บียินดี แต่สิ่งที่บีต้องการคือหน้าพี่และหน้าบี โลโก้ชัดเจนว่าเราขายอาหารโยบีไดเอตฟู้ดส์ ทุกคนรู้ว่าเราทำอะไรมาก่อนหน้านี้ จะบอกว่าโลโก้ของเรามันชัดเจนมากสำหรับการขายอาหารไดเอตฟู้ดส์ บีก็บอกเขาไปตรงๆ ว่าบีไม่พร้อมเสี่ยง”
 
“ถ้าพี่อยากทำก็ปิดโยบีซะ แล้วพี่ก็ไปทำ บีจะไม่ว่าอะไรเขาเลย นั่นคือสิ่งที่บีพูดว่าทัศนคติเราไม่ตรงกันยังไง ส่วนเรื่องไอจีที่เขาบอกว่ามาขอบี มาขอไอจีโยบีไดเอตฟู้ดส์ไป เขามาขอจริงๆ แต่เขาขอหลังจากที่เขาได้โพสต์รูปโปรดักส์ตัวใหม่ของเขาเป็นสิบๆ รูป มาซักพักใหญ่ๆ มากๆ เลย ที่ผ่านมาบีไม่เคยโต้แย้ง ไม่เคยบอกว่าอย่าทำแบบนี้ หรือ อะไรก็ตามแต่ บีเพิ่งมาไลน์บอกทางเลขาเขาเมื่อวันที่สองที่ผ่านมา 2 ตุลาคม ก่อนบริษัทจะปิด 4 ตุลาคม ว่าถ้าเกิดเราจะปิดโยบีไดเอตฟู้ดส์ แล้วพี่ขอความกรุณาให้ทางโน้นปิดโซเชียลเน็ตเวิร์กของการสื่อสารต่างๆ ของโยบีไดเอตฟู้ดส์ เพราะเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่จะปิดแล้วจริงๆ สักพักหนึ่งพี่โยก็ไลน์กลับมาขอเป็นครั้งแรกเลยที่คุยกับบีว่าพี่ขอแล้วกัน สำหรับไอจีโยบีไดเอตฟู้ดส์ เพราะพี่เห็นว่าคนฟอลโลว์เยอะมาก และเขาก็รู้สึกว่าถ้าบีจะทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ บีสามารถมาใช้โยบีไดเอตฟู้ดส์ได้ ใช้ได้หมดเลยพี่อนุญาต ไม่ทันไร บียังไม่ทันจะเซย์เยสอะไรทั้งสิ้นเลยนะคะ เขาก็ได้เปลี่ยนจากโยบีไดเอตฟู้ดส์ เป็นผลิตภัณฑ์ของเขาขึ้นมาทันที ชื่อตามนี้นะคะ ไม่ขอพูดถึงชื่อ บีไม่ตอบตกลงใดๆ ทั้งสิ้นว่าให้หรือไม่ให้ แต่สิ่งที่เขาทำกับบีในฉับพลันทันที แค่ไม่กี่วินาทีที่ทำให้บีโกรธมาก บียอมรับว่าบีโกรธจริงๆ บีได้ไลน์ไปหาเลขาของเขาว่าเฮ้ย… ทำกับพี่ขนาดนี่ได้ยังไง ในเมื่อพี่ยังไม่ตอบตกลงใดๆ เลย แต่ทำเหมือนไม่เคยเห็นหัวพี่เลย ไม่เคยให้เกียรติพี่เลยตลอดเวลาที่ผ่านมา บีก็เลยไลน์กลับไปทางพี่โยอีกครั้งว่าโอเค ถ้าบีจะต้องเปิดธุรกิจของตัวเอง บีจะไปเริ่มใหม่ทุกๆ อย่างด้วยตัวเองจริงๆ เพราะอธิบายเหตุผลให้เขาฟังว่าทำไมโยบีไดเอตฟู้ดส์คือการทำธุรกิจร่วมกันของเรา การมีฟอลโลว์เยอะๆ มากๆ แน่นอนเขาไม่ได้ตามพี่โยคนเดียว เขาตามบีด้วย ส่วนหนึ่งเป็นแฟนคลับบีด้วย”

