ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่อง "ธรรมดา" ไปเสียแล้วสำหรับงานเพลงออกใหม่ของ4 สาวเกิร์ลกรุ๊ปค่ายอาร์เอสฯ อย่าง "เกิร์ลลี่ เบอร์รี่" ที่มักจะต้องมี "อะไร" ตามมาเสมอ
อะไร ที่ว่าที่เป็นไปในทิศทางลบเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเสียงวิจารณ์ในเรื่องเนื้อหาของเพลง รวมถึงตัวมิวสิควิดีโอที่ว่ากันว่าสองแง่สองง่ามสื่อไปในเรื่องทางเพศมาโดยตลอด ไล่ไปตั้งแต่ ชอบเป็นของเธอ, Tonight เรื่องคืนนั้น, Shake it, Reality และอีกหลายเพลงรวมถึงล่าสุดกับ Featuring
จะว่าไปแล้ว ในต่างประเทศหรือแม้กระทั่งในบ้านเราเองก็มีศิลปินหญิงหรือวงเกิร์ลกรุ๊ปวงอื่นๆ ที่ขายภาพลักษณ์ของความเซ็กซี่บวกไปกับเสียงเพลง เสียงดนตรีอยู่มากมายแถมบางคนบางวงก็หวือหวามากกว่าพวกเธอเสียด้วยซ้ำทว่าน้อยเหลือเกินที่จะถูกด่าว่า แรด, ร่าน เหมือนกับ 4 สาวกลุ่มนี้ได้รับมาตลอด 10 ปีที่มีการฟอร์มวงขึ้นมา
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น...?
เพราะคนด่าคนวิจารณ์เป็นพวกประเภทหัวโบราณ+มือถือสากปากถือศีลที่จริงๆ ก็ชอบแต่กลับทำเป็นพูดดีไปเช่นนั้นเอง? แล้วพวกเธอล่ะรู้สึกอย่างไรกับเสียงวิจารณ์แรงๆ ในท่วงทำนองนี้?
ฟีดแบกเพลง Featuring เป็นอย่างไรบ้าง?
เบลล์ - ดีมากค่ะ ตอนนี้ออกไปยังไม่ถึงเดือนจะ 2 ล้านวิวแล้ว ดีใจที่คนให้การตอนรับเพราะถือเป็นซิงเกิ้ลเพลงเร็วเพลงแรกที่พวกเรากลับมารวมตัวกันประมาณปีกว่า คนก็จะพูดถึงทั้ง 2 ด้านนะ ทั้งชอบและไม่ชอบ มันก็แล้วแต่ความคิดเห็นของแต่ละคน
แนนนี่ - ที่เห็นชัดสุดคือคนจะโฟกัสกับเพลงกับท่าเต้นของเพลงนี้เยอะมากซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราต้องการอยู่แล้ว คนก็จะบอกว่าเพลงนี้ดีมากเลยฟังแล้วชอบ เต้นตามได้นะ ก็อยากจะชี้แจงกับคนที่อาจจะตีความหมายของเพลงนี้ไปอีกทางนึง คำว่าฟีเจอริ่งมันไม่ใช่แค่คำนี้คำเดียวนะที่จะแปลไปเป็นอย่างอื่นได้ คำอื่นมันก็สามารถแปลได้ถ้าเขาจะคิดไปในทางล่อแหลมก็คิดได้หมดแหละ
เบลล์ - ฟีเจอริ่งแบบของเราคือการชวนให้มาสนุก มาสนุกกันเถอะอะไรแบบนี้
กิฟท์ซ่า - เราเองไม่ได้ตั้งใจให้คนตีความหมายในเชิงสองแง่สองง่ามเลยนะ มันอาจจะเป็นคำที่เราคุ้ยเคยกันที่เราชวนคนนี้คนนั้นมาฟีเจอริ่งกัน ช่วงนี้นักร้องต่างคนก็นิยมที่จะชวนคนอื่นมาฟีเจอริ่งเพลง เราเลยรู้สึกว่าคำนี้เป็นคำที่น่าสนใจ เหมือนอย่างที่เราเคยเอาคำว่ากอสซิปมาเป็นชื่อเพลงคำนี้มันก็เลยเป็นอีกหนึ่งคำที่เป็นโจทย์มาให้เล่าเล่น ก็เท่านั้นเอง คนก็จะชอบกันเยอะค่ะ เด็กๆ ก็จะชอบที่เราแต่งตัวเป็นผลไม้
แนนนี่ - คนจะจำท่องเพลงเราได้ เจอเราก็จะเรียกมาฟีเจอริ่งกันเบเบ้ ส่วนด้านลบก็เหมือนเดิม แบบไม่ชอบเลยนะ
แบบพวกไม่ชอบเลยนี่จะออกแนวไหน?
กิฟท์ซ่า - ก็จะมี 2 แบบ อย่างพวกแสดงอารมณ์ก็จะบอกว่าอีพวกแรด อีกแบบนึงก็จะมาแบบเหตุและผลว่าอันนี้ไม่ชอบเหมือนไปก็อบเพลงเขามา แล้วก็จะว่าว่าต้องการขายอะไร จะพูดเป็นแนวเป็นหลักเป็นการ
เบลล์ - กับคำที่เขามาว่าเราอย่างแรดอะไรพวกนี้เราเฉยๆ นะ แต่บางที่เป็นหลักเป็นการเราจะกลับมาพิจารณาดู เช่นก็อบเพลงนั้นเพลงนี้ เราก็จะไปลองฟังดูว่ามันใช่มั้ย บางทีก็ถามโปรดิวเซอร์เลยว่าจริงรึเปล่า เขาก็จะบอกเหตุผลมาว่ามันคืออะไร ความคล้ายมันอยู่ตรงไหน ตอนนี้มันเป็นเทรนด์นะ เขาก็จะบอกว่าตอนนี้มีเพลงที่มันคล้ายกันอยู่ประมาณ 5 - 6 เพลง เขาก็อธิบายจนเราเข้าใจว่ามันมีที่มายังไง เขาบอกว่าช่วงนี้แนวเพลงนี้กำลังมา
แนนนี่ - ส่วนคนที่เป็นแฟนคลับเราอยู่แล้วเขาก็จะชอบ บอกเพลงแซ่บนะ
ส่วนใหญ่แฟนคลับของเราเป็นกลุ่มไหน?
