xs
xsm
sm
md
lg

“หม่อมน้อย” ยันทำจันดาราด้วยมุทิตาจิต อนาจารหรือไม่อยู่ที่การศึกษาและศีลธรรมแต่ละคน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“หม่อมน้อย” โต้ ส.ว.เพชรบุรี เผย จันดารา ผ่านการเซ็นเซอร์จากกระทรวงวัฒนธรรมแล้วถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ยันเจตนารมณ์บริสุทธิ์ ทำด้วยมุทิตาจิตใจสะอาด สะท้อนปัญหาเรื่องเพศที่ผู้ใหญ่มักจะสะเพร่า ทำให้เด็กเห็น จนเกิดเป็นปม แต่ถ้าใครจะเห็นเป็นเรื่องอนาจาร คงแล้วแต่การศึกษาและศีลธรรมในใจของแต่ละคน แนะให้ ส.ว.ไปควบคุมเรื่องการที่เด็กใช้อินเทอร์เน็ตดีกว่า เพราะเป็นอันตรายมากกว่า เนื่องจากสามารถดูได้ทางโทรศัพท์มือถือแล้ว

หลังจากที่ ส.ว.เพชรบุรี สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ออกมากล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากเครือข่ายเฝ้าระวังสื่อภาคประชาชน ว่า ภาพยนตร์จันดารา นำเสนอไม่เหมาะสม และกระทรวงวัฒนธรรม ไม่มีบทบาทใดๆ ในเรื่องดังกล่าว เพราะอาจเกรงกลัวต่อผู้สร้างภาพยนตร์นั้น

ล่าสุด “หม่อมน้อย ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ผู้กำกับภาพยนตร์จันดาราก็ได้เปิดแถลงข่าวที่บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ว่า ภาพยนตร์จันดาราได้ผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการเซ็นเซอร์ของกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว ทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ยันเจตนารมณ์บริสุทธิ์ทำด้วยมุทิตาจิตใจสะอาด สะท้อนปัญหาเรื่องเพศที่ผู้ใหญ่มักจะสะเพร่า ทำให้เด็กเห็นจนเกิดเป็นปม แต่ถ้าใครจะเห็นเป็นเรื่องอนาจารคงแล้วแต่การศึกษาและศีลธรรมในใจของแต่ละคน แนะให้ ส.ว.ไปควบคุมเรื่องการที่เด็กใช้อินเทอร์เน็ตดีกว่า เพราะเป็นอันตรายมากกว่า เนื่องจากสามารถดูได้ทางโทรศัพท์มือถือแล้ว

“ผมพูดในฐานะผู้สร้างนะครับ สำหรับเรื่องนี้เราเตรียมงานตั้งแต่การเขียนบท คุณเจียง (เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) แนะนำนักเขียนบทด้วยคู่มือกฎหมายที่ใช้สำหรับภาพยนตร์เพราะเราปฏิเสธฉากเหล่านี้ไม่ได้ การเขียนบทเรายึดกฎหมายเป็นหลักแต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นเราหลีกเลี่ยงที่จะผิดกฏหมายไม่ว่าจะเป็นประเด็นใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอีโรติก หรือไม่อีโรติกก็ตาม มีหลายข้อที่เราจำกัดมาก”

“และหลังจากการเขียนบท ก็คือ การถ่ายทำเราก็ยึดหลักนั้นมาตลอด แม้แต่การลำดับภาพก็ตาม หลังจากนั้น ผมและคุณเจียง คิดเสมอว่า ผู้ที่ตัดสินก็คือคณะกรรมการเซ็นเซอร์ของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งแต่ละท่านก็เป็นผู้มีวัยวุฒิและทรงคุณวุฒิทั้งนั้น และผมคิดว่าการที่เรามาเป็นเรต 18 บวกท่านก็คงเข้าใจเจตนารมณ์ของเรา โดยเฉพาะตัวหนังแท้ๆ ก็ไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้หรือจงใจจะส่อไปในเชิงอนาจาร ผู้ที่ชมภาพยนตร์แล้วเท่าที่ผมฟังดูมันเกินกว่าครึ่งที่พูดว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่อนาจาร ฉะนั้น ประเด็นนี้ผมคิดว่า ที่มีการติงจากท่าน ส.ว.ว่า กระทรวงวัฒนธรรม ละเลยอะไรไปหรือเปล่า หรือว่าเกรงกลัวเกรงใจผู้สร้างหรือเปล่า ผมว่าคงไม่ใช่ประเด็นนั้นแน่ เพราะตามกฎหมายเขาบอกชัดเจนว่า 18 บวกคืออะไรก็อยากให้ลองไปอ่านดู”