“ฉะนั้น ธุรกิจตัวนี้ถ้าในอนาคตไม่มีโยบีไดเอตฟู้ดส์ที่เป็นของเรา หรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่ของเราสองคน ก็จะไม่ใช้ไอจีอันนั้นอีกแล้ว บีก็อยากให้เขาทำอะไรแฟร์ๆ เถอะ จะได้พูดเต็มปากว่าพี่ได้ทำธุรกิจตัวนี้คนเดียวจริงคนเดียวจริงๆ(เน้นเสียง) อย่างพี่โยบอกว่าเราทำธุรกิจ เรามีการทะเลาะกันครั้งที่สอง แล้วเขาทำให้รู้สึกว่าบีพูดแล้วรู้สึกแรง ยอมรับว่าเราทะเลาะกันแรงมากนะคะสุดท้ายพี่โยได้ไลน์กลับมาอีกที ว่าโอเคพี่จะปิดวันที่ 4 ต.ค. ปิดทุกอย่างให้หมดเลย แล้วเราก็ต่างคนต่างอยู่แล้วกันนะ นี่เป็นความเห็นของเราสองคนนะคะ ไม่ใช่บีพูดคนเดียว เขาก็พูด แต่โอเคบีก็ให้สัมภาษณ์ไปแล้ว เหมือนครั้งแรกที่ได้พุดไปทุกอย่าง เรามีปัญหาเรื่องทัศนคติไม่ตรงกัน เรื่องบัญชีไม่เคลียร์ แล้วเรื่องที่บีบอกว่าจะไม่สุงสิงกันต่างคนต่างอยู่ นั่นคือสิ่งที่เรารู้กันตลอดว่ามันคืออะไร เขาก็รู้ บีก็รู้ ส่วนเรื่องที่เขาบอกว่าตามบีไปดูบัญชี แต่บีไม่ยอมไป ขอชี้แจงนะคะ เลขาของเขาส่งไลน์ของเขามาให้บีวันที่ 9 ต.ค. บอกให้บีไปดูบัญชี วันพรุ่งนี้เป็น 10 ต.ค. บีก็บอกว่าไปไม่ได้ เพราะติดแอลแฟชั่นวีก นั่นเป็นวันแรกที่เขาตาม เขาก็ขอร้องอีกว่าให้ไปวันที่ 13 บีก็บอกว่าติดงานอีกเหมือนกัน ไปไม่ได้จริงๆ เอาอย่างนี้ไหมน้องอีเมลตัวเลขมาให้ดูหน่อย เดี๋ยวจะทำการบ้านและสรุปอีกทีว่าเป็นยังไง แต่เขาก็ไม่ยอมส่ง ไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น บีก็โอไม่เป็นไร หลังจากนั้นพี่เอได้โทร.เข้ามา พูดเหมือนอยากให้เราไปให้ได้ ทางบีก็บอกชัดเจนว่าบีไปไม่ได้ เพราะเราทำงานอยู่และเป็นงานที่สำคัญ ส่งที่พี่โยได้พูดมาว่าทางเขาพร้อมดับเครื่องชน คำๆ นี้บีอยากให้พวกพี่ๆ ย้อนกลับไปถามพี่โย ว่าทางเขาได้พูดอะไร ทำไมทางบีถึงได้พูดว่าเราพร้อมจะดับเครื่องชน ส่วนเรื่องเงินชดเชยลูกน้อง เรื่องนี้บีทราบดีทุกเรื่อง ว่าการปิดบริษัทต้องมีเงินชดเชย บีรู้ว่าเขาได้เอาลูกน้องส่วนหนึ่งจากโยบีไปกับเขาต่อ บีก็โอเค เคลียร์ แต่ส่วนที่ไม่ได้ทำงานต่อเราก็มีเงินชดเชยให้ ค่าชดเชยทุกบาททุกสตางค์ เป็นการตกลงระหว่างฝั่งลูกน้องกับบริษัทโยบี ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าค่าชดเชยต่างๆ ทางบริษัทโยบีไดเอตฟูดส์เดลิเวอรี่ เป็นคนรับผิดชอบ ไม่ใช่ทางคุณโยรับผิดชอบเพียงคนเดียวอย่างที่เขากล่าวอ้าง”

“และอีกอันหนึ่งเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันก่อนนี่เอง คุณโยต้องการที่จะให้บีเข้าไปเคลียร์บัญชีทุกๆ อย่าง บีบอกได้เลยว่าทำไมบีถึงเข้าไปไม่ได้ เพราะหนึ่งคนที่เขาทำบัญชี ที่เชี่ยวชาญทางด้านตัวเลข เขายังไม่ว่าง ซึ่งก็ได้ชี้แจงไปทางเขาแล้ว และอีกอย่างที่อยากจะชี้แจงให้ทราบคือโยบีมีคนทำบัญชีอยู่แล้ว แต่คนเก่าไม่ได้ทำในโยบีอีกแล้ว เหมือนเขาหยุดการทำงานกับโยบี ซึ่งบีไม่ขอบอกเหตุผลว่ามันคืออะไร คงไม่ต้องพูด แต่ก็ได้มีคนที่ทำบัญชีตัวใหม่เข้ามาเพิ่งเข้ามาและเพิ่งมาดู และเริ่มต้นใหม่ในการทำบัญชีทั้งหมด และคนนี้ก็เป็นคนของพี่โย ไม่ใช่คนของบีอีกต่อไป ฉะนั้นการที่จะดูบัญชีทั้งหมดให้เคลียร์จริงๆ ก็คงต้องใช้บริษัทที่เขาเชี่ยวชาญทางด้านบัญชีจริงๆ มาดู เพื่อความแฟร์ก็ควรจะต้องขอดูตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ มันเลยทำให้การเคลียร์บัญชีของเราช้าไป บีก็ต้องขอบอกทางสื่อเผื่อไปถึงเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในสิ่งที่พี่โยต้องการก็คือ เขาบอกว่าถ้าบีไม่เข้าไปในสามวัน เขาจะให้ทนายส่งจดหมายมาให้บี เขาจะให้ทนายขู่ส่งจดหมาย สำหรับบีก็บอกเหตุผลตรงนี้เลย เพราะในอนาคตเขาก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาอ้างอีก จะได้ชัดเจนไปเลย ว่าเราเกิดอะไรขึ้นในสถานการณ์ของเรา โอเคค่ะ จบไหมคะ”