เบลล์ - แฟนคลับเราส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกที่ชอบอะไรแรงๆ อย่างกะเทย เกย์ ผู้หญิง ผู้ชายก็มีนะแต่เขาก็จะอยู่ในมุมเงียบๆ ยืนภูมิใจเบาๆ เงียบๆ ของเขา น้องผู้หญิงก็จะแอบกรี๊ดเพราะด้วยเราเป็นศิลปินผู้หญิงนะ ก็จะไม่กล้าแสดงออกเยอะ จะมานั่งดูอยู่เงียบๆ แต่ถ้าพวกสาวประเภทสองนี่มากันเต็มที่ เขาคงรู้สึกเหมือนเราเป็นไอดอลเขา
ทางวงมีส่วนร่วมอะไรในการทำเพลงบ้าง?
แนนนี่ - ไม่มีค่ะ เพราะเรารู้ว่าเราไม่มีความสามารถพอ หรือแม้จะเป็นเรื่องของท่าเต้นเองเราก็ปล่อยให้คนที่เขามีหน้าที่ทางด้านนี้ทำดีกว่า เพราะเขาก็ทำกันออกมาได้ดีทุกครั้ง ก็คิดว่าเราคงไม่ไปยุ่งกับตรงนั้น เราแค่มีหน้าที่บอกว่าโอเคชอบ อันนี้ไม่ชอบ อันนี้แรงไปเบาลงหน่อยได้มั้ยมากกว่า
เหมือนจะแรงขึ้นเรื่อยๆ?
เบลล์ - ไม่เกี่ยว นี่ซอฟท์ลงไปเยอะแล้วนะถ้าเทียบกับซิงเกิ้ลก่อนๆ เพราะเราเองก็บอกเขาว่าเราอยากได้ซอฟท์ลง และเข้าถึงคนได้ง่ายขึ้น ส่วนนึงเราก็อยากให้คนที่เขาว่าเราเปิดใจด้วยนะ แล้วก็เป็นความชอบของตัวเองที่อยากให้ซอฟท์ลง หลายๆ อย่างประกอบกันค่ะด้วยเหตุผลว่าเราอยากทำอะไรให้คนเข้าถึงเราง่ายขึ้น
แนนนี่ - ที่คนมองว่าแรงอาจจะเป็นเรื่องของเอ็มวีด้วย แต่พวกเรามองว่ามันเป็นความสนุกของทีมงานและผู้กำกับเขาก็อยากจะทำอะไรให้มันดูแซ่บ เขาก็เลยสอดแทรกอะไรลงไป ก็ไม่อยากให้มาซีเรียสกับมัน มองว่าเขาตั้งใจมาเอนเตอร์เทนเรา มาสร้างสีสันอย่าไปมองแบบนั้น จริงๆ เอ็มวีฯ ที่เห็นนั้นผ่านการแก้ไขมาจากพวกเราแล้ว อะไรที่มันวาบหวามเกินไปเราก็บอกให้เขาลดลง อะไรที่มันชัดเจนไปก็ขอเขาลดหน่อย อย่างเช่นซูมเฉพาะส่วนมากเกินไป
ฉากที่เขย่าขวดน้ำตรงเป้าดูเหมือนจะมีคนพูดถึงเยอะ?
กิฟท์ซ่า - ฉากนั้นความจริงก็ขอลดเขาไปแล้วนะ แต่เขาก็ทำเนียนบอกว่านี่เดี๋ยวนั่งเลยนะแล้ว เดี๋ยวผู้ชายจะเขย่าน้ำ แล้วเปิดเสร็จแล้วเราก็หัวเราะนะ เราก็งงว่าทำไมต้องหัวเราะ เขาก็บอกว่าเดี๋ยวน้ำมันจะพุ่งออกมาไง ก็ยังแย้งเขาไปว่าทำไมต้องเขย่าขนาดนั้นด้วย เขาก็อธิบายว่าก็มันเหม่อไงแก เขามองแกเพราะแกสวยโอเคนะ มันมองแกเพราะแกสวยแล้วมันก็เขย่าขวด จะกินน้ำก็เขย่าปกติ แล้วพอมันรู้สึกว่ามันจะกินแล้ว พอมันเปิดมันก็พุ่งก็แค่นั้น ก็เพราะว่ามันเหม่อ เราก็...
แนนนี่ - ของแนนนี่วันถ่ายไม่สบายไงค่ะ เป็นปอดบวม(หัวเราะ) อันนั้นเป็นใบสั่งพิเศษให้ไปเพิ่มปอดมาเดี๋ยวนี้
เหมือนจะไม่ปฏิเสธว่าวงเราก็ใช้คอนเซ็ปต์ความเซ็กซี่เป็นจุดขาย?
