ยังไม่รู้ว่าลงเอยแล้วข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นไร แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ต้องบอกว่าน่าตกใจทีเดียวครับกับข่าวกรณีที่เจ้าหน้าที่ธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่งได้หลอกโกงเงินลูกค้าไปเป็นจำนวนถึง 100 ล้านบาท!
ที่ว่าน่าตกใจก็เพราะนอกจากตัวเลขของเงินที่ถูกโกงจะสูงแล้ว คนโกงยังมีตำแหน่งเป็นถึง "ผู้จัดการสาขา" แถมลูกค้าที่ถูกโกงยังเป็นคนพิการอีกต่างหาก
ทุกวันนี้วิธีการโกงตลอดจนวิธีการหลอกลวงต้มตุ๋นของพวกมิจฉาชีพนั้น นับวันต้องบอกว่ามีหลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้นครับ
บางวิธีก็ค่อนข้างจะสลับซับซ้อน ทำกันเป็นขบวนการ อย่างเช่นพวกตกทองในอดีต, บรรดาแก็งค์ คอลล์เซ็นเตอร์ในปัจจุบัน รวมถึงบรรดาพวกแชร์ลูกโซ่ หลอกให้ลงทุนโน่นนี่นั่น พวกปั่นหุ้นทั้งหลาย ฯ
ขณะที่บางวิธีก็เอากันแบบหน้าด้านๆ อย่างที่มาขอค่ารถกลับบ้านบ้าง ค่าข้าวบ้าง ฯ
บางมุกก็แสนจะโบราณแต่ก็ยังมีใช้กันอยู่ อย่างเช่นที่ผมเจอเมื่อไม่นานมานี้
ราวๆ 3 เดือนที่ผ่านมาเห็นจะได้ครับ ระหว่างนั่งอยู่บนรถบขส.ที่สถานีขนส่งหมอชิตเพื่อเดินทางกลับบ้านที่สระบุรี ช่วงประมาณสัก 10 โมงกว่าๆ
บนรถมีผู้โดยสารรวมผมแล้วก็ตกราวๆ ร่วม 20 คน คละเคล้ากันไปทั้งเพศและวัย พลันก็มีผู้ชายคนหนึ่งหอบหิ้วหนังสือขึ้นมาหนึ่งปึก พร้อมกับคำโฆษณาขายที่ฟังแล้วหลายคนต้องหูผึ่ง
"ไปซะแล้วครับน้องญ่าญ่า นางเอกดังช่อง 3 ที่เล่นละครคู่กับณเดชน์ ประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมานี่เองครับ นี่ สดๆ จากแท่นพิมพ์ หนังสือพิมพ์ยังพิมพ์ไม่ทันเลย ดูภาพกับอ่านรายละเอียดก่อนใครได้ในนี้เลยครับ..."
คนขายอายุราวๆ 50 กว่าๆ พูดประโยคเดิมวนไปมาด้วยน้ำเสียงชวนเร้าใจ พร้อมกับพลิกหนังสือให้ดูแบบผ่านๆ สลับกับโชว์ปกที่มีภาพของน้องญาญ่าอยู่
ทันทีที่ได้ยินประโยคขายของที่ว่าผมเองแทบจะสำลักน้ำที่ดื่มอยู่พร้อมๆ กับคิดในใจว่า เฮ้ย! นี่คุณมรึงยังใช้มุกนี้อยู่อีกหรือ?
ย้อนไป 10 ปีที่แล้ว ณ สถานที่แห่งเดียวกันนี้ บนรถสายเดียวกันนี้แหละครับ (แต่คิดว่าคงไม่ใช่คนเดียวกัน) ที่ผมเองได้เจอะเจอกับประโยคการขายของที่แสนจะชวนเร้าใจแบบนี้เป็นครั้งแรก
แล้วก็ยอมรับอย่างไม่ปิดบังว่าหลงเชื่อจนซื้อหนังสือมาเล่มหนึ่ง เหตุเพราะช่วงนั้นเพิ่งจะได้ทำงานเป็นนักข่าวใหม่ๆ ก็เลยกลัวว่าจะตกข่าว
จำได้ว่าตอนนั้นดาราที่ถูกเอามาเป็นตัวขายหรือจะว่าไปก็คือถูกแช่งจากคนขายอย่างไม่รู้ตัวก็คือคุณแหม่ม จินตหรา สุขพัฒน์ ซึ่งเมื่อพลิกดูจนหมดเล่มปรากฏว่าไม่มีเรื่องของพี่แหม่มเลยสักตัวอักษรเดียวอยู่ในหนังสือ
ต้องบอกว่าทั้งแค้นทั้งอายครับ...นี่คนบางกอกมันเล่นกันอย่างนี้เลยหรือ...
