ราชาเพลงป๊อบระดับตำนาน “แฟรงกี้ วัลลี” (Frankie Valli) จะบินตรงเปิดการแสดงคอนเสิร์ตให้แฟนๆชาวไทยได้ชมกันเป็นครั้งแรก ในคอนเสิร์ต “แฟรงกี้ วัลลี แอนด์ เดอะ โฟว์ ซีซั่น” (Frankie Valli and the Four Seasons) ในวันพุธที่ 22 มกราคมนี้ ณ บางกอก คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว งานนี้ตำนานเพลงป๊อบขนเพลงมาเอาใจแฟนๆอย่างจุใจ!!
การแสดงคอนเสิร์ตของ “แฟรงกี้ วัลลี” ไม่เคยทำให้แฟนเพลงผิดหวัง การเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตของเขาทำให้แฟนๆทั่วโลกประทับใจไปกับบทเพลงอมตะของเขา ไม่ว่าจะเป็น บิ๊ก เกิร์ล ด๊อนท์ คราย (Big girl don’t cry), คานท์ เทค มาย อายส์ ออฟ ออฟ ยู (Can’t take my eyes off of you), วอล์ค ไลค์ อะ แมน (Walk like a man), แร็ก ดอลล์ (Rag doll), เล็ทส์ แฮงค์ ออน (Let’s hang on) เป็นต้น เพลงของเขามักจะถูกนำมาคัฟเวอร์ใหม่หลายต่อหลายครั้ง จึงเรียกได้ว่าเขาคือศิลปินราชาเพลงป๊อบ ที่มีเพลงอมตะอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ตารางการเดินสายโชว์คอนเสิร์ตรอบโลกของแฟรงกี้ยังเต็มตลอดทั้งปี ครั้งนี้คือโอกาสดีที่แฟนๆชาวไทยจะได้ฟังเพลงเพราะๆของเขาในคอนเสิร์ต “แฟรงกี้ วัลลี แอนด์ เดอะ โฟว์ ซีซั่น” ในบรรยากาศสดๆเป็นครั้งแรก
บัตรคอนเสิร์ต“แฟรงกี้ วัลลี แอนด์ เดอะ โฟว์ ซีซั่น” เปิดจำหน่ายที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา ราคา 4,500 / 3,500 / 2,500 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02-262-3838 หรือ www.thaiticketmajor.com , www.bectero.com
ชีวประวัติของ แฟรงกี้ วัลลี (Frankie Valli)
Romancing the ‘60s
แฟรงกี้ วัลลี (Frankie Valli) นักร้องสุดฮ็อท ที่ฮ็อทเป็นพิเศษในศตวรรษที่21 หลังจากสร้างชื่อให้ตัวเองในปี ค.ศ.1962 ในฐานะนักร้องนำของกลุ่มศิลปินวง เดอะ โฟร์ ซีซั่น (The Four Seasons) ต้องขอบคุณความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของละครมิวสิคัล เจอร์ซีย์ บอยส์ (Jersey Boys) ที่ชนะรางวัลโทนี อวอร์ด ละครเพลงเรื่องนี้เป็นการแสดงบันทึกเรื่องราวชีวิต ผลงานของแฟรงกี้และสมาชิกในวงของเขา เพลงคลาสสิกเช่น Big Girls Don’t Cry, Walk Like a Man, Rag Doll, and Can’t Take My Eyes Off Of You ล้วนแต่เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมไม่รู้จบ
แฟรงกี้นั้นไม่ได้หวนคืนสู่วงการ เพราะอันที่จริงแล้ว เขาไม่เคยไปไหนเลย ถึงแม้ว่าเพลงฮิตของเขาและวง เดอะ โฟร์ ซีซั่น จะออกมาในช่วงทศวรรษ 1960 แต่เพลงเหล่านี้ก็ไม่เคยหายไปไหนเลย แฟรงกี้ทำการทัวร์คอนเสิร์ตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1962 และบทเพลงของเขาก็ยังปรากฏอยู่ในภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง เช่น The Deer Hunter, Dirty Dancing, Mrs. Doubtfire, Conspiracy Theory และ The Wanderers รวมไปถึงเพลง Can't Take My Eyes Off Of You ที่มีศิลปินมากกว่า 200 คนนำมาคัฟเวอร์ทั้งในสไตล์แจ๊ซไปจนถึงฮิปฮอปเลยทีเดียว
