xs
xsm
sm
md
lg

“หญิง รฐา” เปิดใจกับความดังที่ใช้ “นม” เป็นใบเบิกทาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“หญิง รฐา” สาวร้อนแห่งปี เปิดใจยอมรับใช้ “นม” เป็นใบเบิกทาง ไม่หวั่นต่อไปนี้คนจะมองเป็นสาวเซ็กซี่เป็นเครื่องหมายทางเพศ เพราะได้ตัดสินใจรับงานไปแล้ว ต้องรับให้ได้กับผลที่ตามมา บอกต่อไปนี้ คือ บทพิสูจน์ว่าถ้าต่อไปใส่เสื้อผ้าเล่นทั้งเรื่อง โดยที่ไม่ถอดจะได้รับการยอมรับหรือไม่

เมื่อ 10 กว่าปีก่อนเรารู้จัก “หญิง รฐา โพธิ์งาม” ในฐานะลูกกตัญญูของ “น้อย โพธิ์งาม” ที่ช่วยแม่ทำมาหากินหาเงินใช้หนี้ มีชีวิตที่ยากลำบากสองคนแม่ลูก จากนั้นหญิงก็ก้าวไปเป็นนักร้องในสังกัดของแกรมมี่ มีความสามารถด้านการร้องเพลง และการเต้น ตอนนั้นหญิงประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง มีผลงานเพลงออกมาไม่กี่อัลบั้ม ก่อนจะหายเงียบไป ไม่ได้ผันตัวเองเป็นนักแสดงเหมือนนักร้องคนอื่นๆ เพราะหน้าตายังไม่แจ่มพอสำหรับการที่ก้าวเข้ามาเป็นดาราที่จะต้องสวยทุกมุม

แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หญิงมาปรากฏตัวในบท “ฟ้าใส ใจสะออน” นักร้องลูกทุ่งสาวในละคร “ต้มยำลำซิ่ง” ที่เจ้าตัวรับบทร้าย ซึ่งได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะในเรื่องแอ็กติ้ง และหน้าตาของหญิงที่พัฒนาขีดความสวยขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา พร้อมกับมีข่าวว่า เจ้าตัวโกอินเตอร์เล่นหนัง ONLY GOD FORGIVES ของ “ไรอัล กอสลิง” ก่อนจะมาโด่งดังสุดขีดหลังจากเปิดตัวว่ารับบท “คุณบุญเลื่อง” สาวใหญ่ร้อนรักในหนังจันดารา

นาทีนี้ต้องบอกว่า หญิงแจ้งเกิดไปอย่างสวยงาม และดังในระดับที่สามารถรับบทนักแสดงนำในละครเวที “แม่เบี้ย” ได้ แสดงว่า ชื่อของหญิงต้องสามารถเรียกคนดูได้ไม่น้อย ไม่งั้นผู้จัดงานคงไม่ว่าจ้างมาร่วมงาน แต่กว่าจะมีวันนี้มาได้ หญิงบอกว่าไม่ใช่ความฟลุค แต่มันเป็นความพยายามของหญิงที่ทุ่มอย่างสุดพลังกว่าจะได้แต่ละงานชิ้น ชนิดที่ว่าเคยเสียน้ำตามาแล้วหลายหน และแม้ว่าวันนี้ใครจะบอกว่า หญิงดังเพราะนมก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเธอยอมรับจริงๆ ว่า นั่นคือใบเบิกทางที่ดี !

“หญิงว่ามันเป็นไทม์มิ่งของชีวิตคนมากกว่า หญิงอาจจะมีไทม์มิ่งที่ดีแค่แบบ....ไม่รู้สิอาจจะแค่ปีนี้ปีเดียวก็ได้ หรืออีกสามถึงห้าปี อนาคตคนเราชีวิตเราเปลี่ยนไปได้วันหนึ่งเราอาจเจอใครเราแต่งงานมีครอบครัวแน่นอนความใส่ใจเราไม่ใช่เรื่องงานและมันเป็นเรื่องครอบครัวแล้ว ตัวหญิงเองก็ผ่านอะไรมาเยอะทุกข์ก็เยอะสุขก็เยอะ ตอนนี้มันเป็นเรื่องของความเหนื่อยในการทำงานเต็มที่ และเรารู้สึกว่ามันพึ่งเริ่มก็อยากที่จะให้เวลาเยอะๆ กับตัวเองในการทำงาน”