แทบไม่น่าเชื่อนะครับว่า 10 ปีที่ผ่านมาในขณะที่เทคโนโลยีการสื่อสารในยุคปัจจุบันซึ่งคนเราสามารถรับรู้ข่าวสารจากอีกซีกโลกหนึ่งได้แทบจะวินาทีต่อวินาทีแค่เพียงใช้ปลายนิ้วถูๆ ไถๆ มุกแหกตาทำนองนี้จะยังคงมีการใช้อยู่
แต่อะไรก็แทบไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าที่มีคนร้องซื้อหนังสือจากชายคนดังกล่าวถึง 3 คนด้วยกัน
หลังคนขายลงไปจากรถได้พักหนึ่ง หูพลันก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังเบาะที่ผมนั่งอยู่ว่า "บอกแล้วว่ามันหลอก..."
...
1 เดือนที่ผ่านมานี้ชีวิตผมต้องบอกว่าค่อนข้างจะเพลิดเพลินเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กๆ อีกครั้ง หลังพี่ที่ทำงานใจดีขนเอาการ์ตูนญี่ปุ่นมาให้อ่านหลายต่อหลายเรื่อง
โดยเฉพาะเรื่องล่าสุดที่อ่านอย่าง "คุโรซางิ คนลวงอัจฉริยะ" ซึ่งแต่งโดย "นัตสึฮาระ ทาเคชิ" พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ TKO COMICS นี่ต้องบอกว่าสนุกมาก
โลกเรานี้มีนักต้มตุ๋นอยู่ 3 ประเภท
"ชิโรซางิ" (นักต้มตุ๋นขาว) ที่หลอกผู้คนเพื่อรีดทรัพย์สินเงินทอง
"อากาซางิ" (นักต้มตุ๋นแดง) ที่เล่นสนุกกับจิตใจและร่างกายของเพศตรงข้าม
และ "คุโรซางิ" (นักต้มตุ๋นดำ) นักต้มตุ๋นที่ร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ผู้ที่ไม่ล่ามนุษย์ แต่มี "ชิโรซางิ" และ "อากาซางิ" เป็นเหยื่อเท่านั้น
เป็นคำโปรยของการ์ตูนเรื่องนี้ครับ
"คุโรซางิ คนลวงอัจฉริยะ" เป็นการ์ตูนแนวเรื่องดราม่า สืบสวน ว่าด้วยตัวเอกของเรื่องเด็กหนุ่มที่มีอาชีพเป็นนักต้มตุ๋นคนหนึ่ง ที่น่าสนใจก็คือเหยื่อของเขานั้นหาใช่คนทั่วๆ ไป หากแต่เป็นบรรดาพวกที่เป็นนักต้มตุ๋นเหมือนกับเขานั่นเอง
มูลเหตุที่ทำให้ตัวเอกของเราต้องกลายมาเป็น "คุโรซางิ" คอยกัดกินบรรดานักต้มตุ๋นทั้งหลายด้วยกันเองก็เพราะในอดีตครอบครัวของเขาเคยตกเป็นเหยื่อแก๊งค์ต้มตุ๋นจนทำให้เกิดเหตุการณ์ฆ่าตัวตายยกครอบครัวมีเพียงเขาที่รอดชีวิตมาได้เพียงคนเดียวนั่นเอง
เอากันแค่วิธีการต่างๆ ที่เหล่านักต้มตุ๋นใช้หลอกเหยื่อในแต่ละตอน ทั้ง การต้มตุ๋นเงินกู้เพื่อการลงทุนของสถาบันการเงิน, การต้มตุ๋นผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม, การต้มตุ๋นฉ้อโกงตั๋วแลกเงิน, การต้มตุ๋นบริการจัดหางาน, การต้มตุ๋นเข้าซื้อบริษัทร่วมทุน, ต้มตุ๋นค่าเช่าที่พัก, ต้มตุ๋นการค้าด้วยญาณทิพย์, การต้มตุ๋นเงินทุนหมุนเวียน ฯ นี่ก็สนุกแล้วครับ
แต่ที่สนุกไปกว่าก็คือการที่เราจะได้ลุ้นว่าพระเอกของเราจะใช้กลวิธีอะไรไปหลอกบรรดานักต้มตุ๋นด้วยกันเองเหล่านี้ได้นั่นแหละ
