สมัยก่อน นักแสดงที่จะต้องรับหน้าที่โชว์เนื้อหนังมังสา คือบรรดาฝ่ายตรงข้ามนางเอก ที่ถูกเรียกว่า “ดาวโป๊” บ้าง “ดาวยั่ว”บ้าง “นางอิจฉา”บ้าง จนมายุคที่นางเอกแถวหน้าลุกขึ้นมาปฏิวัติตนเอง เล่นบทแรงๆ แบบถึงเนื้อถึงตัว สลัดคราบผู้หญิงแสนหวาน ยุค “พจมาน-ดาวกระศุกร์ มาเป็นนางเอกในคราบนางร้าย กลายเป็นว่าพาเหรดแจ้งเกิดกันเป็นทิวแถว ไม่ว่าจะเป็นบท “อรอินทร์” ของ “อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” จากละคร “เมียหลวง”, บท “หวานหวาน” ของ “พลอย-เฌอมาลย์” ใน “ระบำดวงดาว” ระเรื่อยมาจน “เรยา” แห่ง “ดอกส้มสีทอง” ที่ส่งผลให้ “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” จากมวยรองของวิกหมอชิต เขยิบมาเป็นเต็งหนึ่งของค่ายหนองแขมในบัดดลแม้กระทั่ง “มาดามเจนี่ อัศวเหม” ยังสลัดคราบนางเอกแอ๊บแบ๊ว กระโจนมาเล่นสงครามปะฉะดะกับเมียหลวงในละคร “แรงเงา” จนดังกระฉ่อน เอ๊ย....ดังกระหึ่มมาแล้ว
แต่ยุคนี้เนื้อหนังมังสาของทั้งบรรดานางเอก นางร้าย ดูจะด้อยค่าไปทันที เมื่อเทียบกับเนื้อแน่นๆ กล้ามล่ำๆ ของบรรดาพระเอกหล่อเลือกได้ทั้งหลาย ที่เอะอะเป็นต้องถอดเสื้อโชว์อก โชว์กล้าม โชว์ซิกแพก ให้บรรดาสาวแท้ สาวเทียม แลเก้ง กวาง บ่าง ชะนี ทั้งหลายได้จิกหมอน นอนน้ำลายสออยู่หน้าจอทีวี
ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าได้ถามถึงเรื่องเชิงชั้น หรือฝีไม้ลายมือทางการแสดง เพราะทั้งหมดทั้งมวล ได้ถูกมองข้ามไปเสียสิ้น ไม่แปลกใจเลยที่พระเอกสมัยนี้ แม้จะเล่นแข็งปานเสาหิน แต่กระนั้นสาวๆ ก็ยังพร้อมจะเทคะแนนให้แบบหมดหน้าตัก ทุ่มใจรักแบบหมดเนื้อหมดใจ
ไม่ว่าจะเป็น “พี่ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี” หรือ “คุณเขมชาติ” แห่ง “อย่าลืมฉัน” ที่สมัยเล่น “แดง ไบเล่” เป็นยังไง ผ่านมาจนในชีวิตจริง เป็นคุณพ่อลูกหนึ่งแล้ว เชิงชั้นการแสดงก็ยังคงย่ำซ้ำรอยเดิม พูดลิ้นรัวยังไง ก็ยังคงรัวอยู่เหมือนเก่า บางประโยคถึงขนาดฟังไม่ได้ศัพท์กันเลยทีเดียว
แต่ให้ตายเถอะ พอพะยี่ห้อว่า “ติ๊ก เจษ” อะไรๆ ก็แลจะน่าดูไปซะหมด เล่นเรื่องไหน เป็นเรตติ้งกระจุยกระจายไปซะทุกเรื่อง ขนาดว่าห่างจอไปย่ำป่า แบกเป้ เป็นเนวิเกเตอร์อยู่เป็นนาน พอคืนมารับบท “พันตรีประจักษ์” ใน “วนิดา” ก็ยังกอบกู้ชื่อเสียงคืนมาได้ชั่วพริบตา แถมยังทำเนียน คว้ารางวัล TOP AWARDS , โทรทัศน์ทองคำ ในฐานะนักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม แถมพกด้วย คม ชัด ลึก อวอร์ด สาขานักแสดงชายยอดนิยม ประจำปี 2010 มาครองหน้าตาเฉย