“ก็คงจะต้องให้การศึกษากันไปเลยว่า 18 บวกจริงๆ แล้วมันคืออะไร เพราะในกฎหมายเขียนเอาไว้เลยว่า ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้ ข้อที่ 1 เนื้อหาที่มีการแสดงเห็นอวัยวะเพศ ข้อ 2 เนื้อหาที่แสดงที่มีการก่ออาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อคนอย่างรุนแรง และอาจชักจูงให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ข้อ 3 เนื้อหาการใช้สารเสพติดซึ่งอาจชักจูงให้ผู้ชมเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ นี่คือ 3 ข้อที่เป็นข้อกำหนดสำหรับภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไปไม่ได้เขียนว่าห้ามดู”

“เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นผมคิดว่าเป็นการเข้าใจผิดทางกฎหมาย ทางกระทรวงวัฒนธรรมเองก็ยึดกฎบัตรข้อนี้ แต่จริงๆ แล้วการพิจารณาจริงๆ แล้วของคณะกรรมการเซ็นเซอร์คงมีหลายๆ ข้อ การมีศีลธรรม การมีจรรยาบรรณ จริยธรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ท่านไม่ได้ยึดหลักแบบนี้โดยตรง อย่างเรื่องน้ำพุ เกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดจะไม่แสดงให้เห็นการเสพก็ไม่ได้ มันต้องแสดงให้เห็นว่าผลของการทำแบบนี้จะทำให้เยาวชนเป็นยังไง คงพิจารณาไปตามเนื้อหาของเยาวชน เพราะฉะนั้นในกรณีนี้ผมคิดว่า ทางกระทรวงวัฒนธรรมคงไม่ได้ละเลยอะไร”

“ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำมาเพื่อให้คนรุ่นใหม่อย่าด่วนตัดสินคนเพราะมนุษย์ เราไม่สามารถตัดสินด้วยการคบกันวันสองวันหรือปีสองปีได้ มนุษย์ต้องรู้จักพิจารณานะ ไม่ใช่ด่วนตัดสิน ต้องรู้จักวิเคราะห์พิจารณาก่อนค่อยตัดสินใจอะไรลงไป ซึ่งมันก็ตรงกับภาพยนตร์เรื่องนี้ถ้าเราตัดสินอะไรไปด้วยอารมณ์หรือฉับพลันมันมีผลเสียมากกว่าผลดี”

ยันการจัดเรตไม่ได้ทำให้คนอยากดู ถ้าจะเป็นห่วงเรื่องนี้สื่ออินเทอร์เน็ตอันตรายกว่า
“สื่อที่ทำให้เกิดพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่ภาพยนตร์นะ สื่ออินเทอร์เน็ตน่ากลัวกว่าเยอะ เด็กรุ่นใหม่เขาดูจากมือถือแล้ว ตรงนี้เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่า มันมีภาพที่ไม่น่าดูมากไม่ใช่ภาพยนตร์แต่เป็นภาพที่มาจากของจริง ท่าน ส.ว.หรือคณะรัฐบาลควรจะให้ความระมัดระวังกับตรงนั้นมากกว่า เพราะตรงนั้นเป็นสื่อที่โดยตรงมากตรงนั้นอันตรายกว่าเยอะ ตัวภาพยนตร์เรามีกระทรวงวัฒนธรรมอยู่แล้ว มีกองเซ็นเซอร์อยู่แล้ว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีความทรงคุณวุฒิวัยวุฒิอยู่แล้วไม่ต้องห่วงภาพมันออกมาปลอดภัยอยู่แล้ว อันนี้ไม่ได้หมายถึงจันดาราเรื่องเดียวนะครับ แม้แต่หนังต่างประเทศด้วยก็เหมือนกัน สื่ออินเตอร์เน็ตน่ากลัวกว่าควรมีมาตรการเมื่อ 5 ปีที่แล้วยังไม่ถึงมือถือเลยตอนนี้ถึงมือถือแล้ว ตรงนั้นท่าน ส.ว. ส.ส.น่าจะไปช่วยกันตรงนี้มากกว่าตัวภาพยนตร์ ยังไงซะเราก็ต้องวางใจกับคณะกรรมการเซ็นเซอร์หรือกระทรวงวัฒนธรรม”