การดำเนินเรื่องแม้จะจบเป็นตอนๆ ทว่าตัวละครหลักๆ นั้นต่างถูกกำหนดให้มีความเชื่อมโยงอย่างน่าสนใจทำให้เราได้ลุ้นระทึกว่าท้ายสุดเรื่องนี้จะจบลงเช่นไร
ไม่ว่าจะเป็นชายคนที่ถูกเรียกว่า "ฟิกเซอร์" ที่คอยขายข้อมูลของ "ชิโรซางิ" และ "อากาซางิ" ให้กับพระเอกของเรา ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเขาเองนั่นแหละที่อยู่เบื้องหลังแผนการต้มตุ๋นที่ทำให้ครอบครัวพระเอกพังพินาศ
"ชิราอิชิ" นักต้มตุ๋นที่จ้องเล่นงานแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็น "ชิโรซางิ" ที่ตัวพระเอกของเรายังไม่สามารถเอาชนะได้
รวมไปถึงรองสารวัตร "คาชินะ" ที่แสนเกลียดนักต้มตุ๋นและสาบานว่าจะเอาพระเอกเข้าคุกให้ได้ หรือแม้กระทั่งตัวที่เหมือนจะเป็นนางเอก "สึราระจัง" สาวคณะนิติศาสตร์ที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นอัยการในอนาคต
แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่ความสนุกเท่านั้นแต่การ์ตูนเรื่องนี้ยังให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเงิน สถาบันการเงิน การธนาคาร การทำสัญญาต่างๆ การเบิกการกู้เงิน และอีกหลายต่อหลายเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ ซึ่งต้องบอกว่ามีประโยชน์มากๆ
อ่าน "คุโรซางิ คนลวงอัจฉริยะ" แล้วก็มาอ่านข่าวคุณป้าทุพลภาพท่านหนึ่งที่ออกมาเผยว่าถูกผู้จัดการธนาคารโกงเงินไปร่วม 100 กว่าล้านบาท ซึ่งถึงตอนนี้ทางธนาคารได้สั่งพักงานผู้จัดการคนที่ว่าพร้อมทำการตรวจสอบก็พบว่าผู้จัดการคนดังกล่าวมีการโกงเงินจริงๆ แต่หลักฐานตัวเลขนั้นมีแค่ล้านบาทกว่าๆ เท่านั้น
อย่าหาว่าใจร้าย แต่ผมว่างานนี้ต่อให้คุณป้าแกถูกอมเงินไป 100 ล้านจริงๆ ก็ยากครับที่จะได้เงินคืนมา อย่างในญี่ปุ่นแต่ละปีมีคดีต้มตุ๋นเกิดขึ้นมากมาย แต่สามารถเอาผิดคนทำได้กันได้จริงๆ คิดเป็นแค่ 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นทั้งๆ ที่กฏหมายเขาเองเข้มงวดและรัดกุมจะตาย
ที่สำคัญเรื่องพวกนี้ส่วนใหญ่เขาจะพิจูน์กันด้วยหลักฐานที่เป็นตัวเลข-ลายเซ็นที่ปรากฏเท่านั้น โดยไม่มาสนหรอกครับว่าที่มาของมันจะมาจากการถูกหลอกหรือว่าอะไร
ยิ่งมาจากเรื่อง "ความไว้เนื้อเชื่อใจ" ถึงขนาดยอมให้ทำธุรกรรมแทนกันนี่ ยิ่งพูดมากๆ ดีไม่ดีถูกมองว่าเป็นคนโง่อีกต่างหาก
ถึงตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าหากถูกโกงจริงๆ ทางคุณป้าเองคงจะมีหลักฐานที่สามารถเอาผิดอีกฝ่ายได้ก็แล้วกันครับ
ก่อนไปมีเรื่องฮาๆ เกี่ยวกับแก็งค์คอลล์เซ็นเตอร์มาเล่าให้ฟังครับ...
