xs
xsm
sm
md
lg

สามหมื่นของ "เซี่ยงหวี่" บดขยี้ทัพห้าแสนนายของ "หลิวปัง"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลิวปัง รับบทโดย หลี่หมิง ใน White Vengence
เมื่อเดินหน้าเผาวังและสุสานและสร้างให้บรรยากาศหมอกและควันอยู่อบอวลเมืองเสียนหยางเป็นเวลาถึง 3 เดือนจนกระทั่งภาพลักษณ์ของเซี่ยงหวี่กลายเป็นคนป่าเถื่อนสุดๆ ในสายตาของชาวเมือง พูดง่ายๆ ว่ามวลชนเสียนหยางนั้นไม่ต้องการจอมเผด็จการที่โหดร้ายคนนี้ขึ้นมาครองเมือง

สุดท้ายเซี่ยงหวี่ก็ตัดสินใจที่จะแบ่งเค้กเอาแผนดินทั้งหมดที่ตีชิงและล้มล้างราชวงศ์ฉินให้แก่บรรดาสหายรวมศึก ซึ่งแน่นอนว่าในบุคคลเหล่านั้นมีหลิวปังด้วย ตัวเขาเองขึ้นเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในนามของ “ซีฉู่ป้าอ๋องหรือ ที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม “ฌ้อปาอ๋อง”

การแบ่งเขตได้แบ่งออกเป็น 18 เขตปกครอง ตัวของเซี่ยงหวี่นั้นขอเขตเก่าของอาณาจักรเหลียงและบางส่วนของแคว้นฉู่ซึ่งถ้านับแล้วก็ราวๆ 9 เขต ส่วนที่เหลือก็ทำการโยกย้ายเอาผู้บัญชาการทหารที่ช่วยรบไปอยู่ในพื้นที่เดิมและได้รับตำแหน่งเป็นอ๋องกันไป ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับตระกูลเดิมที่เคยครองอำนาจอยู่

ขณะที่พื้นที่กวนจงอันเป็นพื้นที่ของอาณาจักรฉินเดิมนั้นเซี่ยงหวี่ไม่ได้ต้องการ เขายกให้แก่นายพลของก๊กฉินสามนายได้แก่ จางฮั่น, ตงอี่ และ ซือหม่าซิน ที่ขอยอมแพ้และเป็นเหตุให้ทหารฉินถูกฝังทั้งป็น 2 แสนนาย เป็นอันว่าสามนายพลที่ยอมแพ้ต่อเซี่ยงหวี่นั้นได้เป็นเจ้าขึ้นมาโดยเหยียบศพพี่น้องน่าตาเฉย ส่วนหลิวปังที่ได้รับการสัญญาจากอ๋องฉู่ว่า จะได้ครองแดนนี้ ก็ถูกเซี่ยงหวี่แต่งตั้งให้เป็น “ฮั่นอ๋อง” ไปอยู่ในดินแดนเปล่าเปลี่ยวทางตะวันตกที่เรียกว่า ฮั่นจง

ปีต่อมาเรื่องที่หลายคนกังวลว่าจะมีปัญหาก็เกิดขึ้นเมื่อหลายแคว้นเกิดเหตุการณ์ที่เจ้าใหม่กับเจ้าดั้งเดิมของแคว้นเกิดความขัดแย้งจนทถึงขั้นมีการก่อกบถและปฏิวัติในหลายเขตแคว้น ตัวของแคว้นฉู่เองนั้นซึ่งมีฉู่อ๋องปกครองอยู่ก็ถูกคำสั่งของเซี่ยงหวี่ให้เดินทางไปปกครองที่ชายแดนในเขตเฉิน (ปัจุบันคือ หูหนาน) แทนที่แคว้นฉู่เดิม เรื่องราวนี้ทำให้สถานภาพของเซี่ยงหวี่ในฐานะทรราชย์ก็ยิ่งโดนขับเน้นมากขึ้นว่าทรยศนายเก่า แถมไม่กี่เดือนหลังจากนั้นฉู่อ๋องก็ถูกลอบสังหาร ตามประวัติศาสตร์นั้น บุคคลที่หยิบเอาเรื่องนี้มาโจมตีเซี่ยงหวี่คนแรกว่าเป็นมือสังหารนายเก่านั้นก็คือ ฮั่นอ๋องหลิวปังนั่นเอง ทั้งๆ ที่จริงๆ คนที่สังหารอาจจะเป็นหลิวปังก็ได้ เพราะคนที่ได้รับผลประโยชน์จากการตายครั้งนี้ก็คือ หลิวปังนั่นเอง