พอมาเป็น “คุณเขม” ใน “อย่าลืมฉัน” ก็เข้าอีหรอบเดิม ยิ่งพอถึงฉากที่ “คุณเขม” ถอดเสื้อโชว์กล้าม เรตติ้ง “อย่าลืมฉัน” ก็พุ่งกระฉูด พอๆ กับเลือดกำเดาของสาวแท้ สาวเทียม แม้จะมีคนดูกลุ่มหนึ่งแอบปันใจไปให้ “คุณเอื้อ” ผู้แสนอบอุ่น ที่สวมบทโดย “พี่ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา” แต่กระนั้นซิกแพกของ “คุณเขม” ก็ไม่ทำให้คนดูกลุ่มใหญ่ผิดหวังอยู่ดี
หล่อขั้นเทพ อย่าง “โดม-ปกรณ์ ลัม” ก็เข้าข่าย ขายซิกแพกไม่ขายฝีมือ แจ้งเกิดจากการเป็นนักร้องที่โด่งดังระดับซุปตาร์ จากฝั่งลาดพร้าว ก่อนจะอัปเปหิตัวเองย้ายมาฝั่งคู่แข่ง กระทั่งก้าวไปไกลสู่การเป็นเจ้าของค่าย ICONIC RECORDS ส่วนผลงานละคร แม้จะเคยปฏิเสธบท “โกโบริ” จาก “คู่กรรม” ฉบับ อาร์เอส. ปล่อยให้รุ่นพี่ร่วมค่าย (ณ ขณะนั้น) อย่าง “ศรราม เทพพิทักษ์” หยิบชิ้นปลามันซิวบทนี้ไปครอง แต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดใจอ่อน ตกปากรับคำเซ็นสัญญาสู่ร่มไม้ชายคา “โพลีพลัส” ตามเทียบเชิญของ “คุณนิด-อรพรรณ วัชรพล” ประเดิมด้วยเรื่อง “รักไม่มีวันตาย” คู่กับอดีตคน(เคย)รักอย่าง “พลอย-เฌอมาลย์” คราวนั้นแม้จะเล่นแข็งปานเสาหินเดินได้ ทุกคนก็ (พยายาม) เข้าใจ และอภัยให้ เพราะตามท้องเรื่องต้องเล่นเป็นแวมไพร์หนุ่ม จะแข็งบ้างอะไรบ้าง ก็คงไม่ผิดกติกา
แต่ล่าสุดบท “คุณนาคินทร์” พระเอกสไตล์ ตบ-จูบ ใน “เสน่หาสัญญาแค้น” ที่จะต้องห้ำหั่นฝีมือกับ “มาดาม เจนี่ฯ” กระนั้น “ลำ-ปกรณ์” เอ๊ย “โดม-ปกรณ์” ก็ยังคงรักษามาตรฐาน มอก. ไว้ได้อย่างคงเส้นคงวา แต่ก็อีกนั่นแหละ ที่บรรดาแฟนานุแฟนจะมองข้าม เพราะมัวแต่ไปโฟกัสที่ใบหน้าที่หล่อล้ำ และกล้ามที่ล่ำไปทั้งตัวมากกว่า
จากเสาหินรุ่นใหญ่มาถึงเสาหินรุ่นเล็ก อย่าง “สน-ยุกต์ ส่งไพศาล” ที่ตัดสายสะดือแจ้งเกิด โดย “บอย- ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ในละครเรื่อง “แก้วล้อมเพชร” ของเอ็กแซ็กท์ ที่นับว่าหาญกล้ามาก กับการขนทัพนักแสดงหน้าใหม่มาเล่นกันแบบเหมาเข่ง แต่ละคนก็เลยยังมะงุมมะงาหรา เล่นกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ต่างคนต่างแข็ง กระนั้น “สน” ก็ยัง (อุตส่าห์) ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลดาวรุ่งชายยอดเยี่ยม จากงาน Top Awards 2008 ก่อนจะมาคว้ารางวัลดาวรุ่งมาแรงชาย จากงาน สยามดารา ปาร์ตี้ ชะรอยจะทำบุญมาดี เพราะมีหน้าตา และหุ่นเป็นทุนทรัพย์ แม้จะเล่นแข็งปานหิน แต่พระเอก “สน” ก็ยังได้รับการอุปถัมภ์ค้ำจุนจาก “เจ๊ไก่-วรายุฑ มิลินทจินดา” ที่ดึงให้ข้ามช่องจากวิกสนามเป้า เข้ามาวิกหนองแขม แถมกำนัลด้วยบทพระเอก 2 เรื่องซ้อน จาก “แค้นเสน่หา” และ”มาลีเริงระบำ” ที่เตรียมจะลงรอในเร็ววัน ไม่รู้ว่าชื่อชั้นของการเป็นพระเอกไม้ท่อน จะยังคงกระฉ่อนจอต่อไปรึเปล่า
มาถึง “คุณชายเล็ก” แห่ง “วังจุฑาเทพ” พระเอก “บอม-ธนิน” เป็นชายเดียวในวัง ที่กระแสเงียบราวเป่าสาก ทั้งที่คุณชายคนก่อนหน้า อย่าง “คุณชายพุฒิภัทร” จะแจ้งเกิด “ให้ “เจมส์-จิรายุ” ดังเปรี้ยงเป็นซุปตาร์สายฟ้าแล่บชั่วข้ามคืน แต่พอถึง “คุณชายรัชชานนท์” กลับโหนกระแสต่อไมได้ จนใครต่อใครพาลนึกว่าจะต้องแพก กระเป๋ากลับชลบุรีบ้านเกิด แต่กลับได้รับการเปิดโอกาสอีกครั้ง ในบท “หลิน หลานเซ่อ” ในละคร “คิวบิก หนี้หัวใจที่ไม่ได้ก่อ” งานนี้รัศมีความแข็งยิ่งส่องประกาย แม้ว่าทีมผู้จัดจะออกโรงมาปกป้องว่าเล่นไปตามบุคลิกของพระเอกตามท้องเรื่องก็ตามที แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นคำแก้ต่างที่ฟังไม่ขึ้นเอาซะเลย
บาปซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น รักซ้อนที่ซ่อนเร้น กลับถูกเปิดโปงมาในจังหวะที่ละครกำลังจะลงจอพอดิบพอดี งานนี้เห็นทีจะมีแต่เสียกับเสีย แต่ที่เพลีย และปลง ก็ตรงที่ละครเรื่องใหม่ “สวยร้ายสายลับ” กลับยังคงปรากฏชื่อของ “บอม-ธนิน” ในฐานะนักแสดงนำอยู่ งานนี้ “เจ๊ยุวดี ณ ยูม่า” คงหมายมั่นจะปั้นให้แจ้งเกิด เหมือนที่เคยเปิดศักราชปั้นพระเอกมาหลายต่อหลายรุ่น ตั้งแต่รุ่น “อู๋-ธนากร โปษยานนท์” มาจน “เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพัน” พูดถึง “เคน-ธีรเดช” หรือ “เคนใหญ่” ก็อดจะพูดถึง “เคนเล็ก” หรือ “เคน-ภูภูมิ วงศ์ภาณุ” ไม่ได้ จากบท ”วีกิจ” ใน “แรงเงา” ที่บทหนักไปตกอยู่ที่เมียน้อยคู่แฝด “มุนินทร์ - มุตตา“ เมียหลวงอย่าง “นพนภา” และ ผอ.จอมเจ้าชู้ อย่าง “ผอ. เจนภพ” จนบทพระเอกแทบจะเป็นแค่ไม้ประดับ แต่พอมาถึงบท “ไอ้แก้ว” ทาสในเรือนเบี้ย ในละครพีเรียดฟอร์มใหญ่ อย่าง “ลูกทาส” กล้ามล่ำของ “ไอ้แก้ว” ก็แผ้วถางกรุยทางให้ “เคน” ก้าวสู่ความเป็นพระเอกเต็มตัว ในขณะที่เชิงชั้นการแสดง ก็พัฒนาขึ้นตามลำดับ
โบราณว่า....เกิดเป็นหญิง แท้จริงแสนลำบาก....แต่เกิดเป็นดาราหญิงยิ่งลำบากกว่าหลายเท่า เพราะต่อให้แสดงเก่ง เล่นดี ตีบทแตก น้ำตาท่วมจอขนาดไหน ก็คงไม่สามารถกระชากใจเท่ากับอกล่ำ กล้ามฟิต ซิกแพกเป๊ะ ของพระเอก เรื่องนี้ต้องพยายามทำความเข้าใจ และทำใจสถานเดียว
ที่มา นิตยสารASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 244 วันที่ 7 มิถุนายน - 13 มิถุนายน 2557