นอกจาก “บัวลอย” ของ “คาราบาว”...
ยังมีเพลงอีกเพลงหนึ่งที่เชื่อได้เลยว่าเพียงแค่เสียงดนตรีอินโทรดังขึ้นมาก็สามารถทำให้ผู้ได้ยินเกิดอาการราวกับ “ต้องมนต์” หัวใจถูกความสนุกสนานกระตุกตุ้นจนนึกอยากจะลุกขึ้นมาสะบัดแข้งสะบัดขาก็คือบทเพลงที่มีชื่อว่า “สาวบางโพ”
และแน่นอนว่า เมื่อเอ่ยชื่อถึงบทเพลงที่ว่านี้ เราจะนึกถึงใครไม่ได้เลยนอกจากเจ้าของฉายา “มนุษย์ไร้กระดูก” ที่มีชื่อว่า “ตู้ ดิเรก อมาตยกุล”
หากนับจากวันที่เขาได้ร้องเพลงนี้อย่างเป็นทางการในปี 2525 ในนามของวงดนตรี “เพรสซิเด้นท์” เพลงสาวบางโพ กับ ตู้ ดิเรก ได้เดินทางผ่านห้วงระยะเวลามานานกว่า 30 ปีพอดิบพอดี...และนี่คือเรื่องราวของเพลงและคนคู่นี้
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าก่อนจะมาเป็นนักร้อง เจ้าของฉายามนุษย์ไร้กระดูกคนนี้เคยเป็นนักกีฬาฟุตบอลมาก่อน
“เป็นผู้รักษาประตูครับ ก็เล่นมาตั้งแต่เรียนสามเสน แล้วโรงเรียนปานะพันธุ์ในพระบรมราชูปถัมป์ ก็มาดึงตัวไป เรียนฟรีกินอยู่ฟรีเลยตอนนั้น เป็นนักฟุตบอลตั้งแต่นั้น เล่นฟุตบอลมาตลอด แล้วก็มาสักประมาณ 20 กว่าๆ ผมไปเกณฑ์ทหารไม่ติด ตอนนั้นอยากเป็นทหาร แต่ไม่ติด ก็เลยหันกลับไปเล่นบอล แล้วเพื่อนฝูงที่เล่นกันมาก็พากันไปอยู่สโมสรราชประชา”
คิดจะเอาดี เล่นกีฬาจริงๆ จังๆ แต่เรื่องกลับพลิกผันให้มาเป็นนักร้อง?
“เล่นถ้วย ก.ด้วยนะ แต่เล่นกับทีมตำรวจ เพราะผู้รักษาประตูที่ราชประชาเขาเยอะมาก แล้วเก่งๆ กันทั้งนั้น มือเราไม่ถึงเขาน่ะ (หัวเราะ) โหย ตอนนั้นมี วศิน มาศพงษ์ ที่ต่อจาก โรจนะ สมุนไพร คือคนเก่งเยอะ แต่ที่ราชประชาเนี่ยเขาจะมีสโมสรอยู่ คือ ลูกเจ้าของสโมสรลูกของหม่อมเจต (พล.ต.ต.ม.ร.ว.เจตจันทร์ ประวิตร) คุณเป๊ป (พล.ต.ม.ล.สุปรีดี ประวิตร) เนี่ยเขาชอบเล่นดนตรี ที่สโมสรก็จะมีเปียโน มีกีตาร์อยู่”
“เขาก็จะมารวมวงกัน ผมก็ไปนั่งเล่นด้วย แล้วมันมีนักฟุตบอล สมพร จรรยาวิสูตร อ๊า ปีกขวาทีมชาติอ่ะ เร็วมาก เจ้าแมททิว นี่เขาชอบตีกลอง มี เสมอกิจ โอฐจันทึก เล่นกีต้าร์ ก็ร้องเพลงรวมวงมีงานปาร์ตี้ ซ้อมบอลเสร็จก็มาเล่นดนตรี ซึ่งตอนนั้นผมก็ยังไม่เป็นอะไรเลยนะ แต่ดูแล้วมันสนุก เอาล่ะก็ขึ้นไปมั่วเลย ตีกลองทอม เคาะๆ อะไรไปเรื่อย แล้วเสมอกิจ โอฐจันทึกนี่แหละที่บอกว่าชาตินี้ผมร้องเพลงไม่เป็นหรอก (หัวเราะ) โอ้ เนี่ยแหละ นี่ไง แรงผลักดันให้ไปเป็นนักร้องเลย ตั้งแต่นั้นผมเลิกเตะบอลเลย”
