“บุ๋ม” เผยงดควง “ติ๊งโน้ต” ออกงานเพราะเฟคไม่เป็น พร้อมรับเลิกฝ่ายชายแล้ว แต่ไม่สนิท เหตุอยากให้โอกาสอีกสักตั้ง ยกเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดที่เคยคบ แต่ถ้าไม่ปรับปรุงตัวก็ทางใครทางมัน เจ้าตัวโต้มีนักธุรกิจรวยมากดามใจ บอกถ้ารวยระดับนั้นคงเสร็จดาราไฮโซหมดแล้ว ไม่ถึงตนหรอก ฟุ้งตอนนี้มีหนุ่มจีบเพียบ แถมเนื้อหอมกว่าตอนเป็นสาวซะอีก
รักบูดซะแล้ว สำหรับคู่ของสาวเก่ง “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” กับแฟนรุ่นน้อง “ติ๊งโน้ต ฐิติพงศ์ วโรกร” หลังจากก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรง เพราะบุ๋มโกรธที่ติ๊งโน้ตไม่ยอมดูแล ในช่วงที่ตนเองประสบอุบัติเหตุ จนลามไปถึงพ่อ-แม่บุ๋มด้วย ที่รู้สึกไม่พอใจถึงขั้นสั่งให้เลิก
แม้จะผ่านไปเกือบ 2 เดือนแล้ว แต่ลูกง้อของติ๊งโน้ตก็ไม่เป็นผล หนำซ้ำจะแย่หนักกว่าเดิม เพราะล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา บุ๋มต้องไปร่วมงาน Sweet Luxury 2012 ที่ เอสพลานาด รัชดา โดยในหมายเชิญสื่อที่ประชาสัมพันธ์ของงานส่งมา มีรายชื่อคู่รักหวานไปร่วมเดินแบบหลายคู่ ทั้งคู่ของ “ปอย ตรีชฎา-เอ็ม พีระพงษ์” ร่วมด้วยหนุ่ม “แทค ภรัณยู” กับหวานใจคนใหม่สาว “ติ๊นา กนกนันท์ คงครินทร์” อดีตนางงามมิสไทยแลนด์เวิลด์ตกรอบเมื่อปีที่แล้ว และหนึ่งในนั้นมีคู่ของ “บุ๋ม-ติ้งโน้ต” ด้วย แต่ปรากฏว่า พอถึงเวลาจริงๆ บุ๋มกลับเดินออกมาคนเดียว โดยไร้เงาแฟนรุ่นน้อง ซึ่งผิดวิสัยของคู่รักตังเมคู่นี้ สบโอกาสสอบถามไป บุ๋มก็บอกตรงๆ แบบเฟคไม่เป็นเหมือนเคยว่า…
“เปิดโอกาสให้แต่ละคนไปทำอะไรของตัวเอง ติ๊งโน้ตก็ไปขายของของบ้านเขา ไปขายหอยจ้อ วันนี้จัดที่อิมแพ็ค ก็ไปทำงานของเขาไป ตอนแรกก็จะมาพร้อมกัน แต่ก็ให้ต่างคนต่างไปทำงานดีกว่า ว่างก็ค่อยเจอกัน งานเขาก็เข้าใจว่าสถานภาพของเราเป็นยังไง บุ๋มเฟคไม่เป็น จะให้มาทำงานคู่สวีทหวาน แต่ความจริงแล้วมันไม่หวาน บุ๋มทำไม่ได้”
“ก็ห่างจริงๆ ถอยก็ถอยจริงๆ ถามว่าตอนนี้เลิกสนิทเลยมั้ย ไม่สนิทนะ เพราะมันไม่มีเวลาจะมานั่งเคลียร์นั่งอะไรกัน ก็ยังเรียกว่าคบกันได้อยู่ คือไม่ใช่ว่าความผิดเขา บุ๋มไม่ให้อภัย บุ๋มให้เวลาเขาพิสูจน์ตัวเอง ว่าเขาจะสามารถทำอย่างที่คุณขอโอกาสได้รึเปล่า”
“ติ๊งโน้ตเองก็เดินหน้าง้อเต็มที่ แต่ก็ยังไม่เป็นผล แต่เพราะเขายังไม่สามารถเข้ามาคุยกับพ่อแม่ได้ ก็ยังไม่รู้ว่าเขาจำทำอะไรได้ว่า ใช่ว่าบุ๋มไปตัดโอกาสเขา ก็ยังคุยโทรศัพท์กันอยู่ ถามว่าเจอกันบ่อยมั้ย อาทิตย์ที่ผ่านมาบุ๋มไปบาห์เรนด้วยแหละค่ะ ก็เลยยังไม่ได้เจอ”
