โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
แม้จะมีผลงานเพลงออกมาบ้างอย่าง “คนดีไม่มีวันตาย”(เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “ขุนรองปลัดชู”)หรือไปปรากฏเป็น(เสียง)แขกรับเชิญของ “กอล์ฟ สิงห์เหนือ” ในท่อนฮุคเพลง “ราตรีสวัสดิ์”
แต่นั่นอาจไม่พอต่อความคิดถึงของแฟนเพลง เพราะ“ธีร์ ไชยเดช” ว่างเว้นห่างหายไปจากการออกสตูดิโออัลบั้มไปยาวนานร่วม 10 ปี จนใครและใครหลายคนคิดว่าเขาอาจจะล้างมือในอ่างทองคำของยุทธจักรวงการเพลงไปแล้ว
กระทั่งมาเมื่อต้นปีนี้พี่ธีร์เสียงหล่อกลับมาอีกครั้งกลับผลงานชุดใหม่ “Recoloured”
Recoloured เป็นการนำเพลงเก่าๆของธีร์ ไชยเดชมาอะเร้นจ์ เล่นใหม่ ร้องใหม่ ซึ่งการนำเพลงเก่ามาทำใหม่ถือเป็นทางถนัดของพี่ธีร์อยู่แล้ว เพราะเขาเคยนำเพลงดังเก่าๆอย่าง “ลมหายใจ”, “ฤดูที่แตกต่าง”, “ก้อนหินละเมอ” ฯลฯ มาทำใหม่ในสไตล์ตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม จนบางคนหลงคิดไปว่าธีร์ ไชยเดชเป็นต้นตำรับของบทเพลงเหล่านั้นไปเลยก็มี
อัลบั้มนี้โปรดิวซ์โดยเจ้าตัวคือธีร์ ไชยเดช ซึ่งเขามีคอนเซ็ปต์ในการทำงานเพลงชุดนี้ นั่นก็คือการนำเพลงเก่ามาละเลงสีสันใหม่ นำเพลงที่ฟังยากมาทำใหม่ให้มันฟังง่ายขึ้น
Recoloured มีทั้งหมด 10 เพลงตามมาตรฐาน เปิดตัวกันด้วย “อีกนานไหม” เพลงนี้ขึ้นอินโทรนำมาด้วยซาวนด์คีย์บอร์ดล่องลอย โดยฝีมือ “เป้ -ภิทรู พลชนะ” มือคีย์บอร์ดและซาวนด์ดีไซน์ อีกหนึ่งในตัวจักรสำคัญของอัลบั้มนี้
หลังเปิดตัวกับซาวนด์ชวนจินตนาการที่เป็นดังสีสันที่แปลกออกไป ตัวเพลงอีกนานไหมได้ดึงกลับเข้าสู่ซาวนด์แบบธีร์ ไชยเดชที่คุ้นเคยกับเสียงอะคูสติกกีตาร์ใสๆและเสียงร้องนุ่ม ทุ้ม อันเป็นเอกลักษณ์ที่แม้เวลาจะผ่านไปร่วม 10 ปีแล้ว แต่เขาหาได้หวั่นไหวหันไปร่วมกระแสปรองดองกับแนวทางการร้องเพลงร่วมสมัย ซึ่งเน้นในน้ำเสียงพิมพ์นิยมที่ดัดจริตจนเกินงามไม่
อีกนานไหม เพลงที่มีเนื้อหาตั้งคำถามถึงความรักของเธอว่าจะรักฉันไปอีกนานไหมในเวอร์ชั่น Recoloured นี้ ฟังแล้วให้ความรู้สึกสดใสกระฉับกระเฉงกว่าต้นฉบับ เพราะนอกจากซาวนด์แปลกๆที่เป็นฉากหลังแล้ว ยังมีเสียงเพอร์คัสชั่นมาเคาะเพิ่มสีสัน
“ฝันไป” บทเพลงผิดหวังของคนถูกทอดทิ้ง หลังความรู้สึกดีๆที่คบกันมานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนฝันไป เพลงนี้มาแนวบอสซ่าชวนโยกตัว อินโทรขึ้นนำมาด้วยอะคูสติกกีตาร์ ก่อนส่งเข้าเพลงกับเสียงนุ่ม ทุ้ม ฟังสบายของพี่ธีร์ โดยตลอดเพลงมีเสียงคีย์บอร์ดบางๆเล่นคลอไปกับเสียงใสๆของอะคูสติกกีตาร์ ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกคึกคักสดใสกว่าต้นฉบับ