ไม่คิดจะปรับเปลี่ยนเนื้อหาของภาพยนตร์จันดารา
“เพื่ออะไรล่ะ...(ย้อนถามนักข่าว) ไม่ทราบคุณดูภาพยนตร์เรื่องนี้หรือยัง จะปรับเปลี่ยนตรงไหนแนะนำซิ ไม่รู้สิเพราะเราพอใจงานที่เราทำแล้วเราต้องถามว่าคนดูรู้สึกยังไง โป๊มากเกินไปไหม เยอะเกินไปไหม เราก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมถึงต้องเยอะขนาดนั้น มันอาจจะเยอะกว่านั้นเรื่องอื่น แต่เมื่อคุณดูจบแล้วคุณนึกถึงภาพเหล่านั้นหรือเปล่า ภาพเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ประทับอยู่ในใจคุณหรือเปล่า ผมว่าคงไม่ใช่ เพราะว่าเกินครึ่งของคนที่ดูบอกว่า ลืมภาพของฉากเหล่านั้นไป ถึงแม้ว่ามันจะเป็นภาพที่ไม่เคยเห็นในภาพยนตร์เรื่องอื่น”

“ตรงนั้นเป็นเจตนารมณ์ที่เราไม่อยากให้คนไปจำว่าแต่ละฉากที่ออกมาเล้าอารมณ์ทางเพศ กลับกลายเป็นทำไมถึงต้องมี มันเปรียบเทียบกันระหว่าง เราพูดถึงเด็กที่มีปมทางจิตเกี่ยวกับขาดความอบอุ่นของมารดา มันก็ต้องมีการเปรียบเทียบว่า เด็กมองหน้าอกของมารดาอย่างไร ผู้ใหญ่เสียอีกที่มองหน้าอกไปในเชิงกามอารมณ์ ผู้ใหญ่เสียอีกที่ทำให้เด็กแสนบริสุทธิ์เกิดมาเป็นแบบนั้น”

ถ้าดูทั้งปฐมบทและปัจฉิมบทจะเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจคนหนึ่งที่เด็กบริสุทธิ์ คนที่ดีน่าจะเป็นสุภาพบุรุษที่ดีในสังคมกลับไปสู่โศกนาฏกรรมที่จะเกิดขึ้น คนดูจะเข้าใจเลยว่าจันดาราในตอนจบเป็นเช่นนั้นเพราะเกิดจากการเลี้ยงดูสภาพแวดล้อมการสะเพร่าของผู้ใหญ่ เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ดูแล้วควรจะคิดว่า อย่าสะเพร่าในเรื่องบทเตียงเพราะคิดว่าเด็กพึ่งเกิดไม่ถึงขวบไม่รู้เรื่องหรอก 5 ขวบไม่รู้เรื่องหรอก ภาพเหล่านั้นมันจะเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเด็ก ประเด็นนี้ต่างหากที่ภาพยนตร์ต้องการพูดและทำให้หลีกหนีฉากเหล่านี้ไม่ได้เลย”