เบลล์ - ไม่เกี่ยว มันเป็นภาพลักษณ์ที่คนเขาคิดไปเอง
กิฟท์ซ่า - ตลอดเวลาเราตั้งคอนเซ็ปต์กันที่เพลงก่อน พอเพลงได้แล้วก็มาที่ท่าเต้น คือท่าเต้นมันต้องเข้ากับเรา มันจะมีหลายครั้งที่เขาคิดท่ามาแล้วมันไม่เข้ากับพวกเรา ก็ต้องปรับเปลี่ยน จากนั้นถึงจะมาดูเสื้อผ้า ด้วย อัลบั้มแรกเราเป็นแนวเจป๊อป พอมาอัลบั้ม 2 เราก็มานั่งคุยกันว่าครั้งที่แล้วเราแต่งตัวเยอะกันเกินไปนะ อัลบั้มนี้ทำให้มันง่ายๆ สบายๆ ดีกว่า ก็เลยคิดเสื้อผ้ากันเป็นกางเกงขาสั้น เสื้อกล้าม
พอชุดออกมาก็บ่นกันว่าโคตรสั้นเลย แต่เราก็โอเคไม่เป็นไร ซึ่งอัลบั้มสองเพลงมันก็ออกมาแนวตื้ดๆหน่อย ก็จะมีท่าเต้นบังคับแล้วก็มีท่าเต้นฟรีๆ ตอนนั้นเราก็ทำไปเพราะเราต้องการให้มันง่าย สบายๆ พอออกมาคนกลับมาว่านั่นคือความเซ็กซี่ แล้วมันก็เลยยาว ซึ่งถามว่าผลตอบรับมันดีกว่ามั้ย พอคนมองว่ามันเซ็กซี่ พอคนมองแบบนั้นเราก็เอากลับมาทบทวนว่ามันเซ็กซี่จริงหรือ ไหนลองทำอย่างนั้นอีกทีซิ
ทีนี้คนที่กำหนดทิศทางของเราไม่ใช่ตัวเราแล้ว แต่กลายเป็นสังคมกำหนดเราว่าพวกนี้คือเซ็กซี่ มันก็กลายเป็นว่าจากตอนแรกเรามองไม่เห็นว่าเราควรจะมีคาแรกเตอร์วงเป็นยังไง แต่พอสังคมมองว่าเป็นแบบนี้หลายๆ คนพูดว่ามันดูเซ็กซี่เราก็เลยเซ็กซี่
จะบอกว่าสังคมกำหนดให้เราต้องเซ็กซี่ว่างั้น?
กิฟท์ซ่า - อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจให้มันเซ็กซี่ พอคนมองแบบนั้นบริษัทก็มองว่าดี เพราะวงผู้หญิงมันก็เข้ากับความเซ็กซี่ แล้วตอนนั้นก็ยังไม่มีวงไหนลุกขึ้นมาเซ็กซี่ เราก็เลยต้องเซ็กซี่
ในบางครั้งถ้ามันไม่มีความเซ็กซี่เลยมันก็คงไม่น่าดู ฉะนั้นมันคงเป็นอะไรที่ผสมๆ กันมากกว่า ดูว่ามันมีจุดขายหลายอย่าง ที่เราทำเราก็ไม่ได้มองว่ามันมากไป ที่เราทำมาทั้งหมดเราเฉยๆ กับมัน เพราะถ้าเรามองว่ามากไปเราก็จะไม่ทำมัน กิฟท์มองว่าบางช็อตที่มองแล้วสองแง่สองง่ามมันทำมาเพื่อความบันเทิงอยู่แล้ว จะปฎิเสธไม่ได้ว่าคนดูไม่สนุกไปกับมัน
กิฟท์ว่ามันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย มันก็เป็นแค่เอ็มวีตัวนึงที่ไม่ได้จะเอาไปต่อยอดทำอะไรได้อีก มันก็จบแค่นั้น บางอันดูติดตลกด้วยซ้ำ เราทำมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น พวกเราเองก็มีขอบเขตเหมืนกัน เราเองไม่ได้อยากได้ทำอะไรที่มันมากเกินไปอยู่แล้ว เพราะคนก็จะมองเราไม่ดีซึ่งมันไม่ดีกับตัวเราเองด้วย
แนนนี่ - เอ็มวี่เรียบร้อยของเราก็มีอย่างสวยเริ่ดเชิ่ดยอม แต่พอเรียบร้อยแล้วคนจะมองไม่เห็นไง อาจจะเป็นเพราะไม่มีการพูดถึงมากคนก็เลยไม่จำ
เบลล์ - อย่างเรียบร้อยบางทีก็โดนด่านะ หาว่าเราแอ๊บ แต่เปล่าเลย แค่เราอยากจะเรียบร้อยบ้างเท่านั้นเอง มีมาบ่นว่าเต้นไม่เห็นแรงเลย ทำแบบนี้คิดว่าน่ารักหรือ คือสุดท้ายแล้วทำอะไรออกมาก็โดนด่าอยู่ดีเพราะฉะนั้นเราก็ต้องเลือกเอา เราก็เลือกทำในแบบที่เหมาะที่สุดในแบบที่เราชอบแล้วคิดว่าทุกคนน่าจะแฮปปี้ไปกับมัน
อย่างฟีเจอริ่งนี่ก็เอาเรื่องสองแง่สองง่ามมาล่อ?
