ภาพแผ่นดีวีดีไม่มีลิขสิทธิ์ที่ดาราหนุ่มเชื้อสายเกาหลีแห่งหนัง Fast and Furious โพสต์ขึ้น Facebook ของตัวเอง กลายเป็นเรื่องฮือฮาที่ประกาศศักดาตลาด "แผ่นผี" เมืองไทยให้ดังไปทั่วโลกอีกครั้ง
"แผ่นผี 3 เหรียญฯ โคตรเร็วจริง ๆ" ซุงกัง ดาราหนุ่มเชื้อสายเกาหลีใต้ โพสต์ภาพแผ่นดีวีดีไร้ลิทสิทธิ์ของผลงานเรื่องล่าสุดของตนเองที่ยังฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ด้วยซ้ำไป แต่ที่หลายคนอาจจะสะดุดตาเป็นพิเศษ ก็คือตรงที่แผ่น DVD แผ่นนี้มีภาษาไทยแปะอยู่หรา ซึ่งเชื่อกันว่าดาราหนุ่มชาวเกาหลี ซื้อแผ่นหนังที่ตัวเองส่วนแสดงเอาไว้ระหว่างเดินทางเข้ามาพักผ่อนในไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้นี่เอง
ภาพดังกล่าวสร้างประเด็นถกเถียงขึ้นมากมายในสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ของเมืองไทย บางส่วนมองว่านี่เป็นเรื่องอับอายขายหน้าระดับโลก แต่บางคนก็เห็นว่าไม่ใช่เรื่องต้องมาอายอะไรอีกแล้ว "แผ่นผี" ในเมืองไทยเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็รู้จัก และพูดได้ว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเราไปแล้ว
เมืองไทยเมืองหลวงแผ่นผี
ประเทศไทยไม่ใช่ดินแดนเดียวในโลกที่แผ่นซีดี, ดีวีดี ไม่มีลิขสิทธิ์สร้างปัญหาให้ฮอลลีวูดปวดหัว และแก้ยังไงก็แก้ไม่ตก อย่างที่ชาวต่างชาติบางคนคุยว่าแผ่นผีในแมกซิโกบ้านเขาถูกกว่าเราเยอะในแบบที่ ซุงกัง สามารถซื้อ Fast & Furious 6 ด้วยราคาเพียง 0.50 เหรียญฯ หรือเมืองจีนก็ขึ้นชื่อลือชาเรื่องแผ่นผีเช่นเดียวกัน ประเทศอย่าง อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ ก็ยังเต็มไปด้วยปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา
อย่างไรก็ตามเมืองไทยยังคงเป็นสมรภูมิที่ตึงเครียดที่สุดแห่งหนึ่งของฮอลลีวูดต่อไป ในการต่อสู้กับแผ่นผีต่อไป
เว็บไซต์ในต่างประเทศแห่งพูดถึงเมืองไทยว่าคงจะเป็นเรื่องช็อค หากไทยไม่ถูกจับตามองจากประเทศเจ้าของสินค้าลิขสิทธิ์เหล่านี้ "สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อย่างดีวีดีหนังมีขายอย่างเกลื่อนกลาดในกรุงเทพ ทั้งตลาด และห้างสรรพสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่ยังอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่" สื่อต่างชาติระบุ
ไม่มีอีกแล้ว "ยุคทองแผ่นปลอม" อดีตอันหอมหวานของคนรักผี?