บอกเป็นช่วงวิกฤตของ “ติ๊งโน้ต” ไม่ใช่ตน
“วิกฤตสำหรับเขานะ ตัวบุ๋มเฉยๆ บุ๋มทิ้งระยะเพื่อให้เขาเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ชีวิตเราผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ณ ตอนนี้งานก็เยอะมาก ละครก็ตั้ง 4 เรื่อง ก็เลยอยากเอาเรื่องงานก่อนดีกว่า”
“รักมากแค้นมากค่ะ อาจจะอยากนั้น มันเจ็บมาก คือ มันคาดหวังมากกว่า ว่าสักครั้งนึงให้เขาดูแลเราบ้าง แต่กลับกลายเป็นว่าเขาทำไม่ได้ มันเลยค่อนข้างจะแค้นลึก (หัวเราะ) ที่ติ๊งโน้ตเขาไปกับบุ๋มทุกๆ วันไม่ใช่ว่าบุ๋มต้องการอย่างนั้นนะ บุ๋มอยู่ด้วยตัวเองได้มาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ ณ วันนึงเขาอยากจะมาด้วยก็มา เขาจะได้เห็นว่าการทำงานอย่างบุ๋มมันหนักและเหนื่อยขนาดไหน”
“เขาจะได้เข้าใจ จะได้ไม่ต้องโทร.มาเร่งว่าจะเสร็จกี่โมงอะไรกี่โมง งานแบบนี้มันเลทกันได้อยู่แล้ว เพียงแต่ ณ ตอนนี้เขายังไม่สามารถดูแลเราได้ ก็ให้เขาถอยออกไปก่อน จนกว่าเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่พอ (แค่ครั้งเดียวนี่ไม่ให้อภัยเขาเลยเหรอ?) มันไม่ใช่ครั้งเดียวหรอก เพียงแต่เราไม่ได้จะมาเล่าละเอียด เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะน่าเล่ากัน เหมือนมีเหตุการณ์นั้นเป็นจุดตัดเชือกมากกว่า ที่ผ่านมามันหยุมหยิมคุยกันได้”
ส่วนจะบานปลายถึงขั้นทำให้ความสัมพันธ์จบเลยหรือเปล่านั้น “บุ๋ม” บอกว่าให้โอกาสแล้ว ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องยอมรับความจริง
“ณ ตอนนี้บุ๋มให้เวลาเขาแล้ว แต่ถ้าเขายังทำไม่ได้ เขาก็ต้องยอมรับความจริง ก็ไม่ได้กำหนดระยะเวลาอะไร มันเกิดจากความรู้สึกมากกว่า บุ๋มชัดเจนอยู่แล้ว อย่างตอนนี้ความรู้สึกบุ๋มยังเหมือนเดิมก็ 50/50 มันเฉยๆ เอาไงก็ได้ เพราะเราอยากเคลียร์เรื่องงานเรามากกว่า เพราะเราทำงานเยอะมาก ได้นอนวันละ 2-3 ชั่วโมงเอง ก็เริ่มไม่ไหวแล้ว”
“จุดโฟกัสของบุ๋มตอนนี้ไม่ใช่ที่เขา แต่เป็นที่งาน เอาตัวเองให้รอดก่อน เขาก็รู้เลยโทร.เข้ามาบ่อยกว่าเดิมอีก บุ๋มก็บอกเขาว่า อย่าทำอะไรที่มันไม่ปกติดีกว่า เคยทำมายังไง ก็ให้เป็นอย่างนั้น อย่ามาโทร.จี้กว่าเดิม บุ๋มไม่ต้องการ เขาเองก็พยายามจะเข้ามาหาพ่อแม่บุ๋ม แต่แม่บุ๋มโกรธมากไง เพราะที่ผ่านมาพยายามเอ็นดูเขามากกว่าพ่อบุ๋ม แต่พอเกิดเรื่องขึ้นเลยยิ่งงอนหนัก”
เรื่องที่เกิดขึ้นร้ายแรงมากเลยใช่มั้ย?