ยันปิดธุรกิจเพราะทัศนคติไม่ตรงกันและเคลียร์บัญชีไม่ลงตัว ส่วนความสัมพันธ์ไม่มีทางเป็นเหมือนเดิมได้อีก
“เรื่องนี้โยบีไดเอตฟู้ดก็มีทั้งช่วงพีกและช่วงโลว์แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่างที่บอกตั้งแต่แรก เราใช้วิธีบริหารอย่างที่บีอธิบายไป ว่าเราใช้กำไรสะสมของเราในการบริหารธุรกิจตัวนี้ คือไม่มีใครลงทุน ตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้ว แต่เงินกำไรก็คือเงินของโยบี ถึงมันจะดาวน์ยังไง มันไม่ถึงกับอยู่ไม่ได้ เอาอย่างนี้ดีกว่า”

มันมีบางเรื่องที่บีพูดตรงๆ ไม่ได้เลย จริงอยู่มีปัญหาเรื่องบัญชี เรื่องทัศนคติไม่ตรงกัน แต่มันก็มีอีกหลายๆ เรื่อง ที่ระหว่างทางมีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสี่เดือนที่ผ่านมาที่เราไม่สามารถจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก ในความสัมพันธ์ของเรา พูดง่ายๆ นะคะ ไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ฉะนั้นก็ต่างคนต่างดำเนินชีวิตของตัวเองดีกว่า”

ส่วนที่โยแจงว่ามีการนำเงินบริษัทเข้าบัญชีส่วนตัวเพราะต้องการเลี่ยงภาษี บีแจงไม่หวั่นโดนภาษีย้อนหลัง มั่นใจทำทุกอย่างถูกต้อง โปร่งใส ไม่หมกเม็ด
“เรื่องนี้บีขอชี้แจงเลยค่ะ อย่างที่บีบอกไปตั้งแต่ต้น ว่าบีไม่ได้ทำธุรกรรมการเงินตั้งแต่แรก บีต้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินของบีเข้ามาตรวจสอบจริงๆ เรื่องนี้บีว่าพี่ควรจะไปถามเขามากกว่าว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันคืออะไร อย่างที่บอกพี่ไม่รู้เรื่องการเงินใดๆ ทั้งสิ้นเลย เวลาที่เขาจะให้เงินบีมาหรืออะไรก็แล้วแต่บีไม่เคยเช็กเลยด้วยซ้ำว่าได้เท่าไหร่ยังไง เพราะบีไม่เคยใส่ใจเรื่องเงินมาตั้งแต่แรก”

“เรื่องเงินบีไม่มายด์ค่ะ เพราะตลอดชีวิตของบี บีพูดเลยตั้งแต่บีเริ่มทำงานมา บีกล้ายืนยัน กล้าสาบานว่าบีจ่ายภาษีทุกบาททุกสตางค์ไม่เคยหมกเม็ด ไม่เคยทำอะไรที่ลักลอบที่จะไม่จ่ายค่าภาษีเลย บีกล้าพูดได้เลยนะคะ จะให้โยจ่ายย้อนหลังหรือมาเก็บบิลอะไรก็แล้วแต่ บียินดีที่จะจ่าย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องคุณแม่บีดำเนินการให้บี ซึ่งบีเป็นดารา ทุกคนก็น่าจะทราบว่าต้องจ่ายปีละสามครั้งและบีก็จ่ายตลอด ไม่เคยเลี่ยงภาษีใดๆ ถ้ากรณีนี้จะมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นมีเรื่องของภาษีเข้ามา ในเมื่อเราคิดว่าเราทำถูกต้องตั้งแต่แรกอยู่แล้ว บีขอบอกเลยว่าบีไม่รู้เรื่องของเงินเกี่ยวกับบริษัทสักกะบาท สักสตางค์สิ่งที่ทำให้บีรู้ได้คือวันที่บีเดินเข้าไปดูบัญชี ว่ามันคืออะไร มันเลยเหมือนโป๊ะแตก อ๋อ รู้แล้ว ก็แค่นั้นเองจบ จริงๆ ซึ่งการเดินไปดูบัญชีครั้งนั้นเป็นครั้งแรก บีไม่เคยก้าวก่ายเลย อย่างที่บอก หนึ่งบีไว้ใจเขามาก ให้เขาทำธุรกรรมการเงินจริงๆ เพียงคนเดียว เขาไม่มีบีเขาก็สามารถเซ็นเงินเข้าเงินออกได้ ตามสบาย ตรงนี้บีขอชี้แจงเลยสำหรับคนที่มองว่าบีทำธุรกิจมาแล้วเห็นแก่เงินหรืออะไรก็แล้วแต่ บอกตรงๆ ถ้าบีเห็นแก่เงิน โลภมากหรืออะไรก็ตามแต่ บีคงไม่โง่ ให้เขาหรือใครมานั่งด่าว่าบีโง่ ยอมให้เขาเซ็นธุรกรรมทางการเงินคนเดียวจริงๆ”

