xs
xsm
sm
md
lg

เทพเจ้าสงคราม (6) : จุดจบของเซี่ยงหวี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านที่ได้อ่านงานชุดเทพเจ้าวงครามนี้คงมองเห็นชีวิตของเซี่ยงหวี่ว่า ความยิ่งใหญ่ของเซี่ยงหวี่คือการเป็นยอดขุนศึก แต่ความล้มเหลวในชีวิตของเขาก็เกิดจากการที่เป็นสุดยอดขุนศึกเช่นกัน

วิศัยทัศน์การวางแผนในการทำงานของเซี่ยงหวี่จึงจำกัดอยู่เพียงแค่ในสนามรบเท่านั้น พอออกนอกสนามก็พบกับความเพลี้ยงพล้ำทุกคราวไป

ก็เหมือนเหตุการณ์ที่เผิงเฉิง ซึ่งเขาอุตส่าห์เอาคนสามหมื่นชนะคนหกแสนได้สำเร็จ แต่แทนที่จะไล่บดขยี้อย่างที่ เหมาเจ๋อตุงเคยวิจารณ์ เขากลับหยุดทัพแล้วรอว่าเมื่อไหร่หลิวปังจะมาเจรจาแลกเชลย ทั้งๆ ที่เชลยเหล่านั้นคือ พ่อ แม่ ลูก ของเหลิวปังซึ่งผู้สถาปณาราชวงส์ถังทิ้งเอาไว้ระหว่างหลบหนี

และเมื่อนายทหารในสังกัดของหลิวปังของนายยอมสวามิภักดิ์อย่าง ซือหม่าฉิน และ ตงยี่ ท่ามกลางการประท้วงของฟ่านเจิงที่ปรึกษาอันดับหนึ่งว่าอาจจะเป็นแผนการซื้อเวลาหนีให้แก่หลิวปัง เซี่ยงหวี่ก็ไม่สนใจคำทัดทานดังกล่าว แถมยังให้นายทหารที่เพิ่งสวามิภักดิ์เป็นคนไปตามล่าหลิวปังเสียด้วย ตัวของเซี่ยงหวี่เองจะหันไปจัดการกับกบถแคว้นฉีทางตะวันออก เหตุนี้หลิวปังก็เลยจากไปได้อย่างปลอดภัย นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่เซี่ยงหวี่มีโอกาสที่จะจัดการกับหลิวปังให้ราบคาบแต่ก็พลาดไปอีก

มันสมองของการบริหารและจัดการของแคว้นฉู่นั้น แท้ที่จริงเซี่ยงหวี่ก็มีอยู่ที่ฟานเจิง เช่นเดียวกับที่หลิวปังมีจางเหลียงเป็นกุนซือ เพียงแต่ หลิวปังนั้นรู้จักที่จะฟังจางเหลียงจนกระทั่งโค่นศัตรูสำเร็จ แต่เซี่ยหวี่ไม่รู้จักที่จะฟังแถมยังไม่ยินดีที่มีเสียงของฟานเจิ่งคัดค้านการตัดสินใจของเขาบ่อยๆ ถ้าท่านผู้อ่านจำได้ ฟ่านเจิงผู้นี้เป็นคนเสนอแผนให้เซี่ยงหวี่เรียกหลิวปังมาฆ่าในงานเลี้ยงที่หงเหมิน แต่เซี่ยงหวี่กลับปล่อยไปไงครับ

ความหงุดหงิดที่เดี๋ยวฟ่านเจิงก็ค้าน เดี๋ยวฟ่านเจิงก็แย้งนี่เอง ทำให้เซี่ยงหวี่เกิดความรู้สึกว่าฟ่านเจิงอาจจะทรยศเขาก็เป็นได้ ในเวลาหนึ่งปีหลังจากสงครามที่เผิงเฉิง เซี่ยงหวี่ก็แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการที่ปรึกษาคนนี้อยู่ข้างตัวอีกต่อไป ความเหินห่างของเขาต่อฟ่านเจิงนี้เป็นสัญญานสุดท้ายที่ยอดกุนซือผู้นี้ตัดสินใจว่าจะลากลับไปสู่บ้านเกิดอย่างสงบ