“คนอาจจะมองว่าปีนี้หญิงงานเยอะ แต่หญิงไม่ได้มองว่ามันเยอะแล้วให้อะไร หญิงมองว่ามันเยอะแล้วรู้สึกว่ามันก็ดีนะที่วันนี้เราได้เหนื่อย ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรทำ หรือว่าอยู่เฉยๆ หญิงได้รับโอกาสที่ดีจากผู้ใหญ่ต้องขอบคุณทุกคนทุกท่านด้วยมากๆ และสิ่งต่อจากนี้มันคงอยู่ที่ความประพฤติเราล่ะ คนจะรักเรา ทีมงานผู้จัดจะรักเราไหม มันเป็นเรื่องของความประพฤติล้วนๆ ที่เหลือมันคือหน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบ ตอนนี้เป็นช่วงที่กอบโกย เพราะทำให้คนอื่นมาเยอะแล้ว”

“ชีวิตหญิงเหนื่อยมาเยอะมากกับการทำงานสิ่งที่เราต้องดูแลภาระทุกอย่างที่เราต้องทำมาเกือบตลอดชีวิต หญิงว่ามันคงเป็นกรรมชาติที่แล้วเราคงไปเอาของเขามา เราก็ต้องพยายามถ่ายถอนให้มันดีหมดไป แล้วมันคงถึงเวลาที่หญิงจะมาสร้างอะไรให้กับตัวเองซะที ทำอะไรให้ตัวเองได้อย่างเต็มร้อย”

“ที่ผ่านมา หญิงทำอะไรได้ก็ต้องให้คนอื่นหมด ซึ่งหญิงพยายามที่จะคิดให้มันเป็นเรื่องของกรรมไม่อยากคิดว่าใครจะโกงใครไม่มีคำถามแล้ว แต่วันนี้มันคงเป็นเหมือนวันที่เขาต้องคืนเราบ้างแล้ว หมายถึงคืนจากสิ่งที่เราทำไปบุญกุศลไป สิ่งที่เราได้สร้างไว้มันกำลังส่งผล บุญมันทำได้ทุกอย่างแค่เราทำตัวดีกับคนอื่น เรายิ้มให้คนอื่นเราทำให้เขาสบายใจมันก็เป็นกุศลแล้ว”

“เคยนั่งถามแม่เหมือนกันตอนนั้นละครเรื่องต้มยำลำซิ่งกำลังจะจบ และเราพึ่งออกจากแกรมมี่ ก็ถามแม่ว่าแล้วต่อไปหญิงจะมีงานไหมแม่ เพราะแกรมมี่เราก็หมดสัญญาแล้ว แม่ก็บอกว่าถ้าเราเป็นคนรับผิดชอบ เป็นนักแสดงที่ดี มีระเบียบวินัย คนเห็นผลงานคนก็อยากร่วมงาน และสองเวลาที่หญิงอยู่ในกองถ่าย เราเป็นเด็กน่ารักผู้จัดเขาก็แบบจะบอกต่อใครๆ ก็อยากทำงานกับเราและมันก็เป็นแบบนนั้นจริงๆ”

“อยู่ดีๆ ก็มีงานก็เข้ามาแบบงงๆ ทุกวันนี้เรารู้สึกว่าชีวิตมีความสุขมากขึ้น หญิงเห็นแม่ทำงานเหนื่อยน้อยลง แล้วรู้สึกว่ามีความสุข ตอนนี้ชีวิตของหญิงดีขึ้น ทำให้ชีวิตของแม่ก็ดีขึ้นด้วย แม่มีงานละครแล้ว เขาได้กลับมาทำสิ่งที่เขารักแล้วไม่เหมือนก่อนที่เขาจะต้องเข้าไปดูร้านเข้าไปทำงานทุกอย่าง เพราะต้องหาเงิน เรารู้ว่าการที่มันไม่มีงานเป็นยังไง และแม่ไม่ได้ถ่ายละครมานานแค่ไหน เราเห็นสายตาเขาเวลาที่เห็นเราออกทีวีร้องเพลง มันทำให้หญิงรู้ว่า แม่คิดถึงงานในวงการมากแค่ไหน ในวันนี้ที่หญิงเริ่มมีงานมากขึ้น ทำให้แม่ไม่ต้องเหนื่อยกับทางร้านทำให้เขาได้มีโอกาสไปเล่นละครทำให้เขามีความสุขมาก”