รับอึ้งกิมกี่ โยบอกตนเป็นเพียงแค่หุ้นลม ยันเริ่มธุรกิจด้วยกันมาตั้งแต่ต้น ลงทุนเท่ากัน
“ยืนยันค่ะ ลงทุนเป็นเงินก้อนจำนวนหนึ่งเลย เพราะหนึ่งเราไม่มีเงินทุนที่จะไปซื้อทำอาร์ตเวิร์ก แพ็กเกจจิ้งทำโยบีก่อนเสิร์ฟให้ลูกค้าได้ ฉะนั้นต้องมีการลงทุนก้อนหนึ่งกันอยู่แล้ว เราก็แชร์เงินเท่าๆ กัน อย่างที่บอก ธุรกิจนี้เราเริ่มต้นทำกันมาด้วยกัน โยและบี”

“อันนี้พี่คงต้องไปถามเขาดูแล้วค่ะ ว่าทำไมถึงพูดอย่างนั้น บีก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ถามบีเอง บีก็อึ้งกิมกี่อยู่ คนที่เขารู้ตั้งแรก ว่าเราทำมาด้วยกัน ว่าโยบีเกิดจากอะไร คนที่เขารู้ว่าธุรกิจนี้ของเราเริ่มต้นและเกิดจากอะไรเขาก็อึ้งกันทุกคน ว่าทำไมถึงพูดดิสเครดิตบีได้ขนาดนี้ ตัวบีเองก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกัน”

“เรื่องตัวเลขบีจะรอให้คนทำบัญชีของบีที่เขาเก่งจริงๆ ของบีมาดูทกจุดเลย แต่ตอนนี้บียังตอบไม่ได้ แต่อย่างที่บอก บีได้อธิบายโมเดลธุรกิจตัวนี้แล้วว่าเป็นยังไง เราได้เงินมาร้อยบาท เราแบ่งให้ซัปพลายเออร์ร์ แปดสิบ เราได้ยี่สิบ ซึ่งเป็นกำไรเข้ากระเป๋าเรา ก็เท่ากับธุรกิจตัวนี้ไม่ได้ลงทุน สิ่งที่เราลงทุนไปเราได้กำไรกลับคืนมาเรียบร้อยแล้ว เราก็แค่บริหารธุรกิจ โดยใช้กำไรหมุนไป จะเรียกว่าฉลาดก็ได้ เพราะเราก็ไม่ต้องลงทุนอะไรแล้ว ธุรกิจตัวนี้บีก็พูดตรงๆ ว่ามันมีการบริหารแบบนี้จริงๆ มาตั้งแต่แรก จนมันอยู่ตัว ดำเนินในรูปแบบบริษัทก็เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ”

ปัดตอบ เงินในบัญชีหาย 3 ล้าน ไม่เคยพาดพิงอีกฝ่ายโกงเงิน โกงบริษัท
“อันนี้ขอไม่พูดถึงค่ะ อย่างที่บอกตั้งแต่ครั้งแรก บีไม่เคยกล่าวหาว่าเขาโกงนะคะ ไม่เคยมีคำนี้หลุดจากปากบีว่าเขาโกงเงิน (เน้นเสียง) โกงบริษัท เพราะฉะนั้นไม่อยากให้เขาต้องมานั่งปฏิเสธหรืออะไรก็แล้วแต่ เขามานั่งพูดเราก็เห็นว่ามันคืออะไร แต่อยากให้ไปดูคำตอบของบี ตั้งแต่แรกๆ หนึ่งทัศนคติไม่ตรงกัน สองมีปัญหาเรื่องบัญชี ที่มันไม่เคลียร์ ซึ่งบีก็ยังไม่เคลียร์จริงๆ จนถึงปัจจุบัน สิ่งที่บีต้องการคือเขาพูดไปครั้งก่อนๆ มันทำลายชื่อเสียงของบี ดิสเครดิตบีอย่างสินเชิง แล้วสิ่งที่พี่เขาพูด ว่าแบ่งเงินให้บีห้าสิบเปอร์เซ็นต์อะไรก็ตามแต่ บีไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย เพราะบีไม่เคยสนใจเรื่องเงินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาให้มายังไงบีก็โอเคตามนั้นตั้งแต่แรก ไม่เคยนั่งรีเช็กด้วย ว่าเงินเข้าท่าไหร่ ยังไง ไม่เคยเลยจริงๆ แต่สิ่งที่เขามาพูดกับบีว่าบีเป็นหุ้นลมหรืออะไรก็ตามแต่ อยากชี้แจงว่าที่ผ่านมาบีไม่ใช้หุ้นลม เราแบ่งหน้าที่ชัดเจนตั้งแต่แรก ในส่วนพีอาร์บีก็ทำหน้าที่เต็มตัว หน้าบีก็เป็นโลโก้ ทุกคนเจอบี ทุกคนทักว่า เจอบีก็ต้องกินโยบีสิจะได้หุ่นดีเหมือนบีเข้าใจกันไหมคะ เราทำหน้าที่ของเราเต็มที่ แต่สิ่งที่เขาพูดมาเหมือนเราไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ทำงาน ติดนั่นติดนี่ ระหว่างทาง บีว่าบีเคลียร์แล้วทุกอย่างในการดำเนินธุรกิจมา”