“ก็กลับไปหาเพื่อน เจอเพื่อนที่เรียนสามเสนก็เลยไปเรียนที่พาณิชย์เจ้าพระยาด้วยกัน ตอนนั้นจบจากปานะพันธุ์แล้ว เพื่อนชื่อ ศุภชัย เจิมรังษี ตอนนี้เสียชีวิตแล้ว คือที่บ้านเขาเล่นดนตรีก็พาผมไปฝึกร้องเพลงแรกให้ร้องเพลงฝรั่งเลยของ Grand Funk Railroad ชื่อเพลง Closer To Home มันฝึกเสียงดีมากเลยนะ เสียงหนักๆ สูงๆ ดังๆ เลยน่ะ แล้วบ้านมันอยู่ติดๆ กัน ชาวบ้านหนวกหูเขวี้ยงมาแล้ว คือตอนนั้นแรงผมดีนะ ผมเตะบอลมา เสียงดังชาวบ้านรำคาญ (หัวเราะ) แรกๆ ก็ได้เพลงนี้เพลงเดียวหากินไปเรื่อย”
“จากนั้นก็ได้มาอยู่วงเจเนอเรชัน แล้วก็ได้ทำเทป เพลงแรกที่ได้ทำ คือ เพลงกระบี่ไร้เทียมทาน เพลงกระบี่ฯ ออกมาก็ได้รับความนิยม ตอนนั้นหนังมันดังมากเลยนะ คือ กระบี่ไร้เทียมทานเนี่ย มีสามเจ้าที่เอาทำ ก็มีพี่ดอน สอนระเบียบ มีวง ดิ โอเปี่ยม แต่ของเราดูเหมือนจะได้รับความนิยมกว่านะ (หัวเราะ) อาจจะเป็นเพราะเนื้อเพลงของเรามันชัดเจน มันดีกว่าก็ได้”
แจ้งเกิดจาก กระบี่ไร้เทียมทาน แต่มาดังด้วย “สาวบางโพ” กับ เพรสซิเด้นท์ ที่แต่งโดย “ป๊อด สุนทรสิงห์ วัชรเสถียร” (เสียชีวิตเมื่อ 25 ธันวาคม 2551) นักแต่งเพลงชื่อดังสมัยนั้น โดยมี “แดง ศุภกร บุญญานันท์” อดีตหัวหน้าวงเพรสซิเด้นท์ เรียบเรียงดนตรี
“ตอนนั้นวงเจเนอเรชันได้ไปเซ็นสัญญาเล่นที่ปารีสไนต์คลับ ที่มาเก๊า 6 เดือน กลับมาก็มีประสบการณ์มาอยู่วงเพรสซิเด้นท์โดย เล็ก คาราบาว มาตามไปครับ เล็กมาชวนไป ไปอยู่วงเพรสซิเด้นท์ด้วยกัน ก็ได้ร้องเพลงพวกโซล ฟังกี้ ที่คนชอบในยุคนั้น ตอนนั้นวงเพรสซิเด้นท์ดังมาก เข้าไปอยู่ซักพักก็ได้ร้องคู่กับ คุนอ้วน วารุณี จับคู่กันก็เลยทำเพลงทำเทปชุดแรกที่ทำคือเด็กฮาร์ดฉันไม่สน อ๊า...”
“จากนั้นก็มีเพลงทำต่อไปเรื่อยเลยครับก็จะมาเจอเพลงสาวบางโพ สาวบางโพแต่งโดยอาจารย์ป๊อดครับ ท่านเสียไปแล้ว ท่านเป็นคนเล่นคำเก่งมาก อย่างสาวบางโพนี่โก้จริงๆ...ป้ากับปู่ดื่มคิกคาปู้ ปู่กับปิ๊กดื่มคิกคาปู้นี่ก็ของเขา...ห่านดินกินหญ้า ห่านฟ้ากินยุง...ปักกิ่งขนมหวานกรอบชอบจริงๆ นี่ก็ของเขา นี่แหละครับของอาจารย์ป๊อดเลย”
กระแสตอบรับในเบื้องต้นไม่ดีเท่าไหร่ ก่อนจะมาได้ราชาเพลงป๊อป “ไมเคิล แจ็กสัน” ช่วยเสริม?
