นับจากวันที่ 1 กันยายน ที่เบื้องต้นถูกระบุว่าช่อง 3 ออริจินัล ที่แพร่ภาพในระบบอะนาล็อก จะไม่สามารถรับชมผ่านทีวีระบบดาวเทียมและเคเบิ้ล ตามคำสั่งของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แต่ผ่านมาเกือบ 1 สัปดาห์ ช่อง 3 ออริจินัลก็ยังคงแพร่ภาพได้ตามปกติ
ท่ามกลางความคลางแคลงใจ และฉงนสนเท่ห์ของคนที่ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตัวแทนผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล อาทิ....กลุ่มเนชั่น วอยซ์ทีวี ไทยทีวี ไทยรัฐทีวี อาร์เอส ได้มีการยื่นหนังสือเพื่อขอให้บอร์ด กสทช. ดำเนินการตามมติอย่างเด็ดขาด เพราะทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าการที่ช่อง 3 ซึ่งถือเป็นองค์กรใหญ่ ไม่ยอมยุติการแพร่ภาพด้วยระบบอะนาล็อกนั้น จะส่งผลกระทบถึงภาพรวมของการเปลี่ยนผ่านสู่ทีวีดิจิตอล ที่ไม่สามารถเติบโตได้ในแบบที่ควรจะเป็น
ประเด็นนี้เอง ที่ผู้สันทัดกรณีในวงการทีวี วิเคราะห์เจาะลึกลงไปอีกชั้นว่า การที่ช่อง 3 ยืนกรานไม่ยอมนำช่อง 3
ออริจินัล ออกอากาศแบบ “คู่ขนาน” เหมือนกับช่องอะนาล็อกอีก 5 ช่อง (5,7,9, NBT และ TPBS) นอกเหนือจากเหตุผล ที่ไม่ต้องการลดอัตราโฆษณา ตามกฎคือโฆษณาได้ไม่เกิน 6 นาทีต่อชั่วโมง ขณะที่ช่อง 3 อะนาล็อก สามารถโฆษณาได้ 12 นาทีต่อชั่วโมงนั้น การที่ทีวีดิจิตอลยังไม่สามารถ “ไปได้ไกล” อย่างที่ตั้งเป้าไว้ อาจจะยังผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยบาดเจ็บ-ล้มตาย และถอนตัวออกมาจากการแข่งขัน ถือเป็นการ “ตัด” คู่แข่งทางธุรกิจออกไปโดยที่ช่อง 3 ไม่ต้องเปลืองเลือดเปลืองเนื้อ
ช่อง 3 อาจกำลังรอคอยให้วันนั้นมาถึง แล้วจึงค่อยกระโจนลงมาในสมรภูมิดิจิตอลอย่างเต็มตัว !!
ไม่แปลกที่กูรูหลายคนจะมองว่า นี่คือเกมกลุยทธ์ที่ออกแนว “ฉลาดแกมโกง” ไม่น้อย
ขณะที่ช่อง 3 เอง ก็ “มองต่างมุม” เพราะนอกเหนือจาก “ข้ออ้าง” ในเรื่องของอำนาจการบริหาร ที่ดำเนินงานภายใต้ “นิติบุคคล” ที่ต่างกัน ระหว่างช่อง 3 ออริจินัล และช่อง 3 ดิจิตอลแล้ว การที่ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อสัมปทานช่องทีวีดิจิตอลนั้น ก็ย่อมมุ่งหวังที่จะนำมาต่อยอดทางธุรกิจ เพื่อให้มีสถานีในการนำเสนอคอนเทนต์มากขึ้น นับรวมแล้ว 4 ช่อง คือช่อง 3 ออริจินัล และช่อง 3 ดิจิตอลอีก
3 ช่อง (ช่อง 13, ช่อง 28 SD และช่อง 33 HD) ขณะที่ถ้าออกอากาศแบบ “คู่ขนาน” เหมือนช่องอะนาล็อกอื่นๆ เท่ากับสูญเสียช่องทางการออกอากาศไป 1 สถานีเต็มๆ
พร้อมกันนั้น ทางช่อง 3 เอง ได้ออกคำชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ไว้เป็นข้อๆ ดังนี้
1. ปัจจุบันสามารถรับชมไทยทีวีสีช่อง 3 ออริจินัล ผ่านเสาก้างปลา เสาหนวดกุ้ง โครงข่ายโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและระบบเคเบิ้ลทีวี
2. ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2557 ประชาชนยังรับชมช่อง 3 ออริจินัล ผ่านเสาอากาศก้างปลาและหนวดกุ้งได้ตามปกติไปจนหมดอายุสัมปทานถึงปี 2563 โดยไม่มีปัญหา ประเด็นที่กำลังถกเถียง คือ กสทช. ยังจะอนุญาตให้ผู้ประกอบการโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวี นำสัญญาณช่อง 3 ไปออกอากาศหรือไม่
3. กสทช และผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลบางรายมีความต้องการให้ช่อง 3 ออริจินัล lขึ้นไปออกอากาศคู่ขนานบนช่องทีวีดิจิตอลที่บริษัทในเครือประมูลมาได้ทันทีโดยมีความเข้าใจว่าต้องการให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ทีวีดิจิตอลเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด
4. ช่อง 3 เราเห็นว่า ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 27 มีผล เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนโดยทั่วไปเพื่อให้ผู้ชมในระบบดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีซึ่งมีอยู่ 70% ของประเทศหรือประมาณ 15 ล้านครัวเรือนยังสามารถรับชมช่อง 3 ได้ตามปกติ
5. ช่อง 3 สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบทีวีดิจิตอลอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน บริษัทในเครือช่อง 3 มีความเชื่อมั่นในทีวีดิจิตอล จึงเข้าร่วมประมูลมาถึง 3 ช่อง ซึ่งมากที่สุดในผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล
6. ช่อง 3 ขอชี้แจงว่า บริษัทในเครือที่ประมูลทีวีดิจิตอลมา เป็นคนละนิติบุคคลกับช่อง 3 และมีแผนธุรกิจชัดเจน ดังนี้
- ช่อง 13 Family เพื่อเป็นการคืนกำไรให้ประชาชนโดยเสนอรายการเพื่อเด็กและเยาวชนและครอบครัวที่มีสาระประโยชน์เต็มที่
- ช่อง 28 SD ไว้รองรับการเติบโตของธุรกิจ
- ช่อง 33 HD เตรียมไว้รองรับช่อง 3 ออริจินัล ในอีก 6 ปีข้างหน้า เมื่อสิ้นสุดสัญญาเดิมโดยในระหว่างนี้กำลังพัฒนาให้เป็นช่องรายการคุณภาพสูงเป็นต้นว่าการถ่ายทอดกีฬานัดสำคัญระดับโลก
7. หาก กสทช ต้องการให้ช่อง 3 ออริจินัล ออกอากาศคู่ขนานทีวีดิจิตอลเร็วกว่าแผนงานที่เราวางไว้ ช่อง 3 ยินดีที่จะหารือกับ กสทช ซึ่งจำเป็นต้องมีขั้นตอนการดำเนินการอย่างรอบคอบ เนื่องจากเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ และต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม และต้องเคารพสิทธิ์ของช่อง 3 ด้วย
8. ช่อง 3 จะพยายามอย่างที่สุด เพื่อให้ผู้ชมในปัจจุบันทุกระบบออกอากาศไม่ได้รับผลกระทบ
ที่ผ่านมาที่เรื่องยังคงคาราคาซัง เป็นไปได้ว่าอาจจะอยู่ในช่วงที่ กสทช. ต้องชั่งใจ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องของ “ผลประโยชน์” ที่ทับซ้อนกันอยู่ 3 ส่วน
1.ผู้บริโภค
2.ช่อง 3
3.ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลรายอื่นๆ
การจะลงดาบหรือตัดสินอะไรลงไปให้เด็ดขาดนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่ ให้ทุกส่วนได้รับประโยชน์มากที่สุด ในขณะเดียวกันก็ต้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ขณะที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ทางช่อง 3 กล่าวอ้างถึงประกาศ ฉบับที่ 27 ที่ระบุว่ายังสามารถแพร่ภาพได้ทั่วประเทศได้นั้น ทาง พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก ก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของทาง กสทช. ต้องไปดำเนินการเอง
ล่าสุดจากมติของที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ว่าได้เตรียมส่งหนังสือแจ้งผู้ประกอบการโครงข่ายเคเบิลและดาวเทียมห้ามออกอากาศช่อง 3 ในระบบอะนาล็อก โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 15 วันต่อจากนี้ และเร่งให้ช่อง 3 ออกอากาศในแบบ “คู่ขนาน” ในลักษณะเดียวกับช่อง 5 , 7,9 ,NBT และ TPBS ส่วนประเด็นที่ช่อง 3 อะนาล็อกกับช่อง 3 ดิจิตอล เป็นคนละนิติบุคคล กสท. พร้อมช่วยเหลือทุกอย่าง อย่างไรก็ตามยังพร้อมเปิดโอกาสให้ทางช่อง 3 กลับไปทบทวนแนวทางการแก้ปัญหามานำเสนอ เพื่อนำเข้าที่ประชุมอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 8 กันยายน ระหว่างนี้ช่อง 3 อะนาล็อก ยังคงสามารถออกอากาศได้ตามปกติทั้งระบบดาวเทียม และเคเบิลทีวี จนกว่าจะมีคำสั่งจาก กสท. ออกมา เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในการรับชมต่อประชาชนโดยรวม
ที่มา นิตยสารASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 253 วันที่ 6-12 กันยายน 2557