กว่าจะมีวันนี้ต้องผิดหวัง และเสียน้ำตามามากมาย

“หญิงค่อนข้างหายเงียบไปนานมาก พึ่งจะมาเริ่มมีข่าวก็ตอนที่ได้เล่นหนัง ONLY GOD FORGIVES ของไรอัล กอสลิง แต่กว่าจะได้งานหนังฝรั่งเรื่องนี้ หญิงแคสมาหลายเรื่อง คนอาจจะรู้สึกว่าหญิงโชคดีนะปีนี้งานเยอะมีทั้งหนังทั้งละคร แต่ไม่มีใครรู้ว่า 3-4 ปีที่ผ่านมา หญิงแคสหนังฝรั่งเยอะมาก หญิงพลาดเยอะมาก หญิงร้องไห้เยอะมาก เพราะเราจะมีความตั้งใจกับมันมาก มันเลยสอนให้เรารู้สึกแข็งแรงขึ้นในระดับหนึ่งว่า ถ้ามันไม่ใช่ของเรามันก็ไม่ใช่ของเรา”

“หญิงแคสมาหมดแล้วเป็นคนที่ชอบแคสติ้งมาก ถามพี่ๆ ที่เป็นแคสติ้งไทยเขาจะรู้เลยหญิงไปแคสหมดหนังยุโรปหนังอะไรกว่าจะได้เรื่องนี้ก็สุดๆ แล้ว เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะได้เลยนะ เพราะหนังถูกปิดโปรเจกต์ไปปีหนึ่งเต็มๆ เพราะโปรดิวเซอร์เขาไปทำเรื่องไดร์ฟอยู่ที่อเมริกา ก็ต้องรอโดยที่เราไม่ได้คาดหวังอะไรแล้ว คือ ผิดหวังไปแล้วด้วยซ้ำว่าเราคงไม่ได้เล่นแล้ว อยู่ๆ ไปก็ไปๆ มาๆ โปรดิวเซอร์ก็ไปสนิทกับ ไรอัน กอสลิง ก็ชวนกันมาทำโปรเจกต์ขึ้นมาใหม่อีก เราก็ได้มีโอกาสติดร่างแหไปด้วย”

“แล้วอยู่ดีๆ พอเราได้ภาพยนตร์เรื่องนี้ปุ๊บเรื่องอื่นมันตามมาเรื่อยๆ เรารู้สึกแบบว่า เออ...มันอาจจะเป็นระยะเวลาของคนจริงๆ มันเหมือนคลื่นเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง หญิงรู้สึกแบบนั้นแล้วไม่มีใครรู้ ทุกคนรู้วันนี้เราโชคดี แต่ไม่มีใครรับรู้วันที่เราต้องเสียใจเสียน้ำตา ดังนั้นเหมือนกันทุกงานตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้หญิงจะไม่พยายามที่จะคิดว่าเราจะได้อะไร เพราะรู้สึกว่าเวลาคิดว่าจะได้มันไม่ได้สักที แต่พอคิดว่ามันไม่น่าจะได้มันกลับได้”