ต่อกันด้วย “ใจดีดี” เพลงนี้นอกจากความเด่นของเสียงนำ อย่างเสียงร้องนำ เสียงอะคูสติกกีตาร์ใสๆไลน์สวยที่เล่นนำเป็นแถวหน้าแล้ว ยังมีเสียงเด่นจากซาวนด์คีย์บอร์ดในอารมณ์ล่องลอยที่เล่นรองพื้นเป็นแถวสองไปตลอด ฟังแล้วชวนให้นึกถึงอารมณ์เพลงของ“คริส เรีย” ที่นิยมใช้ทางดนตรีแบบนี้ไม่น้อยเลย
“ขอแค่ใจเราเหมือนเดิม” เป็นสโลว์ร็อกรสละเมียด เสียงร้องของพี่ธีร์ฟังเหงาเศร้าได้ใจ แต่ตอนที่พี่แกส่งเสียงหล่อๆพูดประกอบในอารมณ์ของรุ่นใหญ่ผู้กร้านโลกนี่กลับให้ความอบอุ่นแตกต่างออกไป
อารมณ์เพลงช้าๆหม่นเหงายังมีต่อในเพลง “รักลมลม” กับอารมณ์ของคนที่รักเขามากไปแต่กลับถูกมองเป็นแค่เพื่อนกัน
คึกคักขึ้นมาหน่อยกับแทรคถัดไป “ไม่จากใจ” ซาวนด์เพลงนี้ฟังหรูหราและชวนล่องลอย มีเสียงแซกโซโฟนพลิ้วๆมาเป่าสร้างสีสัน
“My Life is Here” เพลงภาษาอังกฤษหนึ่งเดียวในอัลบั้ม ดึงอารมณ์เพลงกลับมาสู่โหมดหม่นๆอีกครั้ง ก่อนต่อกันด้วย “สาป” อีกหนึ่งเพลงผิดหวังของคนที่เหมือนต้องคำสาปให้รักเธอ เพลงนี้ภาคดนตรีพี่ธีร์ยังคงใช้บริการเสียงแซกโซโฟนมาเป่าแบบกึ่งๆอิมโพร์ไวซ์โซโลสร้างอารมณ์แปลกใหม่ให้กับงานเพลงของธีร์ ไชยเดช
ส่วน “เสียใจอีกแล้ว” แม้มาในอารมณ์หม่นเศร้า(อีกแล้ว) แต่ดนตรีฉีกไปในกลิ่นเร็กเก้ช้าๆ มีซาวนด์ประหลาดๆของคีย์บอร์ดเล่นประกอบ
ปิดท้ายกันด้วย “นานๆ” อินโทรขึ้นนำมาด้วยเสียงคีย์บอร์ดเหงาๆลอยๆที่ถือเป็นซาวนด์เด่น ซาวนด์หลักของเพลงนี้ ซึ่งธีร์ ไชยเดชใช้เป็นแนวทางหลักในอัลบั้มชุดนี้
และนั่นก็เป็น 10 เพลงเก่าในสีสันดนตรีใหม่ของธีร์ ไชยเดช ซึ่งชุดนี้เขาลดซุ่มเสียงของอะคูสติกกีตาร์ ทั้งลูกตีคอร์ดและลีลาการเล่นปิ๊กกิ้งที่เป็นลายเซ็นในแบบของเขาไปพอสมควร หากแต่หันไปให้ความสำคัญในเสียงคีย์บอร์ดมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกับซาวนด์แปลกๆและซาวนด์ล่องลอยชวนฝันนี่จัดใส่เยอะมาเป็นพิเศษ นอกจากนี้พี่ธีร์ยังเพิ่มเสียงเพอร์คัสชั่น เสียงกลองเข้ามาทำให้ภาคริทึ่มฟังเด่นชัดขึ้น
ขณะที่อารมณ์ของเพลงนั้น แม้ยังคงอารมณ์ความหม่น เศร้าเอาไว้ แต่หลายเพลงฟังแล้วให้ความรู้สดใสคึกคักกว่าต้นฉบับอยู่พอตัว
อย่างไรก็ดี แม้นี่จะเป็นสีสันใหม่ ดนตรีใหม่ ที่บางเพลงฟังแล้วต่างไปจากต้นตำรับอยู่พอตัว แต่ธีร์ ไชยเดช ก็ยังคงเป็นธีร์ ไชยเดช ที่ยังคงทำเพลงออกมาได้อย่างละเมียด ไพเราะ น่าฟัง
