ช่วงนี้เรื่องราวของบุคคลประเภทที่ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ "มนุษย์ป้า" ทั้งหลายค่อนข้างจะมาแรงทีเดียวครับ
โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่มีการตั้งเฟซบุ๊คขึ้นมาหลายต่อหลายแฟนเพจเปิดพื้นที่ให้สมาชิกนำเอาพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้มาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟัง
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการประนามกันดีๆ นั่นเอง
ผมเองไม่ค่อยจะเห็นด้วยสักเท่าไหร่หรอกครับกับการนำเอาคำนับญาติผู้ใหญ่คำนี้มาใช้นิยามแบบเหมารวมถึงพฤติกรรมการกระทำไปในทางที่ไม่ค่อยดีทั้งในเรื่องของความเห็นแก่ตัว, ความไร้มารยาท ฯ แต่กระนั้นก็เข้าใจได้ถึงหัวอกของคนที่ต้องไปประสบพบเจอกับพฤติกรรมของคนเหล่านี้มา
จริงๆ ก่อนที่คำว่ามนุษย์ป้าจะเป็นที่นิยม ก่อนหน้านั้นผมเคยได้ยินรุ่นน้องนักข่าวสายรถยนต์มันเคยเอาคำนับญาติผู้ใหญ่คำนี้มาใช้นิยามถึงคนที่ขับรถแบบงกๆ เงิ่นๆ ไม่กล้าตัดสินใจ จะซ้ายก็ไม่ซ้าย จะขวาก็ไม่ไป หรือจู่ๆ นึกจะเลี้ยวก็เลี้ยวโดยไม่ส่งสัญญาณอะไรทำนองนี้มานานแล้วครับ
เพียงแต่ฟังแล้วออกจะฮาร์ทคอร์ไปหน่อยเพราะมันเรียกว่า "อีป้า"
"พี่ลองสังเกตดูสิ..." มันท้าให้พิสูจน์ ซึ่งจากสังเกตแม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนใหญ่ที่ขับรถแล้วมีอาการเช่นนั้นก็เป็นบรรดาป้าๆ จริงๆ
หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็เนื่องจากบังเอิญอาทิตย์ที่แล้วได้ดูรายการข่าวช่วงเย็นที่มีคนเล่าข่าวคนดังทำหน้าที่พิธีกรนั่งสนทนากับแขกรับเชิญวัยป้า 4 -5 คน
แว้บแรกก็นึกเห็นใจพวกป้าๆ แกอยู่พอสมควรครับที่ต้องกลายเป็นเหยื่อแก๊งต้มตุ๋นหลอกเอาเงินไปคนละหลายแสน หลายล้านบาท แต่พอฟังในรายละเอียดจะบอกว่าผมใจร้ายใจดำก็ได้ เพราะนอกจากจะไม่เห็นใจแล้วผมเองยังแอบสมน้ำหน้า อีกต่างหากครับ
เป็นที่รู้กันว่านอกเหนือจากปัจจัยของความไม่รู้ รู้ไม่เท่าทันแล้ว ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้แก๊งต้มตุ๋นโดยส่วนใหญ่หลอกเป้าหมายของตนเองได้สำเร็จสิ่งนั้นก็คือระดับ "ความโลภ" ของเหยื่อนั่นเอง
สำหรับเหล่าป้าๆ ที่มาออกรายการนั้นรู้มั้ยครับว่าพวกแกโดนแก๊งอะไรตุ๋น?