แฟรงกี้ยังสร้างผลงานแห่งทศวรรษที่ทำให้เขากลายเป็นดาวค้ำฟ้าด้วยสตูดิโออัลบั้มใหม่ของเขาในรอบ 15 ปี Romancing the ‘60s โดยในอัลบั้มนี้ แฟรงกี้ได้เลือกเพลงโปรดของเขาในยุคซิกซ์ตี้ด้วยตนเอง เพลงที่เขาใฝ่ฝันอยากจะทำแต่ไม่มีโอกาส อัลบั้มนี้ทำโดย บ็อบ เกาดิโอ (Bob Gaudio) อดีตสมาชิกของวง โฟร์ ซีซั่นและเพื่อนสนิทของแฟรงกี้ ในอัลบั้มชุดนี้ประกอบด้วยเพลงดังที่ถูกทำขึ้นใหม่อย่าง Spanish Harlem, Call Me และ Take Good Care of My Baby และยังมีเพลง On Broadway ที่ได้แขกรับเชิญเป็นนักแสดงจากละครเพลง Jersey Boys ร่วมร้องอีกเช่นกัน Romancing the ‘60s เป็นอัลบั้มที่ทุกคนตั้งตารอมากที่สุดในชีวิตการทำงานเพลงตลอด 54 ปีที่ผ่านมาของแฟรงกี้
กว่าจะมาเป็น The Four Seasons
“แฟรงกี้ วัลลี” เกิดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 1934 ชื่อจริงๆของเขาคือ ฟรานซิส คาสเทลลุซซีโอ (Francis Castelluccio) เขาอาศัยอยู่ในบ้านพักสำหรับครอบครัวที่มีรายได้ต่ำในหมู่บ้าน สตีเฟ่น เครน (Stephen Crane) ในเมืองนิววาร์ค (Newark) รัฐนิวเจอร์ซี่ เมื่อเขาอายุได้เจ็ดขวบแม่ของเขาก็พาเขาไปที่โรงละครพาราเม้าท์เพื่อไปดู แฟรงก์ ซินาตรา (Frank Sinatra) นักร้องและนักแสดงชื่อดังคนหนึ่งในตอนนั้น และเมื่อแฟรงกี้เห็นซินาตราออกมาบนเวทีอย่างสง่างามและเจิดจรัส แฟรงกี้ก็บอกกับตนเองว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งให้ได้ เหตุการณ์ในวันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพนักร้องของแฟรงกี้
ช่วงต้นทศวรรษ ‘50s ในคืนหนึ่ง ทอมมี่ เดวิโต (Tommy DeVito) เพื่อนรักคนหนึ่งของ แฟรงกี้และผู้นำของกลุ่มที่มีชื่อว่า Variety Trio ได้ชวนแฟรงกี้ให้ขึ้นมาร้องเพลง I Can’t Give You Anything But Love บนเวที ไม่นานหลังจากนั้นแฟรงกี้ก็เริ่มเป็นที่รู้จักจากบ้านใกล้เรือนเคียงว่าเป็นคนที่มีเสียงดั่งเสียงสวรรค์ ในปี1953 พอลล์ แค็ป นักทำเพลง ก็สนใจในตัวของแฟรงกี้ และได้ช่วยทำอัลบั้มแรกของเขาชื่อว่า “My Mother’s Eyes” จากนั้นแฟรงกี้ก็เปลี่ยนชื่อตัวเองจาก ฟรานซิส แคสเทลลุซวีโอ มาเป็น แฟรงกี้ วัลลี อัลบั้ม “My Mother’s Eyes” ได้สร้างความโด่งดังเล็กน้อย
จนกระทั่งปี 1956 แฟรงกี้ก็ได้รับความสนใจจากมวลชนเมื่อเขาเข้าร่วมวง The Four Lovers กับทอมมี่ พี่ชายของเขา รวมถึง นิค เดวิโต (Nick DeVito) และแฮงค์ มาจิวสกิ (Hank Majewski) พวกเขาประสบความสำเร็จแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นและในขณะเดียวกันแฟรงกี้ก็มีอีกอาชีพหลักอีกหนึ่งอย่างคือช่างตัดผมอีกด้วย