เผยเหตุที่ต้องไปแคสแต่หนังต่างประเทศ เพราะติดสัญญากับแกรมมี่ไม่สามารถรับงานของไทยได้
“ณ ตอนนั้นที่หญิงไม่มีงาน หญิงอยู่ค่ายมีค่ายดูแล แต่งานที่ค่ายไม่ได้มีงานที่เป็นภาพยนตร์เท่าไหร่ ดังนั้น พอเราไปแคสหนังต่างประเทศ หญิงคิดว่ามันไม่ได้มีผลกระทบอะไรเท่าไหร่กับทางค่าย เพราะเขาก็ไม่ได้ป้อนงานภาพยนตร์ งานต่างประเทศจึงเป็นงานเดียวที่หญิงคิดว่าเราสามารถไปแคสได้ เพราะไม่กระทบค่ายก็เลยแคสมาโดยตลอด แต่เราก็บอกทางค่ายตลอดว่าเราไปเล่นนะหญิงเล่นไปแล้วเป็นหนังเล็กๆ เป็นซีรีย์ของเยอรมันไปแล้วหนึ่งเรื่อง ซึ่งทางค่ายก็รู้ซึ่งมันไม่ใช่หนังที่ใหญ่มาก แต่พอเราหมดสัญญาปุ๊บดันได้โปรเจกต์ใหญ่เรื่องนี้พอดีก็เลยโชคดี”

“การมีค่ายดูแลมันก็เป็นระบบในการทำงานที่ดี สำหรับหญิงนะ เพราะหญิงโตมากับค่ายมันสอนให้เราเป็นระบบในการทำงาน แต่ว่าหลายๆ คนก็อาจจะคิดว่ากว่าจะถึงตัวศิลปินจริงๆ มันยาก ทั้งที่ศิลปินคุยง่ายมากนะแต่เราเข้าใจว่าบริษัทสร้างภาพสร้างมูลค่าให้ศิลปิน”

“แต่ถ้าจะให้ต่อสัญญา หญิงว่าหญิงยังสนุกกับงานละครอยู่ แต่ถ้าเรื่องเพลงคงไม่ไปไหน เพราะถ้าจะทำเพลงก็คงกลับไปแกรมมี่อยู่แล้วและแกรมมี่ก็ไม่ได้ปิดไม่ว่าจะเป็นอากู๋ พี่ๆ ทุกคนก็บอกว่าถ้าจะกลับมาร้องเพลงก็มา แต่หญิงรู้สึกว่าตอนนี้ก็คือเรายังสนุกกับตรงนี้ แล้วมันให้เราพัฒนาได้เยอะการได้เปลี่ยนคาแรคเตอร์ต่างๆ มันทำให้เราได้พัฒนาตัวเองในเรื่องของงานในเรื่องของการแสดง แล้วเรารู้สึกดีชอบดูเวลาคนเห็นว่าเราเปลี่ยนแล้วเขาเชื่อเราไหม ทำให้เขาเชื่อว่าเปลี่ยนได้จริงไหม เป็นอิสระดีกว่า”

ยอมรับใช้ “นม” เป็นใบเบิกทาง

“หญิงพึ่งเริ่มการเป็นนักแสดงในปีสองปีนี้เอง ตั้งแต่ละครเรื่องต้มยำลำซิ่งปีที่แล้ว และก็มาหนังเรื่องจันดาราปีนี้ ก็รู้สึกว่างานแสดงมันพึ่งเริ่มต้น แต่กระแสของจันดาราแรงมาก เพราะมันมีฉากหวือหวา หลายๆ คนก็คิดว่าถอดไม่ถอด ก็เลยทำให้คนหันมาสนใจเรา บางคนบอกว่าหญิงใช้นมเป็นใบเบิกทาง ถามว่า เป็นใบเบิกทางไหม หญิงคิดว่ามันก็เป็นงานที่หลายคนสนใจ แต่อยากให้มาดูหลังจากนี้ดีกว่ามันจะทำให้เราเติบโตได้แค่ไหน บางงานที่เราไม่ต้องถอดเราจะทำได้ไหม คนจะยังสนใจเราอยู่หรือเปล่า หญิงยอมรับว่างานนี้เป็นใบเบิกทางที่ดีมันการเริ่มต้นของชีวิต ถ้าวันหนึ่งเรามีละครที่ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าเลยทั้งเรื่องจะเป็นยังไง หญิงเชื่อว่ามันเป็นการท้าทายของหญิง”