ไม่ใช่แก๊งบัตรเครดิต ไม่ใช่แก๊งตกปลอม ไม่ใช่แก๊งแชร์ลูกโซ่ ไม่ใช่แก๊งหวยแก๊งหุ้น แต่เป็นแก๊ง "กำถั่ว" ครับ
ขั้นตอนของแก๊งนี้ขั้นแรกก็เริ่มจากการเลือกเหยื่อซึ่งส่วนใหญ่จะเล็งเป้าไปที่บรรดาผู้ที่ประกาศขายหรือว่าให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ตามสื่อต่างๆ ก่อนอ้างตัวเป็นนายหน้าเป็นคนกลางพาเหยื่อไปรู้จักกับเสี่ยที่อ้างว่าจะมาทำธุรกรรมด้วย จากนั้นจึงทำตัวตีสนิทหว่านล้อมเหยื่อให้เล่นพนันกำถั่วโดยอ้างว่ารู้จักกับเซียนพนันทางด้านนี้และที่เด็ดสุดซึ่งจะทำให้เหยื่อหลงเชื่อว่ามีแต่ได้กับได้ไร้ความเสี่ยง ก็เพราะการพนันครั้งนี้มีเป้าหมายในการรวมหัวกันเพื่อโกงเสี่ยคนที่ว่านั่นเอง
ไม่ต้องลงลึกในรายละเอียดว่าแก๊งนี้จะผูกเรื่องสร้างตัวละครขึ้นมาได้แนบเนียนน่าเชื่อถือหรือมีวิธีการโน้มน้าวได้น่าสนใจขนาดไหนหรอกครับ เอาเป็นว่าแค่คิดโลภอยากจะได้เงินด้วยการทำสิ่งที่ผิดกฏหมายแค่นี้ก็ไม่น่าเห็นใจแล้วครับ
แถมนี่ยังตั้งใจจะไปโกงเขาอีก ซึ่งจะว่าไปแล้วไอ้พฤติกรรมตรงนี้ก็คงจะไม่แตกต่างอะไรไปจากสิ่งที่แก๊งต้มตุ๋นทำสักเท่าไหร่หรอก
ดูป้าๆ มาออกรายการที่ว่านี้แล้วก็ให้อดนึกแปลกใจไม่ได้ครับว่าทำไมพิธีกรคนดังถึงตัดสินใจเอาเรื่องนี้มานำเสนอ แถมไม่ใช่แค่วันเดียวนะครับ 2-3 วันติดกันเลยทีเดียว
ต้องการจะบอกอะไร สื่อสารอะไร สาระอยู่ที่ไหน ให้คนดูได้ข้อคิดอะไร? เพราะที่เห็นก็คือมีมนุษย์ป้ามานั่งอวดความโง่ความโลภของตัวเองแค่นั้นจริงๆ
ที่สำคัญ ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วดูเหมือนว่าบรรดาป้าๆ ทั้งหลายแกจะรู้สึกถึงเพียง "ความเข็ด" เพราะ "บทเรียน" ที่ตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำเท่านั้นโดยหาได้ "สำนึก" ใน "ความผิด" ของตนเองแต่อย่างใด
โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่มีการตั้งเฟซบุ๊คขึ้นมาหลายต่อหลายแฟนเพจเปิดพื้นที่ให้สมาชิกนำเอาพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้มาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟัง
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการประนามกันดีๆ นั่นเอง
ผมเองไม่ค่อยจะเห็นด้วยสักเท่าไหร่หรอกครับกับการนำเอาคำนับญาติผู้ใหญ่คำนี้มาใช้นิยามแบบเหมารวมถึงพฤติกรรมการกระทำไปในทางที่ไม่ค่อยดีทั้งในเรื่องของความเห็นแก่ตัว, ความไร้มารยาท ฯ แต่กระนั้นก็เข้าใจได้ถึงหัวอกของคนที่ต้องไปประสบพบเจอกับพฤติกรรมของคนเหล่านี้มา
จริงๆ ก่อนที่คำว่ามนุษย์ป้าจะเป็นที่นิยม ก่อนหน้านั้นผมเคยได้ยินรุ่นน้องนักข่าวสายรถยนต์มันเคยเอาคำนับญาติผู้ใหญ่คำนี้มาใช้นิยามถึงคนที่ขับรถแบบงกๆ เงิ่นๆ ไม่กล้าตัดสินใจ จะซ้ายก็ไม่ซ้าย จะขวาก็ไม่ไป หรือจู่ๆ นึกจะเลี้ยวก็เลี้ยวโดยไม่ส่งสัญญาณอะไรทำนองนี้มานานแล้วครับ
เพียงแต่ฟังแล้วออกจะฮาร์ทคอร์ไปหน่อยเพราะมันเรียกว่า "อีป้า"
"พี่ลองสังเกตดูสิ..." มันท้าให้พิสูจน์ ซึ่งจากสังเกตแม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนใหญ่ที่ขับรถแล้วมีอาการเช่นนั้นก็เป็นบรรดาป้าๆ จริงๆ
หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็เนื่องจากบังเอิญอาทิตย์ที่แล้วได้ดูรายการข่าวช่วงเย็นที่มีคนเล่าข่าวคนดังทำหน้าที่พิธีกรนั่งสนทนากับแขกรับเชิญวัยป้า 4 -5 คน
แว้บแรกก็นึกเห็นใจพวกป้าๆ แกอยู่พอสมควรครับที่ต้องกลายเป็นเหยื่อแก๊งต้มตุ๋นหลอกเอาเงินไปคนละหลายแสน หลายล้านบาท แต่พอฟังในรายละเอียดจะบอกว่าผมใจร้ายใจดำก็ได้ เพราะนอกจากจะไม่เห็นใจแล้วผมเองยังแอบสมน้ำหน้า อีกต่างหากครับ
เป็นที่รู้กันว่านอกเหนือจากปัจจัยของความไม่รู้ รู้ไม่เท่าทันแล้ว ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้แก๊งต้มตุ๋นโดยส่วนใหญ่หลอกเป้าหมายของตนเองได้สำเร็จสิ่งนั้นก็คือระดับ "ความโลภ" ของเหยื่อนั่นเอง
สำหรับเหล่าป้าๆ ที่มาออกรายการนั้นรู้มั้ยครับว่าพวกแกโดนแก๊งอะไรตุ๋น?