“ก็มาบอกพ่อแม่บุ๋มว่าจะดูแล แต่ไม่ดูแล มันเหมือนเป็นแง่กรณีอยู่แล้วว่าเขาเด็กกว่าตั้งเยอะ จะมาดูแลเราได้ยังไง พอเกิดอุบัติเหตุขึ้น มันเลยเป็นเหมือนรอบตัดเชือก ก็เกือบๆ 2 เดือนแล้วที่เป็นแบบนี้ บุ๋มเองก็ไม่ใช่ว่าไม่พยายามช่วยเขานะ ก็พยายามให้เขามารับที่บ้าน แต่ถ้าให้บุ๋มไปช่วยคุย บุ๋มไม่คุย มันเป็นเรื่องที่เขาต้องโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น”
ปฏิเสธพอห่าง “ติ๊งโน้ต” ก็มีนักธุรกิจที่รวยมากๆ มาจีบ แต่รับมีคนมาจีบเยอะกว่าตอนเป็นสาว
“สาธุค่ะ ไม่มีค่ะ รวยมากจะมีใครเหลือมาถึงดิฉัน ดาราไฮโซเขาเอาไปหมดแล้ว ถามว่ามีคุยมั้ย ก็คุยไปหมดค่ะ เราอายุขนาดนี้แล้วเนอะ มีเยอะกว่าช่วงสาวๆ อีกด้วย บุ๋มก็เปิดใจค่ะ แต่ไม่ได้มากมายอะไร ขอแค่คุยแล้วสบายใจ เป็นเหมือนเพื่อนกัน บุ๋มไม่รีบ ชีวิตไม่ได้ต้องการขนาดนั้น ถ้าเกิดเขาไม่ใช่ บุ๋มก็คงไม่เอาอีกแล้ว ขออยู่เป็นโสดดีกว่า”
“อายุจะเด็กกว่าก็ได้ แต่ขอความเป็นผู้ใหญ่ขอแค่นั้นเอง ขอแค่ไม่งอแง ติ๊งโน้ตเองเขารู้ค่ะ ว่าเขาทำอะไรไป ซึ่งบุ๋มไม่ต้องการคำว่าขอโทษอีกแล้วไง ทำแล้วคุณก็ขอโทษอยู่อย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ฉันต้องฟังคำขอโทษอีกสักกี่ครั้ง ก็เลยให้เขาถอยออกไป ให้เขาไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเอง ไปพิสูจน์ตัวเองว่าเขาโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เมื่อไหร่ก็ค่อยมาคุยกันใหม่”
“ติ๊งโน้ตก็รู้ค่ะ ว่า บุ๋มเปิดใจคุยกับคนอื่นแล้ว ก็บอกว่าทำไมต้องเปิด เราก็บอกว่ามันช่วยไม่ได้ ในเมื่อเราให้โอกาสคุณมาปีกว่าแล้ว เขาก็เช็กโทรศัพท์ตลอดที่เจอกัน ทุกคนที่คุยกับบุ๋ม เขาก็จะรู้อยู่แล้วว่าเรายังคุยกับติ๊งโน้ตอยู่ เขาก็ยอมรับได้ ทุกคนก็โอเค (มีไประรานมั้ย?) ยังไม่กล้าค่ะ”
“ตอนนี้ขอลัคกี้อินเกมก่อน ขอเลือกไม่ลัคกี้อินเลิฟ ถ้ามันดีทั้ง 2 อย่างพร้อมกันแล้วเกิดความคาดหวัง พอหวังแล้วมันเจ็บ ก็ไม่เอาดีกว่า อย่างเวลาเราเปิด เราก็เปิดนะ แต่ถ้าลดเราก็ลด ถ้าอนาคตเขาพิสูจน์ตัวเองได้ มันก็มีโอกาสกลับมา คือบุ๋มถือว่าเขาดีกว่าคนอื่นๆ ที่บุ๋มเคยเจอมา”
“ส่วนใหญ่ถ้าจบแล้วบุ๋มจบจริง จะไม่หันกลับไป แต่นี่คือเขาเป็นคนดี อย่างน้อยเป็นเพื่อนกันก็ดีกันไป เยื่อใยเรายังมีเยอะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็แล้วแต่พ่อแม่บุ๋มด้วย ถึงเราจะดูเป็นผู้หญิงมั่นใจมากก็ตาม แต่เราก็ให้พ่อแม่เราเป็นอันดับหนึ่ง”
อนาคตที่ว่าจะแต่งงานกันคงต้องตัดทิ้งไป?
“ก็ยังไม่รู้ แต่ตอนนี้คงตัดไปก่อน ที่ผ่านมาเขาก็พยายามที่จะมารับมาส่งมากขึ้น แต่บุ๋มอยากให้เขาเป็นผู้ใหญ่ในการทำงานของเขา กับตัวเขามากกว่า ค่าของคำว่าผู้ชาย มันไม่ใช่แค่การขับรถมารับมาส่ง แต่มันคือการสร้างความมั่นคงของตัวเองมากกว่า”