“อนันดา” รับเกร็ง เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์โครงการชายรักชาย แต่ตัดสินใจรับเพราะอยากเป็นกระบอกเสียงให้คนเพศนี้ รู้จักรักอย่างถูกต้องและปลอดภัย ไม่ใช่การมาประกาศว่าตนเป็นเพศไหนก็เลยไม่คิดมาก พร้อมบอกอย่างไม่อายว่า “ผมเคยตรวจเอดส์มาแล้ว”
ถึงจะแมนเต็มตัว แต่ “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” กลับตัดสินใจมารับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับโครงการ “Adam’s Love” แคมเปญออนไลน์รณรงค์สุขภาพของชายรักชาย กับแคมเปญใหม่ “We Deserve It” รณรงค์ทุกเพศมีสิทธิ์เลือกรัก มีรักที่ปลอดภัย และรู้สถานะผลเลือดของตัวเอง ในวันแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการก็เลยทำเอาหลายคนแปลกใจ ซึ่ง อนันดาได้ชี้แจงเหตุผลที่รับงานนี้ให้ฟังว่า...
“ตอนแรกที่เขามาทาบทามให้ผมมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อีกคนหนึ่ง ก็มีความเกร็งอยู่เหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่า สังคมไทยเป็นสังคมหนึ่งที่เปิดกว้างมากในเรื่องของความหลากหลายทางเพศ รวมถึงสนับสนุน และให้เสรีภาพและความสัมพันธ์ในทุกรูปแบบ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายที่รักผู้หญิง หรือผู้ชายที่รักผู้ชาย ทุกคนล้วนคู่ควรที่จะมีความรักและชีวิตในแบบของตนเอง มีรักและความสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และที่สำคัญ คือ ต้องรู้สถานะเลือดของตัวเอง เพื่อตัวเองจะได้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง หากติดเชื้อก็สามารถที่จะรักษาได้อย่างทันท่วงที และไม่แพร่เชื้อให้แก่คนที่เรารัก”
“กับคนที่มาชวน เขาก็กลัวว่า ถ้าเกิดเขาพูดถึงชายรักชาย อนันดาเขาจะคิดอะไรมากไหม แต่เราก็โอเคกับมันตั้งแต่แรก เราก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องของเพศ แต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของเอชไอวี เลยคิดว่าผมดีใจมากที่ได้มาเป็นส่วนร่วมกับแคมเปญที่ดีอย่างนี้ครับ มันไม่ได้ทำให้ผมกังวลอยู่แล้ว เพราะว่ามันไม่ได้พูดถึงเพศของผม สิ่งที่ผมทำคือ มาเป็นกระบอกเสียงให้กับคนได้รู้ว่าโครงการนี้ทำอะไรแล้วก็ให้คนรู้ด้วยว่าเอชไอวีก็ยังเป็นปัญหาอยู่ แล้วเปอร์เซ็นต์ของเอชไอวีในกลุ่มชายรักชายมันเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เราเลยต้องออกมาทำอะไรสักอย่าง คนชอบมองข้าม”
บอกไม่ได้คิดมาก เพราะแค่มาช่วยโครงการไม่ได้บอกว่าตนเป็นเพศไหน
“คือ ผมแค่มาช่วยในโครงการไม่ได้บอกว่าผมเป็นเพศไหนเลยไม่ได้คิดมากอะไรครับ และอยากจะบอกว่าเรื่องเอชไอวีมันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องอาย มันไม่แปลกเพราะว่าเรารู้จากสุขภาพตัวเอง ตัวผม ผมก็เช็ก ถึงว่าผมจะรู้ว่าตัวผมไม่มีเชื้อเอชไอวีแน่ๆ ผมพูดได้เต็มปากเต็มครับ เพราะว่ามันก็คือความภูมิใจส่วนตัวของผม คือ ผมไม่ได้รู้สึกว่าการตรวจเช็ก คือ สิ่งที่ต้องอาย เพราะว่าผมก็ตรวจ คือ อย่าไปตีความว่ามันแตกต่างจากตรวจเบาหวาน”