ยันเรื่องฟ้องร้องเป็นเรื่องอนาคต อยากให้อีกฝ่ายออกมาขอโทษและรับผิด
“เรื่องฟ้องบีขอให้เป็นเรื่องอนาคตค่ะ พูดจริงๆ บีไม่อยากทำลายชีวิตใคร แต่ต้องออกมาชี้แจงความจริง ทุกสิ่งทุกอย่างว่ามันคืออะไรก็แค่นั้นเอง อันนี้ไม่ขอพูดถึง บียกตัวอย่างแล้วกันถ้าบีผิดจริงบีพร้อมขอโทษเขา หรืออะไรก็ตามแต่ บีไม่มายด์เลยถ้าบีผิด บียอมรับได้ แต่ถ้าเป็นฝั่งเขาผิด บีก็อยากให้เขาออกมาพูดว่าขอโทษ เขาผิดไปแล้ว แค่นั้นเอง จบ ส่วนเรื่องเงินอันนี้ขอไกล่เกลี่ยหลังบ้านแล้วกันนะคะ (หัวเราะ) ว่าจะยังไง ดีกว่านะคะ”

“เรื่องไกล่เกลี่ยก็อย่างที่บอกว่าต้องรอคุยกับพนักงานบัญชี อย่างที่เขาส่งมาไม่ใช่พนักงานบัญชีที่ทำโยบีตั้งแต่แรก การที่บีจะเข้าไปเซ็นเลยไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะทำวันหนึ่งแล้วจะเสร็จ เราต้องมีการตรวจทานทุกอย่างตั้งแต่เริ่มแรกจนปัจจุบัน ซึ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา เพราะตัวเลขมันเยอะนะ”

ยันปิดธุรกิจไม่เกี่ยวกับ “ฮิม อิสริยะ คูหาเปรมกิจ” เข้าแทรกกลางธุรกิจ ความสัมพันธ์เหมือนแก้วที่แตกและไม่มีทางเป็นเหมือนเดิม ลั่นก่อนทำธุรกิจรักกันชิ-หาย
“ฮิมเองบอกว่าเป็นเพื่อนและให้คำปรึกษา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอยืนยันเลยว่ามันไม่เกิดจามกบุคคลที่สามแน่นอน บีเชื่อว่าพี่โยรู้ดีว่ามันเกิดจากเราสองคน รีเลชั่นชิฟของเรามันเหมือนแก้ว ที่มันแตกแล้ว ถามว่าเราพยายามที่จะกลับมาเหมือนเดิมไหม เราพยายามนะคะ แต่เหมือนกับว่ายิ่งเราพยายามก็ยิ่งถอยห่างกันออกไป ที่พี่โยบอกว่าไม่เที่ยวกับบีเลย ไม่ได้สังสรรค์ ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน ถามหน่อยก่อนไม่มีธุรกิจ เรารักกันชิป...ชิ-หาย นี่พูดตรงๆ เลยเรารักกันแทบจะกลืนกิน เรารู้ไส้รู้พุงกันหมด ถ้าพวกพี่ได้เห็นว่า เวลาที่ทุกๆคนหรือใครก็แล้วแต่มาตราหน้าว่าเขาเป็นเมียน้อย ถาเคยเห็นสัมภาษณ์บี บีแทบอยากจะ ขอพูดภาษาชาวบ้านเลยนะคะ บีแทบอยากจะตบกะบาลคนๆ นั้น แล้วให้มาขอโทษพี่โยเดี๋ยวนี้ บีเถียงเพราะรักเขามาก บีเข้าข้างเขาหมดทุกอยาง ไม่ว่าเขาผิดหรือถูกยงไง เขาคือ เพื่อนที่เรารัก รักมาก และพร้อมโปรเท็กซ์เขาทุกอย่างในทุกๆ แบบ ไม่ว่าจะลับหลังหรือออกสื่อก็ตาม เราเป็นยังไงเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ ตรงนี้อยากให้มอง มองถึงความรักที่เรามีให้เขาบ้าง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่บีบอกตั้งแต่ตอนแรกทั้งหมด วันนี้พูดจริงๆ บีไม่ได้ต้องการมาพูดบรัฟกันไปมา แต่ที่บีต้องพูดเพราะหลายคนไม่เข้าใจ หลายคนไม่รู้ธุรกิจโมเดลของเราเป็นยังไง บีถึงออกมาอธิบายว่าธุรกิจของเราเป็นยังไง บีเหมือนคนที่โดนดิสเครดิต อย่างที่เขาพูด เลยทำให้บีออกมาพูดวันนี้ ถามว่าอยากพูดไหม บีไม่อยากพูดเลย แต่สิ่งที่เขาออกมาพูด เหมือนบีบให้บีต้องออกมาเคลียร์ทุกอย่าง ต้องออกมาพูดกันจริงๆ แล้วว่ามันคืออะไร บีไม่ได้อยากทำลายชื่อเสียงเขานะคะ ถึงทุกวันนี้เราไม่ได้ทำธุรกิจด้วยกัน ก็ขอให้พี่เขาทำยาของเขาให้ได้ให้ดี อยากให้เขารวย อยากให้เขามีเงิน บีรู้ว่าเขามีภาระอะไรต่างๆ นานา ซึ่งเรารู้ แต่เราไม่ได้อยากมาทำลายอะไร แต่ที่เราต้องพูดวันนี้เราต้องชี้แจงในฝั่งของเราที่เป็นความจริงในสิ่งที่เขาพูดไม่หมด บีว่าวันนี้บีได้ออกมาพูดทุกอย่างหมดแล้ว”