สายวันหนึ่ง ระหว่างที่พี่นักข่าวสายแบงค์ที่ออฟฟิศคนหนึ่งกำลังนั่งทำงานอยู่ พลันเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
ทันทีที่กรอกเสียงฮัลโหลออกไป ปลายสายก็แนะนำตัวกลับมาทันที
ปลายสาย : "สวัสดีครับนั่นใช่คุณ... ....หรือเปล่าครับ ผม โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ โทรแผนกสินเชื่อของธนาคาร...ครับ"
พี่นักข่าว : "เอ่อ ใครนะครับ..."
ปลายสาย : "ผมโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ครับ คืออย่างนี้ พอดีว่าเราตรวจสอบพบบัตรเครดิตของคุณมีการ....ก็เลยโทรมาเช็ค...ทางเราขอแนะนำ..."
พี่นักข่าว : "เอ่อ ขอทราบชื่ออีกทีได้มั้ยครับ..."
ปลายสาย (น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด) : "โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ครับ คือเราพบว่าบัตรเครดิตคุณ...."
พี่นักข่าว : "โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ จริงๆ หรือครับ..."
ปลายสาย (หงุดหงิดแต่น้ำเสียงยังคงเดิม) : "ครับผม คืออย่างที่เรียนไปแล้วครับว่า...เพราะฉะนั้นทางเราก็เลย..."
พี่นักข่าว "ขอโทษจริงๆ ครับ ชื่อ โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ อยู่แผนก...ใช่แน่นะครับ"
ปลายสาย(น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด) : "ใช่ครับผม อย่างนี้นะครับ...อย่างที่เรียนให้ทราบ...พอดีทางเรา...อยากให้คุณ...ช่วยไป...ปัญหานี้เราช่วยได้ครับ...เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่อีกคน..."
ปล่อยให้ปลายสายพล่ามเป็นละครวิทยุไปพักหนึ่ง พี่นักข่าวคนที่ว่าก็หมดความอดทนจัดการด่าสวนกลับไป แต่แทนที่อีกฝ่ายจะรู้สึกร้อนหนาวที่เหยื่อรู้ตัวแล้วก็หาไม่ กลับสวนกลับมาว่า
"อ้าว พี่ รู้แล้วปล่อยให้ผมพูดอยู่ทำไมตั้งนาน เอ ว่าแต่พี่รู้ได้อย่างไรล่ะ"
"โธ่ ก็ตั้งแต่มรึงบอกว่าตัวเองชื่อ โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ นั่นแหละ ไอ้ฟาย" ประโยคนี้ผมบอกเองนะครับ
...
หมายเหตุ : โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ที่ว่าน่าตกใจก็เพราะนอกจากตัวเลขของเงินที่ถูกโกงจะสูงแล้ว คนโกงยังมีตำแหน่งเป็นถึง "ผู้จัดการสาขา" แถมลูกค้าที่ถูกโกงยังเป็นคนพิการอีกต่างหาก
ทุกวันนี้วิธีการโกงตลอดจนวิธีการหลอกลวงต้มตุ๋นของพวกมิจฉาชีพนั้น นับวันต้องบอกว่ามีหลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้นครับ
บางวิธีก็ค่อนข้างจะสลับซับซ้อน ทำกันเป็นขบวนการ อย่างเช่นพวกตกทองในอดีต, บรรดาแก็งค์ คอลล์เซ็นเตอร์ในปัจจุบัน รวมถึงบรรดาพวกแชร์ลูกโซ่ หลอกให้ลงทุนโน่นนี่นั่น พวกปั่นหุ้นทั้งหลาย ฯ
ขณะที่บางวิธีก็เอากันแบบหน้าด้านๆ อย่างที่มาขอค่ารถกลับบ้านบ้าง ค่าข้าวบ้าง ฯ
บางมุกก็แสนจะโบราณแต่ก็ยังมีใช้กันอยู่ อย่างเช่นที่ผมเจอเมื่อไม่นานมานี้
ราวๆ 3 เดือนที่ผ่านมาเห็นจะได้ครับ ระหว่างนั่งอยู่บนรถบขส.ที่สถานีขนส่งหมอชิตเพื่อเดินทางกลับบ้านที่สระบุรี ช่วงประมาณสัก 10 โมงกว่าๆ
บนรถมีผู้โดยสารรวมผมแล้วก็ตกราวๆ ร่วม 20 คน คละเคล้ากันไปทั้งเพศและวัย พลันก็มีผู้ชายคนหนึ่งหอบหิ้วหนังสือขึ้นมาหนึ่งปึก พร้อมกับคำโฆษณาขายที่ฟังแล้วหลายคนต้องหูผึ่ง
"ไปซะแล้วครับน้องญ่าญ่า นางเอกดังช่อง 3 ที่เล่นละครคู่กับณเดชน์ ประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมานี่เองครับ นี่ สดๆ จากแท่นพิมพ์ หนังสือพิมพ์ยังพิมพ์ไม่ทันเลย ดูภาพกับอ่านรายละเอียดก่อนใครได้ในนี้เลยครับ..."