“ภาพฟีดแบกให้หัวของจันดาราที่เห็นน้าวาด กับคุณหลวงสังวาส กันเยอะมากเกินไป แต่ผมกลับเห็นว่าภาพเหล่านั้นไม่ใช่หรอที่ประทับอยู่ในใจเด็ก ซึ่งเป็นภาพเดิมที่เขาเห็นตั้งแต่พึ่งเกิดและตอน 5 ขวบ ตรงนี้เป็นการที่ให้ผู้ใหญ่ได้ระมัดระวังในการทำกิจกรรมทางเพศให้พ้นตาเด็ก แต่ในยุคนี้น่ากลัวมากผู้ใหญ่อาจจะไม่ทำแต่สื่อทางอินเทอร์เน็ต 6-7 ขวบ ก็เล่นอินเทอร์เน็ตเป็นแล้วมันอันตรายมาก ตรงนี้แหละที่ภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามพูดว่า ทำไงให้เราซึ่งอยู่ในยุคปัจจุบันทำให้สิ่งเหล่านี้ไม่เกิด”

“ผมคิดว่าตรงนี้ไม่น่าจะมีอะไร เพราะตรงนั้นก็เป็นความคิดเห็นของท่านหนึ่ง รู้สึกเท่าที่ผมอ่านเหมือนจะติงกระทรวงวัฒนธรรมซะมากกว่า แต่ว่าจริงๆ แล้วยังไงก็ตามม 18 บวกคืออะไร ยังไงให้น้อง (สื่อมวลชน) คืออะไร ก็อยากจะฝากไปยังคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็นวัยรุ่นว่า ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คงไม่อันตรายอะไร อย่างไรก็ตามก็ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการเซ็นเซอร์โดยกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว”

“ก็ต้องขอขอบคุณทางคณะกรรมการเซ็นเซอร์ด้วย เพราะจริงๆ แล้วก่อนที่หนังจะเซ็นเซอร์ตัวเองก็ร้อนใจเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะว่าไม่เคยทำภาพออกมาแบบนี้มาก่อนเลย แต่ขณะที่ทำก็ทำด้วยมุทิตาจิตหรือจิตสะอาดจริงๆ ว่า จริงๆ แล้วเรื่องสรีระเนี่ยเป็นความงาม ผมคิดเสมอว่าจะทำฉากเหล่านี้เป็นภาพเขียนโบราณ ไม่ว่าจะตะวันตก หรือตะวันออกก็ตาม ความเปลือยคือความงาม ในบทประพันธ์เดิมก็มีการพรรณนาเอาไว้ชัดเจนในฉากที่จันดารานั่งดูเคนกระทิงทองสอนกิจกรรมทางเพศเนี่ย ตัวจันเห็นเป็นความงาม เท่ากับว่าจันดารามองภาพเหล่านี้เป็นความงามมากกว่าเป็นการอนาจารหรือการกระตุ้นทางเพศ ถึงได้นั่งวาดรูปแบบดวงตาศิลปิน”

“ซึ่งถามว่าทำไมถึงสวย เพราะคนที่เล่าเรื่องคือจันดาราในวัยชราและเป็นศิลปิน ภาพที่ปรากฏจึงสวย เพราะฉะนั้นตอนแรกก็เกรงว่าหมิ่นเหม่ว่า ถ้ามองในเชิงโป๊ก็โป๊เห็นหมด ถ้ามองในเชิงอนาจารก็มองได้ทุกอย่างมันแล้วแต่แง่มุม แล้วแต่การศึกษาและรสนิยมของคน แล้วแต่จิตใจที่มีศีลธรรมและไม่มีศีลธรรมของแต่ละบุคคลอันนี้มันห้ามกันไม่ได้ ก็หนักใจว่าเขาจะมองงานเราเป็นอนาจารหรือเปล่า แต่พอทางคณะกรรมการเซ็นเซอร์ไม่ตัดไม่มีบอกว่าจะเอาตรงนั้นหรือตรงนี้ออกก็รู้สึกว่าโล่งใจ คิดว่าท่านคงเข้าใจเจตนารมณ์ของเรา”

กำลังโหลดความคิดเห็น