ต้องเข้าใจก่อนว่าในช่วงปีนั้นหลิวปังที่หลบรอดไปได้จากการซื้อเวลาให้ของซือหม่าฉินและตงยี่ได้กลับไปรวมตัวอยู่ที่เขตฮั่นจงนั้นก็ทำการคิดแผนใหม่ขึ้นมา นั่นคือกระจายกำลังออกค่อยๆกินเบี้ยบนกระดานของฝ่ายฉู่ไปทุกทาง และหลีกเลี่ยงการปะทะกับเซี่ยงหวี่ โดยทางตอนเหนือของแผ่นดินฉู่นั้นให้หานซิ่นซึ่งเป็นแม่ทัพอัจฉริยะคนสำคัญของฮั่นได้บุกตลุยและยึดกวนจงให้ได้ แน่นอนหานซิ่นทำได้สำเร็จเขานำทัพฮั่นเอาชนะศึก 3 อ๋องที่เซี่ยงหวี่แต่งตั้งเอาไว้เมื่อครั้งโค่นก๊กฉินอย่างเกรียงไกร ขณะที่อีกด้านหนึ่งเผิงเย่ที่เป็นพันธมิตรของฝ่ายฮั่นก็ช่วยกระตุกขาของเซี่ยงหวี่ไว้ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ กลายสภาพเป็นสามรุมหนึ่งไปจนได้

ฟ่านเจิงซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นที่ปรึกษาใหญ่ แต่ก็ยังคุกเข่าขอร้องให้เซี่ยงหวี่เชื่อตนเองอีกซักครั้งนั่นคือ ยกทัพใหญ่ข้ามฝั่งทุ่มโจมตีหลิวปังและบดขยี้ให้ตายที่เขตฮั่นจงเสีย โดยไม่ต้องไปสนใจเหตุการณ์ทางเหนือและทางตะวันออกแต่อย่างไร เพราะ ฟ่านเจิงเชื่อว่าถ้าจัดการหลิวปังได้ หานซิ่นและเผิงเย่ก็พร้อมจะหันหัวตามมาถ้าได้รับตำแหน่งเป็นอ๋อง เซี่ยงหวี่ก็ตัดสินใจทำตามโดยการยกพลข้ามไปเตรียมจะถล่มฝ่ายฮั่น แต่ขณะที่ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามที่ต้องการ ฝั่งหลิวปังกลับยกธงขาวมาขอทำสัญญาสงบศึกกับฝ่ายฉู่แทนในปี 203 ก่อนคริสต์กาล

ฟ่านเจิงนั้นไม่เห็นด้วยกับการสงบศึกและถอนกำลังกลับ ตรงกันข้ามกับเซี่ยงหวี่ที่เชื่อว่า หลิวปังคงไม่คิดก่อการอะไรได้อีก เพราะหลิวปังแสดงให้เห็นแล้วว่า ขี้ขลาดตาขาวขนาดไหน และการรบย่อยๆทุกครั้งเซี่ยงหวี่เอาชนะหลิวปังได้ทุกที่ เขาจึงตัดสินใจทำสัญญาดังกล่าวที่เรียกว่า the Treaty of Hong Canal ในเดือน ตุลาคม 202 BC พร้อมกับคืนเชลยศึกที่เคยจับมาตั้งแต่สมัยสงครามฉู่ ฉั่นครั้งแรก ฟ่านเจิงเห็นเช่นนี้ก็กราบลาขอลาออกทันที เพื่อกลับไปบ้านเกิดที่ซูโจว เพราะ เชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของเซี่ยงหวี่คือความพินาศของฝ่ายฉู่อย่างแท้จริง