คนขายอายุราวๆ 50 กว่าๆ พูดประโยคเดิมวนไปมาด้วยน้ำเสียงชวนเร้าใจ พร้อมกับพลิกหนังสือให้ดูแบบผ่านๆ สลับกับโชว์ปกที่มีภาพของน้องญาญ่าอยู่
ทันทีที่ได้ยินประโยคขายของที่ว่าผมเองแทบจะสำลักน้ำที่ดื่มอยู่พร้อมๆ กับคิดในใจว่า เฮ้ย! นี่คุณมรึงยังใช้มุกนี้อยู่อีกหรือ?
ย้อนไป 10 ปีที่แล้ว ณ สถานที่แห่งเดียวกันนี้ บนรถสายเดียวกันนี้แหละครับ (แต่คิดว่าคงไม่ใช่คนเดียวกัน) ที่ผมเองได้เจอะเจอกับประโยคการขายของที่แสนจะชวนเร้าใจแบบนี้เป็นครั้งแรก
แล้วก็ยอมรับอย่างไม่ปิดบังว่าหลงเชื่อจนซื้อหนังสือมาเล่มหนึ่ง เหตุเพราะช่วงนั้นเพิ่งจะได้ทำงานเป็นนักข่าวใหม่ๆ ก็เลยกลัวว่าจะตกข่าว
จำได้ว่าตอนนั้นดาราที่ถูกเอามาเป็นตัวขายหรือจะว่าไปก็คือถูกแช่งจากคนขายอย่างไม่รู้ตัวก็คือคุณแหม่ม จินตหรา สุขพัฒน์ ซึ่งเมื่อพลิกดูจนหมดเล่มปรากฏว่าไม่มีเรื่องของพี่แหม่มเลยสักตัวอักษรเดียวอยู่ในหนังสือ
ต้องบอกว่าทั้งแค้นทั้งอายครับ...นี่คนบางกอกมันเล่นกันอย่างนี้เลยหรือ...
แทบไม่น่าเชื่อนะครับว่า 10 ปีที่ผ่านมาในขณะที่เทคโนโลยีการสื่อสารในยุคปัจจุบันซึ่งคนเราสามารถรับรู้ข่าวสารจากอีกซีกโลกหนึ่งได้แทบจะวินาทีต่อวินาทีแค่เพียงใช้ปลายนิ้วถูๆ ไถๆ มุกแหกตาทำนองนี้จะยังคงมีการใช้อยู่
แต่อะไรก็แทบไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าที่มีคนร้องซื้อหนังสือจากชายคนดังกล่าวถึง 3 คนด้วยกัน
หลังคนขายลงไปจากรถได้พักหนึ่ง หูพลันก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังเบาะที่ผมนั่งอยู่ว่า "บอกแล้วว่ามันหลอก..."
...