อันที่จริงแล้วตลาดแผ่น DVD เมืองไทยแทบจะเริ่มต้นด้วยแผ่นผีเลยก็ว่าได้ เพราะในยุคแรกสินค้าความบันเทิงทั้งหนังและเพลงมีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก ในยุคหนึ่งหนังฮอลลีวูดแต่ละเรื่องโดยเฉพาะจากค่ายฝั่งเมเจอร์จะมีราคาสูงถึง 599 - 799 บาทต่อเรื่อง แม้จะเป็นแผ่นที่นำเข้ามาจากต่างชาติ มีคุณภาพที่นักซื้อยอมรับว่าดี แต่ราคาก็เกินเอื้อมไปจริง ๆ
ด้วยความแตกต่างของราคาทำให้แผ่น DVD ไม่มีลิขสิทธิ์เข้ามาครองตลาดอย่างเบ็ดเสร็จ มีสินค้าให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น DVD5 และ DVD9 ทั้งแผ่นจากทางภาคใต้ที่เรียกกันว่า "แผ่นมาเลย์" ซึ่งบ่อยครั้งมักจะมาพร้อมกับซับไตเติลจากโปรแกรมแปลภาษา ที่รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง จนเป็นที่มาของหนังประเภท "ซับนรก"
ยังมีแผ่นประเภทการันตีคุณภาพยี่ห้อประเภท "ตรารถ", "ตราโล่" ออกมาสู่ตลาดด้วย เช่นเดียวกับแผ่นยี่ห้อของผู้ผลิตรายหนึ่ง ที่มีเอกลักษณ์ซับไตเติลสีเหลือง ที่ฮิตติดลมบนในหมู่คนเล่นแผ่นผีอยู่ช่วงใหญ่ ๆ
ต่อมาจึงเข้าสู่ยุคของแผ่นจากภาคเหนือที่เรียกกันว่า "แผ่นแม่สาย" ที่เข้ามาตีตลาด ด้วยแพ็คเกจน่าสะสม โดยเฉพาะกล่องแบบ "พับ" หรือ Digitray นอกจากนั้นยังมีสินค้าหลากหลาย ทั้งหนังฮอลลีวูด, อนิเมชั่น, งานอาร์ตเฮาส์จากยุโรป ชนิดแม่สายกลายเป็นแหล่งช็อปดีวีดีใหญ่ของประเทศอยู่พักหนึ่ง มีการจัดทัวร์ไปซื้อแผ่น และไปรษณีย์เชียงรายก็เต็มไปด้วยกล่องพัศดุ DVD ที่รอส่งมาถึงกรุงเทพ
อย่างไรก็ตามภาพความรุ่งเรืองของยุคแผ่นผีได้ผ่านพ้นไปแล้ว หลังเจ้าของลิขสิทธิ์เริ่มใช้กลยุทธด้านราคามาต่อสู้ ถึงตอนนี้หนังฮอลลีวูดออกใหม่มีราคาอยู่ในขั้นที่ไม่ถึงกับแตะต้องไม่ได้ จนแผ่นผีต้องลดราคามาสู้บ้าง สถานการณ์ของแผง DVD ไม่มีลิขสิทธิ์จึงกลายเป็นตลาดของหนังใหม่ชนโรงตีหัวเข้าบ้านในรูปแบบ "หนังซอง" เน้นที่ราคาถูกเป็นหลัก ร้านในแหล่งจับจ่ายเดิม ๆ ทั้งที่ สีลม, คลองถม หรือห้างไอทีต่าง ๆ ก็ดูซบเซาลงไปมาก และผู้ค้าจำนวนไม่น้อยก็เปลี่ยนแนวไปขายหนังวาบหวิวแทน
ผีไม่มีวันตาย!