“จริงๆ เพลงนี้ เทียรี่ เมฆวัฒนา เขาร้องไว้ก่อนนะ ร้องเป็นแบบโฟล์คซอง จากนั้นพี่แดงเพรสซิเด้นท์ก็เอามาทำเป็นเพลงฟังกี้แล้วก็ไห้ผมร้อง กระแสตอบรับแรกๆ ยังไม่เท่าไหร่ เพราะว่ายังเต้นธรรมดาอยู่ ก็พอดีตอนนั้นมีคนมาจ้างพวกเราไปอเมริกาครับ โดยหนังสือพิมพ์เสรีชนมานำพวกเราไปอเมริกา ไปทัวร์ 37 รัฐ 48 เมือง เป็นวงแรกของไทย อาจจะเป็นวงเดียวที่เดินทางไกลที่สุดในอเมริกา เดินทางหลายรอบมาก ตอนนั้น เล็ก คาราบาว กับ อ๊อด คาราบาว ก็ไปด้วย ผมว่าทั้งสองคนเนี่ยเป็นคนที่เดินทางทัวร์คอนเสิร์ตที่ไกลที่สุดแล้วมั้ง เดินทางไกลกับเพรสซิเด้นท์แล้วก็ยังไปเดินทางไกลกับคาราบาวอีก (หัวเราะ)”
“ตอนไปทัวร์อเมริการู้สึกว่าเป็นช่วงที่ ไมเคิล เเจ็กสัน เพิ่งจะได้รับรางวัลแกรมมี่พอดี แล้วก็มีวิดีโอเพลง billie jean ออกมา ซึ่งยังไม่ตกมาเมืองไทยเลย อีกหลายเดือนเลยกว่าจะมาเมืองไทย แต่ที่นั่นเขามีวิดีโอกันแล้วตอนที่ผมไปจังหวะพอดีเลย ผมก็เลยซื้อวิดีโอม้วนนั้นเลย ซื้อเสร็จแล้วเอามาแกะเลย ก็มาแกะดู ไมเคิล แจ็กสัน ดูปั๊ป ชอบท่ามูนวอล์คของเขามาก ใจคิดเลยว่าจะต้องเอาท่านี้กลับเมืองไทยให้ได้”
ตอนนั้นมีพื้นฐานในการเต้นอยู่แล้วหรือเปล่า?
“มีนิดๆ หน่อยๆ ครับ ก็เหลือเวลาอีก 1 เดือนกับ 10 วัน ระหว่างทัวร์ ก็ดูไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็ซ้อมเลยครับ1 เดือน 10 วัน ซ้อมโดยใช้เพลงสาวบางโพ เอามูนวอล์กมาไส่ไว้ในเพลงสาวบางโพ พยายามเต้นให้มันเข้ากับเพลงน่ะ พอ 1 เดือน 10 วัน แล้วกลับมาเมืองไทย ผมก็ได้มาแล้วทั้ง มูนวอล์ก เบรกแดนซ์ ป๊อปปิ้ง ท่าหุ่นต์อะไรเนี่ย ตอนนั้นคนไทยยังไม่รู้จักเลยนะไอ้มูนวอล์กเนี่ย”
“กลับมาก็มาร้องเพลงที่เอราวัณเหมือนเดิม แต่ทีนี้รายการโลกดนตรีเขาต้องการเราไปออกเหลือเกินเท่านั้นแหละ เรายิ่งซ้อมหนักขึ้นอีก เพื่อโลกดนตรีเลย ใส่ให้เต็มที่เลย พอออกโลกดนตรี ปัง ตึ้ง สาวบางโพ มูนวอล์กทันที นับตั้งแต่นั้นมันเป็นของผมทันทีเลย สาวบางโพ ตู้ ดิเรก มูนวอล์ก ของผมเลย เป็นโลโก้เลย แล้วพอตอนหลังนี่ยิ่งใส่ใหญ่เลย พอได้มูนวอล์กทีนี้ก็เลื้อยเป็นงูเลย (หัวเราะ) ตอนนั้นใส่หมดอ่ะ มีเพลงอะไรก็เอามาใส่หมดเลย โหเต้นเเหลกอ่ะ (หัวเราะ)”
เพลงบังคับที่วงสตริงจะงานวัด งานบวช งานอะไร ต้องเล่นได้
“ก็ดีครับ ดี มันทำให้คนไม่ลืมเรา สามสิบปีผ่านไปเร็วมาก ผมเต้นมา 30 กว่าปีแล้วเอ็นละเอียดแล้วมั้งเนี่ย ใช้หัวเข่าเยอะมาก หัวเข่าขวาเนี่ยเอ็นละเอียดแล้ว (หัวเราะ) คือถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้เพลงนี้มันฮิตมาตลอด 30 ปี ผมว่าอันดับแรกหัวใจคือจังหวะ จังหวะมันดี จังหวะมันมันน่ะ”
“โดยเฉพาะเวอร์ชัน 2 ที่ คุณเต๊ะ โชคดี พักภู่ ทำดนตรี ซึ่งอะเรนท์เก่งมาก เวอร์ชันสองเนี่ยไปอยู่กับนิธิทัศน์ นี่ก็ยี่สิบกว่าปีที่แล้วซึ่งมันก็ยิ่งทำให้เวอร์ชันสองมันดังขึ้นอีก นี่แหละครับ ตรงเนี้ยะ ชาแด็บแต๊ดแต๊ว...คือพอขึ้นมาสาวบางโพ ลุกขึ้นเต้นกันทันที แล้วหลังๆ หางเครื่องมันเอาไปเต้นกันนะ แบบสาวบางโพมันเต้นกันแบบโป๊ๆ มาก (หัวเราะ) พอเพลงมามันแอ่นเลย แอ่นเป็นสะพานโค้งก็มี เอาเอวไปถูกกับมอนิเตอร์ ก็มี (หัวเราะ) เออ มันก็เป็นสีสันที่สนุกๆ กันไป”
เพลงเดียวยังหากินได้อีกนาน?
