คอลัมน์เพลงวาน โดย : บอน บอระเพ็ด(skbon109@hotmail.com)
หลังศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ตามด้วยถ้อยแถลงแบบหลอกตัวเองจากรัฐบาลไทย สมทบด้วยสื่อเชลียร์รัฐบาล นักวิชาการโลกสวย ที่ต่างเด้งออกมารับลูกว่าศาลตัดสินแบบนี้เป็นผลดีต่อประเทศไทยมาก เพราะเราไม่เสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม. แล้วแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ที่เขมรร้องขอก็ถูกตีตกไป
แต่ประทานโทษ!?! หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อผู้รู้ต่างๆทยอยนำความจริงมาเปิดเผยว่าศาลตัดสินครั้งนี้ไม่เป็นคุณกับประเทศไทยเลย เพราะเราถูกศาลสั่งให้ถอนทหารออกมา แต่ที่สำคัญก็คือเราต้องเสียดินแดนเพิ่มในรอบๆพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ส่วนจะเสียเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างรัฐบาลของ 2 ประเทศ
งานนี้ไม่ว่าเราจะเสียพื้นที่มากหรือน้อย แต่สรุปก็คือเราต้องเสียดินแดนเพิ่มจากปี พ.ศ. 2505 แล้วอย่างนี้จะให้คนไทยผู้รักชาตินักแผ่นดินดีใจไปกับถ้อยแถลงหมกเม็ดของรัฐบาลได้อย่างไร
ดังนั้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงปราสาทพระวิหารที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของไทย (ก่อนที่ตัวปราสาทจะเสียให้เขมรในปี พ.ศ. 2505 จากเล่ห์กลของฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคม แล้วตามต่อด้วยดาบซ้ำจากการเสียดินแดนรอบๆพื้นที่ปราสาท(ล่าสุด) อันเนื่องมาจากผลการตัดสินของศาลโลกเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา) บทความนี้จึงคัดบทเพลงที่เคยพูดถึงเขาพระวิหารเอาไว้ทั้งบทเพลงเก่า บทเพลงใหม่ มาเล่าสู่กันฟัง
เริ่มกันด้วยบทเพลงลูกทุ่งในช่วงเหตุการณ์ที่ไทยเสียปราสาทพระวิหารในปี 2505 กับเพลง "เขาพระวิหาร" ที่ครู“สุรพล สมบัติเจริญ” แต่งและร้องเอาไว้ เพลงนี้ครูสุรพลร้องแบบลิเก สะทกสะท้อนความเจ็บช้ำน้ำใจของคนไทยในยุคนั้นออกมา ตั้งแต่ประณามฝรั่งเศสผู้อยู่เบื้องหลังการฮุบปราสาท ตำหนิเขมรที่ลืมบุญคุณที่คนไทยเคยช่วยเหลือ นับเป็นบทเพลงที่มีเนื้อหาแรงแต่ว่าก็ตีแผ่ สะท้อนความจริงออกมาได้เป็นอย่างถึงกึ๋น ดังเนื้อร้องบางส่วนที่ว่า
“...(ท่อนร้องลิเก)มันน่าเจ็บใจร้าวราน เขาพระวิหารของเรา
ด้วยเป็นของไทยครั้งเก่า ถูกโจรปล้นเอาไปได้
ทั้งเด็กเล็กแดงก็รู้ เป็นเขาคู่เมืองไทยมา
บันไดขึ้นเขาก็หันหน้า สร้างทางขึ้นมาทางไทย
ถูกเจ้าคนโกงขี้ตู่ ร้องกู่ว่าเป็นของเขา
ใช้เหลี่ยมเล่ห์กลโกงเรา มันเจ็บเข้าในหัวใจ
ถ้าหากว่าเป็นของเจ้า จะต้องขึ้นเขาทางหน้าผา
เจ้าไม่อายชาวประชา ดูหรือไม่น่าเป็นไปได้
ใช้อุปเท่ห์เล่ห์กล เป็นโจรเบอร์หนึ่งของโลก...”