“สำหรับเรื่องจันดารา หญิงได้คุยกับหม่อมน้อยไว้แล้ว ตั้งแต่ก่อนถ่ายว่ามันจะมีฉากประมาณไหน ก็ไปเล่าให้แม่ฟังและแม่ก็โอเค ซึ่งถ้าแม่โอเคหญิงไม่มีปัญหาเลย เราเล่นแล้วเราไม่ได้รู้สึกว่ามันเยอะไป หรือไม่สบายที่จะเล่น หญิงพร้อมที่จะทำและหญิงยังถามหม่อมน้อยเลยว่า เอาเยอะกว่านี้หรือเปล่า อยากให้หนูทำยังไง อยากให้หนูเล่นยังไง เพื่อจะได้ให้มันออกมาสมจริงมากที่สุด”





“ฉากที่หวือหวาที่สุดในภาคแรก ก็คงเป็นฉาถูน้ำแข็งนั่นแหล่ะ มันจะเป็นฉากช่วงที่จันดาราเข้ามาคุยกับคุณบุญเลื่อง และอาจจะเป็นช่วงที่เผลอเลอลืมตัวไปเพราะขณะที่ถูน้ำแข็งแล้วน้ำแข็งดันหล่นลงมาในซอกอก จันดาราก็เลยต้องล้วงไปเอาน้ำเข็งทำให้เกิดมีการจับ และก็เผลอไปจูบหลังคุณบุญเลื่อง ถามว่า เทคเยอะไหมมันก็เยอะแต่ไม่ได้เทคเยอะเพราะเล่นไม่ได้ แต่มันต้องเทคเพราะคนเราเวลานอนร่างกายมันจะถูกกดทับ หม่อมน้อยจะบอกตลอดว่าหญิงมุมนี้ดูเหมือนหมูมาก (หัวเราะ) คือ ต้องบิดหามุมให้แสงเข้ากระทบผิวให้ดูสวย”

“ส่วนเรื่องแอกติ้งไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเราทุกคนเต็มที่กับงานแล้วเราก็มาแบบเต็มๆ โดยที่ไม่ได้คิดว่าต้องกลัวอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องมุมความงามอยากให้ภาพออกมาสวยมากกว่า กับน้องมาริโอเองเขาก็คงเขินบ้าง เพราะตัวหญิงเองก็ยังเขิน คือ เราไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน แต่ว่าพอเล่นกันไปเรื่อยๆ แล้วมันก็เริ่มชินเข้าถึงตัวละครเริ่มคุยกันแบบสนิท เพราะตัวจริงๆ ดูเด็กกันมากนั่งเล่นเกมส์กันเราก็รู้สึกว่าเขาเป็นลูกเราจริงๆ”

เปิด “จุก” ทะลุจอ
 

นอกจากฉากที่ถูก “มาริโอ้” ถูน้ำแข็งจะเป็นที่ฮือฮาแล้ว ถ้าใครตาไวก็คงจะเห็นว่าฉากดังกล่าว “หญิง” ยังโชว์จุกทะลุจอ และอีกฉากหนึ่งที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มาก ก็คือ ฉากที่หญิงต้องปลอบใจมาริโอ้ และโดนมาริโอ้จุ๊บที่หน้าอก และจุ๊บเรื่อยไปจนถึงซอกคอ ซึ่งหญิงยอมรับว่า พึ่งจะมารู้ตัวว่าตนเองโชว์จุกตอนวันรอบปฐมทัศน์ของหนังนั่นแหละ

“ฉากอาบน้ำเห็นนมหญิงก็คงใช่ค่ะ ชัดค่ะ แต่ว่ามันจะดูเป็นเล็กๆ แต่พอขยายใหญ่มันก็ชัดเลย ก็รู้สึกตกใจแต่ก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรมาก เพราะว่าทุกคนก็ทำหน้าที่นักแดสงของตัวได้ดี ซึ่งฉากนี้หญิงได้ดูที่บ้านหม่อมน้อยแล้วแต่เราไม่ได้สังเกตุว่ามันเห็นเพราะว่าความสนใจตอนนั้นมันอยู่ที่ความรู้สึกของตัวละคร เพราะซีนนั้นมันก็เป็นซีนที่ยากอยู่เหมือนกัน เราเลยไม่ได้สนใจในส่วนตรงนั้น”

