เอพี/เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - มีร่างของกลุ่มผู้ประท้วงนิยมรัสเซียไม่ต่ำกว่า 40 คน ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลหลังจาก 1 วันของการปะทะระหว่างกองทัพยูเครน และกลุ่มผู้ประท้วงติดอาวุธนิยมรัสเซียในโดเนตสค์ ทางตะวันออกของยูเครน ที่กองทัพยูเครนใช้เครื่องบินเจ็ตขับไล่เข้าจัดการ และทำให้สนามบินนานาชาติโดเนตสค์ตกอยู่ในการควบคุมของรัฐบาลยูเครนอีกครั้ง
เอเอฟพีรายงานว่า อาร์เซน อาวาคอฟ รัฐมนตรีรักษาการมหาดไทยยูเครนแถลงในวันนี้ (27) ว่า กองกำลังพิเศษยูเครนสามารถเข้าควบตุมสนามบินนานาชาติโดเนตสค์ ในยูเครนตะวันออกไว้ได้โดย 100% หลังจากมีการออกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ และการสู้รบที่ดุเดือดกับกลุ่มผู้ประท้วงติดอาวุธนิยมรัสเซีย “ท่าอากาศยานโดเนตสค์อยู่ภายใต้การควบคุมของเราอย่างสมบูรณ์ ฝ่ายข้าศึกสูญเสียไปมาก แต่ทางกองกำลังยูเครนไม่มีตัวเลขสูญเสีย” อาวาคอฟ โดยมีจำนวนจัวเลขกลุ่มแบ่งแยกิดนแดนเสียชีวิตราว 40 คน
นอกจากนี้ เอพียังรายงานว่า หนึ่งในผู้ประท้วงติดอาวุธนิยมรัสเซียที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อเนื่องจากความปลอดภัยได้เปิดเผยในวันนี้ (27) ว่า ด้านนอกของโรงพยาบาลในโดเนตสค์มีร่างของสมาชิกกลุ่มติดอาวุธได้ถูกส่งไปที่นั่น และกล่าวต่อไปว่า รถบรรทุกที่ขนร่างผู้ประท้วงแบ่งแยกดินแดนยังจอดอยู่ที่ด้านนอกของโรงพยาบาล รอเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญกู้ระเบิดมาตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย
แต่ RT สื่อรัสเซียรายงานตัวเลขผู้สูญเสียมากกว่านั้น โดยเปิดเผยว่ามีจำนวนกลุ่มติดอาวุธอย่างน้อย 50 คนเสียชีวิต และรวมถึงพลเรือนในพื้นที่อย่างน้อย 2 คน โดย เดนิส พูชิลิน ประธานของสภาสูงสุดสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ที่แต่งตั้งตนเองจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนได้ประเมินว่า อาจมีจำนวนคนที่เสียชีวิตจากการปะทะกับกองทัพยูเครนมีมากถึง 100 คน “ยากที่จะนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาเพราะมือสไนเปอร์จะส่องใครก็ตามที่เข้าไปใกล้” พูชิลิน กล่าว
และอเลกซานดร์ โบโรเดย (Aleksandr Boroday) นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนหลังจากการลงประชามติได้ให้สัมภาษณ์กับ RIA Novosti ในวันจันทร์ (26) ว่า
“เราเสียกองกำลังไปไม่ต่ำกว่า 50 นาย จากการที่รถบรรทุกลำเลียงพล 2 คันถูกถล่มโดยกองกำลังพิเศษยูเครนทั้งทางอากาศ และการซุ่มโจมตีจากพื้นราบ โดยรถบรรทุกได้ขนกองกำลังที่บาดเจ็บจากการปะทะใกล้กับสนามบินนานาชาติโดเนตสค์ ที่มีอย่างน้อย 15 คนเสียชีวิตที่นั่น การยิงรถขนผู้บาดเจ็บนั้นขัดต่อหลักกฎหมายต่างประเทศทุกประการ”
ในวันจันทร์ (26) ที่ผ่านมา มีการต่อสู้รบอย่างดุเดือดระหว่างกองกำลังพิเศษยูเครนและกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียเมื่อกลุ่มผู้ประท้วงได้คืบหน้าทำการยึดสนามบินโดเนตสค์ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยูเครน ทั้งนี้ เอพีรายงานว่า ได้เห็นการปะทะของฝ่ายยูเครนทางอากาศที่ใช้เครื่องบินขับไล่เจ็ต และเฮลิคอปเตอร์กันชิปเข้าถล่มฝ่ายตรงกันข้ามทั้งกลางวันกลางคืน เป็นผลทำให้มีควันไฟดำปกคลุ่มทั่วไปในเมืองโดเนตสค์ที่มีประชาชนราว 1 ล้านคน
เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดสนามบินโดเนตสค์ รวมไปถึงตำรวจท้องถิ่นได้ปิดถนนโดยรอบในระหว่างการสู้รบในขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองโดเนตสค์ออกคำสั่งทางโทรทัศน์ให้ประชาชนเก็บตัวอยู่แต่ภายในบ้าน
และในเช้าตรู่วันอังคาร (27) กลุ่มชายไม่ทราบชื่อได้บุกไปที่สนามฮอกกี้น้ำแข็งของโดเนตสค์ที่จะเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน world championships 2015 และจุดไฟเผา แถลงการณ์จากสำนักเทศมนตรีเมืองโดเนตสค์รายงาน