อย่างไรก็ตามใช่ว่าตลาดแผ่นผีเมืองไทยกำลังจะหมดไป แต่รูปแบบของธุรกิจดูจะเปลี่ยนแปลงไปเสียมากกว่า ถึงตอนนี้ยังมีแผ่นผีเข้าไปขายตามตลาดนัดหรืองานวัด กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ขณะที่ด้านตลาดบนผู้ซื้อนักดูหนังก็เริ่มขยับขยายไปสู่การสั่งแผ่นผ่านอินเตอร์เน็ต, ดาวน์โหลดฟรี, ดูตามเว็บออนไลน์ และยังถึงขั้นซื้อหนังในรูปแบบ "ฮาร์ดดิส" กันเป็นลูก ๆ เลยทีเดียว
ประเด็นเรื่องราคายังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แผ่นผีไม่มีวันหมด และดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาที่แก้ยากมาก ในประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย ที่ประชาชนมีรายได้จำกัด และสินค้าความบันเทิงมีราคาที่สูง จนไม่สามารถจับจ่ายได้อย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก
หากเปรียบเทียบรายได้ต่อหัวของประชากรไทยที่ประมาณ 731 บาทต่อวัน กับรายได้ของชาวอเมริกันที่ 4,069 บาทต่อวันแล้ว ราคาหนังใหม่ล่าสุดอย่าง Django Unchained ที่ขายในเมืองไทย 279 บาทก็ยังถือว่าแพงกว่าหนังเรื่องเดียวกันซึ่งออกที่อเมริกาและมีราคาขาย 617 บาท อยู่พอสมควร
และคำนวณด้วยอัตราเดียวกันแผ่นดีวีดีในไทยก็ควรจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 100 บาท หรือถูกกว่านั้น ซึ่งราคาดังกล่าวก็เพิ่งจะเกิดขึ้นจริงในรอบไม่กี่ปีนี่เอง
ยิ่งแผ่น Blu-Ray สื่อที่มาพร้อมกับภาพระดับความคมชัดสูงที่ในอเมริกามีราคาประมาณ 700 บาท แต่ในไทยสูงถึง 800 - 1,000 บาท ก็ไม่ต้องสงสัยว่าสุดท้ายแล้วตลาด Blu-Ray ในเมืองไทยก็คงลงเอยแบบเดียวกับ DVD ที่กว่าราคาจะลงมาอยู่ในระดับสมเหตุสมผล ตลาดก็แทบวายไปหมดแล้ว
ในตอนนี้ ที่เข้าสู่ช่วงท้าย ๆ ของเทคโนโลยี DVD หรืออาจจะพูดว่าในจุดสิ้นสุดของ หนังแผ่น ตลาดหนังผีอาจจะถือว่าเริ่มวายแล้ว แต่ในเวลาเดียวกันยุคของการดาวน์โหลด และดูออนไลน์ฟรีได้เริ่มต้นขึ้น และกระจายไปสู่ระดับรากหญ้าแล้ว และนั่นอาจจะน่ากลัวกว่า "แผ่นผี" หลายเท่าตัว
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
"แผ่นผี 3 เหรียญฯ โคตรเร็วจริง ๆ" ซุงกัง ดาราหนุ่มเชื้อสายเกาหลีใต้ โพสต์ภาพแผ่นดีวีดีไร้ลิทสิทธิ์ของผลงานเรื่องล่าสุดของตนเองที่ยังฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ด้วยซ้ำไป แต่ที่หลายคนอาจจะสะดุดตาเป็นพิเศษ ก็คือตรงที่แผ่น DVD แผ่นนี้มีภาษาไทยแปะอยู่หรา ซึ่งเชื่อกันว่าดาราหนุ่มชาวเกาหลี ซื้อแผ่นหนังที่ตัวเองส่วนแสดงเอาไว้ระหว่างเดินทางเข้ามาพักผ่อนในไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้นี่เอง
ภาพดังกล่าวสร้างประเด็นถกเถียงขึ้นมากมายในสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ของเมืองไทย บางส่วนมองว่านี่เป็นเรื่องอับอายขายหน้าระดับโลก แต่บางคนก็เห็นว่าไม่ใช่เรื่องต้องมาอายอะไรอีกแล้ว "แผ่นผี" ในเมืองไทยเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็รู้จัก และพูดได้ว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเราไปแล้ว
เมืองไทยเมืองหลวงแผ่นผี
ประเทศไทยไม่ใช่ดินแดนเดียวในโลกที่แผ่นซีดี, ดีวีดี ไม่มีลิขสิทธิ์สร้างปัญหาให้ฮอลลีวูดปวดหัว และแก้ยังไงก็แก้ไม่ตก อย่างที่ชาวต่างชาติบางคนคุยว่าแผ่นผีในแมกซิโกบ้านเขาถูกกว่าเราเยอะในแบบที่ ซุงกัง สามารถซื้อ Fast & Furious 6 ด้วยราคาเพียง 0.50 เหรียญฯ หรือเมืองจีนก็ขึ้นชื่อลือชาเรื่องแผ่นผีเช่นเดียวกัน ประเทศอย่าง อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ ก็ยังเต็มไปด้วยปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา
อย่างไรก็ตามเมืองไทยยังคงเป็นสมรภูมิที่ตึงเครียดที่สุดแห่งหนึ่งของฮอลลีวูดต่อไป ในการต่อสู้กับแผ่นผีต่อไป
เว็บไซต์ในต่างประเทศแห่งพูดถึงเมืองไทยว่าคงจะเป็นเรื่องช็อค หากไทยไม่ถูกจับตามองจากประเทศเจ้าของสินค้าลิขสิทธิ์เหล่านี้ "สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อย่างดีวีดีหนังมีขายอย่างเกลื่อนกลาดในกรุงเทพ ทั้งตลาด และห้างสรรพสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่ยังอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่" สื่อต่างชาติระบุ
ไม่มีอีกแล้ว "ยุคทองแผ่นปลอม" อดีตอันหอมหวานของคนรักผี?
