ชีวิตซุป’ตาร์ที่ราบสูง ต้องผ่าทางตัน “จา พนม ยีรัมย์” เจอมรสุมเก่าเล่น คลิปพ่อเพ้อมีบวกอาการป่วย และมีอาการอยากร่ายรำอยู่ตลอดเวลา ญาติและคนข้างบ้านเชื่อว่าเพราะจา ไม่กลับไปครอบครูดูแลสิ่งที่ทำมา เทวดาฟ้าดินจึงลงที่พ่อแทน ท่ามกลางความอึดอัดของจาที่นอกจากจะต้องเร่ง ถ่ายซ่อมหนัง “ต้มยำกุ้ง 2” ยังมีหนังที่ร่วมทุนกับฮอลลีวูด “ดอล์ฟ ลันด์เกรน” ศึกระหว่าง ครอบครัวกับจาคงไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป เมื่อมีเรื่องไสยศาสตร์เข้ามา “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” และ “บุ้งกี๋” ภรรยาแสนรักจะทำอย่างไรกับข้อหาอกตัญญูที่ควบคู่ซุป’ตาร์ นักบู๊ในยามนี้
ฉาวโฉ่มาระยะหนึ่งแล้วสำหรับเรื่องราวของซุป’ตาร์ นามว่า “จา พนม ยีรัมย์” ก็ไม่เคยห่างหายไปจากกระแส ตั้งแต่มีข่าวเข้าป่าไปฝึกวิชา จนกระทั่งข่าวแต่งงาน และห่างเหินจากครอบครัว ล้วนแล้วแต่อยู่ในความสนใจของแฟนพระเอกนักบู๊ด้วยกันทั้งสิ้น และนับตั้งแต่เกิดเรื่องเกิดราวกับครอบครัวจนพ่อต้องออกตามหาจาราวกับว่าไม่ได้เจอกันมาหลายปี และไม่ได้ส่งเสียที่บ้านมาระยะหนึ่ง แม้ว่าหนังคนละม้วนและพูดคนละครั้ง หันกันคนละทิศ แต่เวลานี้ปัญหาที่มีทวีคูณ และยังคงคลุมเครือเหลือเกินว่าแท้ที่จริงแล้ว ซุป’ตาร์ จะอาภัพกับเรื่องครอบครัวจริงหรือไม่ ยังอยู่ในความสนใจของแฟนๆไม่น้อย อีกทั้งการอยากทราบความจริงที่ออกจากปากของจา โดยไม่ผ่านใคร หรือมีคนเขียนบทให้ใครเขาพูด หรือแม้แต่คลิปของพ่อจา ที่มีอาการป่วย เพ้อ บวกกับมีทั้งกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานาว่า เป็นเรื่องจริงหรือการแสดงกันแน่ การปรากฏตัวของจาในระยะหลัง จึงไม่ได้มีโอกาสพบปะสื่อตามลำพัง แม้ว่าครั้งหนึ่ง “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” ต้องพาร่างกายที่ไม่แข็งแรงนัก ออกมาเสนอตัวเป็นตัวกลางและสานสัมพันธ์และยืนยันว่า จาติดต่อครอบครัวสม่ำเสมอ และอยากให้ครอบครัวเข้าใจจาบ้างว่าต้องมีชีวิตทำงานและส่วนตัวเป็นของตัวเอง
ยังไม่รวมถึงกรณีของ “บุ้งกี๋ ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์” ที่พ่อจา ถึงขั้นตั้งโต๊ะแถลงว่ากีดกันการเจอหน้ากับจา แต่ฝ่ายลูกสะใภ้ยืนยันว่าไม่เคยทำ หนังคนละม้วนชัดเจน และดูเหมือนว่าไม้ตายสุดท้ายที่นาย “ทองดี ยีรัมย์” พ่อของจาพนม ที่ล่าสุดมีข่าวออกมาว่าล้มป่วย และตรอมใจอยากเจอหน้าลูก แถมยังมีคลิปแม่พูดไม่อยากได้อะไรจากจา นอกจากให้ลูกกลับมาเยี่ยมเยียนพ่อบ้าง ภายหลังจากมีคลิปดังกล่าวออกมาจากสำนักข่าวสปริงนิวส์ นำมาเผยแพร่ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา มีทั้งฝ่ายเห็นใจครอบครัว และมีทั้งฝ่ายเห็นใจจา พนม เพราะครั้งหนึ่งบริษัทของน้องเขยจาก็เคยมีปัญหากับจาและภรรยา มาก่อนหน้านี้ อีกทั้งเรื่องราวปัญหาภายในครอบครัว ที่นอกจากจาแล้วยังมีน้องสาว พี่ชายของจาที่พร้อมดูแลครอบครัวอีกหลายชีวิต ฟากของครอบครัวกลับเป็นห่วงอาการของนายทองดี เพราะอาการคล้ายกับเทพเทวดา ครูบาอาจารย์ลงโทษ เพราะจานั้นเคย บูชาครูมวย หนุมานถวายแหวน และเครื่องรางของขลังมากมายหลายอย่าง นอกจากนี้ ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงต่างพากันเชื่อว่า อาการป่วยของทองดีนอกจากโรคทางกายทั้งความดันโลหิตสูง และโรคเกี่ยวกับความชราที่เกิดขึ้น น่าจะมาจากการไม่เคยมาครอบครูของจา ขาดการเซ่นไหว้บูชา จึงทำให้วิชาต่างๆที่ร่ำเรียนมาทั้งหมดตกลงที่พ่อ เรื่องราวดังกล่าวถูกพูดถึงอย่างมากทั้งคนในครอบครัวและบ้านใกล้เคียง