ต่อกันด้วยเพลง “เขาพระวิหารต้องเป็นของไทย” ที่เขียนคำร้อง-ทำนอง โดย ป.ชื่นประโยชน์ ขับร้องโดย “ก้าน แก้วสุพรรณ” ที่ร้องด้วยสำเนียงเหน่อแบบสุพรรณอันเป็นเอกลักษณ์ เนื้อหานั้นก็พูดถึงกรณีปราสาทพระวิหารกันแบบซื่อๆตรงไปตรงมา แต่ชัดเจนในเนื้อหา ดังเช่นบางส่วนของเนื้อหาที่ร้องว่า
“...พวกเราคนไทย ได้รู้กันทั่วทั้งหมด ขุ่นเคืองสุดแสนรันทด เมื่อถูกคนคดเกเรหนักหนา
ร้องเอาดื้อๆ ของใครก็ไม่นำพา จะเอาของข้า ข้ามศพข้าก่อนเถิดเหวย
ประวัติศาสตร์ไทย ทำไมไม่พลิกอ่านดู ของไทยใครๆก็รู้ อยู่ๆจะเอาเฉยๆ
ทำมาขี้ตู่ ดูๆเป็นเด็กนักเหวย เป็นอันธพาลเสียเคย เขาว่าช่างหน้าไม่อาย...”
นอกจากนี้ครูก้านยังนำเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้จากการร้องเพลงเขาพระวิหารต้องเป็นของไทยมอบให้แก่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ผู้เป็นทนายความสู้คดีในขณะนั้น โดยได้มีการร้องบอกเรื่องราวนี้ไว้ในท่อนท้ายของเพลงด้วย
เพลงถัดมาคือ “เขาพระวิหารเป็นของไทย” ที่ครูไพบูลย์ บุตรขัน แต่งให้กับ “คำรณ สัมบุญณานนท์” นักร้องขบถผู้บุกเบิกตำนานเพลงเพื่อชีวิตไทย
เพลงนี้ขึ้นต้นมาสุดเก๋ด้วยทำนองคล้าย “เดอะแฟนท่อมออฟดิโอเปร่า” จากนั้นครูคำรณได้ร้องแบบลำตัด เนื้อหาบอกเล่าเรื่องราวเท้าความตั้งแต่อดีต ฟังเข้าใจง่าย เห็นภาพชัดเจน ดังเช่นเนื้อร้องบางท่อน
“...พี่น้องเอย...เอ๋ย...อยู่ๆมาถูกตู่เอาดื้อๆ
หาว่าไทยแย่งยื้อเขาพระวิหารแปลกจัง ทั้งๆที่อยู่เขตไทยมีทางบันไดขึ้นเขา
อยู่ในเขตแดนเราจะเรียกเอาไม่ฟัง ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเออ...เอิง...เอิง...เอย...
ระวังหน่อยคนขี้ตู่เชิญพลิกประวัติศาสตร์ดูว่าไทยเคยสู้ตายรัง เป๊กพ่อ
ขี้ตู่กลางนา ขี้ตาตุ๊กแก ของเราแท้ๆ แล้วจะมาแย่งเอาไป
ขี้ตู่กลางนา ขี้ตาตุ๊กแก เป็นของขแมร์แล้วให้มาขึ้นทางไทย...”