1 เดือนที่ผ่านมานี้ชีวิตผมต้องบอกว่าค่อนข้างจะเพลิดเพลินเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กๆ อีกครั้ง หลังพี่ที่ทำงานใจดีขนเอาการ์ตูนญี่ปุ่นมาให้อ่านหลายต่อหลายเรื่อง
โดยเฉพาะเรื่องล่าสุดที่อ่านอย่าง "คุโรซางิ คนลวงอัจฉริยะ" ซึ่งแต่งโดย "นัตสึฮาระ ทาเคชิ" พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ TKO COMICS นี่ต้องบอกว่าสนุกมาก
โลกเรานี้มีนักต้มตุ๋นอยู่ 3 ประเภท
"ชิโรซางิ" (นักต้มตุ๋นขาว) ที่หลอกผู้คนเพื่อรีดทรัพย์สินเงินทอง
"อากาซางิ" (นักต้มตุ๋นแดง) ที่เล่นสนุกกับจิตใจและร่างกายของเพศตรงข้าม
และ "คุโรซางิ" (นักต้มตุ๋นดำ) นักต้มตุ๋นที่ร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ผู้ที่ไม่ล่ามนุษย์ แต่มี "ชิโรซางิ" และ "อากาซางิ" เป็นเหยื่อเท่านั้น
เป็นคำโปรยของการ์ตูนเรื่องนี้ครับ
"คุโรซางิ คนลวงอัจฉริยะ" เป็นการ์ตูนแนวเรื่องดราม่า สืบสวน ว่าด้วยตัวเอกของเรื่องเด็กหนุ่มที่มีอาชีพเป็นนักต้มตุ๋นคนหนึ่ง ที่น่าสนใจก็คือเหยื่อของเขานั้นหาใช่คนทั่วๆ ไป หากแต่เป็นบรรดาพวกที่เป็นนักต้มตุ๋นเหมือนกับเขานั่นเอง
มูลเหตุที่ทำให้ตัวเอกของเราต้องกลายมาเป็น "คุโรซางิ" คอยกัดกินบรรดานักต้มตุ๋นทั้งหลายด้วยกันเองก็เพราะในอดีตครอบครัวของเขาเคยตกเป็นเหยื่อแก๊งค์ต้มตุ๋นจนทำให้เกิดเหตุการณ์ฆ่าตัวตายยกครอบครัวมีเพียงเขาที่รอดชีวิตมาได้เพียงคนเดียวนั่นเอง
เอากันแค่วิธีการต่างๆ ที่เหล่านักต้มตุ๋นใช้หลอกเหยื่อในแต่ละตอน ทั้ง การต้มตุ๋นเงินกู้เพื่อการลงทุนของสถาบันการเงิน, การต้มตุ๋นผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม, การต้มตุ๋นฉ้อโกงตั๋วแลกเงิน, การต้มตุ๋นบริการจัดหางาน, การต้มตุ๋นเข้าซื้อบริษัทร่วมทุน, ต้มตุ๋นค่าเช่าที่พัก, ต้มตุ๋นการค้าด้วยญาณทิพย์, การต้มตุ๋นเงินทุนหมุนเวียน ฯ นี่ก็สนุกแล้วครับ
แต่ที่สนุกไปกว่าก็คือการที่เราจะได้ลุ้นว่าพระเอกของเราจะใช้กลวิธีอะไรไปหลอกบรรดานักต้มตุ๋นด้วยกันเองเหล่านี้ได้นั่นแหละ
การดำเนินเรื่องแม้จะจบเป็นตอนๆ ทว่าตัวละครหลักๆ นั้นต่างถูกกำหนดให้มีความเชื่อมโยงอย่างน่าสนใจทำให้เราได้ลุ้นระทึกว่าท้ายสุดเรื่องนี้จะจบลงเช่นไร
ไม่ว่าจะเป็นชายคนที่ถูกเรียกว่า "ฟิกเซอร์" ที่คอยขายข้อมูลของ "ชิโรซางิ" และ "อากาซางิ" ให้กับพระเอกของเรา ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเขาเองนั่นแหละที่อยู่เบื้องหลังแผนการต้มตุ๋นที่ทำให้ครอบครัวพระเอกพังพินาศ
"ชิราอิชิ" นักต้มตุ๋นที่จ้องเล่นงานแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็น "ชิโรซางิ" ที่ตัวพระเอกของเรายังไม่สามารถเอาชนะได้
รวมไปถึงรองสารวัตร "คาชินะ" ที่แสนเกลียดนักต้มตุ๋นและสาบานว่าจะเอาพระเอกเข้าคุกให้ได้ หรือแม้กระทั่งตัวที่เหมือนจะเป็นนางเอก "สึราระจัง" สาวคณะนิติศาสตร์ที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นอัยการในอนาคต
แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่ความสนุกเท่านั้นแต่การ์ตูนเรื่องนี้ยังให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเงิน สถาบันการเงิน การธนาคาร การทำสัญญาต่างๆ การเบิกการกู้เงิน และอีกหลายต่อหลายเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ ซึ่งต้องบอกว่ามีประโยชน์มากๆ