และในเมืองลูฮานสค์ (Luhansk) ที่มีพรมแดนติดโดเนตสค์ เจ้าหน้าที่ด่านชายแดนยูเครนเผยว่า ได้เกิดการดวลปืนกับกลุ่มคนที่พยายามข้ามแดนมาจากรัสเซีย และเปิดเผยต่อว่า ผลการดวลปืนทำให้ผู้บุกรุกได้รับบาดเจ็บ 1 คน และยังสามารถยึดรถพาหนะที่ขนอาวุธสงครามเป็นจำนวนมาก เช่น ปืนไรเฟิลคาลาชนิคอฟ(Kalashnikov) ระเบิด ปืนอาร์พีจี
โดยรัฐบาลรักษาการยูเครนยืนกรานที่จะยังเดินหน้าปฎิบัติการทางทหารปราบปรามต่อกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียต่อไป ซึ่งทำให้ชาวยูเครนที่อาศัยในทางตะวันออกต่างโกรธแค้นเคียฟที่มองว่าอำนาจใหม่ยูเครนเป็นพวกชาตินิยมและต้องการกดขี่ประชาชนในภาคตะวันออกที่พูดภาษารัสเซีย
วิตาลี ยาเรมา ( Vitaly Yarema) ผู้ช่วยนายกรัฐมนตรีรักษาการยูเครน กล่าวผ่านรายการโทรทัศน์ว่า “ปฏิบัติการปราบปรามผู้ก่อการร้ายทางตะวันออกยังเดินหน้าต่อไปจนกว่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนจะถูกทำลายหมด”
ด้าน “ราชาช็อกโกแลต” เปโตร โปโรเชนโก (Petro Poroshenko) ที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของยูเครนเรียกกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเหล่านี้ว่า “โจรสลัดโซมาเลีย” และกล่าวต่อว่า “อาวุธสงครามควรต้องใช้กับพวกอาชญากร และกลุ่มผู้ก่อการร้าย”
แต่กระนั้นโปโรเชนโกยังเสริมว่าต้องการยุติปฎิบัติการทหารในยูเครนตะวันออกให้เร็วที่สุด “ปฏิบัติการก่อการร้ายไม่ควรจะยาวนานเกิน 2-3 เดือน” โปโรเชนโกให้สัมภาษณ์ในวันจันทร์ (26) และเปิดเผยต่อว่า “แท้จริงแล้วควรจะสิ้นสุดลงภายในไม่กี่ชั่วโมง”
ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลารอฟ ได้ให้สัมภาษณ์ในวันจันทร์ (26) ว่า รัสเซียพร้อมที่จะเจรจากับ เปโตร โปโรเชนโก ผู้นำคนใหม่ของยูเครนโดยที่ไม่มี สหรัฐฯและอียูเป็นตัวกลาง ซึ่งหลังจากเปโรเชนโกประกาศชัยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนในวันอาทิตย์ (25) ที่ถึงแม้ผู้นำคนใหม่ยูเครนจะสนับสนุนให้ยูเครนเดินหน้าไปผูกไมตรีกับอียู แต่เขาได้ประกาศว่าวาระแรกที่จะทำหลังจากเข้าสาบานตนคือการเดินทางไปเยือนยูเครนตะวันออก และเริ่มสัมพันธไมตรีทางการทูตกับรัสเซีย โดยโปโรเชนโกหวังว่ารัสเซียจะสนับสนุนความพยายามของเขาในการรักษาเสถียรภาพของยูเครน และต้องการเดินทางไปกรุงมอสโกเพื่อเจรจา แต่อย่างไรก็ตามลารอฟให้สัมภาษณ์ในวันนี้ (27) ว่า ยังไม่การพิจารณาและการปรึกษาผ่านช่องทางการทูตถึงการเยือนของโปโรเชนโกที่กรุงมอสโก
ในขณะที่เอเอฟพีรายงานว่า อาร์เซนี ยัตเซนยุค นายกรัฐมนตรีรักษาการยูเครนได้กล่าวในวันอังคาร (27) ว่า เคียฟไม่เชื่อใจรัสเซียมากพอที่จะเปิดการเจรจาโดยตรงในความพยายามที่จะยุติการต่อสู้ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออก “ในสถานการณ์ปัจจุบัน การเปิดโต๊ะเจรจาโดยไม่มีสหรัฐฯและสหภาพยุโรปเข้าร่วมด้วยนั้นเป็นไปไม่ได้” ยัตเซนยุคกล่าวในที่ประชุมคณะ ครม. และกล่าวต่อว่า “หากว่ายูเครนนั่งลงเจรจากับรัสเซียตามลำพัง รับรองได้ว่ารัสเซียเล่นตุกติกแน่นอน”
ทางด้านประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้เรียกร้องในวันนี้ (27) ให้หยุดปฏิบัติการทางทหารในยูเครนตะวันออกที่ปูตินเรียกว่า “ปฏิบัติการลงโทษ” โดยกองกำลังทหาร และเร่งให้มีการเปิดเจรจาระหว่างรัฐบาลรักษาการยูเครน และกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซีย ในการพูดคุยทางโทรศัพท์กับมัตเตโอ เรนซี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ปูติน กล่าวย้ำว่าการหยุดปฎิบัติการทหารในยูเครนตะวันออกเฉียงใต้ต้องเกิดขึ้นทันที และต้องมีการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลรักษาการยูเครนและตัวแทนของภูมิภาค” เครมลินแถลง