นอกจาก 3 บทเพลงแห่งเขาพระวิหารที่กล่าวมาแล้ว ในช่วงยุคก่อนการเสียปราสาทพระวิหารในปี 2505 ยังมีบทเพลงเกี่ยวกับเขาพระวิหารที่น่าสนใจอีก ได้แก่ เพลง“เขาพระวิหารแห่งความหลัง”ที่ครูไพบูลย์ แต่งให้ครูคำรณร้อง เพลง “เขาพระวิหาร” ขับร้องโดย“โกมินทร์ นิลวงศ์” ที่ออกแนวปลุกใจ และเพลง “เขาพระวิหารที่รัก” ที่แต่งโดย พลพร ภักดี ขับร้องคู่โดย ชาย เมืองสิงห์ กับ ชัย อนุชิต
สำหรับบทเพลงลูกทุ่งเก่าๆในอดีตที่พูดถึงเขาพระวิหารนั้น มีเนื้อหาแสดงความรักชาติที่ชัดเจน และต่อว่าฝรั่งเศส เขมร อย่างตรงไปตรงมา ใครหลายๆคน(ที่เคยผ่านเหตุการณ์ในยุคนั้น)ฟังแล้วถึงกับน้ำตาคลอ แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านมาถึงยุคนี้ พ.ศ.นี้ หากใครแต่งเพลงบอกว่าเขาพระวิหารเป็นของไทย หรือแสดงแนวคิดให้เห็นถึงความรักชาติ รักแผ่นดิน ต่อกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ก็จะถูกนักวิชาการไทยใจเขมร นักวิชาการพวก Make Love No War และพวกคอลัมนิสต์โลกสวย กล่าวหาว่าเป็นพวกคลั่งชาติไปซะอย่างนั้น
จากเพลงยุคอดีตย้อนมาถึงยุคปัจจุบันกันบ้าง สำหรับบทเพลงเกี่ยวกับเขาพระวิหารที่คนคุ้นหูกันดีก็เห็นจะเป็นเพลง“เขาพระวิหาร” ของวงอินโดจีน ส่วนเพลง“เขาพระวิหาร” ของน้าเศก น้าซู นั้นนอกจากจะบอกว่าเขาพระวิหารเป็นของไทยแล้ว ยังด่าไอ้คนชายชาติอย่างชัดเจน เป็นอีกหนึ่งบทบันทึกผ่านบทเพลงไว้ให้ลูกหลายไทยได้จดจำกัน
ขณะที่เพลงดังเกี่ยวกับเขาพระวิหารของปีนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น เพลง “ชายแดน(พระวิหาร)สิตาย” เพลงนี้แต่งเนื้อร้องภาษาอีสาน โดย“แก่นฟ้า แสนเมือง” เรียบเรียงดนตรีโดย “โอ๋ ฆราวาส” แต่งขึ้นก่อนที่จะมีการตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร มีการนำลีลาแบบกังนัมสไตล์ของไซ นักร้องชื่อดังจากเกาหลีมาเป็นท่าเต้นชูโรง เนื้อหาบอกกล่าวว่าไทยถูกเขมรรุกล้ำ ดังตัวอย่างของเนื้อร้องบางท่อนที่ว่า
“...ทำไร่ ทำนา ไม่ได้เจ้านาย ท่านไล่ ออกจากชายแดน จะเอาอะไรกินหล่ะ พวกเรา คนชายแดน
เขมร มาแล้วเด้ พวกเรามือเปล่า เขมรมีปืน มันแห่เข้ามา แล้วเด้
ผู้หลักผู้ใหญ่มุดหัวอยู่ไหนเขมรมันมา แล้วเด้ ไล่คนไทยออก เขมรแห่เข้า เหมือนยกให้เขา แล้วเด้
เสียดินแดน แล้วเด้ ทำอย่างไรหนอ เขมรแห่มาจ่อ ช่วยกันหนอ เฮ คุณแม่ คุณพ่อ เฮ...”