ที่สำคัญคืองานเพลงชุดนี้ยังคงมี “ลายเซ็น” อันชัดเจนของเขาประทับหราอยู่กับ เสียงร้องอันทรงเสน่ห์หล่อ นุ่ม ทุ้ม และการถ่ายทอดอารมณ์เพลงอย่างเข้าถึง ซึ่งไม่ว่าจะฟังเพลงไหนเพลงนั้น เป็นต้องรู้กันว่านี่คือเพลงของผู้ชายที่ชื่อ
“ธีร์ ไชยเดช”
*****************************************
แกะกล่อง
ศิลปิน : รวมศิลปิน
อัลบั้ม : Music On Screen
อัลบั้มรวมเพลงประกอบภาพยนตร์แห่งยุคสมัยจากค่าย “โซนี่ มิวสิค” มีทั้งหมด 15 เพลง เป็นการคัดเพลงเอก เพลงดัง จากหนังไม่ซ้ำเรื่อง 15 เรื่องมานำเสนอ
Music On Screen มีเพลงน่าสนใจ ได้แก่ “สภาวะทิ้งตัว”(แดน วรเวช) เพลงเพราะๆติดลูกเหงาจาก“ส.ค.ส.สวิตตี้”,“บุษบา”(โมเดิร์นด็อก)บทเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อกยุคบุกเบิกในบ้านเราจาก “ซักซี๊ด ห่วยขั้นเทพ”, “ปายอินเลิฟ”(Q Flure) จาก “ปายอินเลิฟ” ป็อบร็อกเท่ๆ, “หยุด”(กรูฟไรเดอร์) 1 ใน เพลงชาติประจำร้านเหล้า จาก “ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น”
นอกจากนี้ยังมีบทเพลงประกอบหนังผี-แต๋ว-ตลก ที่หลายคนคิดไม่ถึงว่าจะเพลงประกอบจะไพเราะเกินคุณภาพหนัง อย่าง “เธอเท่านั้น”(โมเดิร์นด็อก) หรือ “อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน” จาก “หอแต๋วแตก แหวกชิมิ”
แม้จะมีผลงานเพลงออกมาบ้างอย่าง “คนดีไม่มีวันตาย”(เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “ขุนรองปลัดชู”)หรือไปปรากฏเป็น(เสียง)แขกรับเชิญของ “กอล์ฟ สิงห์เหนือ” ในท่อนฮุคเพลง “ราตรีสวัสดิ์”
แต่นั่นอาจไม่พอต่อความคิดถึงของแฟนเพลง เพราะ“ธีร์ ไชยเดช” ว่างเว้นห่างหายไปจากการออกสตูดิโออัลบั้มไปยาวนานร่วม 10 ปี จนใครและใครหลายคนคิดว่าเขาอาจจะล้างมือในอ่างทองคำของยุทธจักรวงการเพลงไปแล้ว
กระทั่งมาเมื่อต้นปีนี้พี่ธีร์เสียงหล่อกลับมาอีกครั้งกลับผลงานชุดใหม่ “Recoloured”
Recoloured เป็นการนำเพลงเก่าๆของธีร์ ไชยเดชมาอะเร้นจ์ เล่นใหม่ ร้องใหม่ ซึ่งการนำเพลงเก่ามาทำใหม่ถือเป็นทางถนัดของพี่ธีร์อยู่แล้ว เพราะเขาเคยนำเพลงดังเก่าๆอย่าง “ลมหายใจ”, “ฤดูที่แตกต่าง”, “ก้อนหินละเมอ” ฯลฯ มาทำใหม่ในสไตล์ตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม จนบางคนหลงคิดไปว่าธีร์ ไชยเดชเป็นต้นตำรับของบทเพลงเหล่านั้นไปเลยก็มี
อัลบั้มนี้โปรดิวซ์โดยเจ้าตัวคือธีร์ ไชยเดช ซึ่งเขามีคอนเซ็ปต์ในการทำงานเพลงชุดนี้ นั่นก็คือการนำเพลงเก่ามาละเลงสีสันใหม่ นำเพลงที่ฟังยากมาทำใหม่ให้มันฟังง่ายขึ้น