อันที่จริงแล้วตลาดแผ่น DVD เมืองไทยแทบจะเริ่มต้นด้วยแผ่นผีเลยก็ว่าได้ เพราะในยุคแรกสินค้าความบันเทิงทั้งหนังและเพลงมีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก ในยุคหนึ่งหนังฮอลลีวูดแต่ละเรื่องโดยเฉพาะจากค่ายฝั่งเมเจอร์จะมีราคาสูงถึง 599 - 799 บาทต่อเรื่อง แม้จะเป็นแผ่นที่นำเข้ามาจากต่างชาติ มีคุณภาพที่นักซื้อยอมรับว่าดี แต่ราคาก็เกินเอื้อมไปจริง ๆ
ด้วยความแตกต่างของราคาทำให้แผ่น DVD ไม่มีลิขสิทธิ์เข้ามาครองตลาดอย่างเบ็ดเสร็จ มีสินค้าให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น DVD5 และ DVD9 ทั้งแผ่นจากทางภาคใต้ที่เรียกกันว่า "แผ่นมาเลย์" ซึ่งบ่อยครั้งมักจะมาพร้อมกับซับไตเติลจากโปรแกรมแปลภาษา ที่รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง จนเป็นที่มาของหนังประเภท "ซับนรก"
ยังมีแผ่นประเภทการันตีคุณภาพยี่ห้อประเภท "ตรารถ", "ตราโล่" ออกมาสู่ตลาดด้วย เช่นเดียวกับแผ่นยี่ห้อของผู้ผลิตรายหนึ่ง ที่มีเอกลักษณ์ซับไตเติลสีเหลือง ที่ฮิตติดลมบนในหมู่คนเล่นแผ่นผีอยู่ช่วงใหญ่ ๆ
ต่อมาจึงเข้าสู่ยุคของแผ่นจากภาคเหนือที่เรียกกันว่า "แผ่นแม่สาย" ที่เข้ามาตีตลาด ด้วยแพ็คเกจน่าสะสม โดยเฉพาะกล่องแบบ "พับ" หรือ Digitray นอกจากนั้นยังมีสินค้าหลากหลาย ทั้งหนังฮอลลีวูด, อนิเมชั่น, งานอาร์ตเฮาส์จากยุโรป ชนิดแม่สายกลายเป็นแหล่งช็อปดีวีดีใหญ่ของประเทศอยู่พักหนึ่ง มีการจัดทัวร์ไปซื้อแผ่น และไปรษณีย์เชียงรายก็เต็มไปด้วยกล่องพัศดุ DVD ที่รอส่งมาถึงกรุงเทพ
อย่างไรก็ตามภาพความรุ่งเรืองของยุคแผ่นผีได้ผ่านพ้นไปแล้ว หลังเจ้าของลิขสิทธิ์เริ่มใช้กลยุทธด้านราคามาต่อสู้ ถึงตอนนี้หนังฮอลลีวูดออกใหม่มีราคาอยู่ในขั้นที่ไม่ถึงกับแตะต้องไม่ได้ จนแผ่นผีต้องลดราคามาสู้บ้าง สถานการณ์ของแผง DVD ไม่มีลิขสิทธิ์จึงกลายเป็นตลาดของหนังใหม่ชนโรงตีหัวเข้าบ้านในรูปแบบ "หนังซอง" เน้นที่ราคาถูกเป็นหลัก ร้านในแหล่งจับจ่ายเดิม ๆ ทั้งที่ สีลม, คลองถม หรือห้างไอทีต่าง ๆ ก็ดูซบเซาลงไปมาก และผู้ค้าจำนวนไม่น้อยก็เปลี่ยนแนวไปขายหนังวาบหวิวแทน
ผีไม่มีวันตาย!