หลังทำสนธิสัญญาได้ไม่นาน ขณะที่ทัพฉู่ยกกลับไปนั้น จู่ๆ หลิวปังก็ประกาศฉีกสัญญาดังกล่าว พร้อมกับยกกองทัพที่ซุ่มอยู่เข้าโจมตีกองทัพฉู่ทันที สงครามบริเวณนี้เรียกว่าสงครามที่กุ้ยหลิง (Battle Of Guiling) ถึงขนาดนั้น แต่เซี่ยงหวี่ก็ยังรับมือกับการลอบตีตลบหลังของหลิวปังได้ เขาเอาชนะหลิวปังได้ในสนามรบอีกครั้ง ด้วยความโกรธ เขายกทัพกลับเข้าสู่พื้นที่ศัตรูอีกครั้ง แต่เซี่ยงหวี่ก็ไม่สามารถสังหารหลิวปังได้เช่นกัน เพราะคู่ต่อสู้ของเขาย้ายตัวเข้าไปหลบอยู่แต่ในป้อมไม่ยอมออกมาสู้ ไอ้จังหวะยกตามไปตีครั้งสุดท้ายนี่เองที่ความโชคร้ายมาเยือนเมื่อหันซิ่นและเผิงเย่ยกกองทัพเข้ามาตัดเส้นทางส่งเสบียงของกองทัพฉู่ได้สำเร็จกลายเป็นว่าเซี่ยงหวี่โดนกักล้อมไว้ให้เผชิญกับความเหนื่อยล้าและความหิวโหยกันแบบนี้

นี่คือสิ่งที่ฟ่านเจิงทำนายเอาไว้ กองทัพฉู่และแคว้นฉู่จะต้องล่มสลายเพราะการตัดสินใจพลาดของเซี่ยงหวี่

ความจริงก็โทษเซี่ยงหวี่ไม่ได้ทั้งหมด เพราะ ครั้งนี้เขาดันมาเจอกับหันซิ่นซึ่งเป็นสุดยอดของแม่ทัพอีกคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่รบร้อยครั้งชนะร้อยครา แถมยังเคยประกาศว่าจะวางตัวเป็นกลางในสงครามครั้งนี้ แต่เมื่อหันซิ่นได้รับคำสัญญาจากหลิวปังว่าจะให้เป็นอ๋อง หันซิ่นก็ไม่อยู่เฉยที่จะเป็นกลางอีกต่อไป ไม่นับเผิงเย่ที่รบกับเซี่ยงหวี่เพราะไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหาย เซี่ยงหวี่และทัพก็เลยตกที่นั่งลำบาก

เซี่ยงหวี่ตัดสินใจฝ่าด่านไปตามทางเพื่อกลับแคว้นฉู่ไปให้แต่ แต่หันซิ่นซึ่งเปรียบเสมือนดาววิบัติของเซี่ยงหวี่ กลับจัดคนซุ่มโจมตีริดรอนกำลังที่กำลังถอยและเสียแรงและกำลังใจไปเรื่อย การวางกลลวงของจางเหลียงและหันซิ่นนำให้ทัพฉู่ไปอยู่ในหุบเขาที่เรีกกว่าไก่เซี่ย ( Gaixia) ที่นี่เองที่หวีจี เมียรักของเขาถูกทัพฮั่นจับเป็นเชลยไว้ เซี่ยงหวี่ซึ่งไปรบที่ไหนก็พาเมียรักไปที่นั่น ตัดสินใจสั่งการให้ทหารส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปตามทางเอกเพื่อกลับไปสู่แผ่นดินฉู่ให้เร็วที่สุด ตัวเขาจะพาทหารคนสนิทไม่กี่นายไปตามหวีจีคืนมา หตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วง 2 เดือนหลังจากทำสัญญาสงบศึก

ทหารราวหนึ่งพันนายที่ตามเซี่ยงหวี่ไปด้วยสามารถปฏิบัติการชิงตัวประกันได้สำเร็จ แต่หารู้ไม่ว่าตัวประกันที่ได้มานั้นเป็นเพราะหันซิ่นจงใจปล่อยตัวไว้ในหุบเขาที่ว่า จากนั้นหันซิ่นก็เริ่มปฏิบัติการโจมตีทั้ง 10 ทิศ("Ambush from Ten Sides" ( นั่นคือล้อม แหย่ ตี จนกระทั่งกองร้อยของฉู่นั้นแทบไม่เหลือสภาพจิตใจที่จะสู้อีกเลยเพราะไม่รู้จะออกไปจากกรงและกับดักนี่ได้อย่างไร