เมื่อประธานของประเทศอย่างฉู่อ่องซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาในนามของเซี่ยงหวี่และเป็นผู้ยิ่งใหญ่เหนือทุกแคว้นตายลง ไฟสงครามที่คุกกรุ่นอยู่ในทุกแคว้นก็ระเบิดขึ้น ฮั่นเจิงผู้ปกครองอีกหนึ่งเขตทำท่าจะก่อกบถก็โดนเซี่ยงหวี่จับประหาร เทียนหลงอดีตเสนาบดีแห่งแคว้นฉีก็ลุกขึ้นมาโค่นเจ้าแคว้นฉีเดิมและครองราชย์ในฐานะเจ้าแคว้นฉีใหม่ เช่นเดียวกับเฉินอี้ อดีตเสนาบดีแคว้นจ้าวก็ก่อกบถขึ้นอีก เรียกว่าทุกส่วนไม่มีที่ไหนไม่เกิดสงคราม ฝ่ายฉั่นจงอ๋องหรือหลิวปังก็อาศัยเหตุนี้ กล่าวโทษเซี่ยงหวี่ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนในแผ่นดินแผ่นดินรอบใหม่ และนั่นทำให้พวกเขาประกาศว่าจะยกกองทัพออกจากตะวันตกมาโจมตีแคว้นฉู่และเซี่ยงหวี่ทันที

ถึงเวลานี้สงครามที่จะตัดสินว่าระหว่างเซี่ยงหวี่และหลิวปังใครจะได้ครอบครองแผ่นดินก็เริ่มขึ้น เพราะการศึกในแผ่นดินนั้นแยกเป็นสองฝ่ายอย่างสิ้นเชิง ฝ่ายหนึ่งเป็นกองทัพที่สนับสนุนเซี่ยงหวี่ อีกฝ่ายหนึ่งเป็นกองทัพที่สนับสนุนหลิวปัง ในแต่ละแคว้นก็มีตัวแทนของฝ่ายหลิวปังและฝ่ายเซี่ยงหวี่อยู่ เรียกได้ว่า ต่างก็ซัดกันนัวเพื่อการครองแผ่นดินชนิดใครดีใครได้

ปลายทางของเรื่องนี้ผมว่าผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์จีนนั้นคงทราบดีกว่า เซี่ยงหวี่พ่ายในการศึกจนต้องเชือดคอตัวเองริมฝั่งน้ำ หลิวปังชนะและตั้งราชวงศ์ฮั่นขึ้นมาปกครองแผ่นดินจีนอยู่สี่ร้อยปี แต่รายละเอียดของเรื่องที่เป็นเหตุแห่งความพ่ายแพ้นั้นน่าที่จะมาศึกษาตรงนี้

ครั้งหนึ่งเมื่อปี คศ. 1964 เหมาเจ๋อตุงบิดาแห่งคอมมิวนิสต์จีนก็เคยเขียนและพูดถึงความพ่ายแพ้ของ เซี่ยงหวี่ ถึงเหตุที่เขาต้องเปลี่ยนสภาพจากคนที่ควรจะเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่องค์ต่อไปจากจิ๋นซี กลายเป็นผู้พ่ายแพ้ที่เชือดคอตัวเองที่ริมน้ำบ้านเกิดว่า

ข้อหนึ่ง แทนที่จะสงบศึกทุกอย่างหลังเผาวังและสุสานของจิ๋นซีและมานั่งอยู่ในตำแหน่งประธานแล้วแบ่งสมบัติให้แก่ผู้ที่เข้ารวมการศึกแบบไม่คิดบัญชีเก่า เซี่ยงหวี่ควรจะยกกองทัพที่มีอยู่บดขยี้ศัตรูหรือเจ้าผู้ครองแคว้นเก่าในช่วงเวลานั้นให้สิ้นซาก เพื่อให้ระบอบใหม่ของเซี่ยงหวี่มั่นคงก่อน