“อย่างที่บอกไม่ใช่เราไม่พยายาม เราเคยพยายามกัน ตอนเราคุยกันครั้งที่สาม ในการเคลียร์กันเรื่องบัญชี แล้วมันไม่เคลียร์ เราได้พยายามกันแล้ว แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งห่าง อย่างที่บอกเหมือนแก้วแตกละเอียดหมดแล้ว แล้วจะไปประสานเหมือนเดิมก็ไม่มีทางเหมือนเดิม (มองหน้ากันก็ไม่ได้) ก็อย่างที่ตกลงกันไว้ บีก็ต้องให้เกียรติเขา เพราะเขาเป็นคนเสนอมาเองว่าต่างคนต่างอยู่แล้วกัน โอเค ได้ มันไม่ใช่เรื่องของการใช้อารมณ์ ถ้าเราใช้อารมณ์กัน วันรุ่งขึ้นเราก็แค่ขอโทษกัน มันก็คงจบแล้ว”

ยันฮิมบอกว่าพร้อมดับเครื่องชนโย หลังจากโยให้สัมภาษณ์ไปแล้ว เผยหากรักตนจริง คงไม่บอกว่าให้ทนายส่งจดหมายมาขู่
“อันนั้นคือหลังจากนั้นเลยค่ะ วันที่เราพูดว่าต่างคนต่างอยู่ มันเป็นวันที่ 2 ก่อนปิดบริษัท ที่บีบอกว่าปิดไอจี ปิดทุกอย่าง ซึ่งมันเป็นข้อตกลงระหว่างเราสองคนจริงๆ บีเชื่อว่ามันคงไม่ใช่อารมณ์ มันเป็นความที่เราพยายามแล้วและเป็นความเบื่อหน่ายว่าเราจะมาเถียงกันเพื่ออะไร งั้นก็ต่างคนต่างอยู่เถอะ อยากไปทำอะไรก็ไปทำเถ้อะ อย่างนี้อ่ะค่ะ”

“ที่เขาบอกว่าเขารักบีเหมือนน้องจริงๆ ถ้าเขารักบีจริง สองวันก่อนหรือเมื่อวานบีไม่แน่ใจ เขายังส่งข้อความมาเลยว่าถ้าไม่เข้ามาเซ็น พี่จะส่งทนาย ให้ส่งจดหมายมาให้บีนะ พี่จะไม่รอ พี่เสียเวลา ต้องทำอย่างอื่น เข้าใจไหมคะ บีรู้สึกว่านอกจากจะพูดดิสเครดิตบีแล้ว ยังจะทำอย่างนี้กับบีอีกเหรอ จะให้ทนายส่งจดหมายมาให้ บีไม่กลัวหรอกค่ะ(เสียงสูง) ความจริงก็คือความจริง แต่ขอบีแถลงก่อนแล้วกัน ว่าสิ่งที่พี่พูดไปทั้งหมด มันมีบางสิ่งและหลายอย่างที่บิดเบือนและพุดไม่หมดนะ บีต้องออกมาพูดแค่นั้นเอง”

“เดี๋ยวคงต้องขอปรึกษาบัญชีของบีก่อนว่าบีสมควรไปนั่งรับรู้ด้วยไหม เอาตามความจริงเลยนะคะ บีบอกตรงๆ ว่าบีดูมาจนเหนื่อยแล้ว สามครั้งแล้ว บีอาจส่งตัวแทนไป ให้เขาเช็กเลย”