“(หัวเราะ) ผมว่ามันไปได้อีกนะ ล่าสุดผมไปร่วม คอนเสิร์ต เจ เจตริน พอเพลงสาวบางโพขึ้นมาเนี่ยอัตโนมัติเลยครับ โดดกันขึ้นมาเลย สาวบางโพมาแล้ว ลุกขึ้นเต้นเลย เพลงมันมีมนต์เพลงครูครับเพลงนี้ 30 กว่าปีก็ไม่น่าเชื่อมันจะอยู่ยาวขนาดนี้นะ เพราะมันเป็นเพลงเร็วด้วย อยู่มาได้ยังไง 30 กว่าปี เออ นี่ไง เออ มันเป็นเพลงมหัศจรรย์นะ แล้วเพลงเดียวเนี่ยหาเลี้ยงทั้งชีวิตได้เลยน่ะ อ๊าๆๆ (หัวเราะ) ไปงานใหนก็ขอแค่เพลงเนี้ย เพลงเดียวเลี้ยงทั้งชีวิตนะ (หัวเราะ)”
“แต่ผมว่าดีน่ะ ดังเพลงเดียว คนรู้จักง่าย ถ้าดังหลายเพลงบางทีมันจะจำไม่ได้ อ้าวเพลงนี้ของคนนี้ด้วยเหรอ อ้าว มันเยอะไปใช่ใหม (หัวเราะ) เราดังเพลงเดียวเนี่ยดีแล้ว จริงๆ เพลงนี้ก็มีหลายคนเอาไปร้องนะไวพจน์ เพชรสุพรรณ ก็เอาไปร้อง บุรินทร์ กรูฟไรเดอร์ ก็เอาไปร้อง ก็ขอขอบคุณที่คนช่วยกันเอาไปร้อง แต่ร้องทีไรคนฟังเขานึกถึงผมนะ (หัวเราะ)”
ตอนนี้เต้นแบบหนักๆ ยังไหวอยู่มั้ย?
“ก็ยังเต้นได้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่บอก เอ็นหัวเข่าละเอียดเลย มันเต้นกระแทกหนัก ทรุดครับหัวเข่า ปีหน้าก็อายุ 60 แล้วปีหน้าผมได้เงินเดือนรัฐบาลผมก็เลิกแล้ว ผมเกษียนแล้ว ได้ 500 ผมสบายใจแล้วอยู่ได้แล้ว (หัวเราะ) มีผักบุ้งกินวันละกำพอแล้ว”
เคยเป็นนักบอลมาก่อน ตอนนี้มองวงการฟุตบอลในเมืองไทยอย่างไร?
“ทำไมมีบอลอาชีพแล้วทีมชาติไทยไม่ค่อยเจริญ เออ ทำไมนะ หรือว่ามันจะเอาแต่เงินกัน เพราะเล่นทีมชาติแล้วมันไม่ได้ตังค์ไง กลัวเจ็บ คือถ้าเป็นผมเนี่ยนะจะสร้างทีมชาติขึ้นมาเลย ไม่เกี่ยวกับอาชีพเลย(หัวเราะ) เอาแม่งแยกออกมาเลย รวมทีมซ้อมเตะกันทุกวัน ไปทัวร์ต่างประเทศบ้าง ทีมเดียวเลยมันจะได้รู้ใจกันไง แล้วให้เงินเดือนมันแพงๆ แต่มีเงื่อนไขว่ามึงห้ามไปเล่นอาชีพน่ะ (หัวเราะ) ห้ามเล่นให้สโมสร ถ้าอยากได้เงินเดือนสูงๆ ต้องเข้ามาคัดเล่นทีมชาติอย่างเดียว”
“แล้วทำหลายๆ ทีมนะ แบ่งเป็นอายุเลย 21 ปี 19 ปี 16 ปี เอากันแบบจริงๆ จังๆ ซ้อมทุกวัน แล้วเราก็ไปขออุ่นเครื่องกับพวกทีมสโมรนั่นแหละ เมืองทองหรือมาเลย ซ้อมกับเมืองทองขายตั๋วเก็บตังค์กันเลย แต่นี่ต้องรอให้ผมเป็นนายกสมาคมฟุตบอลก่อนนะ” (หัวเราะ)