ข้อที่สอง การที่เขาไม่ทำตามคำแนะนำของกุนซือฟานเจิงที่ให้ฆ่าหลิวปังที่งานเลี้ยงหงเหมินจนปล่อยให้ศัตรูตัวฉลกาจหนีรอดไปได้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หลิวปังซึ่งถนัดงานการเมืองเข้ามาบ่อนทำลายรากฐานของเซี่ยงหวี่จนหมด

ข้อที่สาม การที่เชื่อมั่นในสนธิสัญญาสงบศึกระหว่างเขากับหลิวปัง โดยไม่คิดว่าฝ่ายหลิวปังอาจจะทรยศและฉีกสัญญาที่ว่าได้ทุกเมื่อ เหตุการณ์ที่เขาถูกไล่ต้อนไปที่ไกเซี่ยก็เกิดจากการที่ไว้ใจในสนธิสัญญาดังกล่าวและตัวของหลิวปัง แต่โลกที่แสนซื่อกลับไม่ให้ผลที่ดีเพราะหลิวปังอาศัยจังหวะที่เซี่ยงหวี่ถอยทัพเข้าโจมตีอย่างไม่รู้ตัว รวมถึงถูกรุมกระหนาบจากหันซิ่นจนพ่ายแพ้ทั้งกระดาน

ข้อที่สี่การสร้างเมืองหลวงที่เผิงเฉิง (ปัจจุบันคือซูโจว) ซึ่งไม่มีแนวป้องกันตัวที่มั่นคงแน่นอนและอยู่ใกล้กับที่มั่นของศัตรูเกินไป และเมื่อมีชัยชนะที่เมืองเผิงเฉิงในการทำศึกครั้งแรกแล้ว เซี่ยงหวี่ดันไม่หาทางบดขยี้หลิวปังให้แหลก แต่กลับประเมินว่าหลิวปังจะยอมแพ้ง่ายๆ จากตัวประกันที่ก็คือครอบครัวของฝ่ายหลิวปังทิ้งเอาไว้ได้แก่ พ่อ แม่ ลูก ของเขา

ความจริงสงครามที่หลิวปังยกกองทัพเข้าโจมตีเซี่ยงหวี่นั้นมีอยู่หลายครั้งนะครับ ไม่ใช่รบกันครั้งเดียวแล้วเซี่ยงหวี่พ่าย ในช่วงแรกๆ นั้นเซี่ยงหวี่เหนื่อยสายตัวแทบขาด เพราะคนที่ตนเองส่งไปปกครองนั้น ล้วนแล้วแต่ส่งจดหมายมาขอความช่วยให้ให้ช่วยปราบกบถบ้างอะไรบ้างตลอดเวลา อย่างที่แคว้นฉีนั้นเซี่ยงหวี่ต้องยกกองทัพไปฆ่าพวกกบถจนเกิดช่องโหว่ด้านหลัง กองทัพของฮั่นอ๋องซึ่งรวมตัวกับพันธมิตรอีก 5 แคว้นจนได้ทหารมารบถึง 5 แสนหกหมื่นนายก็บุกเข้ายึดเมืองเผิงเฉิงได้

ขณะที่สงครามกับแคว้นฉียังไม่จบ เซี่ยงหวี่ซึ่งทราบข่าวดังกล่าว ก็ตัดสินใจทิ้งทหารอยู่ที่แคว้นฉีส่วนใหญ่ไว้แล้วนำกองงทัพน้อยของเขาจำนวน 30,000 นายกลับมาเพื่อจัดการกองทัพผสมฮั่น ซึ่งการสงครามที่เผิงเฉิงในปี 205 ก่อนคริสต์กาลนี่ก็เป็นอีกศึกหนึ่งที่สร้างชื่อให้เซี่ยงหวีได้จารึกว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามตัวจริงยิ่งกว่าการศึกที่จูลู่เสียอีก