Recoloured มีทั้งหมด 10 เพลงตามมาตรฐาน เปิดตัวกันด้วย “อีกนานไหม” เพลงนี้ขึ้นอินโทรนำมาด้วยซาวนด์คีย์บอร์ดล่องลอย โดยฝีมือ “เป้ -ภิทรู พลชนะ” มือคีย์บอร์ดและซาวนด์ดีไซน์ อีกหนึ่งในตัวจักรสำคัญของอัลบั้มนี้
หลังเปิดตัวกับซาวนด์ชวนจินตนาการที่เป็นดังสีสันที่แปลกออกไป ตัวเพลงอีกนานไหมได้ดึงกลับเข้าสู่ซาวนด์แบบธีร์ ไชยเดชที่คุ้นเคยกับเสียงอะคูสติกกีตาร์ใสๆและเสียงร้องนุ่ม ทุ้ม อันเป็นเอกลักษณ์ที่แม้เวลาจะผ่านไปร่วม 10 ปีแล้ว แต่เขาหาได้หวั่นไหวหันไปร่วมกระแสปรองดองกับแนวทางการร้องเพลงร่วมสมัย ซึ่งเน้นในน้ำเสียงพิมพ์นิยมที่ดัดจริตจนเกินงามไม่
อีกนานไหม เพลงที่มีเนื้อหาตั้งคำถามถึงความรักของเธอว่าจะรักฉันไปอีกนานไหมในเวอร์ชั่น Recoloured นี้ ฟังแล้วให้ความรู้สึกสดใสกระฉับกระเฉงกว่าต้นฉบับ เพราะนอกจากซาวนด์แปลกๆที่เป็นฉากหลังแล้ว ยังมีเสียงเพอร์คัสชั่นมาเคาะเพิ่มสีสัน
“ฝันไป” บทเพลงผิดหวังของคนถูกทอดทิ้ง หลังความรู้สึกดีๆที่คบกันมานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนฝันไป เพลงนี้มาแนวบอสซ่าชวนโยกตัว อินโทรขึ้นนำมาด้วยอะคูสติกกีตาร์ ก่อนส่งเข้าเพลงกับเสียงนุ่ม ทุ้ม ฟังสบายของพี่ธีร์ โดยตลอดเพลงมีเสียงคีย์บอร์ดบางๆเล่นคลอไปกับเสียงใสๆของอะคูสติกกีตาร์ ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกคึกคักสดใสกว่าต้นฉบับ
ต่อกันด้วย “ใจดีดี” เพลงนี้นอกจากความเด่นของเสียงนำ อย่างเสียงร้องนำ เสียงอะคูสติกกีตาร์ใสๆไลน์สวยที่เล่นนำเป็นแถวหน้าแล้ว ยังมีเสียงเด่นจากซาวนด์คีย์บอร์ดในอารมณ์ล่องลอยที่เล่นรองพื้นเป็นแถวสองไปตลอด ฟังแล้วชวนให้นึกถึงอารมณ์เพลงของ“คริส เรีย” ที่นิยมใช้ทางดนตรีแบบนี้ไม่น้อยเลย
“ขอแค่ใจเราเหมือนเดิม” เป็นสโลว์ร็อกรสละเมียด เสียงร้องของพี่ธีร์ฟังเหงาเศร้าได้ใจ แต่ตอนที่พี่แกส่งเสียงหล่อๆพูดประกอบในอารมณ์ของรุ่นใหญ่ผู้กร้านโลกนี่กลับให้ความอบอุ่นแตกต่างออกไป
อารมณ์เพลงช้าๆหม่นเหงายังมีต่อในเพลง “รักลมลม” กับอารมณ์ของคนที่รักเขามากไปแต่กลับถูกมองเป็นแค่เพื่อนกัน
คึกคักขึ้นมาหน่อยกับแทรคถัดไป “ไม่จากใจ” ซาวนด์เพลงนี้ฟังหรูหราและชวนล่องลอย มีเสียงแซกโซโฟนพลิ้วๆมาเป่าสร้างสีสัน
“My Life is Here” เพลงภาษาอังกฤษหนึ่งเดียวในอัลบั้ม ดึงอารมณ์เพลงกลับมาสู่โหมดหม่นๆอีกครั้ง ก่อนต่อกันด้วย “สาป” อีกหนึ่งเพลงผิดหวังของคนที่เหมือนต้องคำสาปให้รักเธอ เพลงนี้ภาคดนตรีพี่ธีร์ยังคงใช้บริการเสียงแซกโซโฟนมาเป่าแบบกึ่งๆอิมโพร์ไวซ์โซโลสร้างอารมณ์แปลกใหม่ให้กับงานเพลงของธีร์ ไชยเดช