ปฏิบัติการทำลายทางจิตวิทยาของหันซิ่นยังคงมีต่อไป เมื่อถึงค่ำคืนหันซิ่นก็สั่งทหารฮั่นและเชลยศึกฉู่ที่จับได้ร้องเพลงพื้นเมืองของชาวฉู่จากสี่ทิศ( Chu Song from Four Sides" () )เนื้อหาและทำนองเพลงนั้นทำให้กองทัพของเซี่ยงหวี่หมดแรงที่จะสู้เพราะคิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว คิดถึงลูกเมีย เรียกได้ว่าอ่อนแอถึงขีดสุด ทหารจำนวนหนึ่งแอบหนีทัพกลางดึก อีกจำนวนก็เข้ามาขอร้องให้เซี่ยงหวี่ยอมแพ้ เหตุการณ์นี้ทำให้ “หวีจี”ซึ่งถือว่าตัวเองต้องรับผิดชอบที่ทำให้สามีและทหารคนสนิทต้องมาติดอยู่ในหุบเขานี้ นางตัดสินใจอย่างเด็ดขาดด้วยการฆ่าตัวตายเพื่อให้ เซี่ยงหวี่และทหารเสือซึ่งเหลืออยู่ราว 800 นายได้คิด การตายของหวีจีทำให้เซี่ยงหวี่ตัดสินใจที่จะทะลวงออกจากหุบเขากลับไปแดนฉู่ให้สำเร็จ

ความสามารถในการรบของเซี่ยงหวี่แสดงให้เห็นแบบสุดยอดก็คราวนี้ เพราะ เป็นครั้งแรกที่เขาได้สู้กับหันซิ่น ผลก็คือ หันซิ่นต้องเป็นฝ่ายถอย เขานำทหารทั้ง 800 หนีรอดไปได้จากกับดักนั้น แต่ด้วยความที่ไม่รู้เหนือรู้ได้ ทำเอาเซี่ยงหวี่เสียเวลากับเส้นทางไปมาก ขณะเดียวกันยังมีทหารของฮั่นอีก 5000 นายที่ตามติดมา สุดท้ายเซี่ยงหวี่มาถึงที่ริมน้ำอู่เจียง

เซี่ยงหวี่นั้นทำหน้าที่เป็นสุดยอดแม่ทัพจนนาทีสุดท้าย เมื่อเขาสั่งการให้ทหารที่หลงเหลือลงเรือข้ามไปทั้งสิ้นโดยที่เขารับหน้าที่ต่อต้านกองกำลังของฮั่นแต่เพียงผู้เดียว ตามบันทึกบอกว่าคนเดียวที่ว่ายังสามารถฆ่าทหารฮั่นไปได้อีกร้อยนาย แต่ด้วยบาดแผลและความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจทำให้เซี่ยงหวี่ไม่มีแรงเหลืออีก

หูของเซี่ยงหวี่นั้นได้ยินคำสั่งของทหารที่ล้อมเข้ามาว่าหลิวปังสั่งให้จับเป็น ยิ่งทำลายความอหังการ์ของเขาเข้ามาหนัก เซี่ยงหวี่จะไม่ยอมเป็นเชลยแก่ใครก็ตาม เขาตัดสินใจใช้ดาบของตัวเองเชือดคอจบชีวิตที่ริมแม่น้ำอู่เจียง ขณะที่มีอายุได้ 30 ปี แม้ว่าเรือข้ามฟากจะมารับและสามารถพาเขาส่งไปยังแดนฉู่ได้ก็ตาม

ความตายของเซี่ยงหวี่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ทุกสมัยว่า ทำไมเขาต้องฆ่าตัวตาย เพราะเพียงแค่ข้ามฝั่งไปได้ สถานการร์ทุกอย่างยังมีสิทธิพลิกเพราะที่เจียงตงกองทัพใหญ่ของเขายังอยู่ แถมเขายังพ่ายในสงครามครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่มุ่งไปในเรื่องของสภาพจิตใจและความตายของหวีจีที่เป็นเหตุให้เขาเชือดคอตัวเองเพื่อตามนางไปครองรักกันในภพหน้านะครับ
...
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
กำลังโหลดความคิดเห็น