“แต่มาเห็นชัดๆ อีกทีในวันฉายภาพยนตร์รอบสื่อ ไม่รู้นะว่าสวยหรือไม่สวย เพราะว่าหนูไม่เคยเห็นของคนอื่น (หัวเราะ) แต่ตอนถ่ายถ้าเอามาแปะมันก็คงแปะไม่ได้เพราะว่าถ้าแปะมันก็จะไม่สมจริง เซฟได้ดีที่สุด คือ อยู่ที่คนที่เล่นกับเราซึ่งทางมาริโอ้ก็ช่วยในระดับหนึ่ง ช่วยปิดช่วยอะไรแต่ว่ามุมกล้องมันก็ช่วยไม่ได้หรอกคะ แต่ว่าก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นภาพที่แรงมาก ภาพมันก็สวยงามในฉากนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ได้ซีเรียสอะไร”

“ถ้าถามว่า กลัวไหมที่คนจะตัดภาพนั้นออกมา หญิงก็ว่ามันคงเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ มันก็ค่อนข้างสาธารณะถ้าพูดถึงในแง่ของภาพยนตร์ คนที่ดูในภาพยนตร์ก็คงจะเห็นแล้วแหละ ไม่ใช่ภาพที่ไม่เคยเห็นก็คงต้องทำใจ เพราะหญิงถือว่าหญิงทำงานไปแล้ว หญิงถือว่าเต็มที่ไปแล้ว แต่จะมาตัดภาพนั้นมาอะไรหญิงก็คงไม่เครียดแล้วเพราะหญิงถือว่างานของหญิงได้ออกไปแล้ว”

“ส่วนการเข้าฉากกับมาริโอ้ ตัวหญิงสงสารน้องมากเลย เขินก็เขิน เพราะว่าจริงๆ แล้วคนเรามันไม่ได้สนิทสนมกัน มันเป็นเรื่องของการทำงาน แต่ว่าเมื่อมันมาถึงตรงนั้นแล้วเราตัดสินใจที่จะทำงานแล้วมันก็ต้องเต็มที่เลิกคิดตรงนั้น จริงๆ ฉากนั้นจะสื่อให้เห็นว่าจันดารา กับบุญเลื่อง ถึงความเป็นแม่ลูก คือ เผลอเอาน้ำแข็งไปลูบแล้วน้ำแข็งหลุดมือไปเผลอไปจับเลย ทำให้เขามีความรู้สึกในอดีตนึกถึง และแน่นอนจันดารามีเรื่องของอาการป่วย และเรื่องของการขาดแม่ เป็นลักษณะของลูกที่คิดถึงแม่ พอได้จับปุ๊บมันก็จะรู้สึกของความนุ่มเขาก็เลยเตลิดไป เราก็เลยเตือนเขา แต่การเตือนของเรามันเหมือนเป็นแซ่ เราเลยเห็นเลยว่าเด็กคนนี้ต้องมีอะไรในใจ ต้องไม่ปกติจิตไม่ปกติ”

“แล้วคุณบุญเลื่อง เป็นผู้หญิงที่มาจากต่างประเทศ เขาเลยไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เขาแค่คิดว่าเขาคือคนที่จะต้องเข้ามาโอบอ้อมเขากอดเขา แต่บังเอิญว่าสิ่งที่เขาเป็นคือความเป็นมนุษย์ มีความรู้สึกมีอารมณ์ แทนที่จะจับเฉยๆ กลับมาจูบหอม มันเลยทำให้อารมณ์นั้นเป็นอารมณ์ของมนุษย์จริงๆ ที่มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าหากัน แล้วมันทำให้จันดารารู้สึกผิดว่าไม่ควรทำอย่างนั้น”

“แม่ก็ดูแล้ว ดูพร้อมกันรอบสื่อนั่นแหละ แปลกมากที่แม่ไม่พูดอะไรเลย มันสวยและแม่รู้สึกว่าเมื่อก่อนมีหนังที่มากกว่านี้ตั้งเยอะ แล้วเมื่อก่อนยังไม่มีหนังที่มาจัดเรตมากมาย เขาก็เลยรู้สึกว่าเราโตพอแล้ว แล้วเราก็รับผิดชอบตัวเองในงาน เราก็เลยไม่มีปัญหาอะไร เราเลยคิดว่าขนาดแม่เราหัวโบราณแม่เรายังไม่คิดอะไร คนอื่นก็ไม่น่าจะคิดอะไร แต่จะว่าไปแล้วมันเห็นหัวนมจริงๆ หรือคะ จะใช่หรือไม่ใช่เดี๋ยวต้องกลับดูอีกรอบ (หัวเราะ)”