เผยไม่มายด์ที่ต้องทำงานร่วมกับโย ไม่ได้ทำให้เพื่อนนางแบบอึดอัดใจ ยันไม่ตบกันหลังเวทีแอลแฟชั่นวีกแน่นอน บอกเรื่องตบตีเป็นเรื่องของเด็ก
“แอลแฟชั่นวีกเราก็ทำงานด้วยกัน แต่ก็เลือกที่จะอยู่กันคนละฝั่ง คนละมุม ส่วนเรื่องที่เขาบอกว่าจะไม่เดินแฟชั่นวีกแล้ว อันนี้ก็เป็นเรื่องอนาคตของเขา บีไม่ขอพูดถึง เพราะอนาคตของเขาจะเป็นยังไง บีไม่รู้แล้ว บีไม่มายด์ที่จะร่วมงานกับเขา บียินดีมาก จะมีชื่อใครก็แล้วแต่ บีไม่สนใจ บีคิดว่าเราถูกต้อง เรารู้ว่าเราเป็นอะไร

“สิ่งหนึ่งที่บีบอกได้เลย เพื่อนก็คือเพื่อน เพื่อนคนอื่นที่รู้ว่าเราทะเลาะกัน ก็ไม่ได้อยากมีปัญหาอะไรกับเราทั้คู่ เขาเข้าใจ ไม่เคยเรียกร้องให้ใครมาอยู่ฝั่งใคร อะไรก็ตามแต่ อยู่ที่ว่าเขาจะเลือกคบใคร บีไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตใคร เพื่อนทุกคนคงไม่ได้ลำบากใจ ตอนเดินแอลแฟชั่นวีก เราก็คุยปกติกับเพื่อนๆ ทุกคนเหมือนเดิม”

“(มีข่าวว่าตบกัน)หา…(หัวเราะ) ขอยืนยันนะคะ เราโตแล้วทั้งคู่ค่ะ เรื่องตบตีกันเป็นเรื่องของเด็กๆ ค่ะ คนที่ปล่อยข่าวพวกนี้ไม่ใช่ความจริง”

รับเสียใจเพราะรักใครให้ใจไปเต็มร้อย
“พูดอะไรดีเหรอ (คิด) เอิ่ม...จะพูดอะไรดีล่ะ(หัวเราะ) ก็โอเค เรารู้จักกันมา ตนเองบอกว่ารู้จักกันมานานมากแล้ว ตั้งแต่เราเด็ก ๆ ตอนนั้นไม่สนิทกัน รู้จักกันแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง ที่รู้จักกันจริงๆ คือสี่ปี วันที่เราคบกันโดยไม่มีผลประโยชน์ร่วมกันทางด้านเชิงธุรกิจ ทุกอย่างสวยงาม พี่รักน้อง น้องรักพี่ มีอะไรเราก็แบ่งปัน แชร์ประสบการณ์ด้วยกัน เราเที่ยวเกาหลีด้วยกัน นอนห้องเดียวกัน พี่จะเข้าห้องน้ำ พี่จะทำอะไร ยังไง หรืออะไรก็ตามแต่ เรารู้ไส้รู้พุงกันหมด เรารู้ว่าเราเป็นอะไรยังไง ใครนิสัยยังไง ถามว่าเสียดายไหม กับสิ่งที่เคยมีร่วมกันมา บีเสียดายนะคะ แต่บีบอกเลยว่า บีเสียใจไหมกับสิ่งที่เกิดขึ้น วันแรกที่บีสัมภาษณ์ บีอาจจะกวน บียอมรับว่าบีกวนเพราะบีโมโหจริงๆ แต่บีเสียใจนะคะ บีบอกเลยว่าบีเสียใจมาก เวลาที่บีรักใครสักคนจะพูดเสมอ ถ้าพวกพี่จะไปหาข้อมูลกัน บีพูดเสมอว่าเวลาบีรักใคร บีให้ใจคนร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาได้ใจบีร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกอย่างจริงๆ แต่มา ณ วันนี้บีรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเรามันกลับกลายเป็นอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้คนข้างนอก มองเราสองคนแย่ เห็นแก่เงิน บีก็รู้สึกเสียใจ ที่ภาพเราสองคนโดนมองอย่างนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่บีอยากจะบอก ก็ดีใจที่ได้รู้จักเขา ทำให้บีได้เรียนรู้อะไรขึ้นเยอะ ทำให้บีโตขึ้นเยอะ การที่บีจะรักใครสักคน บีคงต้อง...ค่อยๆ ดู ค่อยๆ เรียนรู้ อย่าให้ใจใครไปร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเวลาที่มันเจ็บ มันเจ็บจนจุก จะร้องไห้ แต่ร้องไม่ออก อยากจะพูดอะไรกับใครหลายคนในสิ่งที่อึดอัดมาตลอด 4 เดือนที่ผ่านมาแต่มันพูดไม่ได้แม้กระทั่งคุณแม่ยังพูดไม่ได้ พูดอย่างเพื่อนสนิทอย่างคุณฮิมก็ยังพูดได้แค่ประมาณหนึ่ง ก็เหมือนเราตัวคนเดียว ในขณะที่ฝั่งเขามีทั้งพี่เอที่ทำงานเป็นเอ็มดีอยู่ในโยบี มีเลขาเขาที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวและเป็นเลขาที่อยู่ในโยบีเหมือนกัน ความรู้สึกสี่เดือนที่ได้รับ เหมือนโดนรุม บีพูดได้เลย แต่ ณ วันนี้บีถือว่าในเมื่อเราตัดสินใจว่าต่างคนต่างอยู่ ก็ขอให้ต่างคนต่างอยู่กันจริงๆ แล้วก็มานั่งเคลียร์บัญชี แล้วพี่จะทำอะไรก็แล้วแต่พี่ แต่สุดท้ายแล้วบีก็ขอให้พี่เจริญ ในสิ่งที่พี่คิดและพี่ทำจริงๆ ทำอะไรด้วยตัวเองจริงๆ อย่างที่พี่เขาได้พูดไปนะคะ ฝากไว้ตรงนี้ด้วย”