อ่าน "คุโรซางิ คนลวงอัจฉริยะ" แล้วก็มาอ่านข่าวคุณป้าทุพลภาพท่านหนึ่งที่ออกมาเผยว่าถูกผู้จัดการธนาคารโกงเงินไปร่วม 100 กว่าล้านบาท ซึ่งถึงตอนนี้ทางธนาคารได้สั่งพักงานผู้จัดการคนที่ว่าพร้อมทำการตรวจสอบก็พบว่าผู้จัดการคนดังกล่าวมีการโกงเงินจริงๆ แต่หลักฐานตัวเลขนั้นมีแค่ล้านบาทกว่าๆ เท่านั้น
อย่าหาว่าใจร้าย แต่ผมว่างานนี้ต่อให้คุณป้าแกถูกอมเงินไป 100 ล้านจริงๆ ก็ยากครับที่จะได้เงินคืนมา อย่างในญี่ปุ่นแต่ละปีมีคดีต้มตุ๋นเกิดขึ้นมากมาย แต่สามารถเอาผิดคนทำได้กันได้จริงๆ คิดเป็นแค่ 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นทั้งๆ ที่กฏหมายเขาเองเข้มงวดและรัดกุมจะตาย
ที่สำคัญเรื่องพวกนี้ส่วนใหญ่เขาจะพิจูน์กันด้วยหลักฐานที่เป็นตัวเลข-ลายเซ็นที่ปรากฏเท่านั้น โดยไม่มาสนหรอกครับว่าที่มาของมันจะมาจากการถูกหลอกหรือว่าอะไร
ยิ่งมาจากเรื่อง "ความไว้เนื้อเชื่อใจ" ถึงขนาดยอมให้ทำธุรกรรมแทนกันนี่ ยิ่งพูดมากๆ ดีไม่ดีถูกมองว่าเป็นคนโง่อีกต่างหาก
ถึงตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าหากถูกโกงจริงๆ ทางคุณป้าเองคงจะมีหลักฐานที่สามารถเอาผิดอีกฝ่ายได้ก็แล้วกันครับ
ก่อนไปมีเรื่องฮาๆ เกี่ยวกับแก็งค์คอลล์เซ็นเตอร์มาเล่าให้ฟังครับ...
สายวันหนึ่ง ระหว่างที่พี่นักข่าวสายแบงค์ที่ออฟฟิศคนหนึ่งกำลังนั่งทำงานอยู่ พลันเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
ทันทีที่กรอกเสียงฮัลโหลออกไป ปลายสายก็แนะนำตัวกลับมาทันที
ปลายสาย : "สวัสดีครับนั่นใช่คุณ... ....หรือเปล่าครับ ผม โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ โทรแผนกสินเชื่อของธนาคาร...ครับ"
พี่นักข่าว : "เอ่อ ใครนะครับ..."
ปลายสาย : "ผมโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ครับ คืออย่างนี้ พอดีว่าเราตรวจสอบพบบัตรเครดิตของคุณมีการ....ก็เลยโทรมาเช็ค...ทางเราขอแนะนำ..."
พี่นักข่าว : "เอ่อ ขอทราบชื่ออีกทีได้มั้ยครับ..."
ปลายสาย (น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด) : "โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ครับ คือเราพบว่าบัตรเครดิตคุณ...."
พี่นักข่าว : "โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ จริงๆ หรือครับ..."
ปลายสาย (หงุดหงิดแต่น้ำเสียงยังคงเดิม) : "ครับผม คืออย่างที่เรียนไปแล้วครับว่า...เพราะฉะนั้นทางเราก็เลย..."
พี่นักข่าว "ขอโทษจริงๆ ครับ ชื่อ โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ อยู่แผนก...ใช่แน่นะครับ"
ปลายสาย(น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด) : "ใช่ครับผม อย่างนี้นะครับ...อย่างที่เรียนให้ทราบ...พอดีทางเรา...อยากให้คุณ...ช่วยไป...ปัญหานี้เราช่วยได้ครับ...เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่อีกคน..."
ปล่อยให้ปลายสายพล่ามเป็นละครวิทยุไปพักหนึ่ง พี่นักข่าวคนที่ว่าก็หมดความอดทนจัดการด่าสวนกลับไป แต่แทนที่อีกฝ่ายจะรู้สึกร้อนหนาวที่เหยื่อรู้ตัวแล้วก็หาไม่ กลับสวนกลับมาว่า
"อ้าว พี่ รู้แล้วปล่อยให้ผมพูดอยู่ทำไมตั้งนาน เอ ว่าแต่พี่รู้ได้อย่างไรล่ะ"
"โธ่ ก็ตั้งแต่มรึงบอกว่าตัวเองชื่อ โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ นั่นแหละ ไอ้ฟาย" ประโยคนี้ผมบอกเองนะครับ
...
หมายเหตุ : โฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)