แนนนี่ - ก็อย่างที่บอกว่าเราทำเอาแซ่บ ทำเอาสนุก
กิฟท์ซ่า - ถ้าดูตั้งแต่ต้นจนจบก็จะเข้าใจว่าเราหลอกให้เสียว แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไร ที่เราทำไปทั้งหมดนั้นผู้ชายคิดไปเอง เราหลอกให้คนดูคิดอย่างนั้นอย่างนี้ด้วยมุมกล้อง ด้วยวิธีการ ด้วยหน้าตาอะไรหลายอย่าง แต่ตอนจบสุดท้ายไม่มีอะไร มันเป็นกิมมิกของพวกเราอยู่แล้วที่เหมือนจะมีแต่ไม่มีอะไร
เบลล์ - มันเป็นวิธีการเล่าเรื่องมากกว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นวงเรา คิดว่าหลายคนเขาก็ทำกัน มันเป็นเรื่องของมาร์เกตติ้ง
กิฟท์ซ่า - อีกอย่างมันเป็นเรื่องของความเชื่อด้วย คือเราเห็นคนนี้ครั้งแรกเป็นยังไงเราก็จะเชื่อว่าเขาเป็นอย่างนั้นตลอด อย่างตัวกิฟท์เองไม่ว่าจะเป็นงานหนังหรือละครนี่จะไม่เซ็กซี่เลย ทำไมถึงไม่เปลี่ยนไปเชื่ออย่างนั้นกันบ้าง เพราะเซ็กซี่มันเป็นสิ่งที่คนรู้จักเรามาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าเราจะไปทำงานอย่างอื่นที่ไม่ซ็กซี่แต่คนก็จะยังรู้สึกถึงภาพแรก นั่นคือความเซ็กซี่ของเรา ฉะนั้นมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ชีวิตจริงเราก็เป็นคนธรรมดาใช้ชีวิตปกติทั่วไป ถ้าเราออกไปงานปาร์ตี้เราก็คงเปรี้ยวบ้าง ถ้าเราอยู่บ้านเราก็จะใส่ขาสั้นเสื้อยืด
แนนนี่ - คือถ้าเขามาเห็นตัวตนของพวกเราจริงๆ เขาก็จะมาพูดอีกว่าทำไมไม่เป็นแบบนั้นซึ่งนั่นคือความคาดหวัง มันเป็นความคิดของเขาว่าเราจะเป็นแบบนั้นซึ่งความจริงมันไม่ใช่
เบลล์ - คาแรกเตอร์ของศิลปินมันก็คือกลยุทธ์ทางการตลาดแหละค่ะ
กิฟท์ซ่า - อยากรู้มากเลยว่าถ้าวันนึงเราลุกขึ้นมาทำอะไรที่มันชัดเจนแบบง่ามเดียว จูบเป็นจูบ โชว์เป็นโชว์คนจะคิดว่ายังไง?
คิดว่าเพลงของเราเด็กๆ ดูได้มั้ยหรือว่าจะต้องมีผู้ปกครองมานั่งแนะ?
กิฟท์ซ่า - เราว่าเราไม่ขนาดนั้น เอ็มวีเราถ้าเทียบกับละครนี่ ละครหนักกว่านะ ละครมันมีรายละเอียดมากกว่านะ เพลงเราไม่มีเสียงพูดแต่เป็นเสียงเพลงที่ทำมาเพื่อให้คนดูสนุกกัน
ครบ 10 ปี "เกิร์ลลี่ เบอร์รี่" จะมีอะไรพิเศษมั้ย?
กิฟท์ซ่า - ยังไม่ได้คิดอะไรไว้เลยค่ะ เราเองอยากจัดคอนเสิร์ตนะแต่มันยังไม่มีช่วงเวลาลงตัวในปีนี้แต่เราจะมีมีตติ้งแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นช่วงไหน
เคยคิดมั้ยว่าถ้าไม่ร้องเพลงแล้วจะไปทำอะไรกัน?
แนนนี่ - ว่าจะไปสอบเป็นครูโยคะค่ะ แล้วก็จะไปสอบเป็นครูดำน้ำด้วย แล้วก็ไปเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อย ออกแนวนักเดินทาง เรารู้สึกว่าเราถูกใจแล้วก็สบายใจถ้าเราได้ประกอบอาชีพนี้ ก็คิดว่าจะสอบภายในปีนี้แหละค่ะ ก็อาจจะเปิดโรงเรียนเองก็คุยกับที่บ้านไว้เขาก็อยากให้มาทำแบบนี้มากกว่า
เบลล์ - ถ้าไม่เป็นนักร้องคงไม่ได้ค่ะ ต้องเป็นนักร้องเท่านั้นค่ะ นี่คือความฝันของเบลล์มาตั้งแต่เด็ก เบลล์เรียนร้องเพลงเรียนเต้นมาตั้งแต่เด็ก เรียกว่าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ฉะนั้นต้องเป็นค่ะ ไม่เป็นไม่ได้ เรารักในตรงนี้ถ้าให้มองถึงอนาคตก็อยากจะอยู่ในระแวกนี้ ไม่ร้องเพลงก็ต้องทำอะไรเกี่ยวกับวงการบันเทิงเพราะเราทุ่มเทเพื่อตรงนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว
กิ๊ฟซี่ - อยากเป็นเชฟค่ะ ก็เป็นนักร้องมานานแล้วเดี๋ยวจะเลิกแล้วไปทำอย่างอื่น เป็นแม่บ้านดีมั้ย ถ้าเป็นแม่บ้านก็อยากจะเป็นแม่ที่ดีค่ะ อนาคตหนูจะเป็นแม่ที่ดี แต่พี่ต้องช่วยหนูหา...ด้วยนะคะ ผู้ชายนี่มีเยอะแต่น่าเอารึเปล่าล่ะ ดีเชียว อนาคตดูแล้วสดใส
สุดท้ายคิดว่าภาพเซ็กซี่ที่หลายคนมองนี้จะเป็นอุปสรรคในการหาคู่ชีวิตของเรามั้ย?