เผยจันดาราภาค 2 เปลือยอก

“ภาคแรกคือ เหมือนเข้ามาเปิดตัวมากกว่า แต่ภาค 2 จะเป็นตอนที่จันดารากลับเข้ามาต่อสู้กับคุณหลวง จันดาราจะยึดในสิ่งที่คุณหลวงรักทุกอย่าง เพราะฉะนั้นคุณบุญเลื่อง คือ คนที่คุณหลวงรักมากที่สุด แน่นอนก็มาดูกันว่าความสัมพันธ์ของจันดารา กับคุณบุญเลื่อง จะเป็นยังไง”

“ตอนนี้ก็เริ่มถ่ายทำไปบ้างแล้วคะ แต่ไม่ถึงขนาดเปลือยหมดค่ะ เปลือยหมดคงเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าตอนที่คุยกับหม่อมไม่ได้บอกว่าเปลือยหมด แต่บอกได้ว่าก็มีเปลือยอก แต่ไซด์เล็กค่ะ (หัวเราะ) คนอื่นเป็นระดับมหาวิทยาลัย หนูเป็นระดับมัธยม ก็โอเคนะคะ ดูน่ารักจุ๋มจิ๋มดี แต่ไม่เป็นไรคะ ไม่คิดที่จะไปเสริมค่ะ ถ้าวันใดมีลูกขึ้นมาก็คงใหญ่กว่านี้เองค่ะ ตอนนี้เราดันก็ได้ทำอะไรก็ได้”

รับได้คนมองเป็นเครื่องหมายทางเพศ

“มันคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะให้คนมองในเรื่องเพศ เพราะช่วงนี้เรารับงานเซ็กซี่เยอะ ซึ่งมันก็มีแต่งานในลักษณะนี้มาจริงๆ แต่หลังจากนี้มันอาจจะมีงานอื่นๆ ที่อาจจะมากลบภาพเซ็กซี่ได้ แต่ว่าช่วงนี้คงปล่อยให้มันเป็นเรื่องของภาพนี้ไปก่อน เพราะว่าด้วยวัยของหญิงเหมาะกับการเล่นแบบนี้ เพราะโตมากในระดับที่อายุ 30 ปีแล้ว เรารู้สึกว่าเฮ้ยชีวิตเรามันผ่านมาเยอะผิดหวังมาเยอะความรัก คนเริ่มที่จะเชื่อแล้วว่าเราเซ็กซี่เราผ่านอะไรมาเยอะมากแล้ว”

“พอหนังเข้าฉาย ก็ยอมรับว่า มันมีสายตาแปลกๆ มองมาที่เรา แต่เราก็ต้องรับมันให้ได้เพราะว่ามันเป็นอะไรที่เขาเห็นเราในภาพยนตร์อยู่แล้วมันเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีสายตามองมาในรูปแบบต่างๆ มันอยู่ที่การวางตัวของเราค่ะ หญิงเชื่อว่าหญิงมีการวางตัวในระดับที่ค่อนข้างดี เพราะฉะนั้นหญิงว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่อันดับแรกเราก็ต้องยอมรับเพราะว่าเราตัดสินใจที่เราจะทำไปแล้ว”

“เรื่องภาพหลุดก็กลัวๆ เหมือนกัน เพราะเห็นตอนที่ ตั๊ก บงกช หลุดในเรื่องไอ้ฟักแล้ว ก็สงสารน้องเขา แต่การทำหน้าที่ของหญิงมันจบลงแล้ว หญิงต้องทำใจ เพราะหนังกว่าจะเสร็จออกมาเรื่องหนึ่งมันต้องผ่านหลายขั้นตอน ก็ไม่รู้ว่ามันอาจจะหลุดที่ตรงไหนหรือเปล่ามันยากที่จะควบคุม แต่หญิงเชื่อมือทีมงานคิดว่าไม่น่ามีข้อผิดพลาด”




กำลังโหลดความคิดเห็น