บอกความเสียหายประเมินไม่ได้ ส่วนตนมีคนติดต่อให้ทำธุรกิจด้วยกันตรึม
“ความเสียหายมันเป็นตัวเลขที่บีบอกไม่ได้จริงๆ อย่างที่บีบอกไว้ตั้งแต่แรกว่าบีไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรื่องบัญชีสักบาทเดียว ในบริษัทบีมอบหน้าที่ให้พี่โยดูแลทุกบาททุกสตางค์”

“(หัวเราะ) เอาจริงๆ มี่คนมาชวนเยอะมากเลยนะตั้งแต่เกิดเรื่อง เอาเป็นว่าจะทำไหมเป็นเรื่องอนาคตค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่สอนอะไรหลายๆ อย่างที่บีจะบอกคือการทำธุรกิจครั้งนี้สอนให้บีโตขึ้น เรียนรู้ขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น ฉะนั้นทำอะไรต้องระวัง อย่าให้ใครเซ็นธุรกรรมการเงินคนเดียวนะคะ (หัวเราะ) บอกทุกคนเผื่อไว้เลยด้วยนะคะ (หัวเราะ) อย่าเป็นเหมือนบี คือทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างคิดว่าทุกคนจะทำร่วมกัน สิ่งหนึ่งที่มาด้วยกันคือต้องไม่หวังผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ต้องมีความจริงใจซึ่งกันและกัน เพราะสุดท้ายสิ่งๆ นั้นจะอยู่ตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน ถูกไหมคะ ถ้าเราเข้ามาแล้วมีอะไรแอบแฝงอยู่ ทำอะไรไม่เจริญหรอกค่ะ บีพูดจริงๆ”

“ย้อนเวลาได้จะทำธุรกิจด้วยกันไหม (หัวเราะ) มันตอบยากนะ เพราะในตอนนั้นอย่างที่บอกรักแล้วรักเลย ให้ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ รู้ไส้รู้พุงกันหมด พี่ให้อะไรมา พี่จัดมายังไงบีก็ว่าอย่างนั้น แต่พี่โยบอกว่าไม่อยากทำธุรกิจด้วยกันเพราะไม่อยากเสียเพื่อนจริงๆ แล้วบีว่าการทำธุรกิจถ้าเรามีใจให้กัน ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว บีว่า…(เงียบ) มันพูดยากเนอะ พอเป็นเรื่องเงินปุ๊บ คนก็มองว่าเรื่องเงินเรื่องใหญ่ แต่สำหรับบี บีโอเค บียอมรับว่าที่เราทะเลาะกันเป็นเรื่องของเงิน แต่สำหรับบีมองว่าเรื่องเงินเรื่องเล็กตั้งแต่แรกที่เราเปิดมาตั้งแรกอยู่แล้ว สิ่งที่บีอยากทำคืออยากทำอะไรดีๆ ให้สังคม อยากทำอะไรให้ลูกค้าโยบีจริงๆ ที่เขาติดตามโยบีมา ฟอลโลเวอร์ 72000 คนที่เขาติดตามโยบีจริงๆ เขารู้สึกว่าเราดูแลสุขภาพ ดูแลตัวเองจริงๆ เราอยากมีสิ่งดีๆ ให้กับทุกคน แต่ถ้ามันไม่เวิร์ก มันก็ไมเวิร์ก”

โดยภายหลังบีได้แถลงเปิดใจไม่นาน ด้านโยก็ออกมาโพสต์อินสตาแกรมซัดทนไม่ไหว ตอกกลับด้วยข้อความแรงนอนเซ้นส์ การศึกษามีผลกับสมองและการกระทำ!
“ครั้งที่1 เราให้ว่าพลาด ครั้งที่2 ถือว่ายังไม่เข็ด ครั้งที่3 ต้องเป็นความตั้งใจเท่านั้น จริง!ถามว่ารักไหม รักมากและทำดีที่สุดแล้ว จนต้องป่นปี้เสียหายอับอายก็ยอม! แต่แค่อยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะพอและจบ? เรื่องจริงอยู่ที่ปัจจุบันตรงหน้าไม่ใช่อดีต...หนังเรื่องนี้ต้องมีตอนจบแล้ว พร้อมจะเผชิญรึยัง? ถามว่าโกรธไหม วันนี้คงบอกว่าเริ่มจะไม่ไหว!#nonsense #การศึกษาก็มีผลกับสมองและการกระทำจริงๆ”






ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live

ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม



เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

กำลังโหลดความคิดเห็น