นอกจากบทเพลงที่นำเสนอให้เห็นถึงความรักชาติ รักแผ่นดินของคนไทยในกรณีเขาพระวิหารแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเพลงที่มักจะถูกพูดถึงต่อกรณีที่ไทยต้องเสียดินแดน นั่นก็คือเพลง “ถามคนไทย”
เพลงถามคนไทย แต่งคำร้องทำนองโดย ครู“สุรพล โทณวณิก” ขับร้องโดย “สันติ ลุนเผ่” มีเนื้อหาที่หนักหน่วง ใช้ภาษารุนแรง
เพลงนี้แม้เนื้อหาที่สื่อออกมาจะมุ่งด่าไอ้พวกคนเลวในชาติไทย(บางคน)ที่มันทำให้คนไทยต้องฆ่ากัน(วันนี้ก็ยังมีไอ้พวกขี้ข้าบางคนพยายามทำเช่นนั้นอยู่) แต่ตอนหลังเพลงถามคนไทยได้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ต่อการประณามไอ้พวกคนไทยขายชาติขายแผ่นดิน โดยมีเนื้อร้องที่เป็นท่อนเด็ดของเพลงนี้ก็คือในท่อนท้ายๆที่ร้องว่า “วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร” ซึ่งโดนใจคนจำนวนมาก จนทำให้ถูกเข้าใจผิดว่าเพลงนี้ชื่อเพลง “วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร”
และท่ามกลางความช้ำใจของคนไทยผู้รักชาติ รักแผ่นดิน อันเนื่องมาจากคำตัดสินของศาลโลกล่าสุดที่ทำให้ไทยต้องเสียดินแดนเพิ่ม ภาพของไอ้ลูกหลานจัญไรบางคนก็ผุดขึ้นมาในมโนภาพของผม เป็นภาพของไอ้ลูกหลานจัญไร ตาเหล่ หัวเถิก ที่เป็นขี้ข้าถวายชีวิตไปยินยอมยกแผ่นดินไทยให้เขมรเพื่อแลกผลประโยชน์ของเจ้านายมัน
อย่างไรก็ดีงานนี้ยังมีไอ้ลูกหลานจัญไรกว่าด้วยรูปหน้าเหลี่ยมๆที่จัดเป็นจัญไรตัวพ่อ ซึ่งบัดนี้ถูกคนไทยจำนวนมากสาปแช่งไม่เป็นชิ้นดี
*****************************************
คลิกฟังเพลง "เขาพระวิหาร"(สุรพล)
คลิกฟังเพลง "เขาพระวิหารต้องเป็นของไทย"(ก้าน)
คลิกฟังเพลง "เขาพระวิหารเป็นของไทย"(คำรณ)
คลิกฟังเพลง "เขาพระวิหาร"(น้าเศก ซูซู)
คลิกฟังเพลง "ชายแดน(พระวิหาร)สิตาย"
*****************************************
คอนเสิร์ต
New World Symphony
การแสดงคอนเสิร์ตครั้งที่ 2 ฤดูกาลที่ 9 ของวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย
วงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย (ทีพีโอ) โดยการสนับสนุนของรัฐบาลไทย ภายใต้การดูแลของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล นำเสนอคอนเสิร์ต "New World Symphony" พบกับผลงานการประพันธ์ ของคีตกวีชาวเช็ก Antonin Dvorak ในบทเพลง Symphony No.9 in E minor Op.95 ที่มีชื่อเรียกว่า "จากโลกใหม่" และบทเพลง Violin Concerto in B minor Op.61 ของ Edward Elgar คีตกวีชาวอังกฤษ โดยมี สิทธิชัย เพ็งเจริญ หัวหน้าวงทีพีโอ มาร่วมบรรเลงไวโอลิน และควบคุมการบรรเลง โดย Gudni A. Emilson หัวหน้าวาทยกร
คอนเสิร์ตนี้จะจัดแสดงขึ้น ในวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2556 เวลา 19.00 น. และวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2556 เวลา 16.00 น. ณ หอแสดงดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา บัตรราคา 500, 300 และ 100 บาท (สำหรับนักเรียนนักศึกษา) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งกรุณาโทร. 0 2800 2525-34 ต่อ 153-154 หรือ www.music.mahidol.ac.th, www.thailandphil.com