ไม่ใช่แก๊งบัตรเครดิต ไม่ใช่แก๊งตกปลอม ไม่ใช่แก๊งแชร์ลูกโซ่ ไม่ใช่แก๊งหวยแก๊งหุ้น แต่เป็นแก๊ง "กำถั่ว" ครับ
ขั้นตอนของแก๊งนี้ขั้นแรกก็เริ่มจากการเลือกเหยื่อซึ่งส่วนใหญ่จะเล็งเป้าไปที่บรรดาผู้ที่ประกาศขายหรือว่าให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ตามสื่อต่างๆ ก่อนอ้างตัวเป็นนายหน้าเป็นคนกลางพาเหยื่อไปรู้จักกับเสี่ยที่อ้างว่าจะมาทำธุรกรรมด้วย จากนั้นจึงทำตัวตีสนิทหว่านล้อมเหยื่อให้เล่นพนันกำถั่วโดยอ้างว่ารู้จักกับเซียนพนันทางด้านนี้และที่เด็ดสุดซึ่งจะทำให้เหยื่อหลงเชื่อว่ามีแต่ได้กับได้ไร้ความเสี่ยง ก็เพราะการพนันครั้งนี้มีเป้าหมายในการรวมหัวกันเพื่อโกงเสี่ยคนที่ว่านั่นเอง
ไม่ต้องลงลึกในรายละเอียดว่าแก๊งนี้จะผูกเรื่องสร้างตัวละครขึ้นมาได้แนบเนียนน่าเชื่อถือหรือมีวิธีการโน้มน้าวได้น่าสนใจขนาดไหนหรอกครับ เอาเป็นว่าแค่คิดโลภอยากจะได้เงินด้วยการทำสิ่งที่ผิดกฏหมายแค่นี้ก็ไม่น่าเห็นใจแล้วครับ
แถมนี่ยังตั้งใจจะไปโกงเขาอีก ซึ่งจะว่าไปแล้วไอ้พฤติกรรมตรงนี้ก็คงจะไม่แตกต่างอะไรไปจากสิ่งที่แก๊งต้มตุ๋นทำสักเท่าไหร่หรอก
ดูป้าๆ มาออกรายการที่ว่านี้แล้วก็ให้อดนึกแปลกใจไม่ได้ครับว่าทำไมพิธีกรคนดังถึงตัดสินใจเอาเรื่องนี้มานำเสนอ แถมไม่ใช่แค่วันเดียวนะครับ 2-3 วันติดกันเลยทีเดียว
ต้องการจะบอกอะไร สื่อสารอะไร สาระอยู่ที่ไหน ให้คนดูได้ข้อคิดอะไร? เพราะที่เห็นก็คือมีมนุษย์ป้ามานั่งอวดความโง่ความโลภของตัวเองแค่นั้นจริงๆ
ที่สำคัญ ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วดูเหมือนว่าบรรดาป้าๆ ทั้งหลายแกจะรู้สึกถึงเพียง "ความเข็ด" เพราะ "บทเรียน" ที่ตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำเท่านั้นโดยหาได้ "สำนึก" ใน "ความผิด" ของตนเองแต่อย่างใด