เพราะขณะที่กองทัพมีมาแค่ 30,000 คน เซี่ยงหวี่ตั้งค่ายห่างจากตัวเมืองเผิงเฉิงราว 10 กิโลเมตร นิ่งและเงียบราวกับไม่มีตัวตน ทหารฝ่ายฮั่นนั้นไม่ทราบแม้กระทั่งว่าศัตรูได้ยกกองทัพมาจ่อแล้ว ทันทีที่พระอาทิตย์ตกเซี่ยงหวี่สั่งคนนำผ้าหุ้มกีบม้าแล้วควบเข้าหาเมืองเผิงเฉิงอย่างรวดเร็ว ระยะเวลาที่กองทัพของเซี่ยงหวี่ไปถึงเมืองเผิงเฉิง ทหารห้าแสนนายของฮั่นก็หลับปุ๋ยอย่างสบายอารมณ์ โดยหารู้ไม่ว่าพญายมได้มาเยือนพวกเขาแล้ว

การเข้าสู่เมืองหลวงของตัวเองไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไรสำหรับทหารของเซี่ยงหวี่ พวกเขาทำการ เผา ฆ่า และสังหารทหารฮั่นที่กำลังงัวเงียอย่างเมามัน จากนั้นในช่วงชุลมุนทหารอีกกองหนึ่งก็ไล่บดขยี้ทหารที่กำลังตื่นตระหนกอย่างง่ายดาย บันทึกของซือหม่ากวงบอกเอาไว้ว่า กองทัพผสมฮั่นพากันหนีตายในสภาพดูไม่ได้ไปสู่แม่น้ำสุย ทหารจำนวนแสนนายพากันหนีลงแม่น้ำแลละจมน้ำตายกันทั้งสิ้น

การเปิดฉากฆ่าฟันยังมีต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทัพของหลิวปังเองที่เอาตัวรอดและถอนทัพไปสู่เขตแดนที่เรียกว่าเป่ย เซี่ยงหวี่เองก็นกรู้ได้ส่งทหารไปดักเพื่อจะจับตัวหัวหน้ากบถมาให้ได้ ตำนานว่ากันว่าหลิวปังนั้นสั่งให้ลูกสาวคนโตกับลูกชายคนโตของเขาควบม้าประจำตัวของตนเองเพื่อให้ทหารของฉู่ตามไปผิดทาง ตนเองจะได้หนีเร็วขึ้น ตามมาด้วยการสละหลิวไท่กงพ่อของเขาและภรรยากที่ชื่อว่าหลูจี้ ออกจากกองเพราะทั้งสองคนเดินแทบไม่ไหว สุดท้ายแม่แท้ๆ ของหลิวปังเองก็โดนสั่งให้ออกจากกองด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้โดนจับเป็นตัวประกันโดยเซี่ยงหวี่ โดยที่ตัวหลิวปังหนีไปได้อย่างเฉียดฉิว

การศึกนี้จบลงด้วยฝ่ายกองกำลังผสมตายไปทั้งสิ้น 2 แสนนาย อีกสองทัพพันธมิตรได้แก่ทัพไซ่ของนายพลซือหม่าซิน กับทัพของเมืองตี้ที่นำโดยนายพลตงอี่ ที่ถูกชักชวนมารบขอยอมสวามิภักดิ์ต่อเซี่ยงหวี่อย่างไม่มีเงื่อนไข

ศึกแรกที่ทั้งคู่เจอกันจริงๆ หลิวปังก็พ่ายแบบหัวซุกหัวซุนแล้ว เหมาเจ๋อตุงถึงกับบอกว่า ถ้าเขาเป็นเซี่ยงหวี่เขาจะรวบรวมกองทัพที่ยอมสวามิภักดิ์นั้นเข้าโจมตีและบดขยี้หลิวปัง ไม่ใช่มารอว่าทางหลิวปังจะเจรจาแลกตัวประกันอย่างไร เลยเพราะถ้าเซี่ยงหวี่ประเมินเป็นจะเห็นว่า ตัวประกันที่มีอยู่นั้นไม่มีประโยชน์เสียเลย เพราะคนอย่างหลิวปังที่สละ พ่อ แม่ และลูกของตัวเองได้นั้น ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับตัวประกันอยู่แล้ว

...เสียดายที่เซี่ยงหวี่ไม่ใช่เหมาเจ๋อตุง มิเช่นนั้นราชวงศ์ฮั่นคงไม่เกิดอย่างแน่นอน
เซี่ยงหวี่ แสดงโดย เฝิงเส้าเฟิน จากหนังเรื่องเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น