ส่วน “เสียใจอีกแล้ว” แม้มาในอารมณ์หม่นเศร้า(อีกแล้ว) แต่ดนตรีฉีกไปในกลิ่นเร็กเก้ช้าๆ มีซาวนด์ประหลาดๆของคีย์บอร์ดเล่นประกอบ
ปิดท้ายกันด้วย “นานๆ” อินโทรขึ้นนำมาด้วยเสียงคีย์บอร์ดเหงาๆลอยๆที่ถือเป็นซาวนด์เด่น ซาวนด์หลักของเพลงนี้ ซึ่งธีร์ ไชยเดชใช้เป็นแนวทางหลักในอัลบั้มชุดนี้
และนั่นก็เป็น 10 เพลงเก่าในสีสันดนตรีใหม่ของธีร์ ไชยเดช ซึ่งชุดนี้เขาลดซุ่มเสียงของอะคูสติกกีตาร์ ทั้งลูกตีคอร์ดและลีลาการเล่นปิ๊กกิ้งที่เป็นลายเซ็นในแบบของเขาไปพอสมควร หากแต่หันไปให้ความสำคัญในเสียงคีย์บอร์ดมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกับซาวนด์แปลกๆและซาวนด์ล่องลอยชวนฝันนี่จัดใส่เยอะมาเป็นพิเศษ นอกจากนี้พี่ธีร์ยังเพิ่มเสียงเพอร์คัสชั่น เสียงกลองเข้ามาทำให้ภาคริทึ่มฟังเด่นชัดขึ้น
ขณะที่อารมณ์ของเพลงนั้น แม้ยังคงอารมณ์ความหม่น เศร้าเอาไว้ แต่หลายเพลงฟังแล้วให้ความรู้สดใสคึกคักกว่าต้นฉบับอยู่พอตัว
อย่างไรก็ดี แม้นี่จะเป็นสีสันใหม่ ดนตรีใหม่ ที่บางเพลงฟังแล้วต่างไปจากต้นตำรับอยู่พอตัว แต่ธีร์ ไชยเดช ก็ยังคงเป็นธีร์ ไชยเดช ที่ยังคงทำเพลงออกมาได้อย่างละเมียด ไพเราะ น่าฟัง
ที่สำคัญคืองานเพลงชุดนี้ยังคงมี “ลายเซ็น” อันชัดเจนของเขาประทับหราอยู่กับ เสียงร้องอันทรงเสน่ห์หล่อ นุ่ม ทุ้ม และการถ่ายทอดอารมณ์เพลงอย่างเข้าถึง ซึ่งไม่ว่าจะฟังเพลงไหนเพลงนั้น เป็นต้องรู้กันว่านี่คือเพลงของผู้ชายที่ชื่อ
“ธีร์ ไชยเดช”
*****************************************
แกะกล่อง
ศิลปิน : รวมศิลปิน
อัลบั้ม : Music On Screen
อัลบั้มรวมเพลงประกอบภาพยนตร์แห่งยุคสมัยจากค่าย “โซนี่ มิวสิค” มีทั้งหมด 15 เพลง เป็นการคัดเพลงเอก เพลงดัง จากหนังไม่ซ้ำเรื่อง 15 เรื่องมานำเสนอ
Music On Screen มีเพลงน่าสนใจ ได้แก่ “สภาวะทิ้งตัว”(แดน วรเวช) เพลงเพราะๆติดลูกเหงาจาก“ส.ค.ส.สวิตตี้”,“บุษบา”(โมเดิร์นด็อก)บทเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อกยุคบุกเบิกในบ้านเราจาก “ซักซี๊ด ห่วยขั้นเทพ”, “ปายอินเลิฟ”(Q Flure) จาก “ปายอินเลิฟ” ป็อบร็อกเท่ๆ, “หยุด”(กรูฟไรเดอร์) 1 ใน เพลงชาติประจำร้านเหล้า จาก “ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น”
นอกจากนี้ยังมีบทเพลงประกอบหนังผี-แต๋ว-ตลก ที่หลายคนคิดไม่ถึงว่าจะเพลงประกอบจะไพเราะเกินคุณภาพหนัง อย่าง “เธอเท่านั้น”(โมเดิร์นด็อก) หรือ “อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน” จาก “หอแต๋วแตก แหวกชิมิ”