เบลล์ - ไม่เกี่ยวค่ะ
แนนนี่ - คนที่เขาคบเราถ้าเขามองแค่นั้นมันก็คงไม่ได้"
กิฟท์ซ่า - ถ้าเขามองอย่างนั้นเขาต้องเข้ามาจีบ แต่นี่ไม่นะ"
เบลล์ - ก่อนที่เขาจะเข้ามาเราต้องสกรีนก่อนอยู่แล้ว ต้องผ่านหลายสเต็ป
กิ๊ฟซี่ - ชีวิตจริงเราไม่คบเคยผิวเผิน ต้องทำความรู้จักกันลึกๆ จะมาตื้นๆ ไม่ได้หรอกค่ะ เราก็เป็นคนปกติที่เพ้อๆ
อะไร ที่ว่าที่เป็นไปในทิศทางลบเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเสียงวิจารณ์ในเรื่องเนื้อหาของเพลง รวมถึงตัวมิวสิควิดีโอที่ว่ากันว่าสองแง่สองง่ามสื่อไปในเรื่องทางเพศมาโดยตลอด ไล่ไปตั้งแต่ ชอบเป็นของเธอ, Tonight เรื่องคืนนั้น, Shake it, Reality และอีกหลายเพลงรวมถึงล่าสุดกับ Featuring
จะว่าไปแล้ว ในต่างประเทศหรือแม้กระทั่งในบ้านเราเองก็มีศิลปินหญิงหรือวงเกิร์ลกรุ๊ปวงอื่นๆ ที่ขายภาพลักษณ์ของความเซ็กซี่บวกไปกับเสียงเพลง เสียงดนตรีอยู่มากมายแถมบางคนบางวงก็หวือหวามากกว่าพวกเธอเสียด้วยซ้ำทว่าน้อยเหลือเกินที่จะถูกด่าว่า แรด, ร่าน เหมือนกับ 4 สาวกลุ่มนี้ได้รับมาตลอด 10 ปีที่มีการฟอร์มวงขึ้นมา
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น...?
เพราะคนด่าคนวิจารณ์เป็นพวกประเภทหัวโบราณ+มือถือสากปากถือศีลที่จริงๆ ก็ชอบแต่กลับทำเป็นพูดดีไปเช่นนั้นเอง? แล้วพวกเธอล่ะรู้สึกอย่างไรกับเสียงวิจารณ์แรงๆ ในท่วงทำนองนี้?
ฟีดแบกเพลง Featuring เป็นอย่างไรบ้าง?
เบลล์ - ดีมากค่ะ ตอนนี้ออกไปยังไม่ถึงเดือนจะ 2 ล้านวิวแล้ว ดีใจที่คนให้การตอนรับเพราะถือเป็นซิงเกิ้ลเพลงเร็วเพลงแรกที่พวกเรากลับมารวมตัวกันประมาณปีกว่า คนก็จะพูดถึงทั้ง 2 ด้านนะ ทั้งชอบและไม่ชอบ มันก็แล้วแต่ความคิดเห็นของแต่ละคน
แนนนี่ - ที่เห็นชัดสุดคือคนจะโฟกัสกับเพลงกับท่าเต้นของเพลงนี้เยอะมากซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราต้องการอยู่แล้ว คนก็จะบอกว่าเพลงนี้ดีมากเลยฟังแล้วชอบ เต้นตามได้นะ ก็อยากจะชี้แจงกับคนที่อาจจะตีความหมายของเพลงนี้ไปอีกทางนึง คำว่าฟีเจอริ่งมันไม่ใช่แค่คำนี้คำเดียวนะที่จะแปลไปเป็นอย่างอื่นได้ คำอื่นมันก็สามารถแปลได้ถ้าเขาจะคิดไปในทางล่อแหลมก็คิดได้หมดแหละ
เบลล์ - ฟีเจอริ่งแบบของเราคือการชวนให้มาสนุก มาสนุกกันเถอะอะไรแบบนี้
กิฟท์ซ่า - เราเองไม่ได้ตั้งใจให้คนตีความหมายในเชิงสองแง่สองง่ามเลยนะ มันอาจจะเป็นคำที่เราคุ้ยเคยกันที่เราชวนคนนี้คนนั้นมาฟีเจอริ่งกัน ช่วงนี้นักร้องต่างคนก็นิยมที่จะชวนคนอื่นมาฟีเจอริ่งเพลง เราเลยรู้สึกว่าคำนี้เป็นคำที่น่าสนใจ เหมือนอย่างที่เราเคยเอาคำว่ากอสซิปมาเป็นชื่อเพลงคำนี้มันก็เลยเป็นอีกหนึ่งคำที่เป็นโจทย์มาให้เล่าเล่น ก็เท่านั้นเอง คนก็จะชอบกันเยอะค่ะ เด็กๆ ก็จะชอบที่เราแต่งตัวเป็นผลไม้
แนนนี่ - คนจะจำท่องเพลงเราได้ เจอเราก็จะเรียกมาฟีเจอริ่งกันเบเบ้ ส่วนด้านลบก็เหมือนเดิม แบบไม่ชอบเลยนะ
แบบพวกไม่ชอบเลยนี่จะออกแนวไหน?
กิฟท์ซ่า - ก็จะมี 2 แบบ อย่างพวกแสดงอารมณ์ก็จะบอกว่าอีพวกแรด อีกแบบนึงก็จะมาแบบเหตุและผลว่าอันนี้ไม่ชอบเหมือนไปก็อบเพลงเขามา แล้วก็จะว่าว่าต้องการขายอะไร จะพูดเป็นแนวเป็นหลักเป็นการ
เบลล์ - กับคำที่เขามาว่าเราอย่างแรดอะไรพวกนี้เราเฉยๆ นะ แต่บางที่เป็นหลักเป็นการเราจะกลับมาพิจารณาดู เช่นก็อบเพลงนั้นเพลงนี้ เราก็จะไปลองฟังดูว่ามันใช่มั้ย บางทีก็ถามโปรดิวเซอร์เลยว่าจริงรึเปล่า เขาก็จะบอกเหตุผลมาว่ามันคืออะไร ความคล้ายมันอยู่ตรงไหน ตอนนี้มันเป็นเทรนด์นะ เขาก็จะบอกว่าตอนนี้มีเพลงที่มันคล้ายกันอยู่ประมาณ 5 - 6 เพลง เขาก็อธิบายจนเราเข้าใจว่ามันมีที่มายังไง เขาบอกว่าช่วงนี้แนวเพลงนี้กำลังมา
แนนนี่ - ส่วนคนที่เป็นแฟนคลับเราอยู่แล้วเขาก็จะชอบ บอกเพลงแซ่บนะ
ส่วนใหญ่แฟนคลับของเราเป็นกลุ่มไหน?
เบลล์ - แฟนคลับเราส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกที่ชอบอะไรแรงๆ อย่างกะเทย เกย์ ผู้หญิง ผู้ชายก็มีนะแต่เขาก็จะอยู่ในมุมเงียบๆ ยืนภูมิใจเบาๆ เงียบๆ ของเขา น้องผู้หญิงก็จะแอบกรี๊ดเพราะด้วยเราเป็นศิลปินผู้หญิงนะ ก็จะไม่กล้าแสดงออกเยอะ จะมานั่งดูอยู่เงียบๆ แต่ถ้าพวกสาวประเภทสองนี่มากันเต็มที่ เขาคงรู้สึกเหมือนเราเป็นไอดอลเขา
ทางวงมีส่วนร่วมอะไรในการทำเพลงบ้าง?
แนนนี่ - ไม่มีค่ะ เพราะเรารู้ว่าเราไม่มีความสามารถพอ หรือแม้จะเป็นเรื่องของท่าเต้นเองเราก็ปล่อยให้คนที่เขามีหน้าที่ทางด้านนี้ทำดีกว่า เพราะเขาก็ทำกันออกมาได้ดีทุกครั้ง ก็คิดว่าเราคงไม่ไปยุ่งกับตรงนั้น เราแค่มีหน้าที่บอกว่าโอเคชอบ อันนี้ไม่ชอบ อันนี้แรงไปเบาลงหน่อยได้มั้ยมากกว่า
เหมือนจะแรงขึ้นเรื่อยๆ?
เบลล์ - ไม่เกี่ยว นี่ซอฟท์ลงไปเยอะแล้วนะถ้าเทียบกับซิงเกิ้ลก่อนๆ เพราะเราเองก็บอกเขาว่าเราอยากได้ซอฟท์ลง และเข้าถึงคนได้ง่ายขึ้น ส่วนนึงเราก็อยากให้คนที่เขาว่าเราเปิดใจด้วยนะ แล้วก็เป็นความชอบของตัวเองที่อยากให้ซอฟท์ลง หลายๆ อย่างประกอบกันค่ะด้วยเหตุผลว่าเราอยากทำอะไรให้คนเข้าถึงเราง่ายขึ้น
แนนนี่ - ที่คนมองว่าแรงอาจจะเป็นเรื่องของเอ็มวีด้วย แต่พวกเรามองว่ามันเป็นความสนุกของทีมงานและผู้กำกับเขาก็อยากจะทำอะไรให้มันดูแซ่บ เขาก็เลยสอดแทรกอะไรลงไป ก็ไม่อยากให้มาซีเรียสกับมัน มองว่าเขาตั้งใจมาเอนเตอร์เทนเรา มาสร้างสีสันอย่าไปมองแบบนั้น จริงๆ เอ็มวีฯ ที่เห็นนั้นผ่านการแก้ไขมาจากพวกเราแล้ว อะไรที่มันวาบหวามเกินไปเราก็บอกให้เขาลดลง อะไรที่มันชัดเจนไปก็ขอเขาลดหน่อย อย่างเช่นซูมเฉพาะส่วนมากเกินไป
ฉากที่เขย่าขวดน้ำตรงเป้าดูเหมือนจะมีคนพูดถึงเยอะ?
กิฟท์ซ่า - ฉากนั้นความจริงก็ขอลดเขาไปแล้วนะ แต่เขาก็ทำเนียนบอกว่านี่เดี๋ยวนั่งเลยนะแล้ว เดี๋ยวผู้ชายจะเขย่าน้ำ แล้วเปิดเสร็จแล้วเราก็หัวเราะนะ เราก็งงว่าทำไมต้องหัวเราะ เขาก็บอกว่าเดี๋ยวน้ำมันจะพุ่งออกมาไง ก็ยังแย้งเขาไปว่าทำไมต้องเขย่าขนาดนั้นด้วย เขาก็อธิบายว่าก็มันเหม่อไงแก เขามองแกเพราะแกสวยโอเคนะ มันมองแกเพราะแกสวยแล้วมันก็เขย่าขวด จะกินน้ำก็เขย่าปกติ แล้วพอมันรู้สึกว่ามันจะกินแล้ว พอมันเปิดมันก็พุ่งก็แค่นั้น ก็เพราะว่ามันเหม่อ เราก็...
แนนนี่ - ของแนนนี่วันถ่ายไม่สบายไงค่ะ เป็นปอดบวม(หัวเราะ) อันนั้นเป็นใบสั่งพิเศษให้ไปเพิ่มปอดมาเดี๋ยวนี้
เหมือนจะไม่ปฏิเสธว่าวงเราก็ใช้คอนเซ็ปต์ความเซ็กซี่เป็นจุดขาย?
เบลล์ - ไม่เกี่ยว มันเป็นภาพลักษณ์ที่คนเขาคิดไปเอง
กิฟท์ซ่า - ตลอดเวลาเราตั้งคอนเซ็ปต์กันที่เพลงก่อน พอเพลงได้แล้วก็มาที่ท่าเต้น คือท่าเต้นมันต้องเข้ากับเรา มันจะมีหลายครั้งที่เขาคิดท่ามาแล้วมันไม่เข้ากับพวกเรา ก็ต้องปรับเปลี่ยน จากนั้นถึงจะมาดูเสื้อผ้า ด้วย อัลบั้มแรกเราเป็นแนวเจป๊อป พอมาอัลบั้ม 2 เราก็มานั่งคุยกันว่าครั้งที่แล้วเราแต่งตัวเยอะกันเกินไปนะ อัลบั้มนี้ทำให้มันง่ายๆ สบายๆ ดีกว่า ก็เลยคิดเสื้อผ้ากันเป็นกางเกงขาสั้น เสื้อกล้าม
พอชุดออกมาก็บ่นกันว่าโคตรสั้นเลย แต่เราก็โอเคไม่เป็นไร ซึ่งอัลบั้มสองเพลงมันก็ออกมาแนวตื้ดๆหน่อย ก็จะมีท่าเต้นบังคับแล้วก็มีท่าเต้นฟรีๆ ตอนนั้นเราก็ทำไปเพราะเราต้องการให้มันง่าย สบายๆ พอออกมาคนกลับมาว่านั่นคือความเซ็กซี่ แล้วมันก็เลยยาว ซึ่งถามว่าผลตอบรับมันดีกว่ามั้ย พอคนมองว่ามันเซ็กซี่ พอคนมองแบบนั้นเราก็เอากลับมาทบทวนว่ามันเซ็กซี่จริงหรือ ไหนลองทำอย่างนั้นอีกทีซิ
ทีนี้คนที่กำหนดทิศทางของเราไม่ใช่ตัวเราแล้ว แต่กลายเป็นสังคมกำหนดเราว่าพวกนี้คือเซ็กซี่ มันก็กลายเป็นว่าจากตอนแรกเรามองไม่เห็นว่าเราควรจะมีคาแรกเตอร์วงเป็นยังไง แต่พอสังคมมองว่าเป็นแบบนี้หลายๆ คนพูดว่ามันดูเซ็กซี่เราก็เลยเซ็กซี่
จะบอกว่าสังคมกำหนดให้เราต้องเซ็กซี่ว่างั้น?
กิฟท์ซ่า - อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจให้มันเซ็กซี่ พอคนมองแบบนั้นบริษัทก็มองว่าดี เพราะวงผู้หญิงมันก็เข้ากับความเซ็กซี่ แล้วตอนนั้นก็ยังไม่มีวงไหนลุกขึ้นมาเซ็กซี่ เราก็เลยต้องเซ็กซี่
ในบางครั้งถ้ามันไม่มีความเซ็กซี่เลยมันก็คงไม่น่าดู ฉะนั้นมันคงเป็นอะไรที่ผสมๆ กันมากกว่า ดูว่ามันมีจุดขายหลายอย่าง ที่เราทำเราก็ไม่ได้มองว่ามันมากไป ที่เราทำมาทั้งหมดเราเฉยๆ กับมัน เพราะถ้าเรามองว่ามากไปเราก็จะไม่ทำมัน กิฟท์มองว่าบางช็อตที่มองแล้วสองแง่สองง่ามมันทำมาเพื่อความบันเทิงอยู่แล้ว จะปฎิเสธไม่ได้ว่าคนดูไม่สนุกไปกับมัน
กิฟท์ว่ามันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย มันก็เป็นแค่เอ็มวีตัวนึงที่ไม่ได้จะเอาไปต่อยอดทำอะไรได้อีก มันก็จบแค่นั้น บางอันดูติดตลกด้วยซ้ำ เราทำมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น พวกเราเองก็มีขอบเขตเหมืนกัน เราเองไม่ได้อยากได้ทำอะไรที่มันมากเกินไปอยู่แล้ว เพราะคนก็จะมองเราไม่ดีซึ่งมันไม่ดีกับตัวเราเองด้วย
แนนนี่ - เอ็มวี่เรียบร้อยของเราก็มีอย่างสวยเริ่ดเชิ่ดยอม แต่พอเรียบร้อยแล้วคนจะมองไม่เห็นไง อาจจะเป็นเพราะไม่มีการพูดถึงมากคนก็เลยไม่จำ
เบลล์ - อย่างเรียบร้อยบางทีก็โดนด่านะ หาว่าเราแอ๊บ แต่เปล่าเลย แค่เราอยากจะเรียบร้อยบ้างเท่านั้นเอง มีมาบ่นว่าเต้นไม่เห็นแรงเลย ทำแบบนี้คิดว่าน่ารักหรือ คือสุดท้ายแล้วทำอะไรออกมาก็โดนด่าอยู่ดีเพราะฉะนั้นเราก็ต้องเลือกเอา เราก็เลือกทำในแบบที่เหมาะที่สุดในแบบที่เราชอบแล้วคิดว่าทุกคนน่าจะแฮปปี้ไปกับมัน
อย่างฟีเจอริ่งนี่ก็เอาเรื่องสองแง่สองง่ามมาล่อ?
แนนนี่ - ก็อย่างที่บอกว่าเราทำเอาแซ่บ ทำเอาสนุก
กิฟท์ซ่า - ถ้าดูตั้งแต่ต้นจนจบก็จะเข้าใจว่าเราหลอกให้เสียว แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไร ที่เราทำไปทั้งหมดนั้นผู้ชายคิดไปเอง เราหลอกให้คนดูคิดอย่างนั้นอย่างนี้ด้วยมุมกล้อง ด้วยวิธีการ ด้วยหน้าตาอะไรหลายอย่าง แต่ตอนจบสุดท้ายไม่มีอะไร มันเป็นกิมมิกของพวกเราอยู่แล้วที่เหมือนจะมีแต่ไม่มีอะไร
เบลล์ - มันเป็นวิธีการเล่าเรื่องมากกว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นวงเรา คิดว่าหลายคนเขาก็ทำกัน มันเป็นเรื่องของมาร์เกตติ้ง
กิฟท์ซ่า - อีกอย่างมันเป็นเรื่องของความเชื่อด้วย คือเราเห็นคนนี้ครั้งแรกเป็นยังไงเราก็จะเชื่อว่าเขาเป็นอย่างนั้นตลอด อย่างตัวกิฟท์เองไม่ว่าจะเป็นงานหนังหรือละครนี่จะไม่เซ็กซี่เลย ทำไมถึงไม่เปลี่ยนไปเชื่ออย่างนั้นกันบ้าง เพราะเซ็กซี่มันเป็นสิ่งที่คนรู้จักเรามาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าเราจะไปทำงานอย่างอื่นที่ไม่ซ็กซี่แต่คนก็จะยังรู้สึกถึงภาพแรก นั่นคือความเซ็กซี่ของเรา ฉะนั้นมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ชีวิตจริงเราก็เป็นคนธรรมดาใช้ชีวิตปกติทั่วไป ถ้าเราออกไปงานปาร์ตี้เราก็คงเปรี้ยวบ้าง ถ้าเราอยู่บ้านเราก็จะใส่ขาสั้นเสื้อยืด
แนนนี่ - คือถ้าเขามาเห็นตัวตนของพวกเราจริงๆ เขาก็จะมาพูดอีกว่าทำไมไม่เป็นแบบนั้นซึ่งนั่นคือความคาดหวัง มันเป็นความคิดของเขาว่าเราจะเป็นแบบนั้นซึ่งความจริงมันไม่ใช่
เบลล์ - คาแรกเตอร์ของศิลปินมันก็คือกลยุทธ์ทางการตลาดแหละค่ะ
กิฟท์ซ่า - อยากรู้มากเลยว่าถ้าวันนึงเราลุกขึ้นมาทำอะไรที่มันชัดเจนแบบง่ามเดียว จูบเป็นจูบ โชว์เป็นโชว์คนจะคิดว่ายังไง?
คิดว่าเพลงของเราเด็กๆ ดูได้มั้ยหรือว่าจะต้องมีผู้ปกครองมานั่งแนะ?
กิฟท์ซ่า - เราว่าเราไม่ขนาดนั้น เอ็มวีเราถ้าเทียบกับละครนี่ ละครหนักกว่านะ ละครมันมีรายละเอียดมากกว่านะ เพลงเราไม่มีเสียงพูดแต่เป็นเสียงเพลงที่ทำมาเพื่อให้คนดูสนุกกัน
ครบ 10 ปี "เกิร์ลลี่ เบอร์รี่" จะมีอะไรพิเศษมั้ย?
กิฟท์ซ่า - ยังไม่ได้คิดอะไรไว้เลยค่ะ เราเองอยากจัดคอนเสิร์ตนะแต่มันยังไม่มีช่วงเวลาลงตัวในปีนี้แต่เราจะมีมีตติ้งแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นช่วงไหน
เคยคิดมั้ยว่าถ้าไม่ร้องเพลงแล้วจะไปทำอะไรกัน?
แนนนี่ - ว่าจะไปสอบเป็นครูโยคะค่ะ แล้วก็จะไปสอบเป็นครูดำน้ำด้วย แล้วก็ไปเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อย ออกแนวนักเดินทาง เรารู้สึกว่าเราถูกใจแล้วก็สบายใจถ้าเราได้ประกอบอาชีพนี้ ก็คิดว่าจะสอบภายในปีนี้แหละค่ะ ก็อาจจะเปิดโรงเรียนเองก็คุยกับที่บ้านไว้เขาก็อยากให้มาทำแบบนี้มากกว่า
เบลล์ - ถ้าไม่เป็นนักร้องคงไม่ได้ค่ะ ต้องเป็นนักร้องเท่านั้นค่ะ นี่คือความฝันของเบลล์มาตั้งแต่เด็ก เบลล์เรียนร้องเพลงเรียนเต้นมาตั้งแต่เด็ก เรียกว่าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ฉะนั้นต้องเป็นค่ะ ไม่เป็นไม่ได้ เรารักในตรงนี้ถ้าให้มองถึงอนาคตก็อยากจะอยู่ในระแวกนี้ ไม่ร้องเพลงก็ต้องทำอะไรเกี่ยวกับวงการบันเทิงเพราะเราทุ่มเทเพื่อตรงนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว
กิ๊ฟซี่ - อยากเป็นเชฟค่ะ ก็เป็นนักร้องมานานแล้วเดี๋ยวจะเลิกแล้วไปทำอย่างอื่น เป็นแม่บ้านดีมั้ย ถ้าเป็นแม่บ้านก็อยากจะเป็นแม่ที่ดีค่ะ อนาคตหนูจะเป็นแม่ที่ดี แต่พี่ต้องช่วยหนูหา...ด้วยนะคะ ผู้ชายนี่มีเยอะแต่น่าเอารึเปล่าล่ะ ดีเชียว อนาคตดูแล้วสดใส
สุดท้ายคิดว่าภาพเซ็กซี่ที่หลายคนมองนี้จะเป็นอุปสรรคในการหาคู่ชีวิตของเรามั้ย?
เบลล์ - ไม่เกี่ยวค่ะ
แนนนี่ - คนที่เขาคบเราถ้าเขามองแค่นั้นมันก็คงไม่ได้"
กิฟท์ซ่า - ถ้าเขามองอย่างนั้นเขาต้องเข้ามาจีบ แต่นี่ไม่นะ"
เบลล์ - ก่อนที่เขาจะเข้ามาเราต้องสกรีนก่อนอยู่แล้ว ต้องผ่านหลายสเต็ป
กิ๊ฟซี่ - ชีวิตจริงเราไม่คบเคยผิวเผิน ต้องทำความรู้จักกันลึกๆ จะมาตื้นๆ ไม่ได้หรอกค่ะ เราก็เป็นคนปกติที่เพ้อๆ