ซึ่งนางรินทร์ ยีรัมย์ แม่ของจาพนมถึงขั้นขอร้องลูกชายให้กลับมาดูแล เพราะตอนนี้ญาติทุกคนดูแลกันอยู่อย่างใกล้ชิด ผู้เป็นแม่ถึงกับร่ำไห้ผ่านคลิป เพราะคิดถึงลูกและสงสารสามี นี่คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จา พนมจะให้เสี่ยเจียงหรือบุ้งกี๋ ภรรยาออกมาจัดการ แต่ที่ต้องหนีสื่อตอบไม่ได้ เพราะการพูดถึงบุพการีในทางลบอาจทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ อีกทั้งการติดต่อพูดคุยกับจาในเวลานี้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป เมื่อเขาอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของเสี่ยเจียง และภรรยา การติดต่อจากทางบ้านจึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องสกรีนและผ่านการตรวจสอบอย่างหนักจากต้นสังกัด เพราะจา พนมต้องถ่ายทำหนังและทำงานให้สำเร็จลุล่วงเสียก่อน จึงไม่แปลกที่พี่ชายของจา พนมจะบอกว่าเคยโทร.หาจาแล้วติดต่อไม่ได้ เพราะภาระหน้าที่และจุดขายของจาไม่เพียงแต่ในเมืองไทยเท่านั้น จายังมีแฟนคลับและรายได้อีกมหาศาลจากการเล่นหนังร่วมทุนกับฮอลลีวูดครั้งนี้ และคงไม่แปลกหากเสี่ยเจียง และ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” จะกลับเข้ามามีบทบาท กับจามากขึ้นเท่าแต่ก่อน เพราะนอกจากในการเล่นหนัง อีกทั้งคิวบู๊ที่ต้องใช้เวลาและสมาธิในการถ่ายทำมากแล้วนั้น ว่ากันว่าการกลับมาของจาครั้งนี้ จะสร้างตัวเลขมหาศาลให้กับสหมงคลฟิล์มฯ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ ยังมีช่องว่างและผลประโยชน์ทับซ้อนที่หลายคนก็ต่างเข้าใจดีว่า ปัญหาเหล่านี้ หนีไม่พ้น เรื่องของตัวเลข ที่ทั้งคนในครอบครัว ต้นสังกัด ภรรยา และคนที่ใกล้ชิดจาต่างอยากดูแลจาอย่างใกล้ชิด เพราะว่ากันว่าจา พนมไม่สามารถจัดการปัญหาเรื่องครอบครัวเพียงลำพัง
เรื่องราวของครอบครัวใหญ่และการหาเลี้ยงครอบครัวที่แน่นอนว่าระดับซุป’ตาร์ จา คงไม่ปล่อยให้ครอบครัวลำบาก หากแต่การมีครอบครัว อย่างบุ้งกี๋ และลูก เพิ่มมาอีกส่วนหนึ่ง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าจา พนมอึดอัดไม่น้อยกับกรณีที่เกิดขึ้น และดูเหมือนว่าทางต้นสังกัด ต้องเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด ราวกับ “เสี่ยเจียง” คือพ่ออีกคนที่คอยดูแล การเข้าใกล้จา พนม และการถามคำถามที่จาเคยอยากตอบ และตอบทุกคำถาม ก็อาจมีหลายคำถามที่จาไม่อยากตอบอีกต่อไปแล้ว
ธรรมดา พ่อแม่ฝ่ายสามี อาจมีที่ไม่ปลื้มลูกสะใภ้ เช่นเดียวกัน ลูกสะใภ้ก็อาจไม่ปลื้มใจนัก หากครอบครัวและฝ่ายพ่อแม่สามี วุ่นวายมากจนเกินไป เรื่องราวภายในครอบครัวที่มีเรื่อง “ตัวเลข” และ “ปัญหา” อันละเอียดอ่อนเกิดขึ้น ยิ่งนานวันยิ่งบานปลาย ยิ่งนานวันชาวบ้านใกล้เคียงยิ่งรับรู้ จาก็รู้ดีว่าอันไหนจริง อันไหนละคร ลุ้นให้ซุป’ตาร์ จา หาตัวกลางเก่งๆและจริงใจ แก้ปัญหานี้ได้เสียที ไม่งั้นไส้ที่มี ก็จะโดนสาวกันมากขึ้นอีกชนิดที่กลิ่นคาวคุ้งไปทั่ว การหนีปัญหา แล้วตอบว่า “ถ่ายหนัง” ทั้งปี ไม่ทำให้ปัญหาคลี่คลาย ครอบครัวที่รอคอยการกลับไปของจาครั้งนี้ ก็อาจจะต้องรอเก้อต่อไป 5 เดือนที่ยังไม่ได้เจอกัน ไม่นาน แต่การต้องการพบลูกถี่และบ่อยขึ้นทำให้หลายฝ่ายไม่ไว้วางใจ ต้องรอพ่อคนที่ 2 อย่าง “เสี่ยเจียง” ว่าจะจัดการกับครอบครัวลูกจาครั้งนี้อย่างไร ในฐานะกาวใจและผู้มีอิทธิพลกับชีวิตจามากที่สุดในเวลานี้
..............................................................
ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 193 วันที่ 15 - 21 มิถุนายน 2556