คอนเสิร์ตนี้ยังมีบริการ “ศาลายาลิงค์” รถชัตเติลบัส จากสถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ ถึงมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ค่าบริการ 30 บาทต่อเที่ยว ตรวจสอบตารางการเดินรถที่ 0 2800 2525-34 ต่อ 501 โทรสาร 0 2800 2530 หรือ www.music.mahidol.ac.th/salayalink
หลังศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ตามด้วยถ้อยแถลงแบบหลอกตัวเองจากรัฐบาลไทย สมทบด้วยสื่อเชลียร์รัฐบาล นักวิชาการโลกสวย ที่ต่างเด้งออกมารับลูกว่าศาลตัดสินแบบนี้เป็นผลดีต่อประเทศไทยมาก เพราะเราไม่เสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม. แล้วแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ที่เขมรร้องขอก็ถูกตีตกไป
แต่ประทานโทษ!?! หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อผู้รู้ต่างๆทยอยนำความจริงมาเปิดเผยว่าศาลตัดสินครั้งนี้ไม่เป็นคุณกับประเทศไทยเลย เพราะเราถูกศาลสั่งให้ถอนทหารออกมา แต่ที่สำคัญก็คือเราต้องเสียดินแดนเพิ่มในรอบๆพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ส่วนจะเสียเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างรัฐบาลของ 2 ประเทศ
งานนี้ไม่ว่าเราจะเสียพื้นที่มากหรือน้อย แต่สรุปก็คือเราต้องเสียดินแดนเพิ่มจากปี พ.ศ. 2505 แล้วอย่างนี้จะให้คนไทยผู้รักชาตินักแผ่นดินดีใจไปกับถ้อยแถลงหมกเม็ดของรัฐบาลได้อย่างไร
ดังนั้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงปราสาทพระวิหารที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของไทย (ก่อนที่ตัวปราสาทจะเสียให้เขมรในปี พ.ศ. 2505 จากเล่ห์กลของฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคม แล้วตามต่อด้วยดาบซ้ำจากการเสียดินแดนรอบๆพื้นที่ปราสาท(ล่าสุด) อันเนื่องมาจากผลการตัดสินของศาลโลกเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา) บทความนี้จึงคัดบทเพลงที่เคยพูดถึงเขาพระวิหารเอาไว้ทั้งบทเพลงเก่า บทเพลงใหม่ มาเล่าสู่กันฟัง
เริ่มกันด้วยบทเพลงลูกทุ่งในช่วงเหตุการณ์ที่ไทยเสียปราสาทพระวิหารในปี 2505 กับเพลง "เขาพระวิหาร" ที่ครู“สุรพล สมบัติเจริญ” แต่งและร้องเอาไว้ เพลงนี้ครูสุรพลร้องแบบลิเก สะทกสะท้อนความเจ็บช้ำน้ำใจของคนไทยในยุคนั้นออกมา ตั้งแต่ประณามฝรั่งเศสผู้อยู่เบื้องหลังการฮุบปราสาท ตำหนิเขมรที่ลืมบุญคุณที่คนไทยเคยช่วยเหลือ นับเป็นบทเพลงที่มีเนื้อหาแรงแต่ว่าก็ตีแผ่ สะท้อนความจริงออกมาได้เป็นอย่างถึงกึ๋น ดังเนื้อร้องบางส่วนที่ว่า
“...(ท่อนร้องลิเก)มันน่าเจ็บใจร้าวราน เขาพระวิหารของเรา
ด้วยเป็นของไทยครั้งเก่า ถูกโจรปล้นเอาไปได้
ทั้งเด็กเล็กแดงก็รู้ เป็นเขาคู่เมืองไทยมา
บันไดขึ้นเขาก็หันหน้า สร้างทางขึ้นมาทางไทย
ถูกเจ้าคนโกงขี้ตู่ ร้องกู่ว่าเป็นของเขา
ใช้เหลี่ยมเล่ห์กลโกงเรา มันเจ็บเข้าในหัวใจ
ถ้าหากว่าเป็นของเจ้า จะต้องขึ้นเขาทางหน้าผา
เจ้าไม่อายชาวประชา ดูหรือไม่น่าเป็นไปได้
ใช้อุปเท่ห์เล่ห์กล เป็นโจรเบอร์หนึ่งของโลก...”
ต่อกันด้วยเพลง “เขาพระวิหารต้องเป็นของไทย” ที่เขียนคำร้อง-ทำนอง โดย ป.ชื่นประโยชน์ ขับร้องโดย “ก้าน แก้วสุพรรณ” ที่ร้องด้วยสำเนียงเหน่อแบบสุพรรณอันเป็นเอกลักษณ์ เนื้อหานั้นก็พูดถึงกรณีปราสาทพระวิหารกันแบบซื่อๆตรงไปตรงมา แต่ชัดเจนในเนื้อหา ดังเช่นบางส่วนของเนื้อหาที่ร้องว่า
“...พวกเราคนไทย ได้รู้กันทั่วทั้งหมด ขุ่นเคืองสุดแสนรันทด เมื่อถูกคนคดเกเรหนักหนา
ร้องเอาดื้อๆ ของใครก็ไม่นำพา จะเอาของข้า ข้ามศพข้าก่อนเถิดเหวย
ประวัติศาสตร์ไทย ทำไมไม่พลิกอ่านดู ของไทยใครๆก็รู้ อยู่ๆจะเอาเฉยๆ
ทำมาขี้ตู่ ดูๆเป็นเด็กนักเหวย เป็นอันธพาลเสียเคย เขาว่าช่างหน้าไม่อาย...”
นอกจากนี้ครูก้านยังนำเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้จากการร้องเพลงเขาพระวิหารต้องเป็นของไทยมอบให้แก่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ผู้เป็นทนายความสู้คดีในขณะนั้น โดยได้มีการร้องบอกเรื่องราวนี้ไว้ในท่อนท้ายของเพลงด้วย
เพลงถัดมาคือ “เขาพระวิหารเป็นของไทย” ที่ครูไพบูลย์ บุตรขัน แต่งให้กับ “คำรณ สัมบุญณานนท์” นักร้องขบถผู้บุกเบิกตำนานเพลงเพื่อชีวิตไทย
เพลงนี้ขึ้นต้นมาสุดเก๋ด้วยทำนองคล้าย “เดอะแฟนท่อมออฟดิโอเปร่า” จากนั้นครูคำรณได้ร้องแบบลำตัด เนื้อหาบอกเล่าเรื่องราวเท้าความตั้งแต่อดีต ฟังเข้าใจง่าย เห็นภาพชัดเจน ดังเช่นเนื้อร้องบางท่อน
“...พี่น้องเอย...เอ๋ย...อยู่ๆมาถูกตู่เอาดื้อๆ
หาว่าไทยแย่งยื้อเขาพระวิหารแปลกจัง ทั้งๆที่อยู่เขตไทยมีทางบันไดขึ้นเขา
อยู่ในเขตแดนเราจะเรียกเอาไม่ฟัง ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเออ...เอิง...เอิง...เอย...
ระวังหน่อยคนขี้ตู่เชิญพลิกประวัติศาสตร์ดูว่าไทยเคยสู้ตายรัง เป๊กพ่อ
ขี้ตู่กลางนา ขี้ตาตุ๊กแก ของเราแท้ๆ แล้วจะมาแย่งเอาไป
ขี้ตู่กลางนา ขี้ตาตุ๊กแก เป็นของขแมร์แล้วให้มาขึ้นทางไทย...”
นอกจาก 3 บทเพลงแห่งเขาพระวิหารที่กล่าวมาแล้ว ในช่วงยุคก่อนการเสียปราสาทพระวิหารในปี 2505 ยังมีบทเพลงเกี่ยวกับเขาพระวิหารที่น่าสนใจอีก ได้แก่ เพลง“เขาพระวิหารแห่งความหลัง”ที่ครูไพบูลย์ แต่งให้ครูคำรณร้อง เพลง “เขาพระวิหาร” ขับร้องโดย“โกมินทร์ นิลวงศ์” ที่ออกแนวปลุกใจ และเพลง “เขาพระวิหารที่รัก” ที่แต่งโดย พลพร ภักดี ขับร้องคู่โดย ชาย เมืองสิงห์ กับ ชัย อนุชิต
สำหรับบทเพลงลูกทุ่งเก่าๆในอดีตที่พูดถึงเขาพระวิหารนั้น มีเนื้อหาแสดงความรักชาติที่ชัดเจน และต่อว่าฝรั่งเศส เขมร อย่างตรงไปตรงมา ใครหลายๆคน(ที่เคยผ่านเหตุการณ์ในยุคนั้น)ฟังแล้วถึงกับน้ำตาคลอ แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านมาถึงยุคนี้ พ.ศ.นี้ หากใครแต่งเพลงบอกว่าเขาพระวิหารเป็นของไทย หรือแสดงแนวคิดให้เห็นถึงความรักชาติ รักแผ่นดิน ต่อกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ก็จะถูกนักวิชาการไทยใจเขมร นักวิชาการพวก Make Love No War และพวกคอลัมนิสต์โลกสวย กล่าวหาว่าเป็นพวกคลั่งชาติไปซะอย่างนั้น
จากเพลงยุคอดีตย้อนมาถึงยุคปัจจุบันกันบ้าง สำหรับบทเพลงเกี่ยวกับเขาพระวิหารที่คนคุ้นหูกันดีก็เห็นจะเป็นเพลง“เขาพระวิหาร” ของวงอินโดจีน ส่วนเพลง“เขาพระวิหาร” ของน้าเศก น้าซู นั้นนอกจากจะบอกว่าเขาพระวิหารเป็นของไทยแล้ว ยังด่าไอ้คนชายชาติอย่างชัดเจน เป็นอีกหนึ่งบทบันทึกผ่านบทเพลงไว้ให้ลูกหลายไทยได้จดจำกัน
ขณะที่เพลงดังเกี่ยวกับเขาพระวิหารของปีนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น เพลง “ชายแดน(พระวิหาร)สิตาย” เพลงนี้แต่งเนื้อร้องภาษาอีสาน โดย“แก่นฟ้า แสนเมือง” เรียบเรียงดนตรีโดย “โอ๋ ฆราวาส” แต่งขึ้นก่อนที่จะมีการตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร มีการนำลีลาแบบกังนัมสไตล์ของไซ นักร้องชื่อดังจากเกาหลีมาเป็นท่าเต้นชูโรง เนื้อหาบอกกล่าวว่าไทยถูกเขมรรุกล้ำ ดังตัวอย่างของเนื้อร้องบางท่อนที่ว่า
“...ทำไร่ ทำนา ไม่ได้เจ้านาย ท่านไล่ ออกจากชายแดน จะเอาอะไรกินหล่ะ พวกเรา คนชายแดน
เขมร มาแล้วเด้ พวกเรามือเปล่า เขมรมีปืน มันแห่เข้ามา แล้วเด้
ผู้หลักผู้ใหญ่มุดหัวอยู่ไหนเขมรมันมา แล้วเด้ ไล่คนไทยออก เขมรแห่เข้า เหมือนยกให้เขา แล้วเด้
เสียดินแดน แล้วเด้ ทำอย่างไรหนอ เขมรแห่มาจ่อ ช่วยกันหนอ เฮ คุณแม่ คุณพ่อ เฮ...”
นอกจากบทเพลงที่นำเสนอให้เห็นถึงความรักชาติ รักแผ่นดินของคนไทยในกรณีเขาพระวิหารแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเพลงที่มักจะถูกพูดถึงต่อกรณีที่ไทยต้องเสียดินแดน นั่นก็คือเพลง “ถามคนไทย”
เพลงถามคนไทย แต่งคำร้องทำนองโดย ครู“สุรพล โทณวณิก” ขับร้องโดย “สันติ ลุนเผ่” มีเนื้อหาที่หนักหน่วง ใช้ภาษารุนแรง
เพลงนี้แม้เนื้อหาที่สื่อออกมาจะมุ่งด่าไอ้พวกคนเลวในชาติไทย(บางคน)ที่มันทำให้คนไทยต้องฆ่ากัน(วันนี้ก็ยังมีไอ้พวกขี้ข้าบางคนพยายามทำเช่นนั้นอยู่) แต่ตอนหลังเพลงถามคนไทยได้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ต่อการประณามไอ้พวกคนไทยขายชาติขายแผ่นดิน โดยมีเนื้อร้องที่เป็นท่อนเด็ดของเพลงนี้ก็คือในท่อนท้ายๆที่ร้องว่า “วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร” ซึ่งโดนใจคนจำนวนมาก จนทำให้ถูกเข้าใจผิดว่าเพลงนี้ชื่อเพลง “วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร”
และท่ามกลางความช้ำใจของคนไทยผู้รักชาติ รักแผ่นดิน อันเนื่องมาจากคำตัดสินของศาลโลกล่าสุดที่ทำให้ไทยต้องเสียดินแดนเพิ่ม ภาพของไอ้ลูกหลานจัญไรบางคนก็ผุดขึ้นมาในมโนภาพของผม เป็นภาพของไอ้ลูกหลานจัญไร ตาเหล่ หัวเถิก ที่เป็นขี้ข้าถวายชีวิตไปยินยอมยกแผ่นดินไทยให้เขมรเพื่อแลกผลประโยชน์ของเจ้านายมัน
อย่างไรก็ดีงานนี้ยังมีไอ้ลูกหลานจัญไรกว่าด้วยรูปหน้าเหลี่ยมๆที่จัดเป็นจัญไรตัวพ่อ ซึ่งบัดนี้ถูกคนไทยจำนวนมากสาปแช่งไม่เป็นชิ้นดี
*****************************************
คลิกฟังเพลง "เขาพระวิหาร"(สุรพล)
คลิกฟังเพลง "เขาพระวิหารต้องเป็นของไทย"(ก้าน)
คลิกฟังเพลง "เขาพระวิหารเป็นของไทย"(คำรณ)
คลิกฟังเพลง "เขาพระวิหาร"(น้าเศก ซูซู)
คลิกฟังเพลง "ชายแดน(พระวิหาร)สิตาย"
*****************************************
คอนเสิร์ต
New World Symphony
การแสดงคอนเสิร์ตครั้งที่ 2 ฤดูกาลที่ 9 ของวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย
วงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย (ทีพีโอ) โดยการสนับสนุนของรัฐบาลไทย ภายใต้การดูแลของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล นำเสนอคอนเสิร์ต "New World Symphony" พบกับผลงานการประพันธ์ ของคีตกวีชาวเช็ก Antonin Dvorak ในบทเพลง Symphony No.9 in E minor Op.95 ที่มีชื่อเรียกว่า "จากโลกใหม่" และบทเพลง Violin Concerto in B minor Op.61 ของ Edward Elgar คีตกวีชาวอังกฤษ โดยมี สิทธิชัย เพ็งเจริญ หัวหน้าวงทีพีโอ มาร่วมบรรเลงไวโอลิน และควบคุมการบรรเลง โดย Gudni A. Emilson หัวหน้าวาทยกร
คอนเสิร์ตนี้จะจัดแสดงขึ้น ในวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2556 เวลา 19.00 น. และวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2556 เวลา 16.00 น. ณ หอแสดงดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา บัตรราคา 500, 300 และ 100 บาท (สำหรับนักเรียนนักศึกษา) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งกรุณาโทร. 0 2800 2525-34 ต่อ 153-154 หรือ www.music.mahidol.ac.th, www.thailandphil.com
คอนเสิร์ตนี้ยังมีบริการ “ศาลายาลิงค์” รถชัตเติลบัส จากสถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ ถึงมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ค่าบริการ 30 บาทต่อเที่ยว ตรวจสอบตารางการเดินรถที่ 0 2800 2525-34 ต่อ 501 โทรสาร 0 2800 2530 หรือ www.music.mahidol.ac.th/salayalink