ในปี1959 สมาชิกทั้งสามของ Lovers (แฟรงกี้ ทอมมี่ และ นิค มาสซี) เริ่มโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากการที่ โจ เปสซี (Joe Pesci) ได้แนะนำวง Lovers ให้รู้จักกับ บ็อบ เกาดิโอ นักเปียโน นักแต่งเพลงและอดีตสมาชิกของ Royal Teens หลังอยู่ในความดูแลของเกาดิโอ วง Lovers ก็ได้เริ่มทำงานกับนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ฝีมือดีอย่าง บ็อบ ครูว์ (Bob Crewe) และได้เปลี่ยนชื่อวงเป็น The Four Seasons
เดอะ โฟร์ ซีซั่น ทำงานเบื้องหลังให้วงอื่นๆ ของ ครูว์ และทำงานเพลงตามสไตล์ของตนเองร่วม 2 ปี จนในที่สุด ในปี 1962 เกาดิโอ ก็ได้แต่งเพลงที่สามารถใช้ประโยชน์จากน้ำเสียงของแฟรงกี้ได้อย่างเต็มที่ และเมื่อวงซีซั่นร้องเพลง “Sherry” ในรายการ American Bandstand พวกเขาก็กลายเป็นวงที่โด่งดังที่สุดในประเทศทันที 9 ปีหลังจากออกอัลบั้ม แฟรงกี้ วัลลีก็ได้ขึ้นเป็นศิลปินอันดับหนึ่งของชาร์ต และเพื่อรักษาระดับของแฟรงกี้ เกาดิโอ และ ครูว์ ได้ร่วมมือกันแต่งเพลงที่ติดชาร์ตอันดับหนึ่งอีกสองเพลงอันได้แก่ “Big Girls Don’t Cry” และ “Walk Like a Man" และด้วยเหตุนี้เลยทำให้ เกาดิโอ และ ครูว์ กลายเป็นทีมนักแต่งเพลงที่ประสบความสำเร็จในประวัติศาสตร์ดนตรีประเภทป๊อป
กลับมาที่สตูดิโอ เกาดิโอ และ ครูว์ ยังไม่สามารถแต่งเพลงที่จะทำให้แฟรงกี้แสดงเอกลักษณ์ของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ หลายความพยายามผ่านไปในที่สุดก็สามารถทำเพลง “Can’t Take My Eyes Off Of You” ที่ทำให้แฟรงกี้กลายป็นนักร้องเดี่ยวซูเปอร์สตาร์ เพลง “Can’t Take My Eyes Off Of You” ที่เปิดตัวในปี 1967 ขึ้นเป็นอันดับ 2 ในบิลบอร์ดและอันดับ 1 ในแคชบ๊อกซ์ นอกจากนี้ “Can’t Take My Eyes Off Of You” ยังเป็นหนึ่งในสิบเพลงที่เล่นบ่อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของบีเอ็มไออีกด้วย
ช่วงต้นทศวรรษ 1970’s วง เดอะ โฟร์ ซีซั่น ก็มีปัญหา เมื่อ แมสซีและเดวิโต ออกจากวงไป และศิลปินที่มาใหม่ก็เปลี่ยนตัวไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน เกาดิโอ ก็หยุดออกทัวร์ไปกับทีมแต่เขาก็ยังคงเขียนเพลงต่อไป ส่วนแฟรงกี้ วัลลีก็ยังคงเป็นศิลปินยักษ์ใหญ่ที่สุดในวงการดนตรี
บทสรุป
จากปี 1962 ถึงปี 1978 แฟรงกี้ และ เดอะ โฟร์ ซีซั่น ทำยอดขายทะลุหลักร้อยล้าน จากสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดต่อมาอีกหลายทศวรรษ แฟรงกี้และ เดอะ โฟร์ ซีซั่น ยังคงเป็นกลุ่มศิลปินอันดับท็อปที่มีผู้ชมคอนเสิร์ต และเพลงของของพวกเขาก็ยังออกอากาศอยู่เรื่อยๆ ไม่นับรวมเพลง รีมิกซ์ที่ออกมาติดชาร์ตอยู่เรื่อยๆ แฟรงกี้และสมาชิกเดิมของกลุ่มได้เข้าไปอยู่ในทำเนียบ Rock and Roll Hall of Fame อีกด้วย
ในอนาคต ละครเพลง Jersey Boys จะสร้างเพลงของแฟรงกี้ให้เป็นที่รู้จักของคนรุ่นใหม่ อัลบั้ม Romancing the ‘60s นับว่าเป็นที่ยอมรับและเป็นอัลบั้มที่เรียกได้ว่าเป็นมรดกในวงการเพลงต่อไป ตัวแฟรงกี้เองยังไม่หยุดทำงานในวงการเพลงและจะเดินหน้าต่อไป ตราบเท่าที่เขาต้องการจะ