อย่างไรก็ตามใช่ว่าตลาดแผ่นผีเมืองไทยกำลังจะหมดไป แต่รูปแบบของธุรกิจดูจะเปลี่ยนแปลงไปเสียมากกว่า ถึงตอนนี้ยังมีแผ่นผีเข้าไปขายตามตลาดนัดหรืองานวัด กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ขณะที่ด้านตลาดบนผู้ซื้อนักดูหนังก็เริ่มขยับขยายไปสู่การสั่งแผ่นผ่านอินเตอร์เน็ต, ดาวน์โหลดฟรี, ดูตามเว็บออนไลน์ และยังถึงขั้นซื้อหนังในรูปแบบ "ฮาร์ดดิส" กันเป็นลูก ๆ เลยทีเดียว
ประเด็นเรื่องราคายังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แผ่นผีไม่มีวันหมด และดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาที่แก้ยากมาก ในประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย ที่ประชาชนมีรายได้จำกัด และสินค้าความบันเทิงมีราคาที่สูง จนไม่สามารถจับจ่ายได้อย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก
หากเปรียบเทียบรายได้ต่อหัวของประชากรไทยที่ประมาณ 731 บาทต่อวัน กับรายได้ของชาวอเมริกันที่ 4,069 บาทต่อวันแล้ว ราคาหนังใหม่ล่าสุดอย่าง Django Unchained ที่ขายในเมืองไทย 279 บาทก็ยังถือว่าแพงกว่าหนังเรื่องเดียวกันซึ่งออกที่อเมริกาและมีราคาขาย 617 บาท อยู่พอสมควร
และคำนวณด้วยอัตราเดียวกันแผ่นดีวีดีในไทยก็ควรจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 100 บาท หรือถูกกว่านั้น ซึ่งราคาดังกล่าวก็เพิ่งจะเกิดขึ้นจริงในรอบไม่กี่ปีนี่เอง
ยิ่งแผ่น Blu-Ray สื่อที่มาพร้อมกับภาพระดับความคมชัดสูงที่ในอเมริกามีราคาประมาณ 700 บาท แต่ในไทยสูงถึง 800 - 1,000 บาท ก็ไม่ต้องสงสัยว่าสุดท้ายแล้วตลาด Blu-Ray ในเมืองไทยก็คงลงเอยแบบเดียวกับ DVD ที่กว่าราคาจะลงมาอยู่ในระดับสมเหตุสมผล ตลาดก็แทบวายไปหมดแล้ว
ในตอนนี้ ที่เข้าสู่ช่วงท้าย ๆ ของเทคโนโลยี DVD หรืออาจจะพูดว่าในจุดสิ้นสุดของ หนังแผ่น ตลาดหนังผีอาจจะถือว่าเริ่มวายแล้ว แต่ในเวลาเดียวกันยุคของการดาวน์โหลด และดูออนไลน์ฟรีได้เริ่มต้นขึ้น และกระจายไปสู่ระดับรากหญ้าแล้ว และนั่นอาจจะน่ากลัวกว่า "แผ่นผี" หลายเท่าตัว
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |